เทพอสูรสยบโลกา – ตอนที่ 5-6

ตอนที่ 5 สวรรค์

 

เขาก้าวเท้าผ่านประตูออกมาทันที พบเจอกับทิวทัศน์ที่สวยงามหาสิ่งใดเปรียบ

 

เบื้องหน้าของเขาเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจี ขนาดสนามฟุตบอล มีต้นไม้ขนาดใหญ่ล้อมรอบบริเวณ แสงอาทิตย์ส่องสว่างประดับให้ภาพที่เห็นอยู่นี้ราวกับสวรงสวรรค์

 

ใต้ต้นไม้แต่ละต้นนั้นมีประตูเปิดออกรวมแล้วห้าสิบบานพอดิบพอดี

 

เริ่มมีคนทยอยเดินออกมาจากประตูเหล่านั้นทีคนละจนครบทั้งหมดห้าสิบชีวิต

 

คนที่ออกมาจากประตูเหล่านั้นมีทั้งชาย หญิง เด็กและคนชรา หลินหยางหันศรีษะกลับไปมองด้านหลังตนพบว่าประตูที่เขาออกมานั้นก็เชื่อมติดกับต้นไม้ต้นใหญ่เช่นกัน

 

ตึงง~

 

ทันใดนั้นเองประตูที่เขาจ้องมองปิดตัวลง

 

หลินหยางยืนงง

 

เขาลองใช้แรงงัดแงะเปิดมันก็ไม่สามารถเปิดได้ราวกับถูกล็อคอย่างแน่นหนาจากภายใน

 

“ที่นี่ที่ไหน นี่คือหลัง’ประตูสวรรค์’หรอ” ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

 

เกิดเสียงจอแจจากฝูงชน พวกเขาเริ่มปริปากสนทนากันด้วยความสับสนงุนงง

 

วาบบ~

 

จู่ๆก็มีแสงส่องสว่างลงมาจุดศูนย์กลาง ณ ที่แห่งนั้น

 

ทุกคนจ้องเป็นตาเดียวเพราะแสงที่ส่องมานั้นสว่างจ้ามากยิ่งกว่าแสงอาทิตย์เสียอีก

 

หลินหยางมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเสาะหาต้นตอของแสงที่ส่องลงมาก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น

 

เพราะใจกลางภายในลำแสงนั้นมีชายชราผมหงอกขาวโพลนทั้งหัวและหญิงสาวอายุราวสิบหกสิบเจ็ดปีลอยลงตามแสงสว่าง

 

“โห อะไรหนะสลิงหรอ”

 

“คนลอยได้”

 

“นี้แสดงหนังกันอยู่หรอ” ผู้คนเริ่มพูดกันออกรส

 

“สวัสดีผู้ถูกเลือก พวกเจ้าทั้งหมดคงจะเคยได้ยินเสียงของข้าแล้ว”

 

‘เสียง?’ หลินหยางนึกขึ้นได้เสียงนั้นนี่เอง

 

“มนุษย์เอ๋ย พวกเจ้าอยากเปลี่ยนแปลงโชคชะตาหรือไม่ อำนาจ เงินทอง วาสนา ความมั่งคั่ง หากพวกเจ้าต้องการ เชิญเข้ามา ประตูนี้จักต้อนรับพวกเจ้า”

 

ชายชราหันมายิ้มให้หลินหยาง

 

“ใช่แล้วพ่อหนุ่ม นั่นคือเสียงของเราเอง” มันกล่าวขึ้น

 

หลินหยางตะลึง

 

‘หือ นี้เรายังไม่ได้พูดอะไรเลยนี่ ทำไมตาแก่นี่ถึงรู้ว่าเราคิดอะไร’ เขาคิดในใจด้วยความสับสน

 

ชายชราหัวเราะและหันกลับไป

 

“เราคือคนที่เชิญชวนพวกเจ้ามาที่นี้” เขากล่าวเสียงดังกังวาล

 

“นี่ตาแก่ที่บอกว่าอำนาจ เงินทองอะไรนั่นได้จริงใช่ไหม” จู่ๆก็มีชายวัยกลางคนโพล่งถามออกมา หน้าตามีหนวดเครา ดูน่ากลัวทีเดียวชายคนนี้มีชื่อว่า จูเกิงเฉิน

 

“แน่นอน เมื่อพวกเจ้าเข้ามาแล้ว นั่นคือวาสนา” ชายชรายิ้มตอบ

 

“ต้องทำยังไงถึงจะได้อำนาจเงินทองล่ะ” จูเกิงเฉินถาม

 

“ด้วยกำลังของพวกเจ้า” ชายชราตอบใบหน้ายิ้มแย้ม

 

จูเกิงเฉินยิ้ม มันเป็นพวกใช้กล้ามเนื้ออยู่แต่เดิมแล้ว

 

ก่อนจะเข้าประตูสวรรค์มานี้ เดิมทีมันเป็นนักเลงหัวไม้คอย รีดไถ เก็บส่วย รักแกคนอ่อนแอ

 

แต่โชคร้ายดันถูกตำรวจจับโยนมันเข้าตารางอยู่นานสองนาน พอออกจากคุกมาก็ประจวบเหมาะกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว พอดิบพอดี และได้เมื่อยินว่ารัฐบาลจะให้เงินหนึ่งล้านหยวนกับผู้ที่กล้าเข้าไปในประตู มีหรือมันจะรีรอไม่ไขว่คว้า

 

‘พอออกไปก็สบายละเรา’ มันคิดในใจ

 

“ท่านอวุโสทำไมถึงมีแค่เราห้าสิบคนล่ะ ฉันเข้ามากับพี่ชายเขาเข้ามาก่อนฉันตอนเข้าประตู” หญิงสาววัยยี่สิบนางหนึ่งกล่าวถาม

 

หญิงสาวคนนี้มีนามว่า หรงเถียนเหยา เธอและพี่ชายของเธอเป็นเด็กกำพร้าและก้าวเข้ามาเพื่อหวังจะเปลี่ยนชะตาและเงินทองนั่นเอง

 

“อาจจะเพราะพี่ชายของเจ้าถูกเลือกให้อยู่เมืองอื่นหรือมาไม่ถึง หรือว่า…ไม่สามารถเข้ามาได้” ชายชราตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

 

“เข้าไม่ได้? ทำไมถึงเข้าไม่ได้ละ แล้วมาไม่ถึงนี่คืออะไร?” เธอถามด้วยความสงสัย

 

“เข้ามาไม่ได้ก็ตามที่ข้าได้บอกไปหรือก็คือถูกประตูปฏิเสธ ส่วน มาไม่ถึง…” ชายชราหยุดชั่วครู่

 

“คือตายตอนเดินทางมายังที่แห่งนี้ ด้วยสิ่งที่พวกเจ้าเรียกว่า’ประตูสวรรค์’นั่นแหละ” ชายชรากล่าว

 

หลินหยางช็อค

 

มีคนตายตอนเข้าประตูสวรรค์ด้วยหรอทำไมไม่เห็นมีบอก แต่เขาก็โล่งใจที่เขายังรอดมาได้

 

“เอาล่ะเมื่อพวกเจ้า มากันพร้อมแล้วเรามาฟังคำแนะนำกันดีกว่า” ชายชราตะโกนเสียงดัง

” 1. พวกเจ้าต้องต่อสู้กับสิ่งมีชีวิต ภายในโลกแห่งนี้เพื่อให้ตนเองมีชีวิตรอด

” 2. เมื่อพวกเจ้าสามารถฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่นได้จะได้รับทักษะและเงินของสิ่งมีชีวิตตนนั้นมาครอบครอง

” 3. เวลาในที่แห่งนี้หนึ่งปีเท่ากับโลกที่พวกเจ้าจากมาผ่านไปหนึ่งวัน

” 4. สามารถดูข้อมูลของระดับและทักษะของตนเองได้เพียงแค่คิด

” 5. ร้านค้าจะเปิดเพียงปีละครั้ง

 

” … ” ไม่มีเสียงใดใดออกมาจากปากคนกว่าห้าสิบคน

 

“สิ่งมีชีวิตอื่น? คืออะไรสัตว์หรอ” หลินหยางถาม

 

“สัตว์ประหลาด ปีศาจทุกสิ่ง” ชายชรากล่าวใบหน้าเปื้อนยิ้ม

 

“^#*%^#@” เสียงดังจอแจ

 

หลังจากที่ฟังชายชรากล่าวมานั้นพวกเขาคิดว่ามันบ้าสิ้นดีสัตว์พอจะเข้าใจได้

 

แต่สัตว์ประหลาด ปีศาจ ทักษะ? แล้วนี้อะไรเวลาที่นี้หนึ่งปีเท่ากับโลกหนึ่งวัน?

 

“ไอแก่! นี้แกปัญญาอ่อนหรอ ว่างมากก็กลับไปเลี้ยงหลานไป๊” จูเกิงเฉินสบถ

 

ชายชราหันไปมองมันพลางแสยะยิ้ม

 

แพละะะ!!

 

ทันใดนั้นจูเกิงเฉินก็หายวับไปกับตา เหลือเพียงเศษเนื้อและแอ่งเลือดรวมถึงเสื้อผ้าของมันที่กองอยู่ ณ จุดที่มันเคยยืน

 

 ‘จำนวนประชากรของเมือง เหลือ 49 คน’

 

มีเสียงใสดังขึ้นในหัวทุกคน

 

“@#)@!#” เสียงกรีดร้องและตกใจดังระงม

 

หลินหยางมองเศษเนื้อที่เคยเป็นร่างกายของมนุษย์ ใบหน้าเขาซีดขาวอย่างเห็นได้ชัดลง

 

‘นี้คืออะไร? ตายจริงๆงั้นหรอ’ หลินหยางตกใจ

 

“หากพวกเจ้าอยากได้ในลาภยศเงินทองก็จงสู้และมีชีวิตรอด” ชายชราตะโกนส่งเสียงก้องกังวาล

 

“ท่านเป็นใคร ทำไมพวกเราต้องทำตามด้วย”จู่ๆก็มีเสียงโพล่งขึ้นมา

 

“หากอยากกลับไปในโลกเดิมของเจ้าก็จงลุกขึ้นสู้ซะ เพราะมีเพียงเมืองเดียวเท่านั้นที่จะสามารถสมปราถนา ซึ่งพวกเจ้าคือหนึ่งในนับล้านเมืองนั้น”

 

ส่วนข้าคือใครงั้นหรือ…ข้าก็คือเทพพระเจ้าที่พวกเจ้าเฝ้าบูชาไงล่ะ! ที่นี้ก็คือสิ่งที่พวกเจ้าใฝ่ฝันหา คำที่พวกเจ้าใช้เรียกขานสถานที่แห่งนี้ก็คือสวรรค์ยังไงล่ะ ฮ่าๆๆๆ” ชายชราหัวเราะเสียงดัง

 

หลังจากนั้นเขาและหญิงสาวที่ดูเหมือนผู้ติดตามก็ค่อยๆลอยขึ้นและหายลับสายตาไปพร้อมกับแสงสว่างที่สอดส่องลงมาถูกดูดกลืนหายขึ้นไปบนท้องนภา

 

“…” ปล่อยให้คนทั้งสี่สิบเก้าชีวิตยืนเงียบไม่ส่งเสียงใดๆ

 

 

ตอนที่ 6 เทียนหนิงเจี้ยน

 

“เอ่อ” หลังจากเงียบกันเป็นเวลานานก็มีเสียงคนเริ่มพูด

 

“น..นี้เราจะทำยังไงกันดี” เสียงสตรีนางหนึ่งกล่าวขึ้น

 

“นี้คือ…สวรรค์?” อีกคนพูดขึ้น

 

“นี้มันเรื่องบ้าอะไรกัน” หลังจากพวกเขาหันไปมองกองเลือดของจูเกิงเฉิน พวกเขาหน้าซีดเซียวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

 

กรี๊ซซซ~~

 

จู่ๆก็มีเสียงที่น่ากลัวร้องขึ้น พวกเขาจึงหันไปทางต้นเสียงและเสียงที่ดังขึ้นมามันมาจากบนผืนนภาเหนือหัวของพวกเขา และแล้วก็พบเจอเข้ากับสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาด มันเป็นนกสีเขียวมรกตสวยงามตัวหนึ่งแต่ที่แปลกนั่นก็คือขนาดลำตัวของมันที่ ยาวเกือบสองเมตร กว้างหนึ่งเมตร

 

บนฟ้ามีเจ้านกยักษ์ตัวนี้โบยบินอยู่กว่าห้าถึงหกตัว

 

“เหวอ! นั่นมันตัวอะไรนะ” ฝูงชนส่งเสียงร้องแห่งความหวาดกลัว

 

เพราะตัวตนที่พวกเขากำลังมองอยู่นี้มันมีขนาดใหญ่กว่ามนุษย์เสียอีก

 

“นกยักษ์!” ชายคนหนึ่งตะโกนเสียงแหบแห้งใบหน้าหวาดผวาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

 

หลังจากมันโบยบินวนบนผืนฝ้ารอบ”เมือง”แห่งนี้ไม่กี่อึดใจนี้มันก็รวมกลุ่มบินหายไปจากสายตาพวกเขาทิ้งเหลือไว้เพียงความหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ

 

ทั้งเมืองตกอยู่ในความเงียบสงัดกว่านานทีเดียว

 

“ที่ไอแก่พูดนั่นเรื่องจริงหรอเนี้ย” ผู้คนเริ่มกลับมาส่งเสียงพูดคุยกันอีกคราตอนนี้บรรยากาศวุ่นวายยิ่งนัก

 

ผู้คนหน้าซีด บางคนร้องไห้ พวกเขาคิดว่าการเข้า”ประตู”มาจะไม่ใช่สถานที่ที่หน้ากลัวเช่นนี้ อำนาจ ความฝัน ความมั่งคั่ง นั่นคือสิ่งที่พวกเขาถวิลหาแต่ ณ ตอนนี้พวกเขาพึ่งได้ทราบว่าสิ่งที่ตนเฝ้ารอนั้นมิใช่ดั่งที่คิดฝัน สวรรค์? หากเปรียบมันกับนรกจะเหมาะสมกว่า

 

“เอาล่ะทุกคนโปรดอยู่ในความสงบ” มีชายวัยสี่สิบกว่าพูดขึ้น ทุกคนจึงเงียบและหันไปมองชายร่างอ้วนคนนึง ใบหน้าเจ้าเล่ห์  ตัวมันมีชื่อว่า เทียนหนิงเจี้ยน ก่อนจะเข้ามาในประตูสวรรค์นี้มันมีอาชีพข้าราชการระดับกลาง ต้องคอยประจบเจ้านายเพื่อให้ได้เลื่อนขั้น

 

 ‘ขณะนี้มดไฟระดับ 2 กำลังมุ่งหน้ามาที่เมืองของท่าน มดไฟจำนวน 200 ตัวจะมาถึงในอีก 3 ชั่วโมง เตรียมตัวป้องกันเมืองไว้ให้ดี’

 

ทันใดนั้นเอง มีเสียงดังมาจากที่ใดมิทราบ

 

“…”

 

“เห้ยได้ยินกันไหม เสียงนั้นบอกว่ามดกำลังจะมาโจมตีเรา” ฝูงคนแตกตื่น

 

หลินหยางขมวดคิ้วนิ่งเงียบ

 

“ทุกคนใจเย็นๆ ก่อนอื่นพวกเรามาแนะนำตัวกันก่อน ผมชื่อเทียนหนิงเจี้ยนในอดีตผมเป็นข้าราชการ” เขากล่าวมันพยายามทำให้สถานการณ์กลับสู๋ความสงบ

 

“เอ่อ..ฉันชื่อ หรงเถียนเหยา ฉันเป็นนักศึกษามหาลัย..”

 

“ผมชื่อ หลินหยาง” หลินหยางแนะนำตัว

 

 

“ฉันชื่อ…” จากนั้นทุกคนก็มารวมกันและเริ่มแนะนำตัวทีละคน

 

“เอาล่ะ ในเมื่อตอนนี้มีฝูงมดกำลังมุ่งหน้ามาทางเมืองของเราพวกเราควรเตรียมตัวป้องกันก่อน ผมคิดว่าทุกคนคงจะเห็นนกยักษ์นั้นแล้วนะ เพราะฉะนั้นพวกเราต้องป้องกันเมืองโดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน พวกเราต้องสามัคคีกันอย่างที่ตาแก่พระเจ้านั่นพูด มีเมืองแบบเราอีกเป็นล้านเมือง เพราะงั้นพวกเราต้องสู้หากอยากมีชีวิตรอด” เทียนหนิงเจี้ยนกล่าวมันทำเหมือนว่ากำลังหาเสียงเลือกตั้ง

