เทพอสูรสยบโลกา – ตอนที่ 642

เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่ 642 ย้อนนึก(ตอนต้น)

 

มันรอคอยอย่างใจจดใจจ่อให้มนุษย์ผู้โง่งมโจมตีมาอีกครั้งและมันจะตอบโต้ด้วยวิธีการเดิม ถึงครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ตัดสินผลแพ้ชนะในคราวเดียว เพราะหลังสิ้นการผลักใสไล่ส่งคู่ต่อสู้ แล้วมันจะควบคุมร่างของค้างคาวตัวจิ๋วเพื่อทําการโจมตีที่รุนแรงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ซึ่งก่อนจะทําเช่นนั้นมันจําต้องบ่งชี้กําหนดตําแหน่งที่อยู่ของเป้าหมายให้ชัดเจนเสียก่อน

 

ทว่าสิ่งที่ควรจะเป็นไปอย่างที่มันคิดกลับไม่เรียบง่ายเช่นนั้น เมื่อแวมไพร์ปีศาจดึงความสนใจกลับมาจากค้างคาวตัวจิ๋วในยามนี้หลินหยางก็ลักลอบเข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ภายใต้ร่างของมันเสียแล้ว

 

ชายหนุ่มใช้เพียงปลายเท้าเคลื่อนไหวราวกับภูติผีไม่ทิ้งเสียงใดๆไว้เบื้องหลัง อย่าว่าแต่แวมไพร์ปีศาจเลยแม้แต่มนุษย์ด้วยกันก็คงมิสามารถตรวจจับได้ และตรงตําแหน่งนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นจุดบอดโดยสมบูรณ์เลยทีเดียว เพราะรูปลักษณ์ของเจ้าแวมไพร์ที่มีรูปทรงเสมือนลูกบอล นี่ทําให้ส่วนที่คาดว่าจะเป็นลําตัวยื่นนูนเลยออกมาปิดบังการมองเห็นดวงตาที่อยู่ด้านบนของตนจนมิดชิดในระยะครึ่งก้าว นอกเสียจากว่ามันจะขยับตัวเอนส่วนบนของตนมาข้างหน้ามิฉะนั้นมันก็จะไม่มีทางมองเห็นหลินหยาง และมันก็ไม่มีปัจจัยใดให้มันต้องเคลื่อนไหวเช่นนั้น เพราะมันไม่มีความระแคะระคายเลยว่าคู่ต่อสู้ของมันจะแอบไปหลบซ่อนอยู่ใต้ร่างของตน

 

แม้จะถูกพงของก้อนเนื้อแวมไพร์บังจนมิดแต่หลินหยางก็มิประมาทเขาขดตัวม้วนงอราวกับกุ้ง ใบหน้าของเขาห่างจากร่างกายของแวมไพร์ตนนี้ราวหนึ่งถึงสองนิ้วแทบจะเรียกได้ว่าหายใจรดกันเลยทีเดียว ชายหนุ่มพยายามมิให้ส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกายของตนไปแตะต้องถูกตัวของศัตรู แม้แต่การหายใจเข้าออกยังเชื่องช้าแผ่วเบาถึงขีดสุด เขาทําทุกวิถีทางเพื่อมิให้มันรู้ตัว ลบตัวตนของตัวเองกลายเป็นอากาศธาตุ

 

เมื่อถึงช่วงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มตัดสินชี้ขาด ความหายนะก็มาเยือนแวมไพร์ปีศาจเมื่อมันหาเป้าหมายของตนไม่พบ

 

ทุกเสี้ยววินาทีช่างยาวนาน หลินหยางที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อในที่สุดเขาก็พบโอกาศทองที่หาได้ยากยิ่งเมื่อเจ้าแวมไพร์ปีศาจที่ร้อนลนแตกตื่นกับการมองหาเป้าหมายได้ลดเกราะป้องกันอันแข็งแกร่งของตนลง ปีกเหล็กที่เคยแนบชิดดวงตาจนเหลือช่องว่างไม่ถึงหนึ่งเซน ซึ่งขนาดของมันเล็กเกินกว่าจะแทรกปลายดาบเข้าโจมตีได้ แต่ตอนนี้ปิกที่คอยคุ้มกะลาหัวของมันอยู่ ถูกนําออกจากจุดสําคัญอย่างดวงตาของมันแล้ว

 

มันเพิ่มช่องว่างระหว่างตัวและปีกของตนเพื่อเพิ่มความคล่องตัวและเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นของตน

 

และนั่นก็คือสิ่งที่หลินหยางรอมานาน

 

ในตอนนั้นชายหนุ่มคิดเพียงแค่ว่าตนต้องโจมตีดวงตาของแวมไพร์ปีศาจเพียงอย่างเดียว มิได้มีแผนการสํารองใดๆเอาไว้เลย กลยุทธ์ที่เคยครุ่นคิดมานั้นก็มีเป้าหมายทั้งหมดอยู่ที่ดวงตา ที่เป็นจุดสําคัญของคู่ต่อสู้เท่านั้น

 

หลินหยางอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งยืนยืนแขนสอดมือไล่เรียบไปกับผิวหนังของแวมไพร์ปีศาจระหว่างช่องว่างปีกและลําตัวของมันด้วยความเร็ว ตามความคิดของตนเมื่อวิเคาะห์จากระยะห่างแล้วท่อนแขนของตนสามารถเอื้อมถึงดวงตาของมันได้อย่างแน่นอน

 

ทว่าเพียงเสี้ยววินาทีต่อมาแวมไพร์ปีศาจก็รู้ตัวถึงสิ่งแปลกปลอมที่กําลังไต่ร่างของตนอยู่ สัญชาตญาณป้องกันตัวก็ถูกใช้งานออกอย่างทันทีทันใด ปีกเหล็กของมันตะครุบท่อนแขนของหลินหยางเบียดเข้ากับผิวกายของตนจนจมดิ่ง

 

ปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วเกินไปของแวมไพร์ปีศาจทําให้แผนการของเขาล่มลงไปโดยปริยาย

 

เขาเอนตัวไปด้านหลังดึงแขนตนกลับจากด้านล่าง เมื่อสามารถหลุดออกมาได้ตอนนี้เขาจําต้องหาวิธีใหม่ให้โดยเร็วที่สุดก่อนที่ค้างคาวตัวจิ๋วจะได้เริ่มทําการโจมตีด้วยความเร็วราวกับกระสุนปืน

 

เมื่อคิดคํานึงถึงค้างคาวตัวจิ๋วทําให้หลินหยางมีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมา การจะทําร้ายร่างกายของแวมไพร์ปีศาจหาใช่มีเพียงแค่วิธีการโจมตีทางกายภาพอย่างเดียวไม่ ในเมื่อจิตวิญญาณของมันและค้างคาวตัวจิ๋วเชื่อมต่อกันอย่างน่าอัศจรรย์แล้วเช่นนั้นใยเขามิให้ค้างคาวตัวจิวเป็นผู้รับฝากรอยแผลส่งต่อให้เจ้านายของมันเองเล่า

 

และนี่คือที่มาของการโจมตีถัดไป หลังจากหลุดออกมาจากแวมไพร์ได้แล้วชายหนุ่มปรากฏตัวประจัญกับมันซึ่งหน้า เมื่อแวมไพร์ปีศาจเห็นเช่นนั้นมันจึงตายใจคิดว่ามนุษย์ผู้นี้ตั้งใจจะเผชิญหน้ากับมันตรงๆไร้เล่ห์เหลี่ยมใดๆ

 

เพื่อย้ําเติมความคิดมันหลินหยางทําที่กระโดดโจมตีอย่างตรงไปตรงมาเงื้อง้างอาวุธด้วยสองมือไปด้านหลังซึ่งใครเห็นก็ต้องบอกว่านี่คงจะเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดสําหรับชายหนุ่ม ไม่เว้นแม้แต่แวมไพร์ปีศาจที่ถูกภาพที่เห็นต้มจนสุก การเสแสร้งของเขานี้มิได้เพิ่มความรวดเร็วใดๆลงไปเลยมันจึงเทียบเท่ากับความเร็วทั่วไปของมนุษย์

 

ภาพมนุษย์หนุ่มที่เคยเห็นรวดเร็วมาตลอดกลับกลายเป็นดั่งภาพชาเนิบนาบ แวมไพร์ปีศาจที่เห็นเช่นนั้นยิ่งปักใจเชื่อมั่นว่ามนุษย์ผู้นี้จะใช้การโจมตีที่รุนแรงวัดผลการรบ มุมปากมันจึงแสยะยิ้มหัวเราะเยาะในความเขลาพร้อมกับหุบปีกยักษ์กลับมาป้องกันร่างจนมิดชิดแทบไม่เหลือรูโหว่ให้สอดส่องออกมารอคอยการโจมตีดังกล่าวอย่างใจจดใจจ่อด้วยความตื่นเต้น

 

ทว่าหลินหยางหาได้โผล่หน้าไปอย่างที่มันคิดไม่ ขณะที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศนั้นเขาเอนตัวไปด้านหลังใช้เท้าทั้งสองข้างเหยียบเข้าใส่ปีกเหล็กของมันเต็มฝ่าเท้า ดันร่างของตนบินถลากลางอากาศไปทิศตรงกันข้าม ยังมิทันถึงพื้นชายหนุ่มหมุนกายหงายหลังพร้อมกับลงพื้นด้วยอย่างนิ่มนวลด้วยทะเลเลือดที่เคลือบอยู่บนพื้นถ้ําช่วยลดแรงกระแทกไปได้ส่วนหนึ่ง

 

การเคลื่อนไหวมิหยุดชะงัก เพียงพริบตาที่ลงถึงพื้นด้วยระยะห่างไกลออกจากแวมไพร์ปีศาจร่วมหนึ่งเมตร ด้านหน้าของเขาก็มีค้างคาวตัวจิ๋วรอต้อนรับอยู่

 

ค้างคาวตัวจ้อยที่เห็นศัตรูเป้าหมายอยู่ในสายตามันหาได้มีปฏิกิริยาตอบสนองไม่ มันยังคงเรียบตัวหุบปักพุ่งเป็นเส้นตรงไม่เบี่ยงซ้ายขวาหรือกางปีกชลอความเร็ว ใบหน้าของมันยังเฉยเมยไร้ความรู้สึกดั่งเครื่องจักร

 

ค้างคาวตัวจิ๋วอยู่ในระดับความสูงเทียบเท่าหลินหยางที่กําลังถึงคลานอยู่บนพื้นยังมิได้ตั้งหลักทรงตัว ชายหนุ่มแสยะยิ้มทันทีที่เห็นเป้าหมายในสายตาของตน เขามิจัดระเบียบร่างกายให้อยู่ในสภาพปกติพร้อมสู้แต่อย่างใดเพราะมันมิจําเป็นสําหรับค้างคาวตัวจิ๋วที่ไร้หางเสือคอยบังคับ

 

เขายื่นมือขวาออกไปด้านหน้างอข้อศอกเล็กน้อยพร้อมกับเกร็งกําลังแขนจนเส้นเลือดปูดโปนอย่างน่ากลัว หันคมดาบไปในทิศตรงกันข้ามกับตนเอง

 

ฉวับ

 

เสี้ยววินาทีต่อมาก็มีเสียงน่าหวาดเสียวเกิดขึ้น

 

เจ้าค้างคาวตัวจ้อยบินเข้าสู่ความตายด้วยตัวมันเอง!

 

หลินหยางได้วางกับดักอันแสนเรียบง่ายที่สําหรับสิ่งมีชีวิตทั่วไปที่พอจะมีสมองคิดไตร่ตรองถึงผลได้ผลเสียคงจะหลบได้ไม่ยากเย็น แต่มิใช่สําหรับค้างคาวตัวจิ๋ว มันโง่งมงั้นหรือ? มิใช่เลย แต่เป็นเพราะมันไร้ชีวิตจิตใจไม่มีความคิดไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจใดๆเกี่ยวกับชีวิตของเลยต่างหาก

 

แผละ

 

ร่างของมันลอยถลาเสียการทรงตัวตกลงบนผืนถ้ําไม่ห่างจากจุดที่หลินหยางอยู่มากนัก

 

หลินหยางยิ้มกริ่มอย่างพึงพอใจ แม้ตําแหน่งโจมตีจะคลาดเคลื่อนไปจากเป้าหมายที่กําหนดเล็กน้อย เดิมที่เขาตั้งใจจะวางคมดาบดักขวางทางให้จุดปะทะอยู่ในตําแหน่งเดียวกันกับดวงตาของค้างคาวตัวจ้อย เพื่อให้มันได้ฝากฝังบาดแผลฉกรรจ์นี้ไว้กับตัวของแวมไพร์ปีศาจ แต่อย่างใดก็ตามเพียงแค่สามารถสร้างบาดแผลหนักบนร่างของค้างคาวตัวจิ๋วคู่ต่อสู้ที่เคยตึงมือจนหาทางรับมือได้ยากเช่นนี้ก็เพียงพอต่อความต้องการของเขาแล้ว

 

ยังไม่สิ้นสุดกระบวนการ เป้าหมายของหลินหยางมิใช่เพียงแค่โจมตีค้างคาวตัวจิ๋วและฝากบาดแผลให้แก่แวมไพร์ปีศาจสร้างความเสียหายเพิ่มเติมบนร่างของมันแต่อย่างใด เป้าหมายหลักแต่เดิมของเขาไม่เคยแปรเปลี่ยน นั่นก็คือดวงตาของแวมไพร์ปีศาจ!

 

เทพอสูรสยบโลกา

เทพอสูรสยบโลกา

Score 7.1
Status: Ongoing Released: N/A Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง เทพอสูรสยบโลกาประเทศจีน ปี ค.ศ. 2025 จู่ๆ เกิดแผ่นดินไหวขึ้นทั่วโลก และ มี”ประตู” ประหลาดเกิดขึ้นทั่วทุกเมืองใหญ่ทั่วโลก พร้อมกับเสียงปริศนา “มนุษย์เอ๋ย พวกเจ้าอยากเปลี่ยนแปลงโชคชะตาหรือไม่ อำนาจ เงินทอง วาสนา ความมั่งคั่ง หากอยากเปลี่ยนแปลง เชิญเข้ามาที่ประตูนี้ จักต้อนรับพวกเจ้า” เรื่องราวแห่งตำนานกำลังจะเริ่มขึ้น

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset