เทพเจ้าล่าสังหาร – บทที่ 19 จิตวิญญานกายาแข็ง

บทที่ 19 จิตวิญญานกายาแข็ง

 

ต้นไม้เก่าแก่ขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ด้านหน้าของ ลั่วฮ่าว . สูงหลายสิบเมตร และหนามากว่าคนสิบคนจับมือกันเป็นวงกลม มีใบไม้หนาปกคลุมไปทั่วจนมองไม่เห็นท้องฟ้า

ลั่วฮ่าว หยุดเดินทันที และปล่อยตัว มู่หยู่เตี๋ยลง จ้องมองไปที่ต้นไม้เก่าแก่ ร่างที่ดูภูมิฐานของเขาดูเหมือนกำลังตัดสินใจเรื่องสำคัญบางอย่างอยู่

เป็นจ้าวชิน ตี่ย่าหลาน และหู้หลงที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ต้นไม้เก่าแก่ พวกเขากลายเป็นจริงจังเช่นกัน ดูเหมือนพวกเขาจะรู้ว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติเกี่ยวกับต้นไม้ต้นนี้

ฉื่อหยานขมวดคิ้วเข้าหากัน และเขาก็เริ่มที่จะมองไปที่ต้นไม้ต้นใหญ่ แล้วก็ไม่พูดอะไร

ลั่วฮ่าว สูดหายใจเข้าลึกๆ และหันไปพูดกับพวกเขาด้วยเสียงต่ำ ” เส้นทางด้านขวาของต้นไม้นภา ส่วนใหญ่การเดินทางจะไม่พบเจอสัตว์อสูร และคาราวานการค้าต่างๆมักเลือกที่จะไปเส้นทางนี้กันเพื่ออกจากป่าทมิฬ เส้นทางสายนี้ค่อนข้างปลอดภัย พบเพียงสัตว์อสูรจำนวนน้อยเท่านั้น อีกทั้งพวกมันยังมีระดับเพียงแค่ 1-2 เท่านั้นพวกมันล้วนอยู่ในระดับต่ำ และเส้นทางนี้ก็อยู่ใกล้กับสมาคมการค้า ใช้เวลาเพียงสิบวันก็ไปถึงแล้ว ” .

จ้าวชินและอีกสองคนพยักหน้า เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้เรื่องนี้ดี

หลังจากหยุดพูดสักพัก ลั่วฮ่าว ก็สีหน้าจริงจังอีกครั้ง ” ทางซ้ายของต้นไม้นภา มันเป็นเส้นทางที่ ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มันห่างไกลจากสมาคมการค้าและมีวิญญานร้ายกับสัตว์อสูรจำนวนมาก อีกทั้งยังเต็มไปด้วยทหารรับจ้างและเหล่านักรบที่กล้าหาญมากมาย ผู้ที่กล้าจะไปในเส้นทางนี้ส่วนใหญ่จะต้องเป็นคนที่แข็งแกร่ง พร้อมเผชิญหน้ากับอันตรายอยู่ตลอดเวลา พวกเขาจะต้องอดทนถ้าพวกเขาเลือกเส้นทางนี้ สิ่งที่เราจะได้เห็นนั้นไม่ได้มีเพียงแต่สัตว์อสูร แต่ยังต้องเจอกับนักรบ และ ทหารที่เลวทรามมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรามีหญิงงามทั้งสองอยู่ท่ามกลางหมู่เราด้วย . . . . . . . “

” หึ ! ใครต้องการจะล่วงเกินข้า ข้าจะตัดหัวมัน ! ” ตี่ย่าหลาน ยืนอยู่กับที่ ด้วยความเย็นชาในดวงตาคู่สวยของเธอ

” ลุงลั่ว ท่านคิดอย่างไร ? ” จ้าวชินถาม

” ถ้าเราไปทางขวา ผู้ที่มาจากโลกทมิฬจะสามารถไล่ตามเราได้ใน 1 วัน และจะเกิดการต่อสู้ที่ยากลำบาก ขึ้นแน่นอน ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ , ลั่วฮ่าว กล่าว ” ใครจะไปรู้ วันพรุ้งนี้เราจะโชคดีหรือโชคร้าย และถ้าหากเราประสบกับความโชคร้ายหละก็ . . . . . . . ข้าไม่อยากจะเสี่ยง “

” แล้วหากไปทางซ้าย ? ” หู้หยานถาม

” ถ้าเราเดินไปทางซ้ายเราจะต้องเผชิญกับพวกสัตว์อสูร และมีโอกาสเป็นอย่างมาก ที่เราก็จะถูกฆ่าโดยนักรบเลวทราม แต่มันก็จะเกิดขึ้นเช่นเดียวกันกับพวกที่มาจากโลกทมิฬ พวกมันนั้นมีชื่อเสียงที่ไม่ดี และในจักวรรดิ์อัคคีทุกคนๆล้วนแต่จะต่อต้านพวกมัน และในสถานการณ์แบบนี้ มันจะตกเป็นเป้าหมายของสัตว์อสูรและนักรบพวกนั้นแน่นอน ถ้าพวกมันเจอเข้าสัตว์อสูรระดับสูงโดยบังเอิญหละก็ มันก็เป็นไปได้ว่าพวกมันทั้งหมดก็จะถูกฆ่า . . . . . . . “

ลั่วฮ่าว กำลังพูดอย่างช้าๆ และหลังจากเสร็จสิ้นการอธิบายสถานการณ์ , เขากล่าว , ” ไปทางด้านขวา เราจะไม่ต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ปีศาจหรือนักรบ แต่จะต้องเผชิญหน้ากับคนจากโลกทมิฒนั่นอันตรายเป็นอย่างมาก และหากไปทางซ้าย เราก็อาจจะถูกโจมตีโดยสัตว์อสูรและนักรบ แต่คนจากโลกทมิฬพวกมันก็จะถูกคุกคามเช่นกัน ดังนั้น ไปทางซ้าย เราจะมีโอกาสหลบหนีได้มากกว่า .

” งั้นเราจะไปทางซ้าย ! ” มู่หยู่เตี๋ยพูดออกมาอย่างเด็ดขาด

” ตกลง ” ลั่วฮ่าว พยักหน้า และชำเลืองมองไปที่ฉื่อหยาน และบอกว่า ” นี่มันยังไม่สายเกินไป หากเจ้าต้องการที่จะจากไป มิฉะนั้น . . . . . . . เจ้าจะไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก “

” ข้าจะไปกับพวกท่าน ” ฉื่อหยานตัดสินใจทันที ด้วยความมั่นใจที่มากเกินไปของเขา และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาจมน้ำตายในขณะที่เล่นกีฬาผาดโผน

เขานั้นได้เล่นกีฬาเหล่านั่นมาเป็นเวลาสิบปีแล้ว เมื่อลั่วฮ่าว อธิบายให้เห็นถึงอันตรายจากทางด้านซ้าย ช่วยไม่ได้ที่ฉื่อหยานจะตื่นเต้น

ลั่วฮ่าว พยักหน้าและโบกมือ ” งั้นก็ดี ! ไปกันได้แล้ว จากนี้ไป ทุกคนต้องระวังตัวไว้ “

. . . . .

หนึ่งชั่วโมงต่อมา

โม่ช่าวเก่อ และนักรบจากตระกูลโม่ก็หยุดอยู่ที่ต้นไม้นภา

” ลุงสอง ท่านทราบหรือไม่ว่ามันไปทางไหน ! ” โม่หยานหยูถาม

” ข้าจะไล่ตามไปทางด้านขวา ถ้าข้าไม่กลับมาในอีกสองชั่วโมง พวกเจ้าก็ทำตามวิธีนี้ ถ้าข้าไม่เจอพวกมันใน สองชั่วโมง นั่นย่อมแปลว่าพวกมันไปทางซ้าย ” โม่ช้าวเก่อ คิดสักพัก และสั่งให้พวกเขารออยู่ที่แยก จากนั้นเขาจึงพุ่งไปทางขวา

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงครึ่ง โม่ช้าวเก่อก็ กลับมาด้วยใบหน้าซีดเซียว ” ข้าไม่พบเจอพวกมันแม้แต่น้อย พวกมันกล้ายิ่งนักที่ไปทางด้านซ้าย ทุกคนระวังไว้ ! เส้นทางนี้มีสัตว์อสูรและนักรบอยู่มากมาย อย่าได้ประมาท ! จำเอาไว้ อย่าได้ไปหาเรื่องกับพวกนักรบและทหาร คนเหล่านี้ทั้งหมดล้วนเป็นพวกไร้เหตุผล อย่าไปยุ่งกับคนพวกนี้เด็ดขาด มิเช่นนั้นเจ้าอาจจะตายได้โดยไม่รู้ตัว . . . “

” ขอรับ ! “

” ไปกันได้แล้ว ! “

. . . . .

แรดเขี้ยวดาบสามตัวกำลังเดินเล่นริมลำธาร อย่างสบายใจ พวกมันเป็นสัตว์อสูรระดับ 3 ด้านหลังของมันส่องแสงสีเงินเป็นประกาย ฟันของมันแหลมคมเหมือนดาบในขณะที่อุ้งเท้าและดวงตาของมันส่องแสงสีน้ำตาลแวววาวออกมา สายตาของพร้อมคล้ายกับพวกนักล่า ผิวหนังของแรดทั้ง 3 ถูกปกคลุมไปด้วยดิน ซึ่งเป็นเหมือนเกราะตามธรรมชาติของพวกมัน อาวุธธรรมดาไม่สามารถที่จะทะลวงหรือตัดผ่านมันได้

 

แรดเขี้ยวดาบกำลังกินน้่ำอยู่ ในขณะที่มองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง ดูเหมือนว่ามันกำลังมองอย่างหาเรื่อง

ไปทางพุ่มไม้ไม่ไกลจากพวกมัน , ลั่วฮ่าว ส่งสัญญาณบอกให้ทุกคนเงียบลง

จนกระทั่งแรดเขี้ยวดาบสามตัวเดินจากไปช้าๆ ลั่วฮ่าว ก็ถอนหายใจโล่งอกออกมาและเขาก็กล่าวว่า ” แรดเขี้ยวดาบเป็นสัตว์อสูรระดับสาม นั่นเท่ากับนักรบในระดับมนุษย์ พวกมันเคลื่อนที่ได้รวดเร็วและเฉียบคม นักรบระต่ำจะได้รับบาดเจ็บหรือถูกฆ่าตายอย่างแน่นอนหากพวกเขาเจอเข้ากับแรดเขี้ยวดาบทั้งสามตัว “

ฉื่อหยานมองไปที่แรดเขี้ยวดาบที่กำลังจากไปอย่างช้าๆ และแสดงความต้องการที่อยากจะต่อสู้กับพวกมันออกมา

” นอกเหนือจากการหลีกเลี่ยงสัตว์อสูรที่นี่แล้ว เป้าหมายของข้าคือการปกป้องเตี๋ยเอ๋อ ทุกคนจำไว้ อย่าได้สร้างปัญหาที่ไม่จำเป็น ” ลั่วฮ่าว สังเกตดูและรู้ความคิดของฉื่อหยาน จึงพูดเตือนออกไป

ฉื่อหยานสแยะยิ้มและพยักหน้าอย่างเข้าใจ

” ไปกันต่อเถอะ เราต้องระวังตัวตลอดเวลาเมื่ออยู่ที่นี่ สังเกตุสภาพแวดล้อมไปรอบๆให้ดีและก้าวไปข้างหน้าให้ไว พยายามที่จะหลีกเลี่ยงจากสัตว์อสูรและนักรบสะ อย่าได้ทำให้ตัวเองเดือดร้อน ” ลั่วฮ่าวพูดเน้นย้ำเป็นพิเศษ

. . . . .

ตกกลางคืน

นอกจากต้นไม้เขียวชอุ่มที่ลำธาร จ้าวชินและอีกสองคนต่างก็แยกกันออกไปและตรวจสอบไปรอบๆอย่างระมัดระวัง โดยเกรงว่าจะมีสัตว์อสูรโผล่ออกมา

ฉื่อหยานนั่งตัวตรงอยู่บนพื้นที่เปียกชื้นด้วยสายตาจริงจัง

ความกระหายเลือดยังคงกระตุ้นอยู่ในใจของฉื่อหยานมันดูคล้ายกับหมอกควัน เขาพยายามที่จะขับมันออกไป แต่มันกลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นเรื่องยากมากที่เขาจะกลั่นพลังปราณลึกลับที่เขาดูดซับมาจากศพของนักฆ่าทั้งสอง เขาจึงเป็นกังวลเล็กน้อย

ลั่วฮ่าว ยืนอยู่ข้างๆ มู่หยู่เตี๋ยตลอดเวลา ด้วยสีหน้าบึ้งตึง ดวงตาของเขามองเพ่งทองไปที่ฉื่อหยาน เกรงว่าฉื่อหยานจะบ้าคลั่งขึ้นมาอีกครั้ง

มู่หยู่เตี๋ยดูไม่แยแสสิ่งใด นางจ้องไปที่ฉื่อหยานสักพัก และเมื่อนางสังเกตุเห็นถึงความก้าวร้าวบนใบหน้าของเขา นางนั่งขัดสมาธิลงเบา ๆ และวางพิณโบราณเตรียมพร้อมบนขาของนาง แล้วนางก็เริ่มบรรเลง

เมื่อฉื่อหยานได้ยินเสียงบรรเลงของพิณที่ไพเราะความกระหายเลือดที่เข้มข้อยู่ในจิตใจดูเหมือนค่อยๆฟื้นฟู และค่อยๆ จางหายไป

เขากลั้นลมหายใจและตั้งสมาธิไปที่ความคิดของเขา ฉื่อหยานโคจรพลังปราณลึกลับของเขาอย่างสงบ

หนึ่งชั่วโมงต่อมา กระแสที่อบอุ่น ก็ทะลักออกมาจากเส้นชีพจรมาอยู่บนร่างกายของเขา

ร่างของฉื่อหยานสั่นสะท้าน

ทันใดนั้น ฉื่อหยานรู้สึกกระหายน้ำขึ้นมาอย่างรุนแรง พลังประหลาดพุ่งออกมาจากเส้นชีพจรของเขา มันดูดซึมไปที่กล้ามเนื้อและกระดูก และมันก็ผสมกับพลังปราณลึกลับในช่องท้องของเขา กระแสอบอุ่นไหลเข้าไปในกล้ามเนื้อและกระดูกของเขาและมันสร้างเป็นรากฐานของกล้ามเนื้อและเลือด

ภายในไม่กี่ลมหายใจ กระแสอบอุ่นประหลาดก็ไหลออกมาจากเส้นชีพจร มันอบอวลไปทั่วเส้นเลือด กล้ามเนื้อ และกระดูกทั่วร่างกายของเขา นั่นทำให้เขาแปลกใจเป็นอย่างมาก

ตอนนั้นเอง ฉื่อหยานเริ่มรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือด กล้ามเนื้อ และกระดูก

” ปัง ! “

เหมือนมีบางอย่างที่หนักหน่วงจู่โจมมาที่หัวของเขา และช่วงเวลาต่อมา เขารู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกประหลาดในร่ายกายของเขา

ใบหน้าของเขาซีดเซียวเต็มไปด้วยความกลัว เขาลืมตาขึ้นทันทีและมองไปที่แขนที่เปลือยเปล่าของเขาซึ่งตอนนี้มันกลายเป็นสีเทาและบิดไปบิดมา

จิตวิญญานกายาแข็ง !

ฉื่อหยาน ตกใจเป็นอย่างมาก เขาสนใจไปที่การเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขาเขาไม่คาดคิดว่ามันจะเปลี่ยนแปลงอย่างไปอย่างฉับพลันเช่นนี้

ตามความคิดของเขา ร่างกายก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

ด้วยความกังวล , ฉื่อหยานมองไปที่ ลั่วฮ่าว มู่หยู่เตี๋ยและคนอื่นๆที่กำลังคุยกันอยู่หลังต้นไม้ไม่ไกลจากเขา เมื่อเขาสังเกตุว่าไม่มีใครเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของเขา

เขารู้สึกโล่งใจ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข เขาแอบมีความสุขและเพลิดเพลินกับมันในเวลานี้

ร่างกายของเขาเริ่มที่จะแข็งขึ้น ซึ่งนั่นหมายความว่าจิตวิญญานกายาแข็งของเขาได้ถูกปลุกขึ้นมาแล้ว !

จิตวิญญานกายาแข็งเป็นพลังพิเศษของตระกูลฉื่อ หากระดับของเขาเพิ่มขึ้น มันก็จะแข็งแกร่งและแข็งแรงขึ้นตาม เขาจะไม่ได้รับความเสียหายใดๆในระดับหนึ่งจากอาวุธและคลื่นกระแทกจากพลังปราณลึกลับ

ก่อนหน้านี้ ฉื่อหยานคิดว่าเจ้าของร่างกายคนเก่านั้นไม่ได้ครอบครองจิตวิญญาณต่อสู้ แต่นี่มันช่างประหลาดนักที่มันถูกปลุกขึ้นในตอนที่เขาบรรลุเข้าสู่ระดับก่อตั้ง เขามีความสุขเป็นอย่างมาก

จิตวิญญานกายาแข็ง เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างมากในการต่อสู้ หลังจากการทำให้กายาแข็งแล้ส ร่างกายเขาจะแข็งเหมือนหินผา แต่มันยังค่องแคล่วว่องไวเช่นเดิมหรืออาจจะมากกว่าเดิม ซึ่งมันได้เพิ่มความสามารถให้เขาอย่างมหาศาล

นอกเหนือจากจิตวิญญานกายาแข็งแล้ว , ฉื่อหยาน ยังได้ครอบครองจิตวิญญาณอมตะซึ่งสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บต่างๆได้ด้วยตัววเองอีก ด้วยความช่วยเหลือของจิตวิญญานต่อสู้เหล่านี้และเมื่อเขาฝึกฝนด้วยการสนับสนุนของพวกมัน เขาไม่สามารถที่จะจินตนาการได้เลยว่า ร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นมากเท่าใด

” เดี๋ยวก่อน ! ” ฉื่อหยาน ขมวดคิ้ว และคิดว่า ” จิตวิญญานการต่อสู้มิใช่ว่าได้รับสืบทอดหลังจากที่เกิดงั้นรึ ? ตอนนี้ร่างกายนี้อายุ 17 ปีแล้ว , แต่ก็ยังสามารถปลุกจิตวิญญานต่อสู้ขึ้นมาได้ ? นี่มันแปลกเกินไป ! หรือมันเป็นเพราะพลังงานประหลาดพุ่งออกมาจากเส้นชีพจรกัน ? “

ความคิดนี้แวบขึ้นมาในหัวของเขาทันที การที่จิตวิญญานต่อสู้ทั้งสองของเขาถูกกระตุ้น ; ทั้งกายาแข็งและอมตะ มันต้องเป็นเพราะบ่อโลหิตนั่นแน่ๆที่เปลี่ยนแปลงร่างกายของเขา

 

ฉื่อหยาน เดาว่า กระแสพลังประหลาดที่พุ่งออกมาจากเส้นชีพจรของเขา มันสามารถกระตุ้นจิตวิญญานต่อสู้ที่อยู่ในร่างกายให้ตื่นขึ้นมาได้ ด้วยความคิดเช่นี้นี้ ทำให้เขาตื่นเต้นมาก เขาอยากจะร้องออกมาดัง ๆและเฉลิมฉลอง !

จิตวิญญาณการต่อสู้เป็นมรดกที่ต้องได้รับสืบทอดเท่านั้น โดยทั่วไป มันจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อระดับพลังเพิ่มขึ้น มันแทบจะไม่มีหนทางอื่นที่สามารถเพิ่มพลังของจิตวิญญานการต่อสู้ได้เลย

จิตวิญญาณการต่อสู้ คือ ของขวัญที่นักรบภูมิใจมากที่สุด และยัง เป็นสิ่งสำคัญที่กำหนดความสามารถของนักรบอีกด้วย นักรบต่างฝึกฝนกันอย่างหนักก็เพื่อที่จะเพิ่มพลังให้กับจิตวิญญานของตน

นอก ระดับพลังที่เพิ่มขึ้นแล้ว มันยังมีข้อจำกัดอื่นอีกที่สามารถเพิ่มระดับของจิตวิญญาณการต่อสู้ได้

ในแผ่นดินรุ่งเรือง แม้แต่นักกลั่นสกัดในตำนานซึ่งอยู่ในระดับพระเจ้า ก็ยังแทบจะไม่สามารถกลั่นยาที่สามารถเพิ่มพลังของจิตวิญญานต่อสู้ได้เลย เม็ดยาเหล่านั้นหายากและมีค่าเป็นอย่างมากในแผ่นดินรุ่งเรือง และทุกคนต่างก็เชื่อว่ามันมีอยู่เพียงในตำนวนเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เม็ดยาเหล่านั่นก็ย่อมมีข้อจำกัดของมัน เพราะเนื่องจาก จิตวิญญาณการต่อสู้เป็นพรจากสวรรค์ที่ต้องได้รับจากการสืบทอดเท่านั้นถึงจะได้รับครอบครอง ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนแปลง

ขณะนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีกระแสอบอุ่นประหลาดพุ่งออกมาจากเส้นชีพจรของฉื่อหยาน ดูเหมือนว่ามันกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง นี่ดูเหมือนว่ามันอาจช่วยกระตุ้นและเพิ่มความสามารถของจิตวิญญาณการต่อสู้ให้เขาอีกครั้งก็เป็นได้

––––––––––––––––––––––––

ปล. ลงอีกที วันที่ 4/2/2560 จ้าา

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่ กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เทพเจ้าล่าสังหาร ฉื่อหยาน เป็นเด็กหนุ่มชื่นชอบกีฬาผาดโผน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการผจญภัยในหลุมฟ้าบาฮามาส ฉื่อหยานบังเอิญเดินทางผ่านเวลาและพื้นที่ จนไปกลายเป็นนายน้อยของตระกูลที่มีชื่อเสียง มีชื่อว่า ฉื่อหยาน ตอนนั้นเองคุณชายน้อยฉื่อหยานได้เสียชีวิตลลงที่ข้างบ่อเลือดพอดี และในระหว่างการผจญภัยสุดยอดกีฬาผาดโผน วิญญาณของเขาได้ถูกโอนเข้ามาของร่ายกายนายน้อย ฉื่อหยาน และได้รับแหวนวิเศษที่ถูกเรียกว่า ' แหวนสายโลหิต ' แหวนที่มีพลังลึกลับซึ่งทำให้ฉื่อหยาน เป็นนักฆ่า ความต้องการฆ่าของเขานั้นไร้สิ้นสุด ทุกอย่างทำเพื่อเพิ่มพลังอำนาจของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทุกครั้งหลังการฆ่า ความต้องการทางเพศก็จะตามมา . . . . . . .

Comment

Options

not work with dark mode
Reset