เทพอสูรสยบโลกา – ตอนที่ 11-12

ตอนที่ 11 เหมยเหมย

 

หลังจากเดินทางกลับมาถึงเมืองก็เป็นช่วงหัวค่ำพอดีผู้คนภายในเมืองออกมารวมกลุ่มต้อนรับอย่างอบอุ่น

 

“เป็นไงบ้างพี่หยาง เจออะไรไหม” ซิ่นก้งถาม

 

“ไม่เลย แถวนี้มีแต่พื้นที่ว่างแต่เจอต้นไม้ยักษ์อยู่ต้นหนึ่งใหญ่พอๆกับเมืองของพวกเราเลย ขากลับยังเจอนกยักษ์สีเขียวที่พวกเราเจอเมื่อวานด้วย” หลินหยางตอบ

 

“ห๊ะ! นกยักษ์อันตรายจริงๆ” พวกเขาคิด

 

“การฝึกเป็นยังไงบ้าง”

 

“มีแต่พวกเราเท่านั้นที่ฝึกกันครับ คนอื่นไม่มาฝึกเลย” ซิ่นก้งตอบ

 

หลินหยางขมวดคิ้ว

 

เขาจึงหันไปมองเทียนหนิงเจี้ยนและพูดขึ้น

 

“หากมีศตรูโจมตีเข้ามาอีกพวกคุณจะนั่งอยู่เฉยๆอย่างนั้นเหรอ อาหารกับน้ำที่เรามีคงอยู่ได้อีกเพียงแค่หนึ่งอาทิตย์ พวกเราต้องแบ่งทีมออกไปหาอาหารและผมจะแบ่งอาหารให้กับเฉพราะที่พร้อมสู้และทำงานเท่านั้น หากใครไม่ทำตาม ก็เชิญหาอาหารกินเองแล้วกัน” เขาตะโกนเสียงดัง

 

เขามองผ่านกลุ่มเด็กและคนแก่ที่ไม่ได้อยู่ในทีมไหนเลยเขาจึงกล่าวต่อ

 

“ยกเว้นเด็กและคนแก่ที่จะได้อาหารที่เพียงพอ” เขามิได้ใจจืดใจดำถึงขนาดให้เด็กและคนชราต้องอดอาหารหิวตาย

 

“นี้หลินหยางนายจะทำแบบนี้ได้ยังไง พวกเราก็เป็นพวกเดียวกันนะเราเป็นผู้ถูกเลือกให้อยู่เมืองเดียวกัน พวกเราต้องช่วยเหลือกันสิ” เทียนหนิงเจี้ยนตะคอกกลับ

 

“ใช่คุณพูดถูก พวกเราต้องช่วยเหลือกันหากพวกผมต้องออกไปเสี่ยงชีวิตหาอาหารมาให้กับพวกคุณที่นั่งอยู่เฉยๆคิดว่าทีมของผมจะยินดีไหม” หลินหยางโต้ตอบ

 

“อย่างที่พูดไป หากพวกคุณไม่สู้และไม่ทำงานพวกคุณก็ออกไปหาของกินเอง!”

 

“พี่หยาง หนูขอเข้าทีมพี่ได้ไหมค่ะ” ตอนนั้นเองก็มีเสียงหวานพูดขึ้น

 

หลินหยางมองหาต้นเสียงก็เจอกับเด็กหญิงใบหน้าหวานใส

 

จากการดูคิดว่าอายุคงไม่เกินสิบสี่ปี หากจำไม่ผิดเธอชื่อว่า เหมยเหมย

 

“เธอแน่ใจหรอ มันอันตรายมากนะ” หลินหยางกล่าว เนื่องจากเธอยังคงเป็นเด็กตัวร่างกายยังมิเติบโตเต็มที่ ถึงเธอจะไม่ทำงานช่วยเหลือสิ่งใดเขาก็ยังแบ่งปันอาหารให้แก่เธออยู่ดี แต่นี่เธอกลับเสนอตัวขึ้นมาเอง

 

“หนูแน่ใจค่ะ” เธอกล่าวด้วยใบหน้ามุ่งมั่น

 

“อืม..ก็ได้” หลินหยางคิดชั่วครู่และตอบเธอ

 

“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มอย่างดีใจ

 

เธอรู้แล้วตั้งแต่เข้ามาที่แห่งนี้หากเป็นคนไร้ประโยชน์ เธอก็จะไม่ได้รับอะไรเลย

 

