เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ – ตอนที่ 82 ลงมือฆ่าคน!

ไม่มีใครคาดคิดว่าการเตรียมการที่หลิวอวี่และคนอื่นๆ มั่นใจเต็มร้อย จะถูกซุ่มโจมตี เพิ่งเริ่มก็ถูกปิดกั้นทางถอยไว้ทั้งหน้าหลัง ตกลงสู่สถานการณ์วิกฤตถึงชีวิต

หย่งชุนไท่เพิ่งจะออกคำสั่งถอย เจียงเหมิงกับเฟยอวิ๋นก็เตรียมนำรถของพวกเขาขับถอยไปก่อนเพื่อเปิดทาง อย่างน้อยเพื่อไม่ให้ถูกขนาบโจมตีจากทั้งหน้าและหลัง ในขณะที่ตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรอง เย่เทียนเฉินกล่าวออกมาเพียงหนึ่งประโยคว่า “ไม่ทันแล้ว” ตอนที่เจียงเหมิงกับเฟยอวิ๋นยังไม่ทันได้มีปฏิกริยา ก็เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ถนนหลังรถของพวกเขาก็ถูกหินก้อนใหญ่ที่ถูกระเบิดกระเด็นลงมาปิดทางไว้

“คุ้มครองคุณหนู!” หย่งชุนไท่มองเย่เทียนเฉิน เมื่อกล่าวจบก็เปิดประตูรถพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว ท่าทางคล่องแคล่วว่องไวจนผู้คนคิดไม่ถึงว่าหย่งชุนไท่จะอายุหกสิบกว่าแล้ว

ทุนหนทุกแห่งเต็มไปด้วยเสียงปืน ลูกปืนนับไม่ถ้วนพุ่งไปยังรถที่เย่เทียนเฉินและหลิ่วหรูเหมยโดยสารอยู่ หากไม่ใช่ว่าตัวรถเป็นแบบกันกระสุนทั้งคันคงถูกยิงจนเป็นรูพรุนไปแล้ว หลิวอวี่นำลูกน้องใช้ตัวรถเป็นเกราะกำบังพลางโจมตีสวนกลับ ส่วนเจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นรีบหนีออกมา พลางมองกันครู่หนึ่ง จากนั้นแต่ละคนพลันพุ่งไปยังภูเขาสูงทั้งสองฝั่ง

หลิ่วหรูเหมยมองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความเคร่งเครียด แม้ว่าเธอจะไม่ใช่ผู้หญิงที่เป็นดั่งแจกันดอกไม้ประเภทนั้น แต่ก็ไม่เคยประสบกับเหตุการณ์อันน่าสั่นสะท้านเช่นนี้มาก่อน ก่อนมาปฏิบัติภารกิจแลกเปลี่ยนข้อมูลลับที่ประเทศM หลิวหรูเหมยทราบดีว่าจะต้องมีอันตราย แต่คิดไม่ถึงว่าจะอันตรายถึงเพียงนี้ เพิ่งจะถึงรัฐวอชิงตัน ยังไม่ทันได้ไปยังสถานที่แลกเปลี่ยน ก็ต้องพบกับการซุ่มโจมตีที่เต็มไปด้วยห่ากระสุน จะสามารถมีชีวิตรอดไปทำภารกิจให้สำเร็จได้หรือไม่ จะสามารถมีชีวิตรอดกลับประเทศได้หรือไม่ เธอไม่มั่นใจจริงๆ

                ในยามที่หลิวหรูเหมยเคร่งเครียดถึงขีดสุด เธอมองไปยังเย่เทียนเฉินที่นั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ ในยามที่กลัดกลุ้มถึงขีดสุด เห็นเพียงเย่เทียนเฉินนั่งไขว่ห้าง ในปากคาบบุหรี่มวนหนึ่ง ฮัมเพลงเป็นบางครั้ง ไม่สนใจการต่อสู้เลือดสาดภายนอกโดยสิ้นเชิง

“นี่ นายยังมีอารมณ์มาสูบบุหรี่อีก? พวกเราถูกคนซุ่มโจมตี จะตายกันอยู่แล้ว” หลิ่วหรูเหมยอดไม่ได้ที่จะตะโกนใส่เย่เทียนนเฉิน

เย่เทียนเฉินหันมามองหลิ่วหรูเหมยครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาสูบบุหรี่ต่อไปโดยไม่ตอบหลิ่วหรูเหมยเลย ทั้งยังทำราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงปืนเสียงกระสุนด้านนอก

เห็นว่าเย่เทียนเฉินไม่สนใจตน หลิ่วหรูเหมยก็โกรธจนกัดริมปีฝากอันเซ็กซี่ ความจริงผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอ ไม่เคยเจอกับเหตุการณ์อันน่าสั่นสะท้านเช่นนี้ ด้านนอกมีเสียงกรีดร้องดังเข้ามา กระสุนปืนไม่มีตา คราวนี้ไม่ทราบว่าตายกันไปกี่คนแล้ว

“เจ้าคนชั่ว นายบอกมา พวกเราจะทำยังไงกันดี?” หลิ่วหรูเหมยถามอย่างร้อนใจ

“รอดูสถานการณ์” เย่เทียนเฉินพูดอย่างสบายอารมณ์

“นาย…นายคงไม่รอความตายอยู่ในรถแบบนี้หรอกใช่ไหม?”

“ตอนนี้อยู่ในรถปลอดภัยที่สุดแล้วคุณหนู!” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางมองหลิ่วหรูเหมยอย่างเหยียดหยาม

หลิ่วหรูเหมยเห็นเย่เทียนเฉินมีท่าทางเช่นนี้กับตนก็โกรธถึงขีดสุด มือเล็กๆ อันงดงามทั้งสองกำแน่นกลายเป็นหมัด ชายคนนี้ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ทั้งยังไม่รู้จักรักหยกถนอมบุบผาเอาเสียเลย เมื่อปีนั้นแอบดูตนอาบน้ำ ตนก็ไม่ได้สืบสาวราวเรื่องให้เขารับผิดชอบ ตอนนี้ยังมาทำเช่นนี้กับตนอีก จะอย่างไรตนก็เป็นสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง จะเคยไม่อยู่ในสายตาของผู้ชายที่ไหนกัน?

เมื่อเจอกับการแสดงออกและน้ำเสียงการพูดของเย่เทียนเฉินที่รำคาญตนเสียเหลือเกิน ราวกับไม่อยากจะพูดกับตนอย่างไรอย่างนั้น หลิ่วหรูเหมยจะไม่โกรธได้อย่างไร

“งั้นนายออกไปช่วยหลิวอวี่กับหย่งชุนไท่เถอะ ไล่พวกศัตรูไปเร็วๆ หน่อย” หลิ่วหรูเหมยคิดครู่หนึ่งพลางกล่าวออกมา

“ถ้าฉันไปจากที่นี่ แล้วคนสมองหมูบางคนไม่มีใครคุ้มครอง คงตกใจจนร้องไห้ขี้มูกโป่ง!” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางมองหลิ่วหรูเหมย

“นาย นายสิสมองหมู สมองหมูตัวพ่อ สุดยอดสมองหมู” หลิ่วหรูเหมยโกรธจนเบะปากอันน่ารัก พูดออกมาอย่างตะกุกตะกักเล็กน้อย

เย่เทียนเฉินขี้เกียจสนใจหลิ่วหรูเหมยอีกต่อไป แม้จะดูเหมือนว่าเขาไม่สนใจสถานการณ์การสู้รบอย่างดุเดือดท่ามกลางห่ากระสุนภายนอก แต่ความจริงได้แผ่ขยายพลังพิเศษแห่งการรับรู้ออกไปนานแล้ว รู้ถึงสถานการณ์ทั้งหมดราวกับฝ่ามือของตน

สิ่งที่ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกแปลกใจก็คือ ภายในกลุ่มคนที่จู่โจมพวกเขาในครั้งนี้กลับไม่มีทหารรับจ้างที่เก่งกาจอยู่เลย ทั้งยังไม่มีผู้ใช้พลังพิเศษที่มีพลังแข็งแกร่งด้วย มีเพียงนักฆ่ากลุ่มหนึ่งที่พอมีความสามารถอยู่บ้าง ดูแล้วอีกฝ่ายต้องการโจมตีหยั่งเชิงเพื่อดูว่าครั้งนี้คณะของหลิ่วหรูเหมยที่มาแลกเปลี่ยนมียอดฝีมือเท่าไรกันแน่

“ฝีมือของสองคนนั้นไม่อ่อนแอจริงๆ ความสามารถของกองทัพเหยี่ยวไม่อาจดูเบาได้เลย ต้องหาโอกาสเรียนรู้แลกเปลี่ยนฝีมือกับเหยียนหลงหัวหน้าของพวกเขาซะแล้ว” เย่เทียนเฉินมองไปยังเจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นที่พุ่งไปยังสองฝั่งของภูเขาด้วยความรวดเร็วพลางกล่าวกับตนเอง

                ฝีมือของเจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นในกองทัพเหยี่ยวไม่นับว่าอ่อนแอ พวกเขาเป็นสมาชิกชั้นยอดของกองทัพ มิฉะนั้นคงไม่ถูกเหยียนหลงส่งมาปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ พวกเขาทั้งสองต่างก็กำกริชอยู่ในมือคนละด้าม พุ่งตัวขึ้นไปยังยอดเขาด้วยความเร็วสูง พลางหลบห่ากระสุนที่ซัดสาดเหล่านั้น ทุกครั้งที่กวัดแกว่งกริชจะต้องมีนักฆ่าล้มลงคนหนึ่ง

ส่วนอีกด้านหนึ่ง หลิวอวี่ไม่เสียทีที่เคยเป็นหัวหน้ากองทหารรับจ้างสังหารและถูกยกย่องให้เป็นนักรบราชันคนที่สี่ของจีน พุ่งออกไปไม่ถึงห้านาทีก็สังหารนักฆ่าไปแล้วหกคน ยิงปืนเข้าหัวทุกนัด ทำให้เหล่านักฆ่าคนอื่นๆ ตกใจกลัวจนไม่กล้าพุ่งลงมา

ส่วนหย่งชุนไท่ตั้งแต่ลงรถไปก็ไม่เห็นแล้ว ดูเหมือนว่ากำลังหาผู้ที่เป็นหัวหน้าการซุ่มโจมตีในครั้งนี้ จับโจรต้องจับหัวหน้า หากไม่ฆ่าคนที่เป็นผู้นำ นักฆ่าเหล่านั้นจะต้องพุ่งลงมาสู่ความตาย สำหรับพวกเขาก็ยังคงเป็นวิกฤตการณ์อยู่เช่นเดิม

ซู่ม!

เสียงเสียดแทรกเสียงหนึ่งดังขึ้น ลำแสงสายหนึ่งพุ่งไปยังรถที่เย่เทียนเฉินและหลิ่วหรูเหมยอยู่ ตอนที่คนอื่นๆ ไม่ทันได้มีปฏิกริยา เย่เทียนเฉินก็เปิดประตูออกไป อุ้มหลิ่วหรูเหมยที่ตกตะลึงจนตาค้างขึ้นมา พุ่งออกไปไกลหลายสิบเมตรพลางโถมตัวลงกับพื้น

ตู้ม!

เสียงดังสนั่นเสียดฟ้า รถที่พวกหลิวอวี่จัดเตรียมมาซึ่งเป็นรถกันกระสุนทั้งคันก็ยังปลิวพลิกออกไป เกิดเป็นแสงไฟพุ่งขึ้นไปบนฟ้า รถที่เย่เทียนเฉินและหลิ่วหรูเหมยนั่งถูกระเบิดเป็นจุล หากไม่ใช่เพราะเย่เทียนเฉินรับรู้ถึงอันตรายจึงรีบเปิดประตูรถและช่วยหลิ่วหรูเหมยออกมา เกรงว่าตอนนี้สาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงท่านนี้คงตายไปแล้ว

“อ๊ะ เจ้าคนชั่ว นายทำอะไร…”

หลิ่วหหรูเหมยได้สติกลับมาจากอาการตกใจกลัวถึงพบว่าเย่เทียนเฉินคร่อมอยู่บนร่างของตนเอง สองมืออยู่บริเวณหน้าอกของตน ศีรษะของเขาซุกอยู่ที่ซอกคอของตน สภาพเช่นนี้ไม่ต้องบอกเลยว่าอึดอัดแค่ไหน

“ถ้าไม่อยากตายก็อยู่ตรงนี้ อย่าขยับ!” เย่เทียนเฉินเด้งตัวขึ้นมา ไม่สนใจหลิ่วหรูเหมยอีก ทิ้งคำพูดประโยคนี้ไว้แล้ววิ่งออกไป เขารู้สึกได้ว่าทหารรับจ้างที่แข็งแกร่งคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่บริเวณเศษซากหินฝั่งตรงข้าม คนผู้นี้น่าจะเป็นหัวหน้า หากไม่ฆ่าเขาเสียก็ไม่ทราบว่าจะมีนักฆ่าโผล่มาอีกมากแค่ไหน

ยามนี้ ชายร่างกายกำยำล่ำสันยืนอยู่ในเงามืดบริเวณเศษซากหินฝั่งตรงข้ามรถของพวกเย่เทียนเฉินพอดี กำลังมองสถานการณ์นี้ด้วยใบหน้าอันเต็มไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย เขาหลบอยู่ในเงามืดคอยมองทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ไม่ได้ลงมือ หลังจากที่ได้รับการว่าจ้างจากรัฐบาลประเทศM พวกเขากลุ่มทหารรับจ้างก็ได้เตรียมการไว้แล้ว เขามีสถานะเป็นหนึ่งในรองหัวหน้า หัวหน้าส่งเขามาแสดงความสามารถเล็กๆ น้อยๆ ทดสอบดูเสียหน่อยว่าคราวนี้ฝั่งจีนมียอดฝีมือมากน้อยแค่ไหน

เมื่อเริ่มต้นการซุ่มโจมตีของพวกเขาก็ได้เปรียบ สามารถล้อมรถลีมูซีนสีดำทั้งสามคันเอาไว้ได้ จนเป็นดั่งเต่าที่อยู่ในไห คิดไม่ถึงว่าในหมู่คนจากทางฝั่งจีนที่มาแลกเปลี่ยนในคราวนี้จะมียอดฝีมืออยู่หลายคน ชั่วพริบตาก็ฆ่าคนของตนไปหลายสิบคนแล้ว โดยเฉพาะบุคคลสามคนในหมู่คนกลุ่มนั้น มีฝีแข็งแกร่งเป็นที่สุด ดูเหมือนว่าลูกน้องของตนจะไม่มีสักคนเดียวที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้

“เฮอะ ชาวตะวันออกกล้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ประเทศM ช่างไม่รู้จักที่ตายจริงๆ” ชายร่างกำยำผู้ยืนอยู่ในเงามืดกล่าวเสียงเย็นด้วยภาษาจีนอันคล่องแคล่ว

ทันใดนั้น ชายร่างกำยำเห็นเงาร่างหนึ่งพุ่งมาทางตนเองราวกับสายฟ้า เร็วจนมิอาจจินตนาการได้ เขาตกใจจนหน้าซีดโดยพลัน ตนเองหลบอยู่ในเงามืด อยู่ในสภาพที่ไม่มีใครค้นพบได้โดยเด็ดขาด นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมีคนพุ่งเข้ามาหาตนเองได้

ชายร่างกำยำแม้จะตกใจ แต่เขาก็เป็นถึงรองหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้าง ย่อมไม่ใช่สัตว์กินพืช ฝีมือก็ไม่อ่อนแอ หยิบปืนอินทรีทะเลทราย [1]ออกมากระบอกหนึ่งด้วยสัญชาตญาณ เพื่อลั่นไกไปยังเงาคนที่พุ่งเข้ามา ไหนเลยจะรู้ว่า พริบตาที่เขาหยิบปืนพกออกมา เงาคนเงานั้นก็พุ่งมาถึงเบื้องหน้าของตนแล้ว มั้งยังใช้ขาเตะกวาดในแนวขวางครั้งหนึ่ง

ไม่มีทางให้หนี ชายร่างกำยำทำได้เพียงใช้สองมือกันเอาไว้ พริบตาต่อมาร่างทั้งร่างของเขาก็ถูกเตะกระเด็นออกไป ล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง เขากัดฟันลุกขึ้นมาอย่างเจ็บปวด ในดวงตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงและโกรธแค้น ปืนอินทรีทะเลทรายของเขาก็กระเด็นไปตกอยู่ในมุมมืด ไม่ทราบแน่ชัดว่าอยู่ตรงไหน ส่วนตัวเขากำลังมองไปยังชายร่างผอมดูท่าทางอ่อนแอที่ยืนห่างตนไม่ถึงสองเมตรอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ตนมีร่างกายที่หนักเกือบสองร้อยจิน(ประมาณ100กิโลกรัม) ทั้งความสามารถของตนก็ไม่ได้อ่อนแอ ไม่เคยมีใครสามารถเตะเขาจนปลิวได้มาก่อน ยิ่งชายชาวตะวันออกที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ดูท่าทางไม่ได้แข็งแกร่งมากมายนัก

“แกเป็นใคร? กล้ามาลงมือกับฉัน ร็อคกี้แบร์ ฉันจะเฉือนเนื้อแกออกมาซะ” ชายร่างกำยำตะโกนออกมาเสียงดังสนั่น

“อย่าตะโกนออกมามั่วๆ สิ ใครส่งแกมา พวกแกมากันกี่คน?” เย่เทียนเฉินมองร็อคกี้แบร์ดั่งมองคนตาย กล่าวออกมาอย่างเย็นชา

“เฮอะ ไม่นึกว่าคราวนี้ตะวันออกจะส่งยอดฝีมือที่พอไปวัดไปวาได้มาหลายคน แต่ก็ไร้ประโยชน์ พวกเรากลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตเป็นกลุ่มทหารรับจ้างที่เก่งกาจที่สุดในโลก เจอกับพวกเรา มีเพียงเส้นทางแห่งความตายที่พวกแกจะเดินไปได้” ร็อคกี้แบร์สบถเสียงเย็น มองเย่เทียนเฉินอย่างเหยียดหยามพลางกล่าว

“แหม โลกนี้มันกลมจริงๆ ดีเลยจะได้ฆ่าพวกแกให้หมด” เย่เทียนเฉินคิดถึงแซนเบเกอร์ ชายคนนี้ไม่ใช่ว่าเป็นรองหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตหรอกหรือ? ไม่นึกว่าคราวนี้รัฐบาลประเทศMจะแอบว่าจ้างคนของกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิต

“แก ไปตายซะ…”

ทันใดนั้นร็อคกี้แบร์ตะโกนดังลั่น สองมือควักกริชสองเล่มออกมาจากด้านหลัง แทงไปยังหน้าอกของเย่เทียนเฉินด้วยความรวดเร็ว น่าเสียดายที่กริชทั้งสองของเขาแทงได้แต่อากาศ ส่วนเย่เทียนเฉินใช้พลังเทเลพอร์ตไปยังด้านหน้าของร็อคกี้แบร์ มือขวาบีบลำคอเขาไว้แน่น ส่งรอยยิ้มแห่งความตายไปให้ก่อนจะหักคอของเขา

……………………………………………………..

[1] ปืนอินทรีทะเลทรายหรือ DESERT EAGLE เป็นปืนพกประเภทหนึ่งที่เหมาะสำหรับไว้ใช้สู้รบในสมรภูมิที่มีเเต่ทะเลทรายที่มีฝุ่นมากๆ เเละไร้ซึ่งกำเเพงเเละที่กำบังในการหลบ ปืนนี้สามารถกันฝุ่นได้ เเต่กันน้ำไม่ได้ เพราะระบบปฏิบัติการยิงเป็นเเก็สโอเปอเรด จึงโดนน้ำไม่ได้ ปืนนี้ถูกผลิตใน 2 ประเทศ คือ อเมริกาเเละอิสราเอล

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

นิยายแฟนตาซี แปลจีน เกิดใหม่ ต่อสู้ ผู้มีพลังพิเศษระดับพระเจ้ามาเกิดใหม่ในร่างของ ‘เย่เทียนเฉิน’ หน่วยรบพิเศษผู้ไม่เอาถ่าน ระหว่างกำลังปฏิบัติภารกิจคุ้มกันตัวผู้บัญชาการสาวหานเจี๋ยกลับประเทศ แม้การเกิดใหม่ครั้งนี้จะทำให้พลังระดับเทพเจ้าลดเหลือเพียงระดับราชัน แต่ขณะที่เผชิญหน้ากับกองกำลังผู้ก่อการร้ายข้ามชาติที่ได้รับมอบหมายให้มาสังหารคนทั้งคู่ เย่เทียนเฉินในร่างใหม่ได้ใช้ความสามารถจากการดูดซับพลังปราณ แสดงฝีมือการต่อสู้อันเป็นเลิศออกมา สร้างความประหลาดใจให้ทั้งศัตรูและมิตรสหายโดยทั่วกัน ประตูสู่การเป็นสุดยอดนักรบเปิดออกแล้ว! แต่เย่เทียนเฉินคนใหม่ยังต้องไล่สะสางปัญหาที่ร่างเดิมก่อเอาไว้เสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นการล้างแค้นญาติพี่น้องผู้ชั่วช้า รับมือกับคู่แข่งทางการเมืองของบิดา หรือกอบกู้ชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลจากความอัปยศในอดีต ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อจะได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวอันอบอุ่นเสียที

Comment

Options

not work with dark mode
Reset