 

“แต่ตอนนี้ผมว่าพวกเรามาเลือกว่าใครจะเป็นผู้นำสั่งการกันก่อนดีไหม พวกเราจะได้จัดเตรียมการป้องกันเมืองของเราได้”เขาพูดพลางยิ้มด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ เนื่องจากเขาต้องประจบเจ้านายทุกวันทำให้ฝีปากเขาดีอย่างยิ่ง

 

หลังจากฟังที่เทียนหนิงเจี้ยนผู้คนจ้องมองมันเป็นตาเดียว

 

“ทำไมคุณไม่เป็นผู้นำล่ะ” มีชายคนนึงพูดขึ้น

 

“ใช่ๆคุณเป็นหัวหน้าเลย พวกเราจะฟังคุณ” หลังจากนั้นก็เริ่มมีคนผสมโรงตามน้ำกันไป

 

เทียนหนิงเจี้ยนลอบยิ้มภายในใจ

 

‘หึหึ เจ้าพวกนี้ก็เป็นได้แค่ผู้ตาม’ เขาคิด

 

“เฮ้อ~หากพวกคุณต้องการแบบนั้นก็ได้ ผมจะจัดสรรงานที่ทุกคนต้องทำให้เอง” เขาพูดพลางยิ้มอย่างเจ้าเลห์ มันทำทีถอนหายใจคล้ายกับจำใจยอมรับตำแหน่งตามเสียงเรียกร้องอย่างช่วยไม่ได้

 

“พ่อหนุ่ม นายชื่อหลินหยางใช่ไหม ทำไมเธอไม่ไปอยู่แนวหน้าล่ะ” เทียนหนิงเจี้ยนกล่าว

 

‘!?’ หลินหยางตกใจเมื่อได้ฟังที่มันพูด

 

“ทำไมผมถึงต้องไปอยู่แนวหน้าล่ะ” เขาถามด้วยความมึนงง หากต้องไปอยู่แนวหน้าต่อสู้กับพวกมดไฟที่แม้แต่ตัวก็ยังไม่เคยเห็น ไม่หวาดกลัวน่ะสิจึงจะแปลก

 

“เพราะนายยังหนุ่มและไม่ได้มีงานทำ!!” หนิงเจี้ยนกล่าวต่อ

 

“พวกเธอก็ด้วย ใครที่ยังหนุ่มยังสาวและเป็นคนว่างงานหรือนักศึกษาให้ไปอยู่แนวหน้าทั้งหมด” มันกล่าวออกด้วยใบหน้าราบเรียบราวกับสิ่งที่มันพูดนั้นมิใช่สิ่งผิด

 

เริ่มมีเสียงคนจอแจ

 

‘ทำไมพวกเราต้องไปอยู่แนวหน้าด้วย’ มีเสียงกระซิบกระซาบกันบางเบา พวกมันไม่พอใจกับการตัดสินเช่นนี้

 

‘หึ’ เทียนหนิงเจี้ยนแสยะยิ้ม

 

“เพราะเมืองของพวกเราต้องการคนมีฝีมือ หากใครมีประสบการณ์ทำงานด้านไหนให้เป็นผู้สนับสนุนระยะไกลแทน” หนิงเจี้ยนกล่าว

 

‘คนโง่ย่อมตกเป็นเหยื่อของคนฉลาด หึหึ’ มันคิดยิ้มเยาะในใจ

เทพอสูรสยบโลกา

เทพอสูรสยบโลกา

Score 7.1
Status: Ongoing Released: N/A Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง เทพอสูรสยบโลกาประเทศจีน ปี ค.ศ. 2025 จู่ๆ เกิดแผ่นดินไหวขึ้นทั่วโลก และ มี”ประตู” ประหลาดเกิดขึ้นทั่วทุกเมืองใหญ่ทั่วโลก พร้อมกับเสียงปริศนา “มนุษย์เอ๋ย พวกเจ้าอยากเปลี่ยนแปลงโชคชะตาหรือไม่ อำนาจ เงินทอง วาสนา ความมั่งคั่ง หากอยากเปลี่ยนแปลง เชิญเข้ามาที่ประตูนี้ จักต้อนรับพวกเจ้า” เรื่องราวแห่งตำนานกำลังจะเริ่มขึ้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset