เทพเจ้าล่าสังหาร – บทที่ 194 ตอนนี้เจ้าจะหลีกไปได้หรือยัง

บทที่ 194 ตอนนี้เจ้าจะหลีกไปได้หรือยัง ?

 

ทางเข้าเหมืองเป็นหลุมดำขนาดใหญ่มันเป็นเหมือนกับปากของปีศาจที่รอพวกเขาเข้าไป

สายลมที่หนาวเย็นพัดมาจากถ้ำทำให้ทุกคนต่างก็ไม่สบายใจ พวกเขาได้ยินเสียงหวัดร้องดังออกมาจากทำเหมือนกับเสียงท้าทายจากพวกอสูร

 

ฉื่อหยาน หลินหนาน และเหอซิงเหมิน ยืนอยู่หน้าถ้ำและสังเกตจากทางเข้าถ้ำอย่างระมัดระวัง

ฉื่อหยานแอบส่งพลังวิญญานเข้าไปในไข่มุกรวมวิญญานและจากนั้นก็ขยายมันออกไป

ภายในถ้ำว่างเปล่าพร้อมกับมีเส้นทางอีกสี่เส้นที่แยกกันออกไป

ส่งพลังวิญญาณของเขาไป เขาสัมพัสได้ถึงกลิ่นอายของอสูรเผ่าเกล็ดดำที่อยู่ภายใน แต่ก็ไม่สามารถรู้ตำแหน่งที่แน่นอนได้

ถ้ำลึกเป็นอย่างมาก และมีเส้นทางหลายสาย ทำให้ด้านล่างของภูเขา ด้วยฉื่อหยานที่ใช้ไข่มุกรวมวิญญานช่วยเหลือ ฉื่อหยานก็สัมพัสได้ว่าไม่มีเผ่าเกล็ดดำอยู่เลยในระยะห้าร้อยเมตร

แต่เขาค่อนข้างแน่ใจว่าอสูรเผ่าเกล็ดดำจะต้องอยู่ในถ้ำนี้แน่นอน

” อืม ไปกันเถอะ ทุกคนระวังตัวด้วย ” หลินหนาน ยืนอยู่สักพักที่หน้าทางเข้า แล้วก็พูดว่า ” นำศิลาเสียงเข้าไปในถ้ำด้วย เพื่อใช้ติดต่อกัน ” .

หลินหนานหันไปบอก เหอซิงเหมิน และ เฉินอี๋ตาน .

พวกเขาทั้งสี่คนถือหินสีเงินเล็กอยู่ในมือ ด้วยหินนี้พวกเขาสามารถถ่ายทอดเสียงหากันได้ในระยะหนึ่ง

” รับทราบ ”

เหอซิงเหมิน และคนอื่น ๆก็พยักหน้าอย่างมั่นใจ

” เราอยู่ข้างในแล้ว ” .

ภายในถ้ำมืดมิดมาก พวกเขาจึงต้องใช้หินไฟเพื่อส่องทาง

มีเส้นทางกระจายมากมายอยู่ในถ้ำ ซึ่งอาจทำให้ใครคนหนึ่งหลงทางได้อย่างง่ายดาย

” เจ้าทั้งสี่คนจำเส้นทางและตำแหน่งของพวกเจ้าไว้ . ” หลินหนานสั่ง

แล้วทางแยกแรกก็ปรากฏขึ้นมาในสายตา

” เราควรจะแยกกันไป ” ฉือยู่ป๋าย ขมวดคิ้ว ” พี่สาวหนาน เรา จะ ไป เส้นทางนี้ หากเกิดอะไรขึ้นข้าจะส่งข้อความผ่านศิลาเสียง ”

” ตกลง ”

” ตามมา ” ฉือยู่ป๋าย ออกคำสั่งและแยกตัวออกมาจากพวกเขา

หลินหนานและนักรบคนอื่นๆก็เดินตรงไปต่อ

ไม่นาน เส้นทางอีกแยกหนึ่งก็ปรากฏ

” พี่สาวหนาน เส้นทางนี้เราจะไปเอง . ” เหอซิงเหมิน ยิ้มและพูดกับหลินหนาน ” หากเกิดอะไรขึ้น ข้าจะส่งข้อความบอก ”

” ตกลง ไปได้แล้ว ” หลินหนานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ” อี๋ตานนั้นเกียจคร้านมาก ข้าจะไปกับนางก่อน ข้าจะมาหาเจ้าทันทีเมื่อได้รับข้อความ”

เหอซิงเหมิน พยักหน้า เหลือบมองไปที่ผู้ติดตามและตะโกนว่า ” ตามข้ามา ”

แล้วเหอซิงเหมิน ก็ก้าวไปตามเส้นทางนั้น

นักรบระดับหายเจ็ดคนตามนางไปด้วยสีหน้าจริงจัง

ฉื่อหยาน ดูไม่สนใจอะไร เขาก้าวตามไปอย่างเงียบๆ

” พี่สายหนาน ถ้าเจ้านี่ตายนี่นี่ ตระกูลหยางจะเอาผิดเราหรือไม่ ” เผิงเพ่ยถามขึ้นเมื่อพวกเขาเห็นว่าฉื่อหยานจากไปแล้ว

เฉินอี๋ตาน ดูเหมือนจะกังวลเป็นอย่างมาก นางจึงถามว่า ” พี่สาวหนาน คนๆนี้ไม่ได้มาจากตระกูลหยาง แต่เขากลับมาพร้อมกับนักรบชูร่า เขาเป็นใครกันแน่ ? เขาเป็นเพียงนักรบในระดับหายนะเท่านั้น ถ้าพวกเขาพบกับอสูรและเหอซิงเหมิน ไม่ได้ปกป้องเขา เขาจะต้องตายแน่นอน ”

” นั่นก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของเจ้านินา ” หลินหนานขมวดคิ้ว ” ซิงเหมินเหมาะสมที่สุดแล้วที่จะดูแลเขา ”

” แต่ข้าคิดว่า ซิงเหมินดูเหมือนจะไม่ชอบเขานะ นางอาจจะฆ่าเขาโดยการบอกให้เขาตามนางไปก็ได้ ” เผิงเพ่ยเกาหัวตัวเอง

หลินหนานคิดสักครู่ นางหยุดแล้วถามว่า ” ไม่ ซิงเหมิน จะไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน นอกจากนี้ ที่ตระกูลหยางกล้าส่งเขามายังเกาะนี่แปลว่าเขาต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอน เจ้าก็รู้ว่าคนจากตระกูลหยางล้วนไม่ธรรมดา ” .

” ถ้าเขามาจากตระกูลหยางจริง ข้าก็ไม่ดูถูกเขาหลอก ” เฉินอี๋ตาน ส่ายหน้า ” แต่ปัญหาคือ แซ่ของเขาคือ ฉื่อ เนี่ยสิ ”

” ไม่เป็นไร ปล่อยเขาไปเถอะ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรอยู่แล้ว แม้ว่าเขาจะตายที่นี่ ” หลินหนานดูไม่สนใจ ” อย่างที่เจ้าว่า เขาคงน่าจะไม่ได้มาจากตระกูลหยาง ”

” ข้าก็คิดเช่นนั้น” เผิงเพ่ยพยักหน้า

” ฉื่อหยาน มาข้างหน้านี้ที ” เหอซิงเหมิน พูดขึ้นจากด้านหน้าของกลุ่ม

เส้นทางนี้แคบเป็นอย่างมาก สามารถยืนเรียงกันได้แถวละสามคนเท่านั้น เหอซิงเหมิน อยู่ที่ด้านหน้าของกลุ่ม และนักรบระดับหายนะเจ็ดคนก็ยืนต่อแถวจากด้านหลังนาง

ฉื่อหยานนั้นอยู่ท้ายสุด

ตั้งแต่เหอซิงเหมิน เรียก ฉื่อหยานก็เดินขึ้นมา

” ขอโทษที ” ฉื่อหยานขมวดคิ้วเข้าหากันและแทรกตัวขึ้นไปข้างหน้า

มีนักรบเจ็ดคนปิดกั้นทางอยู่ ก่อนที่เขาจะถึงหน้าแถวและพวกเขาก็ดูเหมือนจะไม่เต็มใจให้ฉื่อหยานผ่านไป

เหอซิงเหมิน หันหน้ากลับไปมองด้านหน้า นางจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ข้างหลังนาง

นักรบเจ็ดคนมองฉื่อหยาน ด้วยรอยยิ้มแปลกๆ สองนักรบยืนอยู่ข้างหน้าเขาโดยมีช่องว่างเล็กๆระหว่างไหล่ของพวกเขาเท่านั้น

เห็นได้ชัดว่าสองคนนี้พยายามขัดขวางไม่ให้ฉื่อหยานไป

 

ฉื่อหยานยังคงยืนอยู่ที่ด้านหน้าของนักรบทั้งสอง และกล่าวอย่างใจเย็น ” ขอทางหน่อย ”

” หึหึ ทางแคบเกินไป และเราหลบให้เจ้าได้เท่านี้ เจ้าคงต้องแทรกตัวไปหน่อยนะ ถ้าเจ้าต้องการจะไป . ” นักรบหนึ่งในนั้นหัวเราะคิกคัก .

” งั้นก็ จัดให้ ! ” ฉื่อหยานตอบกลับ .

” บูม ! ”

เสียงดังทึบดังออกมาจากกลุ่มคนที่ยืนอยู่

” กัก กัก ! ”

มีเสียงกระดูกที่แตกหักดังออกมา

ฉื่อหยานแทรกตัวผ่านมาชายทั้งสองมา ซึ่งตอนนี้พวกเขากำลังเหงื่อตกอยู่

หนึ่งในนักรบที่ขวางทางแขนของมันก็ข้ามไปอยู่ตรงหน้าอก มันหายใจอย่างหนักหน่วงและจ้องฉื่อหยานด้วยความโกรธ

” จะหลีกทางได้หรือยัง ? ” ฉื่อหยายื่นมือของเขาออกไปจับไหล่ที่หักของนักรบคนนั้น

นักรบคนนั้นร้องโหยหวนออกมา ซึ่งทำให้เหอซิงเหมือนตกใจเป็นอย่างมาก

” ใครร้องกัน ? ” เหอซิงเหมิน มองกลับไปด้วยความตกใจ

ที่ด้านหลัง ฉื่อหยานเอามือของเขาจับไปที่ไหล่ที่แตกละเอียดของนักรบคนนั้นและถามออกไป ” ตอนนี้ เจ้าจะหลีกทางได้แล้วหรือยัง ! ? ”

” เจ้าบัดซบ เจ้ากล้าดียังไง ! ”

นักรบอื่น ๆก็ตะโกนออกมาและกำลังจะลงมือกับฉื่อหยาน

ฉื่อหยานหัวเราะออกมาเรียบๆ แล้วแทงมือออกไปที่นักรบที่อยู่ด้านหน้าเหมือนกับดาบที่แหลมคม

” ปุ ~ ”

ฉื่อหยานแทงมือเข้าไปในกำแพงหินที่อยู่ข้างหน้าผู้ชายคนนั้น

ห้านิ้วของฉื่อหยานฝังลึกเข้าไปในผนังหินเหมือนกับหอกที่แหลมคม และหลังจากที่เขาคดนิ้วของเขา ก็ปรากฏหลุมลึกขึ้นที่ผนังหิน

ผู้ชายคนนั้นคิดว่ามือของเขายังคงฝังอยู่ในหนัง มันจึงแสยะยิ้มออกมาและกำลังจะทุบกำปั้นของมันไปที่หน้าของฉื่อหยาน

” บาดดี้ หยุดเดี๋ยวนี้ ! ” เหอซิงเหมิน ตะโกน

หมัดของ บาดดี้ ที่กำลังพุ่งไปที่ฉื่อหยานก็หยุดชะงัก และมันก็มองไปที่เหอซิงเหมินอย่างไม่สบอารมณ์ ” แม่นางเหอ ทำไมให้ข้าสอนบทเรียนแก่มัน? ”

” บาดดี้ , เจ้าจงมองไปที่กำแพงด้านหลังเจ้าสะ . ” หนึ่งในเพื่อนของ บาดดี้ ก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

บาดดี้ ก็ตกตะลึง มันหันไปด้านหลังและเห็นหลุมลึกเป็นร้อยนิ้วทั้งห้าที่กำแพง ทันทีมันก็กลายเป็นเงียบสงบ

” ข้าก็แค่ล้อเล่นเท่านั้น ” เมื่อถูกฉื่อหยานกดดัน ผู้ชายคนนั้นเริ่มเหงื่อตก และ พูดขอโทษ” ขออภัยด้วย จริงๆแล้วข้าไม่ได้คิดจะทำร้ายเจ้าเลย ”

” ล้อเล่นสินะ ” ฉื่อหยานพยักหน้าและดึงมือของเขากลับมา แล้วพึมพำว่า ” แส่หาเรื่อง . . . . . . . ”

ขณะที่เขากำลังพูด ฉื่อหยานก็หันหน้าไป มุ่งหน้าไปทางเหอซิงเหมิน .

นักรบคนอื่นที่เห็นก็ไม่พยายามขวางทางอีก และพวกเขาก็พิงกับผนังอย่างเร่งรีบเพื่อเปิดทางให้ฉื่อหยาน

” ทำแต่แรกก็สิ้นเรื่อง . ” ฉื่อหยานแสยะยิ้มพร้อมกับเดินไปทางเหอซิงเหมิน

เหอซิงเหมิน ขมวดคิ้วหลังจากที่นางมองไปที่ฉื่อหยาน นางก็พูดเบาๆ ” ถึงพวกนั้นจะหยาบคาย แต่เจ้าก็ทำเกินไป ไหล่ของโจวหนานนั้นหักไปแล้วนั่นจะมีผลต่อการต่อสู้เป็นอย่างมาก เจ้าจะต้องชดใช้ หากพวกเราต้องตาย”

” ให้ข้าชดใช้ ? ” ฉื่อหยานแสยะยิ้ม “ดี งั้นก็มาดูกันว่าข้าจะชดใช้ให้เจ้าอย่างไร”

” เจ้า ! ”

เหอซิงเหมินกล่าวเช่นนี้ก็เพื่อไม่ให้คนของนางเสียหน้า นางนั้นไม่ได้ตั้งใจจะกวนฉื่อหยาน แต่ฉื่อหยานกลับไม่เข้าใจ และหักหน้านางต่อหน้าผู้คน นางจึงโกรธและอยากจะสอนบทเรียนให้แก่ฉื่อหยานยิ่งนัก

แต่เมื่อนางนึกถึงสมบัติที่ฉื่อหยานมี เหอซิงเหมิน ก็ถอนหายใจ ” เจ้าอยู่เงียบๆไม่เป็นรึไง ? ”

” ได้ ”

ฉื่อหยานกระพริบตา ” พวกอสูรอยู่ใกล้ๆนี้ ข้าจะอยู่เงียบๆละกัน ส่วนพวกเจ้าก็เตรียมพร้อมสะ ”

” พวกมันอยู่ใกล้ๆงั้นรึ ? ” เหอซิงเหมิน กล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง ” พวกมันมีอยู่เท่าไหร่ ? แล้วอยู่ในระดับอะไร ”

บาดดี้ โจวหนาน , และเหอซิงเหมิน มองไปที่เขาด้วยความกังวล

” มีอสูรอยู่ด้วยกันหกตัว และหนึ่งในนั้นก็เป็นระดับปฐพี เจ้าสามารถจัดการมันได้ ส่วน อีกห้า หึ…. ข้าเชือว่าพวกเจ้าสามารถจัดการมันได้ง่ายๆ ขอให้โชคดี “ฉื่อหยานดูไม่แยแส เขายืนพิงกำแพงอย่างสบายๆ .

––––––––––––––––––––––––
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 12 แล้ว มีถึงตอนที่ 507 แล้วจ้า ท่านใดสนใจเข้าร่วมกลุ่มอ่านเงือนไขได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยครับ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

 

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เทพเจ้าล่าสังหาร ฉื่อหยาน เป็นเด็กหนุ่มชื่นชอบกีฬาผาดโผน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการผจญภัยในหลุมฟ้าบาฮามาส ฉื่อหยานบังเอิญเดินทางผ่านเวลาและพื้นที่ จนไปกลายเป็นนายน้อยของตระกูลที่มีชื่อเสียง มีชื่อว่า ฉื่อหยาน ตอนนั้นเองคุณชายน้อยฉื่อหยานได้เสียชีวิตลลงที่ข้างบ่อเลือดพอดี และในระหว่างการผจญภัยสุดยอดกีฬาผาดโผน วิญญาณของเขาได้ถูกโอนเข้ามาของร่ายกายนายน้อย ฉื่อหยาน และได้รับแหวนวิเศษที่ถูกเรียกว่า ' แหวนสายโลหิต ' แหวนที่มีพลังลึกลับซึ่งทำให้ฉื่อหยาน เป็นนักฆ่า ความต้องการฆ่าของเขานั้นไร้สิ้นสุด ทุกอย่างทำเพื่อเพิ่มพลังอำนาจของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทุกครั้งหลังการฆ่า ความต้องการทางเพศก็จะตามมา . . . . . . .

Comment

Options

not work with dark mode
Reset