เทพเจ้าล่าสังหาร – บทที่ 302 เข้าใจ

บทที่ 302 เข้าใจ

 

ฉื่อหยานทันทีก็หยุดเดิน

เขาไม่เข้าใจว่าทำไมสองกระแสแห่งวิญญาณที่บางเบาที่อยู่ภายในร่างเขาก่อนหน้านี้หายไป ราวกับว่าพวกมันถูกปิดกั้นและดึงออกไปโดยใครบางคนที่มีพลังแข็งแกร่ง

ทั้ง 2 คนนั้นอ่อนแอนัก แต่พวกเขาก็เข้าใจวิธีควบคุมจิตสำนึกอย่างละเอียด โดยไม่มีพลังใดสนับนสนุน แต่กลับเชื่อมต่อกับวิญญานผู้อื่นได้พวกเขาช่างน่าชื่นชมนัก

ถึงแม้ว่าฉื่อหยาน จะไม่ได้เข้าใจรูปแบบชีวิตอย่างลึกซึ้ง แต่เขาก็จะใช้ความพยายามทั้งหมดของตัวเองเพื่อตามหาวิญญานลึกลับทั้งสอง

เมื่อสองวิญญาณหายไป จิตสำนึกที่เชื่อมต่อกันของพวกเขาก็ถูกตัดขาด

ตอนแรกเขาทำได้เพียงระบุทิศทางของสองคนนั้นเท่านั้น เมื่อวิญญาณหายไป ทิศทางของพวกเขาก็เปลี่ยนไป ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถตามไปต่อได้ และแทบจะไม่สามารถกำหนดทิศทางที่แน่นอนของพวกเขาได้เลย

” มีอะไรรึ ? ” อีเทียนโหมวก็งุนงง มองไปที่เขาอย่างคลุมเครือ ” เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ ? “

ฉื่อหยานพยักหน้าและบอกว่า ” ข้ารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป จู่ๆสัมพัสวิญญานของทั้งสองก็หายไป บางทีอาจจะมีบางอย่างเกิดขึ้น “

” หลังจากนั้น เกิดอะไรขึ้น ? ท่านรู้สึกมันได้ตอนไหนหลังจากมาที่นี่ ? หรือว่ามีใครบางคนต้องการจะแนะนำอะไรบางอย่างกับเรา ?

นี่คือความรู้สึกที่อีเทียนโหมวสัมพัสได้ การคาดเดาต่างๆมากมายเกิดขึ้นในจิตใจของเขา เขานั้นเป็นผู้รอบรู้อย่างมาก ดังนั้น เขาจึงมีข้อสงสัยมากเช่นกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกาะสุริยันซึ่งปัจจุบันเต็มไปด้วยนักรบมากมาย และขุมพลังอื่นๆจากทะเลที่แตกต่างกันก็จะมารวมกันในไม่ใช้

สถานการณ์บนเกาะสุริยันไม่เคยซับซ้อนเท่าตอนนี้มาก่อน

” ไม่จริง ” หลังจากสั่นศีรษะของเขาและคิดสักพัก ฉื่อหยานก็กล่าวว่า ” ช่างเถอะ ถ้าเรายังไม่สามารถสัมพัสถึงมันได้ เราก็จะไปที่นั่นและสอบถามโดยตรง มันอยู่แถวนี้ บางทีเราอาจจะหาบางอย่างพบ . “

อีเทียนโหมวแสดงออกว่าเห็นด้วย

ทั้งสามคน อีเทียนโหมว คาป้า หยาเมิงทั้งหมด ก็ยกศีรษะขึ้นมองไปบนท้องฟ้า ด้วยใบหน้าจริงจัง

ฉื่อหยานห้วงจิตสำนึกของเขารู้สึกสั่นสะท้าน เขาสัมพัสถึงแรงกดดันเล็กน้อยราวกับว่ามีใครบางคนกำลังแอบมองอยู่บนท้องฟ้า

ช่วยไม่ได้่ที่เขาจะยกหัวเขาขึ้น และปล่อยจิตสำนึกวิญญานของเขาไปที่ก้อนเมฆบนท้องฟ้า

จิตสำนึกวิญญาณของเขากระจายออกไป กลายเป็นเส้นสายจิตสำนึกนับพันกระจายไปทั่วท้องฟ้า และพวกมันแต่ละเส้นสายก็ส่งสัมพัสมาในหัวของเขาและเขาก็พยายามที่จะสัมพัสถึงทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นสิ่งเพียงใด

อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่พบอะไร จากนั้นเขาก็ต้องจิตสำนึกของเขากลับมา

” เป็นจิตสำนึกวิญญานของนักรบระดับพระเจ้าที่แอบมองเรา, ” อีเทียนโหมวพูดด้วยสีหน้าจริงจังและขึงขัง ” และไม่ใช่เพียงคนเดียวด้วย “

ฉื่อหยานพยักหน้าด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงของเขา ดูเหมือนว่าเขาคิดอะไรออกไม่นานมานี้ เขาพูดเบาๆ ” ท่านทั้งสามไม่ได้ปิดบังพลังของตัวเอง และเลือกที่จะเปิดเผยพลังระดับพระเจ้าออกมา .แน่นอนว่าต้องดึงดูดความสนใจของใครบางคน ไม่ต้องพูดเลยว่าตัวตนของพวกท่านยิ่งใหญ่ขนาดไหนสำหรับพวกเขา จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะถูกจับตามองโดยนักรบระดับพระเจ้าคนอื่น “

” เราควรจะเตือนเขากลับสักเล็กน้อยหรือไม่ ?” หยาเมิงสแยะยิ้มแล้วพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา ” เป็นนักรบระดับพระเจ้า การใช้พลังวิญญานในการต่อสู้ไม่ใช่เรื่องปกติ ในด้านนี้ เรา 3 คน เราสามารถป้องกันฝ่ายตรงข้ามได้อย่างแน่นอน สิ่งที่พวกเราเผ่าอสูรเข้าใจอย่างลึกซึ้งที่สุดก็คือการต่อสู้ด้วยวิญญาน . “

อีเทียนโหมว และ คาป้า ก็แสดงออกอย่างเชื่อมั่นและโอ้อวด

ฉื่อหยานส่ายหัวในขณะที่ยิ้ม และบอกว่า ” ไม่ต้อง แม้ว่าเราจะมายังเกาะสุริยันครั้งนี้เพื่อแสดงแสงยานุภาพของเรา แต่เราก็ไม่ควรมากแหกกฏและโอ้อวดเกินไป . มิฉะนั้น กองกำลังอื่น ๆ อาจจะรวมตัวกันและกลายเป็นศัตรูของเราได้ ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับเรา ตอนนี้งานประชุมบนเกาะยังไม่เริ่ม ทุกคนต่างก็มีแผนของตัวเอง เราควรจะสังเกตสถานการณ์จากบุคคลสำคัญพวกนั้นก่อน เพื่อดูว่า พวกเขามีความคิดเช่นไร “

กลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนก็กพยักหน้า เพื่อแสดงออกว่าพวกเขาเข้าใจ

ฉื่อหยานยังคงเดินอยู่ เขาใช้เวลาสองชั่วโมง มาถึงสถานที่ที่เขารู้สึกได้ก่อนหน้านี้ . เขาเห็นบ้านสีแดงจากระยะไกล ซึ่งทั้งหมดเป็นหินแหลมสีแดงมีภาพสัตว์และนกมากมายสลักอยู่บนเสาหิน

มีบ้านอยู่ด้วยกันสิบสองหลัง , องุ่นและกล้วยถูกปลูกอยู่ทั่วบริเวณ

นี้เป็นลักษณะของป่าเขตร้อน อย่างไรก็ตาม เมื่อฉื่อหยาน ได้เดินทางมาถึง เขาก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายพลังหยิน ที่หนาแน่นของที่นี่ ขณะเดียวกันก็ถูกปกคลุมด้วยความมืดมนและพลังความเย็น . แม้แต่แมลงก็ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ ดูเหมือนว่าแม้แต่สิ่งมีชีวิตที่โง่ที่สุดก็รู้ว่าที่นี่ผิดปกติ

“กลิ่นอายพลังหยินหนาแน่นเป็นอย่างมาก . . . . . . . ” ฉื่อหยานขมวดคิ้วของเขาในขณะที่กล่าวอย่างพึมพัม

 

นี้เป็นสถานที่เก็บทาสศพของนิกายซากศพ . ” หลี่ฟู่ ก็พูดออกมา แล้วก้มลงไปพูดด้วยลักษณะเคารพ” เนื่องจากสาวกของนิกายซากศพได้เข้ามาอยู่ที่นี่ สถานที่แห่งนี้จึงเต็มไปด้วยมลพิษ . นอกจากนี้เรายังทราบมาว่าสมาชิกของนิกายซากศพมีสภาพร่างกายที่แปลกประหลาด ดังนั้นเราต้องจัดการให้พวกเขาอยู่ในพื้นที่ห่างไกลนี้ บ้านเหล่านี้มีห้องใต้ดินอยู่ ซึ่งถูกใช้เพื่อเก็บสุราชั้นยอดมาก่อน หลังจากนิกายซากศพมาถึง ใต้ดินก็กลายเป็นที่เก็บทาสศพของนิกายซากศพ “

” ทาสศพ !” ฉื่อหยาน ตาก็สว่างขึ้น ประกายความคิดก็แวบขึ้นมาในหัวของเขา เขารู้แล้วว่าใครส่งกลิ่นอายวิญญานเหล่านั้นมายังห้วงจิตสำนึกของเขา

ความทรงจำที่นึกไม่ถึงก็เป็นเหมือนกับน้ำในเขื่อนทะลักออกมาก็ท่วมอยู่ในหัวของเขา

ที่แห่งนี้คล้ายกับหลุมฝังศพเหล่านั้น ใช่แล้ว !

ศพนภาทั้งสอง !

ฉื่อหยานก็เผยรอยยิ้ม มองหลี่ฟู พยักหน้าและถามว่า “ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อยได้หรือไม่ มีผู้อาวุโสกี่คนจากนิกายซากศพที่อยู่ในบ้านเหล่านี้ ?

หลี่ฟู่ ใบหน้าก็แข็งตึง เขาหัวเราะ และพูดด้วยหน้าตาบูดบึ้ง ” นี้ไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผย คุณชาย ท่านก็รู้ว่านี่เป็นกฏ . . . . . . . “

” ข้ารู้ว่านี่เป็นกฏ ” แหวนบนนิ้วของฉื่อหยานก็ส่องแสงสว่างออกมา , กระเป๋าก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา เขาอมยิ้มพร้อมกับยื่นผลึกบริสุทธิ์ให้หลี่ฟู่ และค่อย ๆ กล่าวว่า ” ข้าแค่อยากรู้ว่ามีคนอาศัยอยู่ที่นี่กี่คนเท่านั้น “

หลี่ฟู่ ตกใจ และไม่กล้าที่จะรับกระเป๋านั้นมา เขาก้มลงถองไปสองสามก้าว เอามือป้องหน้าอกของเขาในขณะที่หายใจหนักและพูดออก ” คุณชายหยาน ท่านอย่าได้เข้ามาใกล้ข้าเช่นนี้ “

” อ๊ะ ? ” ฉื่อหยานจู่ๆก็งุนงงและมองไปที่เขา ” ทำไม ?

” คุณชายหยาน ท่านสมควรรู้ไว้ . ” หลี่ฟู่ เปิดเผยรอยยิ้มฝืนและถอยหลังไปอีกไม่กี่ก้าว ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดง” ภายในร่างกายของท่าน มีบางสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อพลังของข้า ถ้าท่านยืนใกล้ข้าเกินไป จิตวิญญานต่อสู้ของข้าก็จะปั่นป่วน “

ฉื่อหยาน ก็ตกใจ และ ดวงตาของเขาเริ่มสับสน

หลังจากลังเลอยู่สักพัก เขาก็ถามว่า ” เจ้าจะบอกว่ามีบางอย่างในร่างกายของข้าที่ส่งผลกระทบต่อจิตวิญญานต่อสู้ของเจ้าและทำให้เจ้ารู้สึกกลัวรึ ? “

หลี่ฟู่ก็ก้มลงพยักหน้าตลอดเวลา

” ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะส่งผลเช่นนี้ จิตวิญญานต่อสู้ของโอหยางจื่อดูเหมือนจะมีผลกระทบต่อพรรคสามเทพมากเลยสินะ . . . . . . . ” ฉื่อหยานก็พึมพัมกับตัวเองเงียบๆ แล้วยิ้มอย่างมีความหมายมองไปที่หลี่ฟู่ และกล่าวว่า ” ไม่ใช่ว่าประมุขของเจ้าบอกให้ติดตามข้าอย่างใกล้ชิดหลอกรึ ? ข้าไม่ใช่แขกธรรมดา นั่นคือเหตุผลที่ต้อนรับข้าอย่างพิเศษใช่หรือไม่ ?

หลี่ฟู่ ใบหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพยักหน้าอีกครั้งและ กล่าวว่า ” คุณชาย ท่านต่างออกไปจากคนอื่น “

” ท่านจะพูดอะไรรึ ? “

” ข้าต้องดูแลท่านเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด นั่นคือเหตุผลที่เมื่อเฉินตั่วต้องการทำอะไรสักอย่างกับท่าน ข้าจึงออกไปขัดขวาง อย่างไรก็ตาม ท่านที่ได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขาอยู่แล้ว ที่จริงสิ่งที่ข้าทำไปล้วนไร้ประโยชน์ . ” หลี่ฟู่ ก็ยิ้มอย่างเก้ๆกังๆ

” เป็นอย่างนี้นี่เอง . . . ” ฉื่อหยานคิดสักพัก แล้วพยักหน้า มองหลี่ฟู่ กล่าวว่า ” เป็นเรืองจริงสินะที่ว่าประมุขของเจ้าได้ส่งเจ้ามาจับตาดูข้าไว้ไม่ให้ละเมิดกฏ ข้าไม่โทษเจ้าหลอก ถึงเจ้าไม่พูด ข้าก็จะค้นหามันผ่านความทรงจำของเจ้าเอง เจ้าต้องการแบบนั้นหรือไม่ ”

ฉื่อหยานก็มองไปที่อีเทียนโหมวเงียบๆ

หลี่ฟู่ เหงื่อก็ไหลออกมาจำนวนมาก หลังของเขาเปียกโชค เขาแอบสาปแช่งฉื่อหยานว่าโหดร้ายและชั่วช้า ; อย่างไรก็ตาม , ใบหน้าของเขาก็แสดงออกถึงความกลัวและ เขาก็รีบกล่าวว่า ” ไม่ ! ไม่ ! ข้าจะบอกท่าน แต่ท่านจะให้ข้าพูดจริงรึ ? “

” พูดมา “

” ประมุกของนิกายซากศพ ชิงหมิง พร้อมกับองครักษ์อีกห้าคน สาวกและผู้ติดตามกว่า 30 คน . . . . . . . ” หลี่ฟู่ ก็ตกใจและรีบพูดด้วยเสียงเบาๆ . เขาบอก ฉื่อหยาน เกี่ยวกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับนิกายซากศพอย่างชัดเจน “

” เอาหละ ” ฉื่อหยาน รอจนกระทั่งหลี่ฟู่พูดเสร็จ จากนั้นเขาก็สะบัดมือของเขาเพื่อไล่หลี่ฟู่ ” เจ้าไปให้ไกลจากที่นี่ซะ มิฉะนั้น ข้าไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรแย่ๆขึ้นกับเจ้า ดังนั้น เจ้าอย่าได้ช้า และไปซะ . . . . . . . “

” ท่านจะทำอะไรกัน ?” หลี่ฟู่ถามออกไป ” ท่านห้ามทำอะไรตามอำใจเด็ดขาด เรามีกฎของเราอยู่ “

” ข้ารู้ว่าเจ้าทีกฏ ” ฉื่อหยาน รู้สึกรำคาญ และพูดออกไป ” แต่ถ้าเจ้าอยู่ที่นี่ เจ้าอาจจะต้องถูกนับว่าฝ่าฝืนกฏก็ได้ ให้เขารู้ว่าข้าตั้งใจจะทำอะไรบางอย่างกับนิกายซากศพ ” .

 

ขณะพูดอยู่ ฉื่อหยานก็รู้สึกพลังวิญญานที่แปลกประหลาดภายในใจของเขา ซึ่งร้อนแรงเหมือนกับดวงอาทิตย์ มันพลังไหลเข้ามาในพลังปราณลึกลับของเขา ผ่านพลังปราณลึกลับที่โคจรอยู่ เขาสัมพัสได้ถึงพลังที่แผดจ้าของดวงอาทิตย์และแอบถ่ายทอดมันเล็กน้อยไปในร่างกายของหลี่ฟู่

หลี่ฟู่กลัวฉื่อหยานเป็นอย่างมาก ร่างกายของเขาเหงื่อออก . ในขณะที่เขายังคงลังเลอยู่ จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าจิตวิญญานต่อสู้ของเขาปิดกั้นพลังปราณลึกลับภายในร่างกายของเขาและก็กลายเป็นปั่นป่วน แม้แต่ห้วงจิตสำนึกของเขาก็สั่นสะท้านอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่ามันกำลังจะลอยออกมาจากสมองของเขา

หลี่ฟู่ ตกใจเป็นอย่างมาก เขารู้สึกว่า ฉื่อหยาน ได้ทำอะไรบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลและวิ่งหนีไปทันที

หลี่ฟู่ก็หายไปจากสายตาเพียงอึดใจเดียว แม้แต่ร่างของเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ฉื่อหยาน ก็ตกตะลึง ใบหน้าของเขาดูแปลกไป แล้วเขาถอนกลิ่นอายที่ผสมอยู่ในพลังปรารลึกลับและจิตวิญญานต่อสู้ออกมา เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินไปยังที่พักของนิกายซากศพ

” แคร๊กก “

บ้านที่มีประตูหินอยู่ตรงกลาง ประตูก็เปิดออก กลิ่นอายที่เต็มไปด้วยมลพิษก็กระจายออกมา . . . . . . .

” ดูสิ ดูเหมือนเจ้าของสถานที่นี้จะต้อนรับเรานะ ” ฉื่อหยานยิ้มอย่างไร้ซึ่งความกลัวแล้วรีบเดินเข้าไปทันที ระหว่างทาง เขาก็พูดขึ้น ” ข้าฉื่อหยาน , ข้ามีบางอย่างจะปรึกษาผู้รอบรู้จากนิกายซากศพ ข้าหวังว่าผู้อาวุโสจะให้คำแนะนำข้าได้

กลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนก็ตามเขาไป

––––––––––––––––––––––––

ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 23 แล้ว มีถึงตอนที่ 1030 แล้วจ้า ท่านใดสนใจ กดอ่านรายละเอียดที่นี่เลย > กดตรงนี้ <

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เทพเจ้าล่าสังหาร ฉื่อหยาน เป็นเด็กหนุ่มชื่นชอบกีฬาผาดโผน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการผจญภัยในหลุมฟ้าบาฮามาส ฉื่อหยานบังเอิญเดินทางผ่านเวลาและพื้นที่ จนไปกลายเป็นนายน้อยของตระกูลที่มีชื่อเสียง มีชื่อว่า ฉื่อหยาน ตอนนั้นเองคุณชายน้อยฉื่อหยานได้เสียชีวิตลลงที่ข้างบ่อเลือดพอดี และในระหว่างการผจญภัยสุดยอดกีฬาผาดโผน วิญญาณของเขาได้ถูกโอนเข้ามาของร่ายกายนายน้อย ฉื่อหยาน และได้รับแหวนวิเศษที่ถูกเรียกว่า ' แหวนสายโลหิต ' แหวนที่มีพลังลึกลับซึ่งทำให้ฉื่อหยาน เป็นนักฆ่า ความต้องการฆ่าของเขานั้นไร้สิ้นสุด ทุกอย่างทำเพื่อเพิ่มพลังอำนาจของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทุกครั้งหลังการฆ่า ความต้องการทางเพศก็จะตามมา . . . . . . .

Comment

Options

not work with dark mode
Reset