หลังจากนั้นก็เริ่มมีคนสมัครเข้าร่วมกับทีมระยะใกล้ทั้งสิ้นสิบห้าคน

 

ตอนนี้ทีมของเขารวมแล้วมีทั้งหมดสามสิบคนรวมทั้งตัวเขาเอง

 

เหลือกลุ่มของคนแก่และเด็กเก้าคน ส่วนอีกสิบคนนั้นล้วนยืนแอบอยู่ด้านหลังเทียนหนิงเจี้ยนใบหน้าหวาดกลัว

 

‘เราต้องแบ่งงานให้เหมาะกับความถนัดแต่ละคน’ หลินหยางคิด

 

“คนที่อายุในช่วงสิบหกถึงสี่สิบมาตรงนี้” หลังจากนั้นเขาเริ่มคัดคน

 

มีคนที่ร่างกายแข็งแรงพอที่จะสามารถสู้ได้ทั้งสิ้นยี่สิบคน

 

“พวกคุณทั้งยี่สิบคน ต่อจากนี้จะได้รับการคัดเลือก มองหาอาวุธที่คิดว่าเหมาะกับตนเองและเข้าร่วมการฝึกพรุ้งนี้ พวกเราจะแบ่งออกเป็นสองทีม ทีมระยะใกล้และทีมระยะไกล ผู้ชายอยู่ทีมระยะใกล้ ผู้หญิงอยู่ทีมระยะไกล”

 

“ตอนนี้ให้พวกคุณ ไปลงชื่อกับซิ่นก้ง” หลินหยางกล่าว

 

“ตามผมมาลงชื่อ” ซิ่นก้งตะโกน

 

หลังจากนั้นผู้คนจึงเริ่มเดินตามซิ่นก้งไป

 

หลังจากพวกหนุ่มสาวเดินตามซิ่นก้งไปหมดแล้ว ตอนนี้ที่เหลืออยู่กับหลินหยางอีกเก้าคน ส่วนมากจะเป็นช่วงอายุสี่สิบถึงหกสิบปี

 

“ผมอยากให้พวกคุณสร้างที่พักและกำแพงเมือง พวกคุณมีอะไรจะคัดค้านไหม” หลินหยางกล่าว

 

“ไม่มีครับ/ค่ะ” พวกเขาโล่งใจ

 

พวกเขาสมัครเข้าร่วมเพราะเห็นว่าอาหารคงจะหมดในเร็วๆนี้ หากพวกเขาไม่เข้าร่วมคงจะอดตายเป็นแน่แท้

 

หลังจากได้ยินว่าพวกเขาไม่ต้องออกไปสำรวจและไม่ต้องอยู่ทีมต่อสู้พวกเขาต่างตื่นเต้นดีใจ

 

“พี่หยางหนูขออยู่ทีมต่อสู้ได้ไหม” ตอนนั้นเองเหมยเหมยก็วิ่งเข้ามาพูดกับเขา

 

เธอไม่ได้เข้าร่วมทีมต่อสู้เพราะเธออายุเพียงสิบสี่ปีไม่ถึงเกณฑ์ที่หลินหยางได้วางเอาไว้

 

“ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป”

 

“หนูใช้ธนูเป็น หนูเคยฝึกยิงธนูมาก่อน” เธอกล่าวด้วยใบหน้าเด็ดเดี่ยว

 

“..ก็ได้ หนูไปหาซิ่นก้งแล้วกัน” หลินหยางตอบ

 

หากจะให้เด็กตัวเล็กแบบเธอไปใช้แรงงาน เขาก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน หลังจากที่วางแผนทุกอย่างเสร็จสิ้น ทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน

 

หลินหยางนอนอยู่ใต้ต้นไม้ที่เขาออกมาดังเช่นคืนที่ผ่านมา

 

ตอนที่เขากำลังหลับอยู่นั้นเขาสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาทับเขาอยู่ หลังจากมองดูพบว่าเป็นเหมยเหมยนั่นเอง เธอกำลังนอนกอดเขาดวงตาปิดสนิท

 

เมื่อได้มองดูเธอใกล้ๆพบว่าเธอช่างน่ารักเสียจริง ดั่งลูกแมวน้อยก็มิปานเขายิ้มและหลับต่อ

 

ห่างจากหลินหยางไม่ไกล

 

มีสายตาคู่นึงกำลังของเขาอย่างอาฆาต เจ้าของสายตานั่นคือเทียนหนิงเจี้ยนนั่นเอง

 

 

ตอนที่ 12 ต้นไม้ยักษ์(ตอนต้น)

 

กลางคืนผ่านพ้นไป แสงอาทิตย์มาเยือน

 

หลินหยางสลึมสลือลืมตาตื่น เขาพบว่าเหมยเหมยยังหลับอยู่เขาจึงปลุกเธออย่างบางเบาทะนุถนอม

 

“เช้าแล้วหรอ” เหมยเหมยขยี้ตางัวเงียตื่นช่างเป็นภาพที่น่ารักเสียจริง

 

“ไปปลุกคนอื่น แล้วมากินข้าวกัน” หลินหยางยิ้มตอบ

 

หลังจากทุกคนกินข้าวเสร้จแล้ว

 

ช่วงสายพวกเขากำลังเตรียมตัวฝึกซ้อม

 

“ทีมระยะใกล้มาทางนี้” ซิ่นก้งตะโกน

 

“ทีมระยะไกลให้ไปหาเหมยเหมย” หลินหยางกล่าว

 

เนื่องเพราะมีแต่เหมยเหมยเท่านั้นที่ใช้ธนูเป็น เขาจึงให้เธอเป็นผู้ฝึก

 

หลังจากแบ่งทีมแล้วทีมระใกล้มีทั้งหมดสิบสองคนรวมทั้งหลินหยางทุกคนล้านเป็นผู้ชาย ทีมระไกลมีทั้งสิ้นแปดคนพวกเธอเป็นเพศหญิงทุกคน

 

หลินหยางร่วมฝึกกับทีมระยะใกล้ พวกเขาใช้อาวุธหลากหลายทั้งดาบ หอก ขวานและค้อนยืนฟันต้นไม้กันอยู่

 

ทางด้านทีมระยะไกลก็ใช้ธนูและหน้าไม้ ใช้ต้นไม้เป็นเป้าในการฝึกซ้อมเช่นกัน โดยมีเหมยเหมยเป็นผู้ฝึกสอน

 

หลังจากฝึกมาได้หลายชั่วโมงก็ถึงเวลาบ่าย

 

หลังจากพักกินอาหารกันแล้ว

 

“วันนี้พวกเราจะไปสำรวจ มีใครต้องการจะไปกับผมไหม” หลินหยางกล่าว

 

“ผมไปด้วยพี่หยาง” มีเสียงนึงกล่าวขึ้น จิ่นเหอนั่นเอง

 

หลินหยางยิ้ม มีพรานป่าไปด้วยก็ดี

 

หลังจากพร้อมแล้วพวกเขาจึงเดินทางไปทางเดิม ทีมสำรวจมีทั้งสิ้นห้าคนและเป็นคนเดิมจากการสำรวจเมื่อวาน

 

ส่วนคนอื่นๆหลังจากได้ยินว่าเจอนกยักษ์ พวกเขาจึงไม่กล้าจะออกไป

 

หลังจากเดินมาร่วมยี่สิบกิโลเมตรพวกเขาก็มาถึงต้นไม้ยักษ์ที่เจอเมื่อวาน ความเร็วของพวกเขาไวกว่าเดิมเนื่องจากเคยใช้เส้นทางนี้กันมาแล้ว

 

“เกาะกลุ่มกันไว้พวกเราจะลองเข้าไปดู จิ่นเหอระวังหลังและข้างบนด้วย” หลินหยางกล่าวอย่างระมัดระวัง

 

“ครับพี่หยาง” เขาตอบ

 

พอเดินเข้ามาใกล้ขึ้น ห่างจากต้นไม้เพียงสองร้อยเมตร

 

“หยุด! อย่าเข้ามาไม่งั้นเราจะโจมตี” ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากทางด้านต้นไม้ใหญ่

 

หลินหยางและพวกหยุดทันทีและมองไปที่ต้นไม้ใหญ่ เห็นคนยืนอยู่บนกิ่งก้านของต้นไม้รวมถึงด้านล่างเองก็มีคนประจำการอยู่ กะจากสายตาน่าจะมีราวสิบห้าคน

 

“อย่าโจมตี พวกเราไม่ได้มาเพื่อต่อสู่” หลินหยางกล่าว

 

“วางอาวุธและหมอบลง” คนบนต้นไม้ตะโกน

 

หลินหยางหันไปบอกพักพวกของตนให้ทำตามคำสั่งนั้นเพื่อแสดงความเป็นมิตร

 

หลังจากที่เขาวางอาวุธและหมอบลงก็มีชายสามคนเดินเข้ามาหาพวกเขาและเก็บรวบรวมอาวุธทั้งหมดของพวกเขาไว้

 

“ลุกขึ้นได้ ตามมา” หลังจากเห็นพวกหลินหยางไม่ได้มีเจตนาต่อสู้พวกเขาจึงผ่อนคลาย

 

หลินหยางลุกขึ้น กำลังจะเดินตามชายฉกรรจ์ทั้งสามไปเขาก็ต้องตะลึง

 

เพราะชายทั้งสามคนนั้น ผมพวกเขายาวถึงเอวและมีสีขาวล้วนดูพริ้วสลวยเลยทีเดียว ใบหูของพวกเขายาวแหลมยื่นออกมา ราวสามนิ้วเห็นจะได้ใบหน้างดงามราวอิสตรี

 

“นี้มันเอลฟ์นี้นา” คนด้านหลังหลินหยางอุทาน

 

“หืมพวกเจ้ารู้จักพวกข้าด้วยหรอ” เอลฟ์ทั้งสามหันมามองด้วยความสงสัย

 

“เปล่า เคยเห็นในหนังน่ะ” ชายคนนั้นตอบ

 

“หนัง? หนังคืออะไร” หนึ่งในเอลฟ์ถามด้วยความงุนงง

 

“อย่าพึ่งสนใจ พาพวกเขาไปหาหัวหน้าหมู่บ้านก่อน” เอลฟ์คนนึงกล่าว

 

หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินตามมาจนถึงใต้ต้นไม้ มองจากตรงนี้ต้นไม้นี่มันช่างใหญ่เสียจริง ให้ความรู้สึกว่าแม้ฟ้าจะถล่ม แผ่นดินสะเทือนเจ้าต้นไม้ยักษ์นี้ก็คงยังอยู่

 

หลินหยางมองไปรอบๆทางเข้าโพรงไม้ มีแต่เอลฟ์หนุ่มสาวถือคันธนูอยู่ในมือทุกคน

 

หลังจากเข้ามาภายในต้นไม้ยักษ์

 

มองเห็นเอลฟ์ชราคนนึงยืนรอต้อนรับอยู่ ใบหน้าของมันเหี่ยวย่น สีหน้าเหมือนผ่านเหตุการณ์มามากมาย

 

“สวัสดี พวกท่านมาที่หมู่บ้านของพวกเราทำไมหรือ?” เอลฟ์ชรากล่าวด้วยสีหน้ากังวล

 

“พวกเราออกมาสำรวจด้านนอกเมืองและเจอหมู่บ้านพวกท่านเข้า พวกเราไม่ทราบว่านี่คือหมู่บ้านของท่าน พวกเราไม่ได้มีเจตนาบุกรุกเมืองของพวกเราห่างออกไปทางตะวันตกราวยี่สิบกิโลเมตร” หลินหยางกล่าว

 

“เป็นแบบนี้นี่เอง พวกเราขออภัยที่เสียมารยาท” เอลฟ์ชรากล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและให้คนของเขาคืนอาวุธให้พวกเขา

 

“….”

 

‘เอลฟ์พวกนี้เชื่อคนง่ายจริงๆ’ หลินหยางขมวดคิ้ว หากพวกเขาเป็นศัตรูเอลฟ์พวกนี้คงจะต้องพ่ายแพ้เป็นแน่แท้

เทพอสูรสยบโลกา

เทพอสูรสยบโลกา

Score 7.1
Status: Ongoing Released: N/A Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง เทพอสูรสยบโลกาประเทศจีน ปี ค.ศ. 2025 จู่ๆ เกิดแผ่นดินไหวขึ้นทั่วโลก และ มี”ประตู” ประหลาดเกิดขึ้นทั่วทุกเมืองใหญ่ทั่วโลก พร้อมกับเสียงปริศนา “มนุษย์เอ๋ย พวกเจ้าอยากเปลี่ยนแปลงโชคชะตาหรือไม่ อำนาจ เงินทอง วาสนา ความมั่งคั่ง หากอยากเปลี่ยนแปลง เชิญเข้ามาที่ประตูนี้ จักต้อนรับพวกเจ้า” เรื่องราวแห่งตำนานกำลังจะเริ่มขึ้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset