เทพเจ้าล่าสังหาร – บทที่ 303 เปลวไฟประคบศพ

บทที่ 303 เปลวไฟประคบศพ

 

ภายในห้องโถงหิน พลังความเย็นกระจายไปทั่ว กลิ่นอายความตายสีขาวไหลเวียนอยู่รอบเป็นรูปใบหน้าที่ชั่วร้าย มันไหลพันอยู่รอบๆเสา ทำห้ดูราวกับว่าใบหน้าชั่วร้ายเหล่านั้นพึ่งถูกแกะสลักไว้บนเสาหิน

มีห้าโคมไฟติดอยู่บนกำแพงหิน เป็นเปลวไฟสีฟ้าลายสลัวๆ ซึ่งทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเปลวไฟเหล่านี้อาจจะดับได้ตลอดเวลา

ที่ด้านหน้าของผนัง ที่ มืดมิด อึมครึม มีร่างหนึ่งยืนอยู่

มีร่างๆหนึ่งตั้งอยู่แววตาของมันส่องแสงสะท้อน ร่างกายของมันมีขนาดใหญ่และมีกลิ่นอายที่เป็นมลพิษรอบตัว กลิ่นอายรอบๆตัวเป็นเหมือนกับศพที่ตายแล้ว

ทันทีที่เขาเข้ามาในบ้านหินนี้ ฉื่อหยานช่วยไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าบึ้งออกมา จิตสำนึกวิญญาณของเขากระจายออกออกไป และสัมพัสหาสิ่งมีชีวิตและวิญญานอื่น

ไม่มีมนุษย์อยู่ที่นี่ .

ร่างที่ตั้งตะหง่านอยู่คือศพที่มีใบหน้าซีดเซียวและยืนนิ่งอยู่ ดูเหมือนมันจะเป็นทาสศพรับใช้ และไม่ได้มีระดับสูงอะไรนัก

เมื่อเห็นกลุ่มของฉื่อหยานเดินเข้ามา มันก็ดึงเชือกบนผนัง และเสียงดัง ‘เอี๊ยด ‘ ก็ดังขึื้นจากนั้นกำแพงที่อยู่ตรงหน้าฉื่อหยานก็เริ่มเคลื่อนไหวเป็นรูปแบบบางอย่าง และเส้นทางตรงดิ่งลงไปก็ค่อยๆปรากฏขึ้น

ร่างนั้นยังคงยืนอยู่ที่มุมด้วยสีหน้าว่างเปล่าปราศจากอารมณ์ของมนุษย์ . มันไม่ได้มองฉื่อหยาน และคนอื่น ๆ ราวกับว่ามันมีหน้าที่เดียวคือรอเปิดประตูนี้

หน้าฉื่อหยานก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขามองดูกลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามและทั้งสามก็พยักหน้าและพึมพัม ” สร้างสิ่งลึกลับจากสิ่งที่เรียบง่าย ” .

เขาค่อยๆ ก้าวลงมาที่บันไดหินลึกลงไปในพื้นดิน เขาอยากรู้ว่า สิ่งใดกันที่รอเข้าอยู่ข้างใต้

แม้ว่านิกายซากศพจะมีเคล็ดวิชาฝึกบ่มเพาะที่ลึกลับและ ไร้มนุษยธรรม และทำให้คนอื่นหวาดกลัวเป็นอย่างมากก็ตาม ,แต่ ฉื่อหยานกลับไม่กลัวแม้แต่นิด ยังไงซะ เขาก็ยังมาพร้อมกับกลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคน พวกเขาต่างก็มีระดับการบ่มเพาะที่ระดับพระเจ้า.

ในแง่ของวิญญาณพวกเขาอยู่เหนือกว่าผู้อื่นห่างไกลนัก แม้ว่าร่างกายของพวกเขาจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับนักรบระดับพระเจ้าคนอื่นก็ตาม

ในการต่อสู้ ,หากทั้งสามร่วมมือกัน ก็สามารถเอาชนะนักรบระดับพระเจ้าได้อย่างง่ายดาย ฉื่อหยาน เชื่อว่าแม้แต่นักรบในจุดสูงสุดของระดับพระเจ้า ก็คงมิอาจหนี้รอดหากพวกเขาทั้งสามร่วมมือกัน

ภายใต้แรงกดดัน จากจิตสำนึกวิยญานที่แข็งแกร่ง บางครั้งก็อาจจะได้รับอันตรายมากกว่าการโจมตีทางกายภาพ

ด้วยการที่มีทั้งสามตามหลังเขามา ไม่ต้องพูดถึงที่พักของนิกายซากศพ ต่อให้เป็นสำนักใหญ่ของนิกายซากศพก็ไม่สามารถหยุดเขาได้

หลังจากเดินลงไปประมาณสิบจาง ฉื่อหยานก็ยังไม่พบกับแสงสว่าง

โชคดีที่กลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนยัยังติดตามเขาอย่างใกล้ชิด ดังนั้น เขาจึงไม่กลัว และแอบส่งจิตสำนึกวิญญานออกไปรอบๆ แม้แต่สิ่งเล็กๆที่เคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนแปลง จิตสำนึกวิญญานของเขาจะต้องสัมพัมได้แน่นอน

” ฮือ “

ในความมิดมิด ที่ไม่สามารถเห็นได้แม้กระทั่งนิ้วมือทั้งห้า แสงสีเขียวอ่อนก็ปรากฏขึ้น มันเป็นก้อนแสงสลัว ที่ลอยอยู่ในอากาศ นอกจากนี้ ยังมีเปลวไฟที่สลัวจากตะเกียงซึ่งทำให้ดูเหมือนกับว่ามีวิญญานร้ายร้อยอยู่รอบๆ

สายลมเย็นพัดมา ต้องการที่จะแทรกซึมเข้าไปในร่างของเขา

ด้วยรอยยิ้มเย็นบนใบหน้าของเขา ฉื่อหยานก็ใช้ความร้อนของตะวันกลั่นวิญญาน กลิ่นอายความร้อนเหล่านั้นที่อยู่ในร่างกายของเขา ก็ละลายความเย็นที่แทรกเข้ามา

” บูม “

เปลวไฟสีฟ้าก็ลุกโชนอยู่ข้างหน้าพวกเขา

หลังจากเปลวไฟสีฟ้าถูกจุดขึ้น สิบเปลวไฟสีฟ้าทันทีก็ปรากฏตามมา เพียงลมหายใจเดียว ก็ปรากฏตะเกียงไฟน้ำมันสิบแปดอันที่มีไฟลุกโชนขึ้น เปลวไฟส่องสว่างออกมา ด้วยเหตุนี้ สิ่งรอบๆก็เริ่มมองเห็นชัดขึ้น

โลงศพถูกตั้งเรียงรายไว้อย่างเป็นระเบี่ยบทั่วห้อง

กลิ่นอายหนาแน่นที่ไหลเวียนอยู่ก็กระจายออกมาจากด้านในโลงศพทุกโลงพร้อมกับมีกลิ่นอายแห่งความตายไหลออกมา

กลิ่นอายแห่งความตายค่อยๆลอยไปที่ฉื่อหยาน

ฉื่อหยานดวงตาก็ปิดเล็กน้อย จู่ๆ เขาก็ตะโกน ” เปิดเผยตัวตนออกมา “

ความร้อนจากเปลวไฟของแกนเพลิงก็ลุกโชนออกจากร่างกายของเขา แค่ในเวลาสั้นๆ ร่างของฉื่อหยานก็ปกคุลมไปด้วยเปลวไฟ , เปลวไฟมหาศาลทะลักออกมาจากร่างกายของเขา

ก่อนที่กลิ่นอายแห่งความตายจะมาถึงตัวเขา มันก็ถูกเผาจนสลายกลายเป็นไอ ไม่มีกลิ่นอายแห่งความตายใดๆที่สัมพัสเขาได้

ร่างบางร่างทีละร่างก็ปรากฏอยู่ยืนบนฝาโลงในห้องใต้ดิน

ประมุขนิกายซากศพ ชิงหมิง สวมเสื้อคลุมสีดำและหน้ากากสีฟ้าที่มีเขี้ยวยื่นออกมา เขายืนอยู่บนโลงศพ ในขณะที่ใบหน้าสีเขียวของเขาสังเกตุไปที่ ฉื่อหยาน จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแอ , ” เจ้าเป็นหนึ่งในตระกูลหยางงั้นรึ ?

 

หยินไห่ ยืนอยู่บนโลงศพด้านซ้าย

” ก็ใช่ ” ฉื่อหยานพยักหน้าอย่างเฉยเมย เขาปิดตาและสัมพัสไปรอบๆ และเขาก็ลืมตาขึ้นมาจ้องเขม้งไปยังโลงศพไม้สองโลงที่อยู่ใต้เท้าหยินไห่ , แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า ” ข้ามาที่นี่เพราะศพนภาทั้งสองนั่น อาจจะกล่าวได้ว่าพวกเขากับข้ามีชะตาร่วมกัน เมื่อข้ามาถึงที่เกาะสุริยัน ศพนภาทั้งสองได้เรียกข้ามาที่นี่ “

” เป็นเจ้าสินะ ” หยินไห่ ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นเศร้าหมองมากขึ้น จากนั้นเขาก็ยิ้มจนเห็นฟัน และพูดว่า ” เจ้าสารเลวน้อย ในปีนั้นที่หลุมฝังศพที่ 93 ข้าไม่รู้ว่าเจ้าใช้วิธีใดในการควบคุมศพนภาทั้งสองของข้า ทำให้พวกเขาฆ่าแม้กระทั่งคนของตัวเองและช่วยเจ้าหลบหนีออกจากหลุมฝังศพ และตอนนี้เจ้าอยู่เกาะสุริยัน เจ้ายังจะต้องการศพนภาทั้งสองเหล่านี้อีกใช่มั้ย ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า วันนี้ ในฐานะเจ้าของศพนภาเหล่านี้ ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะควบคุมพวกมันได้อย่างไร ” .

” หยินไห่ หุบปาก “

ชิงหมิงสะบัดมือและตะโกนเพื่อหยุดการพูดพล่ามของหยินไห่ จากนั้นเขาก็จ้องมองฉือหยานด้วยสีหน้าจริงจังและเย็นชา และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแอ” ที่หลุมฝังศพในปีนั้น ศพนภาทั้งสองถูกเจ้าควบคุมโดยเจ้า และขัดขืนคำสั่งของหยินไห่ พวกเขาตื่นขึ้นมาและทำตามคำสั่งของเจ้า เป็นเรื่องจริงงั้นรึ ?

ฉื่อหยานคิดสักพัก พยักหน้าและกล่าวว่า ” จริง “

มีเปลวไฟเล็กๆ ปรากฏขึ้นมากมายภายใน ดวงตาสีเขียวนั้น เปลวไฟนี่ดูเหมือนจะมีจิตสำนึกมันหลอมรวมกับกลิ่นอายแห่งความตายจากนั้นก็เชื่อมโยงควบคุมซากศพได้อย่างสมบูรณ์

” ไป ! ” ชิงหมิงหันศีรษะของเขา ,เหลือบมองไปที่หยินไห่

หยินไห่ทำตามคําสั่ง , กระโดดขึ้นและลงไปเรียกผู้อาวุโสคนอื่น

พลังหยินในโลงศพไม้ทั้งสองก็ลอยขึ้นมาด้วยพลังบางอย่าง กลิ่นอายสีขาวปกคลุมไปทั่วทุกแห่ง. และโลงศพทั้งสองก็ลอยมายังด้านหน้าฉื่อหยาน

ประมุข นิกายซากศพ ชิงหมิง ก็ยืดมือซ้ายของเขาชี้ไปที่โลงศพไม่ทั้งสอง แล้วตะโกนออกคำสั่ง ” ออกมา ! “

” บูม “

ฝาโลงศพทั้งสองก็เปิดขึ้น ร่างหญิงและชายก็ลุกขึ้น พวกเขาคือศพที่ฉื่อหยานเคยเห็นที่หลุมฝังศพ93 , พวกเขานั่งตัวตรงประกอบกับดวงตาที่ไร้ความรู้สึก ร่างของเขาแข็งและเย็นยะเยี้ยบ ซึ่งดูเหมือนหุ่นที่ถูกควบคุมโดยใครบางคน

ฉื่อหยานก็หลี่ตาลงเล็กน้อย.

” เป็นความจริงสินะที่เจ้าควบคุมศพนภาทัี้งสองนี้ ? “ชิงหมิงถามออกไปอย่างเรียบเฉย

ฉื่อหยานพยักหน้าและตอบว่า ” เรื่องจริง แต่ศพนภาทั้งสองนี้ดูเหมือนจะถูกปิดกั้นด้วยพลังบางอย่างในร่างกาย ไม่มีกลิ่นอายโคจรในร่างของพวกเขา พวกเขาต้องถูกปิดผนึกอยู่แน่นอน ตอนนี้, พวกเขาเป็นเพียงหุ่นเชิดในมือของเจ้าและเจ้าก็ควบคุมพวกเขาโดยที่พวกเขาไม่มีทางต้านทานได้ “

” เจ้ามีแววตาที่พิเศษนัก ” ชิงหมิงกล่าวอย่างแผ่วเบา และหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของเขาก็คล้ายกับเสียงร้องของวิญญานร้านที่ไม่น่าฟังอย่างยิ่ง

พร้อมกับเสียงหัวเราะที่สามารถทำให้คนแข็งค้างได้ ใบหน้าสีเขียวของ ประมุข นิกายซากศพชิงมิงก็กลายเป็สีเข้มขึ้น เปลวไฟสีเขียวมากมายซึ่งมีขนาดใหญ่เท่ากับปลายนิ้วก็พุ่งออกจากดวงตาของเขา

เปลวไฟสีเขียวแผ่กระจายออกไปรอบๆ ค่อยๆ บินไปที่ศพนภาทั้งสอง

เปลวไฟประคบศพ ! ” ตอนนั้นเอง เปลวเหมันเยือกแข็งทันทีส่งข้อความออกมา ” นี้เป็นหนึ่งในเปลวไฟนภา มันอยู่อันดับที่ 9 เปลวไฟประคบศพสัมพัสกับสิ่งมีชีวิต เลือด และเซลล์ในร่างกายก็จะเปลี่ยนแปลงไป จากนั้นคนๆนั้นก็จะกลายเป็นทาสศพซึ่งถูกควบคุมโดยเปลวไฟประคบศพ

ฉื่อหยาน ก็สั่นเทา เขาขยับถอยหลังสามก้าวในขณะที่เรียกใช้พลังทุกอย่างในร่างกายออกมาเพื่อป้องกันพลังของเปลวไฟประคบศพที่ประมุขนิกายซากศพโจมตีออกมา

ดวงตาสีเขียวของชิงหมิงก็ส่องประกายแปลกประหลาดราวกับว่าพวกมันได้คาดการณ์การป้องกันของฉื่อหยานไว้ก่อนแล้ว

เปลวไฟสลัว ซึ่งถูกควบคุมโดยมือของเขาก็ค่อยๆลอยออกมาและหายไปภายในศพนภาที่นั่งอยู่

ทันทีที่เปลวไฟเข้าไปในศพนภาทั้งสอง พวกเขาสองคน หนึ่งชายหนึ่งหญิง ก็ค่อยๆฟื้นตัวเล็กน้อยกลิ่่นอายที่ปิดกั้นอยู่ภายในร่างกายของพวกเขาได้ก็ละลายไปเหมือนกับหิมะในฤดูร้อน จากร่างกายแข็งตรึง กลายเป็นยืดหยุ่นมากขึ้น

” เจ้าสารเลวน้อย เปลวไฟของเจ้าที่ใช้ออกมาเป็นหนึ่งเปลวไฟนภาใช่หรือไม่ ” ? ชิงหมิงไม่ได้มองไปที่ ศพนภาทั้งสองเลย เขาให้ความสนใจกับร่างของฉื่อหยานแทน ” ในกลุ่มเปลวไฟนภาที่ร้อนแรง เทพสุริยันถังหยวนหนานมีเปลวไฟดวงอาทิตย์ แล้วเปลวไฟนภาของเจ้าคือเปลวไฟอะไรกันแน่ ?

 

” ข้ารู้ว่าท่านมีเปลวไฟประคบศพ ” ฉื่อหยานขมวดคิ้วเข้าหากัน อย่างเงียบ ๆ เขาส่งข้อความไปหากลุ่มของอีเทียนโหมวเพื่อแจ้งพวกเขาถึงอันตรายจากเปลวไฟประคบศพ หลังจากนั้น เขาก็พูดด้วยเสียงต่ำ ” เจ้าคือและครอบครองเปลวไฟประคบศพ อีกทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญเคล็ดวิชาลับควบคุมซากศพของนิกายซากศพ ดูเหมือนว่าท่านจะให้ความสำคัญกับระดับการบ่มเพาะน้อยที่สุดสินะ”

” มันก็จริง ” ชิงหมิงไม่ได้ปิดบังอะไร เขาเผยรอยยิ้มชั่วร้าย” แม้ว่าเปลวไฟภายในร่างกายของเจ้าจะค่องข้างโดดเด่น และความสามารถของมันก็แตกต่างจากของข้า มันอาจจะแข็งแกร่งเทียบเท่าเปลวไฟประคบวิญญาน แต่เสียใจด้วย ระดับการบ่มเพาะของเจ้านั้นต่ำเกินไป เป็นไปไม่ได้ที่จะควบคุมมันได้อย่างเชี่ยวชาญ ดังนั้นข้าสามารถครอบงำเจ้าได้อย่างง่ายดาย เจ้าเชื่อหรือไม่ ?

” ก็จริง” ฉื่อหยานพยักหน้า แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย ” แต่ท่านไม่สามารถทำได้แน่นอน . “

” ทำไม่ได้ ?” เปลวไฟสีเขียวภายในดวงตาของชิงหมิงก็หรี่ลงนิดหน่อย กลิ่นอายพลังหยินที่หนาวเย็นและทหนาแน่นก็ไหลออกมาจากรูขุมขนบนร่างกายของเขา

ใน เวลาเดียวกัน กลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนก็สัมพัสได้ถึงพลังความเย็นที่เริ่มเข้ามาใกล้กับพวกเขา

เส้นสายกลิ่นอายวิญญานนับหมื่นก็ทะลักออกมาจากพวกเขาทั้งสามคนมันไหลเหมือนกับกระแสน้ำที่ไม่รู้จบ ล้อวรอบสาวกและประมุขนิกายซากศพ

––––––––––––––––––––––––

ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 23 แล้ว มีถึงตอนที่ 1035 แล้วจ้า ท่านใดสนใจ กดอ่านรายละเอียดที่นี่เลย > กดตรงนี้ <

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เทพเจ้าล่าสังหาร ฉื่อหยาน เป็นเด็กหนุ่มชื่นชอบกีฬาผาดโผน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการผจญภัยในหลุมฟ้าบาฮามาส ฉื่อหยานบังเอิญเดินทางผ่านเวลาและพื้นที่ จนไปกลายเป็นนายน้อยของตระกูลที่มีชื่อเสียง มีชื่อว่า ฉื่อหยาน ตอนนั้นเองคุณชายน้อยฉื่อหยานได้เสียชีวิตลลงที่ข้างบ่อเลือดพอดี และในระหว่างการผจญภัยสุดยอดกีฬาผาดโผน วิญญาณของเขาได้ถูกโอนเข้ามาของร่ายกายนายน้อย ฉื่อหยาน และได้รับแหวนวิเศษที่ถูกเรียกว่า ' แหวนสายโลหิต ' แหวนที่มีพลังลึกลับซึ่งทำให้ฉื่อหยาน เป็นนักฆ่า ความต้องการฆ่าของเขานั้นไร้สิ้นสุด ทุกอย่างทำเพื่อเพิ่มพลังอำนาจของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทุกครั้งหลังการฆ่า ความต้องการทางเพศก็จะตามมา . . . . . . .

Comment

Options

not work with dark mode
Reset