เทพอสูรสยบโลกา – ตอนที่ 13-14

ตอนที่ 13 ต้นไม้ยักษ์(ตอนปลาย)

ภายในหมู่บ้านเอลฟ์

 

“แถวนี้พอจะมีสถานที่ล่าสัตว์ หาอาหารหรือน้ำบ้างไหมครับ” หลินหยางถามอย่างสุภาพ

“เราไม่ทราบเลย พวกเราพึ่งมาอยู่ได้สามวันเอง” หัวหน้าหมู่บ้านเอลฟ์ตอบ

‘สามวัน?’

“หรือว่าพวกคุณก็มาจาก’ประตู’งั้นเหรอ” หลินหยางถาม

“ใช่ หรือว่าท่านก็มาจากประตูเหมือนกัน” เอลฟ์ชราแปลกใจ หลินหยางก็เช่นกัน

“น่าตกใจจริงๆคิดว่ามีแต่พวกเราที่ผ่านเข้ามาจากประตู กลายเป็นว่าเอลฟ์ก็มาจากประตูเหมือนกัน” คนของหลินหยางคุยกัน

“โลกที่พวกเราจากมา ได้ถูกเผ่าคนแคระโจมตี ตอนแรกพวกเราก็เป็นฝ่ายได้เปรียบและไล่พวกมันกลับไปได้

แต่พวกคนแคระผู้ชั่วร้าย กลับไปร่วมมือกับมนุษย์มาโจมตีพวกเรา ราชาของมนุษย์ที่น่ารังเกียจนั้นต้องการตัวองค์หญิงของเผ่าเราจึงได้ร่วมมือกับคนแคระ” หัวหน้าหมู่บ้านเอลฟ์กล่าว

 

“ตอนที่พวกเรากำลังจะพ่ายแพ้ ก็มีแผ่นดินไหวและมีประตูยักษ์โผล่ขึ้นมากับข้อความแปลกๆดังขึ้น พวกเราเหล่าเอลฟ์เห็นว่าอยู่ต่อ คงต้องตกเป็นเชลยของพวกมันแน่จึงตัดสินใจเข้าประตูกันทั้งหมด หลังจากเข้ามากลับต้องแยกจากกัน ราชาเอลฟ์และองค์หญิงจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ทราบ” เขากล่าวด้วยความเศร้าสลด

 

“…” หลินหยางนั่งเงียบ เขายังมิได้ปริปากไถ่ถามซักคำ เจ้าเอลฟ์ตนนี้ก็เหล่าเกียรติประวัติของมันให้ฟังเสียหมดเปลือก…

 

‘เอลฟ์กับคนแคระหรอ’โลกที่จากมา’เกรงว่าจะไม่ใช่โลกเดียวกับที่เขาอยู่ เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นเอลฟ์ตัวเป็นๆ’ หลินหยางคิด

 

“ผมคิดว่าพวกเราควรจะมาแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ได้จากโลกนี้กัน” หลินหยางพูดขึ้น

“ข้าก็คิดเช่นนั้น” เอลฟ์ชราตอบ หากพวกเขาทั้งสองต้องต่อสู้กันคงมีแต่การสูญเสีย

“ตอนนี้ใกล้มืดแล้ว พวกผมขอตัวกลับเมืองก่อนผู้คนในเมืองคงจะเป็นห่วงกันแล้ว” หลินหยางพูดพลางเตรียมตัวกำลังจะกลับ

 

หลังจากกำลังจะเดินออกจากหมู่บ้านเอลฟ์

 

กรี๊ซซซซ~~~

 

ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังก้องกังวาลบนผืนนภา มันมาจากนกยักษ์นั้นเอง

 

เขาเห็นมันกำลังบินมาทางพวกเขาสามตัว พวกเขาจึงเฝ้าดูมันบินผ่านหมู่บ้านเอลฟ์ไปโดยไม่สนใจใยดี

 

‘หืม? หากเราสามารถจับมันได้ เราคงมีอาหารกินไปอีกหลายอาทิตย์เลยมั้งเนี้ย’ หลินหยางมองตาม

เพราะมันตัวใหญ่กว่าคนเสียอีก

 

“จิ่นเหอไปกับผมที่เหลือกลับไปที่เมืองก่อน ผมจะตามนกไป” หลินหยางกล่าว

 

“ครับพี่หยาง”

 

หลังจากนั้นหลินหยางและพวกล่ำลาชาวเอลฟ์และวิ่งตามนกยักษ์ไปกับจิ่นเหออย่างรวดเร็วมิปล่อยให้มันคลาดสายตา

 

“นกพวกนี้ไวจริงๆ” ยิ่งตามพวกมันยิ่งห่างออกไป

 

‘พี่หยาง พี่วิ่งไวกว่าอีก’ จิ่นเหอคิดในใจ

 

เพราะตอนนี้เขาห่างกับหลินหยางออกไปเรื่อยๆ เนื่องจากหลินหยางเพิ่มค่าสถานะความเร็วทั้งหมดที่เขาเลื่อนระดับ เขาจึงรวดเร็วกว่าคนทั่วไป 20%

 

หลังจากวิ่งตามร่วมสิบนาที พวกเขาก็เห็นนกยักษ์ค่อยๆชลอความเร็วบินต่ำลงและลงสู่พื้นด้านหน้า หลินหยางและจิ่นเหอจึงก้มตัวต่ำและแอบมองห่างๆ

 

ทันใดนั้นเองจิ่นเหอและหลินหยางดวงตาเบิกกว้างสีหน้าปิติยินดีราวกับพบเจอขุมทรัพย์ที่ใฝ่ฝันหามานานแสนนาน เพราะจุดที่นกยักษ์ร่อนลงนั้นมันคือแหล่งน้้ำ!

 

“แม่น้ำ!” หลินหยางอุทาน

 

“นกพวกนี้คงจะมาหาอาหารแน่ๆ” จากนี้พวกเราคงไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำแล้วเขาหัวเราะในใจ

นกยักษ์ทั้งสามตัวบินโฉบไปมาบนผืนน้ำ ไม่นานพวกมันก็บินกลับไปทางเดิมพวกมันคงมาจับปลากลับไป

 

“พวกเราไปดูกัน” เขากล่าวกับจิ่นเหอ

หลังจากเดินมาถึงริมน้ำพบว่าแม่น้ำที่ว่า เป็นคลองน้ำที่กว้างและยาวพอสมควร

 

‘พวกเราคงไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารไปอีกนาน’ หลินหยางคิดขึ้น

เพราะภายในน้้ำที่ใสสะอาดเขามองเห็นฝูงปลาได้ชัดทีเดียว ขนาดยืนอยู่ริมน้ำยังสามารถมองทะลุปรุโปร่งจนสุดความลึกของแหล่งน้ำนี้ มองเห็นฝูงปลาได้ชัดเจนคลองนี้คงอุดมสมบูรณ์ไม่น้อย

หลินหยางแสยะยิ้ม

 

ทันใดนั้นเองผิวน้ำเกิดการกระเพื่อมที่รุนแรงและมีกบยักษ์ขนาดมหิมาโผล่พ้นน้ำขึ้นมา!

มองมิผิดมันคือกบยักษ์จริงๆ

 

กบตัวนี้ตัวอ้วนใหญ่มีผิวขรุขระสีดำขนาดตัวของมันราวกับรถยนต์ก็มิปาน

มันกระโดดขึ้นมากินฝูงปลาที่พวกเขากำลังมองอยู่

 

“เห้ย!!” หลินหยางตกใจ

 

“พวกเราถอยก่อนเร็ว” รีบดังตัวจิ่นเหอวิ่งหนีออกจากจุดนี้ทันทีพวกเขาวิ่งกลับทางเดิม

หลังจากวิ่งออกมาไกลจนมิอยู่ในระยะอันตรายแล้ว

 

“พวกเราต้องรีบฆ่ากบนั่น หากไม่ฆ่ามันปลาในน้ำนั่นคงเสร็จมันหมดแน่”

 

“ตอนนี้เรากลับเมืองกันก่อน” หลินหยางกล่าว

 

“ครับพี่หยาง”

 

ตอนที่ 14 ร่วมมือ

เมื่อหลินหยางและจิ่นเหอกลับมาที่เมือง

 

พวกเขาก็เล่าเรื่องที่เจอให้ทุกคนฟังทั้งหมู่บ้านเอลฟ์และแหล่งน้ำอันอุดมสมบูรณ์รวมถึงกบยักษ์ที่อาศัยอยู่ใต้แหล่งน้ำนั้นเช่นกัน

 

“พวกเราจะมีปลากินกันแล้วใช่ไหม” ชายคนนึงพูดอย่างตื่นเต้น พวกเขากินเพียงเนื้อแห้ง ปลาแห้งที่ได้มาและใกล้จะหมดเต็มที

“เจ้าบ้า มันมีกบยักษ์เฝ้าอยู่พวกเราจะไปจับปลาได้ไง” ชายคนนึงตวาด

 

หลังจากได้ฟังเรื่องราวต่างๆในโลกภายนอกทั้งเรื่องกบยักษ์รวมถึงนกยักษ์และเอลฟ์ ตอนนี้พวกเขาเริ่มชินชากลมกลืนไปกับโลกที่แปลกประหลาดนี้แล้ว หากมีสัตว์ยักษ์โผล่มาอีกพวกเขาคงไม่แปลกใจอีกต่อไป

 

“พรุ้งนี้พวกเราจะไปหมู่บ้านเอลฟ์และร่วมมือกันกำจัดกบและนกยักษ์” หลินหยางกล่าว หลังจากเขาตัดสินใจเช่นนี้ก็ไม่มีส่งเสียงคัดค้านเลยแม้แต่คนเดียว เพราะตอนนี้พวกเขาต้องการอาหารมาประทังชีวิตมากกว่าสิ่งอื่นใด

 

ซิ่นก้งและเหมยเหมยมารายงานผลการฝึก ทีมระยะประชิดหลายคนเริ่มแสดงฝีมือขึ้นมาบ้าง ซึ่งตอนนี้การฝึกซ้อมกำลังคนส่วนใหญ่หันมาใช้ดาบกันแล้วทั้งสิ้น เพราะหอก ค้อนและขวานนั้นใช้งานยากเกินไป

 

ทีมระยะไกลเองก็มีหลายคนเริ่มจับเคล็ดได้และยิงเข้าเป้ามากขึ้น

หลินหยางได้ฟังดังนั้นก็ยิ้มอย่างพอใจ

 

หลังจากทานอาหารกันเสร็จ พวกเขาก็แยกย้ายกันไปนอนพัก ทั้งนี้พวกเขายังจัดทีมเฝ้ายามไว้สามทีมสลับกันเพื่อป้องกันเหตุด่วนเหตุร้าย

เหมยเหมยเดินมาหาหลินหยางที่กำลังง่วนกับการนอนเหม่อมองดวงดาวบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่

 

“เหมยน้อยมีอะไรเหรอ” หลินหยางกล่าวถาม

 

“หนูขอนอนด้วยได้ไหมค่ะ” เธอตอบด้วยใบหน้าไร้เดียงสา

 

‘หืม?’ เขาสับสนชั่วครู่แต่เมื่อมองไปยังใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเธอเขาจึงมิได้คิดต่อให้มากความ

 

“ตามสบาย” หลินหยางยิ้มตั้งแต่ที่เข้ามาภายในประตูก็มีเพียงไม่กี่คนที่เขาไว้วางใจ เหมยเหมยก็เป็นหนึ่งในนั้น

 

เขาต้องระวังตัวทุกอย่างเพราะที่นี่ไม่มี “กฏ” หากพวกเขาแพ้การต่อสู้ พวกเขาก็ต้องตายสถานเดียวนั่นคือกฏหมู่

ช่วงเช้าหลินหยางและทีมระยะใกล้ทั้งสิบสองคนกำลังเตรียมตัวเพื่อเดินทางไปยังหมู่บ้านเอลฟ์

 

“หากมีเรื่องอะไร ให้ส่งคนไปตามผมหรือไปขอความช่วยเหลือจากหมู่บ้านเอลฟ์ หากมีใครก่อจราจล…” หลังจากพูดถึงตรงนี้ หลินหยางส่งสายตาไปมองเทียนหนิงเจี้ยนและพวก

 

“ให้จับตัวไว้หรือฆ่าได้ทันที” พวกมันหลังจากได้ฟังก็ตัวสั่นก้มหน้าเพราะพวกมันกลัวตายนั่นเอง

 

“ครับพี่หยาง” หลิวเจี่ยตอบอย่างหนักแน่น

 

ชายคนนี้คือหนึ่งในทีมก่อสร้าง หลังจากเข้าร่วมได้ไม่นานเขาถูกหลินหยางแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าทีมเนื่องจากเขาเคยทำงานก่อสร้างก่อน เขาจึงภาคภูมิใจไม่น้อย

 

ตั้งแต่วันที่ตั้งทีมก่อสร้างขึ้นมาพวกเขาก็โค่นต้นไม้ที่ล้อมรอบเมืองนี้ไปหนึ่งต้นทำการแปรรูปลำต้นมาสร้างกำแพง

 

เนื่องจากหลินหยางเห็นว่ากำแพงสำคัญกว่าที่พักอาศัยจึงต้องสร้างก่อนเป็นอันดับแรก

 

ทีมก่อสร้างจึงใช้ขวานและดาบที่ได้มาสร้างกำแพงทดแทนในส่วนต้นไม้ที่ถูกตัดไป คาดว่าจะเสร็จภายในวันนี้ซึ่งยังต้องทำอีกเยอะเลยทีเดียวเพราะพวกเขาพึ่งทำกำแพงล้อมรอบเมืองไปยังมิถึงหนึ่งส่วนสิบ

 

หลินหยางและพวกออกเดินทางมาถึงหมู่บ้านเอลฟ์

 

“ผมขอพบหัวหน้าหมู่บ้านหน่อย” เขากล่าวกับยามเฝ้าหมู่บ้าน

 

“ท่านหลินหยางนั้นเอง เดียวเราจะไปตามหัวหน้ามาให้” เอลฟ์เฝ้ายามกล่าว

 

‘เอลฟ์ตัวเป็นๆหน้าอย่างสวยอ่ะ’ คนด้านหลังหลินหยางซุบซิบกัน เนื่องจากมันพึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก พอได้เห็นกับตาตนเองเอลฟ์เหล่านี้สวยกว่าทีมสำรวจบอกเล่าเมื่อวานอีก

 

“ผู้ชายต้องแข็งแรงสิ ร่างกายอ้อนแอ้นแบบนั้นจะไปทำอะไรได้” ชายคนนึงกล่าว เขาชื่อหลิวไห่เป็นหนึ่งในทีมระยะใกล้ที่สู้กับมดไฟ เขาคือผู้บาดเจ็บที่ถูกมดไฟกัดเขาให้นั้นเอง และได้รับหนังสือทักษะหลอมไฟ ระดับ 1 ร่างกายเขากำยำกล้ามเป็นมัด

 

“แต่พี่หยางก็ร่างกายบอบบางนะ” ชายคนนึงกล่าวเสียงเบา

 

“เจ้าโง่ พี่หยางจะไปเหมือนเจ้าพวกนั้นได้ยังไง” หลิวไห่กล่าวพลางมองแผ่นหลังหลินหยางด้วยความชื่นชม วันแรกมาถึงก็ต้องต่อสู้กับมดไฟ หลินหยางที่ร่างเล็กกลับมีจิตใจกล้าหาญนำทีมต่อสู้ไม่กลัวความตายและฆ่ามดไฟไปถึงเจ็ดสิบชีวิต แม้แต่ตัวเขาเองฆ่าไปเพียงสิบกว่าตัวก็เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าท้ายที่สุดมันก็พลาดท่าถูกมดไฟกัดเข้าให้จนได้

 

“ใช่เจ้าโง่ ถ้าไม่มีพี่หยางพวกเราจะได้ยืนคุยกันอย่างนี้เหรอ ฮ่าๆ” ซิ่นก้งเสริม

 

หลังจากนั้นไม่นาน หัวหน้าหมู่บ้านเอลฟ์ก็เดินออกมาต้อนรับ

 

“โอ้ท่านนี้เอง ท่านพาคนมาตั้งมากมายมีอะไรหรือ” เอลฟ์ชรากล่าว

 

“ผมเจอคลองน้ำห่างไปทางนั้นห้ากิโลเมตร แต่มันมีนกยักษ์และกบยักษ์อยู่ พวกท่านอยากจะร่วมมือกันไหมพวกเราจะได้มีน้ำ และปลา

ประทังชีวิต” หลินหยางโน้มน้าว

 

“โห ท่านหลินหยางท่านนี่ใจดีจริงๆแบ่งน้ำและปลาให้เราด้วย แน่นอนพวกเราไม่ปฏิเสธ” เอลฟ์ชรากล่าวด้วยใบหน้าตื่นเต้น เพราะอาหารและน้ำของพวกเขาก็จะหมดแล้วเหมือนกัน

 

‘เฮ้อ เอลฟ์พวกนี้อยู่รอดมาได้ยังไงแค่พูดประโยคเดียวกลับร่วมมือง่ายๆไม่แปลกใจที่พวกเขาพ่ายแพ้ให้กับคนแคระ ในโลกที่เขาจากมา’ หลินหยางคิดพลางส่ายหัว

เทพอสูรสยบโลกา

เทพอสูรสยบโลกา

Score 7.1
Status: Ongoing Released: N/A Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง เทพอสูรสยบโลกาประเทศจีน ปี ค.ศ. 2025 จู่ๆ เกิดแผ่นดินไหวขึ้นทั่วโลก และ มี”ประตู” ประหลาดเกิดขึ้นทั่วทุกเมืองใหญ่ทั่วโลก พร้อมกับเสียงปริศนา “มนุษย์เอ๋ย พวกเจ้าอยากเปลี่ยนแปลงโชคชะตาหรือไม่ อำนาจ เงินทอง วาสนา ความมั่งคั่ง หากอยากเปลี่ยนแปลง เชิญเข้ามาที่ประตูนี้ จักต้อนรับพวกเจ้า” เรื่องราวแห่งตำนานกำลังจะเริ่มขึ้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset