เทพเจ้าล่าสังหาร – บทที่ 203 ผู้มาเยือน

บทที่ 203 ผู้มาเยือน

 

เหมืองที่อสูรเกล็ดดำซ่อนอยู่ระเบิดกลายเป็นจุลด้วยระเบิดนภาเพียงลูกเดียว แม้แต่พื้นดินก็ยุบลงไป

ฉื่อหยานที่นั่งอยู่บนหลังมังกรสองหัว ก็ตกตะลึง เขาตกใจกับความรุนแรงของระเบิดนภาเป็นอย่างมาก

เพียงแค่ระเบิดนภาลูกเดียวก็ทำให้เหมืองระเบิดเป็นจุล พลังของมันนั้นทรงอนุภาพอย่างแท้จริง

ตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดตระกูลหยางถึงทรงอำนาจ .

” เอาล่ะ ไปกันเถอะ ” หยางมู่ มองไปข้างล่างสักพัก จากนั้นก็ปรบมือและกล่าวว่า : ” อย่าห่วงเลย นอกจากอสูรระดับนภาแล้ว ไม่มีใครสามารถหนีพ้นพลังของระเบิดนภาได้”

ฉื่อหยานจับไปที่ไข่มุกรวมวิญญานและจากนั้นเขาก็แพร่พลังวิญญานของเขาออกไป แน่นอน ว่าเขาสัมพัสไม่ได้ถึงสิ่งมีชีวิจแม้แต่นิดเดียว

อสูรเกล็กดำที่อยู่ในเหมืองต่างก็กลายเป็นจุล ไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตในเหมืองเลย

ในเดียวกันฉื่อหยานก็พยักหน้า และยิ้ม : ” นี่ทำเกินไปหรือป่าวเนี่ย .

” ฮ่าฮ่า หากใช้ระเบิดนภาก็จะเป็นเช่นนี้แหละ การสร้างระเบิดนภาลูกนึงนั้นต้องใช้วัสดุมากกว่าเจ็ดสิบชนิด วัสดุเหล่านั้นล้วนมาจากดินแดนสี่อสูรทั้งและมีเพียงเราเท่านั้นที่มีมัน ที่ตระกูลหยางของเรามีสิ่งของเหล่านี้ได้ เพราะเรามักจะบุกเข้าไปในดินแดนสี่อสูร ต่อให้เราบอกวิธีสร้างระเบิดนภาแก่ตระกูลอื่นไป พวกเขาก็ไม่สามารถรวบรวมวัสดุได้อยู่ดี . ” หยางมู่ กล่าวอย่างภาคภูมิใจ

” เรากำลังกลับไปที่เกาะอมตะงั้นรึ ? ” ฉื่อหยาน ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามว่า ” ล่าสุดผมได้นักรบชูร่าบอกว่า ประตูสวรรค์ ที่เป็นพื้นที่ต่อสู้อยู่ใกล้กับเกาะอมตะ . ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง ? ”

” ก็ยังประทะกันอยู่ แต่ว่าพวกอสูรที่บุกมาอย่างอุกอาจก็จำนวนน้อยลงแล้ว พวกมันไม่สามารถหลีกเลี่ยงการสูญเสียได้แน่นอน . ” หยางมู่ สีหน้าพลันมืดมน ” ในครั้งนี้ การกระทำของพวกอสูรนั้นดูแปลกมาก พวกมันยอมสละชีวิตเพื่อที่จะบุกมา และกระจายไปทั่วทุกมุมของทะเลเคียร่า ข้าอยากรู้จริงๆว่าเจตนาพวกมันจริงๆนั้นคืออะไร . ”

” แล้วเซียซินหยานหละ? ” ฉื่อหยาน ลังเลอยู่สักพัก แล้วถาม

หยางมู่หรี่ตาลงสักครู่ แล้วเขาก็ยิ้มอย่างบิดเบี้ยว และกล่าวว่า ” เหตุผลที่ข้ามาหาเจ้าก็เป็นเพราะนางนั่นแหละ หัวหน้าตระกูลเซี่ย นั้นพาเซี่ยซินหยานมาที่เกาะอมตะ และ ขอให้ตระกูลหยางของเรารับผิดชอบเรื่องทั้งหมด เรื่องนี้ค่อนข้างที่ยาดจะจัดการ ตั้งแต่ที่มีสมาชิกตระกูลเซี่ยบาดเจ็บตั้งแต่เมื่อก่อน . เราเองก็ยังหาหนทางรักษาไม่ได้เลย ไม่มีวิธีใดที่จะรักษาได้เลย แต่ลุงโม่นั้นบอกว่าเจ้ามีวิธี ข้าก็ไม่รู้ว่ามันจริงหรือไม่ แต่ท่านปู่นั้นหวังไว้กับเจ้ามาก เพราะข้าเองก็อยู่ระแวก ข้าจึงได้รับข้อความให้พาเจ้ากลับไปยังตระกูลให้เร็วที่สุด ”

หยุดสักครู่ หยางมู่ก็มองไปที่ฉื่อหยานด้วยสีหน้าแปลก ๆ ” เจ้าสามารถรักษาเซี่ยซินหยานได้จริงๆรึ ? ”

” ใช่ ” ฉื่อหยานพยักหน้า

หยางมู่ ดวงตาก็สว่าง ” ฮ่าๆ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็สมควรไม่มีปัญหาอะไร เจ้าอาจจะยังไม่รู้ นางนั้นนับได้ว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของตระกูลเซี่ย .ที่นางตกอยู่ในสภาพแบบนั้นก็เพราะเจ้า ก็ไม่แปลกที่เหล่าสมาชิดตระกูลเซี่ยจะโกรธ พวกเขาถึงขนาดมายังเกาะอมตะเพื่อเอาเรื่องและต้องการให้ท่านปู่อธิบายเลยทีเดียว . ”

” ไม่ต้องห่วง ข้ามั่นใจว่าจะช่วยนางได้ ” .

” เช่นนั้นก็ดีเลย ” หยางมู่ไม่ได้ถามรายละเอียดอะไรต่อ เขาขี่มังกรสองหัวและแตะไปที่มันเพื่อเพิ่มความเร็ว

มังกรสองหัวพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับลูกศร, พุ่งผ่านกลุ่มเมฆเหนือเกาะศิลาดำ และค่อยๆห่างออกไปจากเกาะ

เซี่ยกุย เหอซิงเหมิน และคนอื่นๆที่ยังอยู่บนยอดเขา จากระยะนี้ พวกเขากำลังมองไปที่เหมืองที่ถูกเป่าเป็นจุล ด้วยสีหน้าที่สับสนและตกตะลึง

” ระเบิดนภา ! ” เซี่ยกุยสูดลมหายใจเข้า” หยางมู่ นั้นได้ใช้ระเบิดนภาทำลายเหมืองไป นี่ก็เท่ากับภารกิจนี้เสร็จสิ้นแล้ว ภายใต้พลังที่น่ากลัวของระเบิดนภา แม้แต่อสูรที่อยู่ในระดับรู้แจ้งก็ไม่สามารถรอดไปได้แน่นอน หยางมู่ นั้นทุ่มเทเป็นอย่างมาก เขาถึงกับใช้ระเบิดนภาเลยทีเดียว”

เหอซิงเหมิน หน้าก็บึ้งตึงขณะที่นางถอนหายใจออกมาและกล่าวว่า : ” เราเสียเวลามาที่นี่ทำไมเนี่ย . . . . . . . ”

” หยางมู่ ฉื่อหยาน . . . . . . . ” เซี่ยกุยการแสดงของเขาก็เปลี่ยนเป็นมืดมนและเยือกเย็น เขาพึมพำภายใต้ลมหายใจของเขา : ” ข้าจะจำพวกเจ้าไว้ ”

เหอซิงเหมิน มองผ่านๆไปที่เซี่ยกุย และเริ่มรู้สึกกังวลมากขึ้นภายในจิตใจ นางรู้นิสัยของเซี่ยกุยดี นางรู้ว่าเซี่ยกุย นั้นเป็นที่ชื่นชอบของรุ่นเยาว์ในดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ และเขาก็เป็นคนที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเขาเกลียดใคร เขาจะไม่ปล่อยคนๆนั้นไปง่ายๆแน่

 

” ข้าว่าเราไปกันเถอะ ” เฉินอี๋ตาน มีใบหน้าที่เศร้าโศก และหยุดมองไปบนท้องฟ้า นางตำหนิตัวเอง : ” ถ้าเรารู้ก่อนหน้านี้ว่าฉื่อหยานเป็นบุคคลสำคัญเช่นนี้ เราคงจะไม่พูดหรือดูถูกเขา และเราก็คงไม่ต้องสูญเสียมากมายเช่นนี้ เห้อ…. ”

” ไปกันเถอะ ” เซี่ยกุยสูดลมหายใจเข้าอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาดูเยือกเย็น

” ท่านมาถึงเกาะศิลาดำเมื่อไหร่กัน ” บนมังกรสองหัวฉื่อหยานก็ถามออกมา

หยางมู่ และเซี่ยกุย ทั้งคู่ต่างก็ปรากฏตัวออกมาอย่างกระทันหัน โดยไม่มีการแจ้งเตือน ด้วยการปรากฏตัวของพวกเขาเช่นนี้ ทำให้ฉื่อหยานสับสนเป็นอย่างมาก

” ข้ามาช้ากว่าเซี่ยกุยเล็กน้อง ” หยางมู่อมยิ้มว่า ” หลังจากข้ามาถึงเกาะศิลาดำ ข้าก็ไม่รู้ว่าใครคือเจ้า เมื่อข้าเห็นเจ้า และฉือยู่ป๋ายกำลังประมือกันอยู่ ในที่สุดข้าก็ได้รู้ว่าเจ้าคือคนไหนจากคำพูดของพวกเขา ตอนนั้นข้าคิดจะเข้าไปทันที แต่ข้านั้นต้องการจะเห็นความสามารถของเจ้า ดังนั้น ข้าจึงซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มเมฆและเฝ้ามองเจ้า . ”

“ท่านมาที่หลังเซี่ยกุยงั้นรึ ? ”

” อืมอืม เมื่อเซี่ยกุยมาถึงเกาะศิลาสีดำ เขาไม่โผล่มาทันที แต่เขาได้ใช้จิตวิญญาณต่อสู้ของเขาซ่อนอยู่ใต้ดิน หลังจากที่จากที่เฝ้าดูเจ้ากับฉือยู่ป๋ายสู้กันสักพัก ในที่สุดเขาก็เลิกหลบซ่อนและโผล่ขึ้นมาหาเจ้าจากใต้ดิน เมื่อข้าสังเกตเห็นร่องรอยของเขา ข้าก็ได้เตรียมพร้อมที่จะเข้าไปตลอดเวลา . . . . . . . ”

หยางมู่อมยิ้มสักพัก แล้วก็หัวเราะ ” แต่เจ้านั้นแข็งแกร่งมาก ฉือยู่ป๋ายเป็นนักรบระดับปฐพีซึ่งมีระดับมากกว่าเจ้า แต่เขาก็ไม่สามารถฆ่าเจ้าได้แม้เขาจะใช้พลังทั้งหมดแล้วก็ตาม แต่แรกข้าคิดจะเข้าไปแทรกแซงทันที แต่เมื่อเห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ด้วยความอยากรู้อยากเห็นข้าจึงเฝ้าดูต่อไป ข้าต้องการจะดูว่าเจ้าสามารถรับมือกับเขาได้นานเพียงใด ถ้าเซี่ยกุยไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆและแอบดูอยู่ ข้าก็จะเฝ้าดูต่อไป ข้าอยากรู้ว่าหากฉือยู่ป๋ายลงมือกับเจ้าอีกครั้ง เขาจะสามารถจัดการเจ้าได้หรือไม่ .

ฉื่อหยานยิ้มอย่างบิดเบี้ยว ” ผมคงจะไม่รอดแน่นอน ” .

” นั่นมันก็พูดยาก ” หยางมู่ เผยรอยยิ้มอย่างมั่นใจ ” คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้ายังมีพลังมากมายที่ยังไม่ได้แสดงออกมา ข้าได้ยินมาว่าในร่างของเจ้านั้น ยังมีจิตวิญญานดวงดาวของพรรคสามเทพด้วย แม้ว่าเจ้าจะไม่สามารถใช้พลังแห่งดวงดาวต่อสู้ได้ แต่ในช่วงเวลาที่สำคัญ เจ้าก็สามารถระเบิดมันออกมาเป็นพลังที่รุนแรงได้”

จิตวิญญานดวงดาว ?

ฉื่อหยาน ก็ตะลึง . ถ้าหยางมู่ไม่ได้พูดถึงมัน เขาก็เกือบลืมไปแล้วว่าภายในร่างกายของเขา มันยังมีจิตวิญญานดวงดาวอยู่

เขาเงียบไปสักครู่ เขารู้ว่าจิตวิญญานดวงดาวนั้นสามารถดูดซับพลังจากดวงดาวได้ไม่มีสิ้นสุด และไม่มีวันหยุดดูดซัย

ในใจของเขา มีประแสงดวงดาวเป็นจุดๆอยู่ พวกมันดูเหมือนว่าจะดูดซับพลังจากดวงดาวมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้พลังของดวงดาวนั้นอาจจะเทียบได้กับพลังปราณลึกลับของเขาเลยก็ได้

แต่พลังที่น่าอัศจรรย์นี้ยังยากเกินไปที่เขาจะใช้มัน

” เฮ้ออ เจ้านี่ช่างโชคดีเสียตริง ตระกูลหยางของเราได้ต่อสู้กับพรรคสามเทพมานับร้อยปี แต่เจ้ากลับมีจิตวิญญานดวงดาว หึหึ ถ้าเทพดวงตะวันของพรรคสามเทพรู้ว่าจิตวิญญานดวงดาวอยู่กับเจ้า ข้าหละอยากรู้จริงๆว่าเขาจะเป็นยังไง ” หยางมู่อุทาน

” โอ้ ใช่ ท่านบอกข้าว่าท่านปู่ได้เตรียมสัตว์อสูรไว้ให้ข้าแล้ว แล้วสัตว์อสูรตัวนั้นมันคืออะไรรึ ? ” ฉื่อหยาน อยากรู้เรื่องนี้เป็นอย่างมาก

” หึหึ ข้าไม่บอกเจ้าหลอก ” หยางมู่ จงใจไม่บอกอะไร

” มันมีระดับอะไรหรือ ? ”

” เจ้าจะได้รู้เองเมื่อเจอมัน”

” มันแข็งแกร่งเหมือนกับมังกรสองหัวของท่านหรือป่าว ? ”

” แข็งแกร่งกว่ามาก ! อย่างไรก็ตาม เจ้าเองก็ต้องควบคุมมันให้ได้ด้วย” หยางมู่ ถูกรบเร้าให้ตอบ และเขาก็ได้เผลอเปิดเผยข้อมูลบางอย่างออกมา ” มันนั้นไม่ได้มาจากโลกของเรา มันมาดินแดนอสูร ; มันเป็นลูกผสมที่แปลกประหลาด มันมีความสามารถในการวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ! ”

ตาฉื่อหยานก็ส่องประกายออกมา

” อย่าพึ่งมีความสุขไป ข้าคิดว่าเจ้าต้องคุมมันไม่ได้แน่ๆ ” สีหน้าของหยางมู่ก็ดูแปลกไป เขาส่ายหัวของเขาและกล่าวว่า ” ข้าไม่รู้เลยว่าท่านปู่คิดอะไรอยู่ ถึงมอบมันให้กับเจ้า ? เจ้านั้นอยู่ในระดับหายนะ ! บางทีเมื่อมันเจอเจ้า มันอาจจะฆ่าเจ้าก็ได้ ”

” พี่ใหญ่ เรานั้นกำลังจะกลับไปที่เกาะอมตะ และข้าเองก็ยังไม่คุ้นเคยกับบุคคลสำคัญในตระกูลหยางเลย เอ่อ ท่านช่วยแนะนำข้าบ้างได้หรือไม่ ? ”

” เอาล่ะ ข้าจะอธิบายคราวๆให้เจ้าฟังและบอกว่ามีใครบ้างที่เจ้าควรรู้จัก . . . . . . . ”

ในตระกูลหยาง มีด้วยกันทั้งหมดสี่รุ่น หยางชิงตี้เป็นหัวหน้าตระกูลรุ่นแรก

 

ลองลงมาจากหยางชิงตี้ ก็มีบุตรชายอีกสามคน พวกเขาชื่อว่า หยางเฟิง หยางเซียว และหยางหลาว พวกเขาล้วนเป็นรุ่นที่สองของตระกูล

ในหมู่พวกเขา หยางเซียว คือบิดาของหยางไห่ เขานับได้ว่าเป็นปู่ของฉื่อหยาน ห้าสิบปีก่อนเขาเสียชีวิตในระหว่างการต่อสู้ที่ดินแดนสี่อสูร

หยางเฟิง และ หยางหลาว แต่ละคนก็มีบุตรชายด้วยกันสองคน พวกเขาคือ หยางโจว หยางเหนียว หยางซิ่ว และหยางฉี ; นี้เป็นรุ่นที่สามของตระกูลหยาง

ลองลงมา หยางโจว มีลูกชื่อ หยางมู่ หยางจั๋ว และ หยางเหนียว ก็มีบุตรสาวคนหนึ่งชื่อ หยางซู่ . หยางซิ่วมีบุตรชายคนนึงชื่อหยางเค่อ . คนสุดท้ายก็คือหยางฉี เขามีลูกสาวคนหนึ่งชื่อ หยางเหมิน

หยางมู่ หยางจั๋ว หยางซู่ หยางเค่อ และหยางเหมิน ทั้งห้าต่างก็เป็นรุ่นที่สี่ของตระกูลหยาง

แน่นอน ในลูกหลานที่สืบเชื่อสายโดยตรงของตระกูลหยาง ไม่ได้มีเพียง บุคคลเหล่านี้ แต่พวกเขาที่เหลือนั้นไม่ถูกนับว่าเป็นโดยตรงเพราะพวกเขาไม่ได้รับจิตวิญญานอมตะภายในร่างของพวกเขา

รุ่นแรก หยางชิงตี้ อยู่ในระดับพระเจ้า รองลงมา รุ่นที่ก็ หยางเฟิง และ หยางหลาวทั้งสองอยู่ในระดับนภา รองลงมา , รุ่นที่สามก็มี หยางโจว หยางเหนียว หยางซิ่ว และหยางฉี เกือบทั้งหมดล้วนอยู่ในระดับรู้แจ้ง สุดท้าย , รุ่นที่สี่ของ หยางมู่ หยางจั่ว หยางซู่ หยางเค่อ และหยางเหมิน ส่วนใหญ่ก็ล้วนอยู่ในระดับปฐพีและหายนะ

ในทั้งสี่รุ่นของตระกูลหยาง ระหว่างแต่ละรุ่น พวกเขาดูเหมือนจะมีระดับห่างกันเพียงระดับเดียว นั่นมันแปลกเป็นอย่างมาก

นี้ยังทำให้ฉื่อหยาน ประหลาดใจมาก ช่วยไม่ได้ที่เขาจะถามออกไป แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะถาม หยางมู่ก็พูดขึ้นก่อน : ” ก่อนจะถึงระดับปฐพี ก็มีระดับเริ่มต้น ก่อตั้ง มนุษย์ และระดับหายนะ ต่อมาถึงก็ปฐพี ระดับเหล่านี้สำหรับตระกูลธรรมดาพวกเขาต้องใช้เวลาฝึกฝนเป็นเวลานานถึงจะก้ามผ่านได้ แต่ตระกูลหยางของเราระดับทั้งสี่นั้นเป็นเรื่องง่ายมากที่จะก้าวผ่าน ด้วยทรัพยากรที่ล้ำค่าของตระกูลหยาง เราจึงสามารถทำให้ก้าวผ่านระดับทั้งสี่นี้ได้อย่างรวดเร็ว โดยหลายๆครั้ง ตราบใดที่เจ้ามีความมุ่งมั่นและความสามารถที่โดดเด่น ภายใต้การช่วยเหลือ ของสมบัติล้ำค่าและตระกูลของเรา เจ้าก็จะสามารถเข้าสู่นภาที่สามของระดับหายนะได้อย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาเพียงไม่ถึงสิบปี

” อย่างไรก็ตาม หลังจากเมื่อเจ้าก้าวเข้าสู่ระดับปฐพี หากเจ้าต้องการที่จะมีระดับสูงกว่านี้ เจ้าจะต้องไม่พึ่งเพียงเม็ดยาและโอสถเท่านั้น . ถึงตอนนั้น เมื่อถึงระดับปฐพีความก้าวหน้าก็จะช้าลง เพียงแค่เข้าสู่นภาต่อไป อาจจะต้องใช้เวลามากกว่าสิบปี นั่นคือเหตุผลที่คนในทุกรุ่นของเราต่างก็มีระดับปฐพีขึ้นไป แต่หลังจากนั้นมันก็จะช้าลง และ ช้าลง . . . . . . . ”

” งั้น . . . . . . . ” ฉื่อหยาน เงียบและ พยักหน้า เขาได้รับความรู้มากมาย

ทั้งสองนั่งอยู่บนด้านหลังของมังกรสองหัวและพูดคุยกันตลอดทาง พวกเขามุ่งหน้าไปยังเกาะอมตะด้วยความเร็ว

หลังจากผ่านมากว่าสิบวัน ภายใต้การเดินทาง หยางมู่และ ฉื่อหยานที่นั่งอยู่บนด้านบนของมังกรสองหัว ก็เห็นเกาะอมตะในตำนาน

––––––––––––––––––––––––
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 13 แล้ว มีถึงตอนที่ 527 แล้วจ้า ท่านใดสนใจเข้าร่วมกลุ่มอ่านเงือนไขได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยครับ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

 

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เทพเจ้าล่าสังหาร ฉื่อหยาน เป็นเด็กหนุ่มชื่นชอบกีฬาผาดโผน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการผจญภัยในหลุมฟ้าบาฮามาส ฉื่อหยานบังเอิญเดินทางผ่านเวลาและพื้นที่ จนไปกลายเป็นนายน้อยของตระกูลที่มีชื่อเสียง มีชื่อว่า ฉื่อหยาน ตอนนั้นเองคุณชายน้อยฉื่อหยานได้เสียชีวิตลลงที่ข้างบ่อเลือดพอดี และในระหว่างการผจญภัยสุดยอดกีฬาผาดโผน วิญญาณของเขาได้ถูกโอนเข้ามาของร่ายกายนายน้อย ฉื่อหยาน และได้รับแหวนวิเศษที่ถูกเรียกว่า ' แหวนสายโลหิต ' แหวนที่มีพลังลึกลับซึ่งทำให้ฉื่อหยาน เป็นนักฆ่า ความต้องการฆ่าของเขานั้นไร้สิ้นสุด ทุกอย่างทำเพื่อเพิ่มพลังอำนาจของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทุกครั้งหลังการฆ่า ความต้องการทางเพศก็จะตามมา . . . . . . .

Comment

Options

not work with dark mode
Reset