เทพเจ้าล่าสังหาร – บทที่ 394 เข้าใจการต่อสู้

บทที่ 394 เข้าใจการต่อสู้

 

นักรบส่วนใหญ่ก็มองหนิงเสอ , พวกเขาสั่นศีรษะของพวกเขาและถอนหายใจ . พวกเขาดูเหมือนจะรู้ว่าชีวิตของหนิงเซอกำลังจะจบแบบโศกนาฏกรรม

” น่าสงสารนัก เห็นได้ชัดว่าเขานั้นอยู่ในนภาแรกระดับนภา แต่กลับพ่ายแพ้ให้กลับนักรบระดับรู้แจ้ง หึ มีคนบอกว่าจ้าเป็นนักรบที่มีความสามารถที่หายากจากตระกูลหนิงในสังสวรรค์ แต่เจ้ากลับไม่สามารถต้านทานการโจมตีได้ เช่นนั้นแล้วเจ้าบรรลุสู่ระดับนภาได้อย่างไร? ฮ่า ฮ่า ฮ่า หรืออาจจะเป็นเพราะเม็ดยาจิตวิญญาน ? เจ้าใช้เม็ดยาจิตวิญญานจำนวนมากเพื่อกรุยทางเพื่อมาถึงระดับนี้ใช่หรือไม่ ช่างโชคดีจริงๆ”

เขาเป็นคนเหี้ยมโหด

ในศูนย์ของทะเลสาบ กลุ่มของนักรบนภาที่สามระดับนภาก็มองฉื่อหยานที่อยู่ใกล้ๆ เขาดูเหมือนจะไม่ลงมือใดๆ แต่เขายังคงพูดดูถูกหนิงเซออย่างต่อเนื่อง . พวกเขาเปิดเผยใบหน้าที่แปลกประหลาดอย่างลับๆ

ฉื่อหยานเอาแต่หัวเราะเยาะหนิงเซอ ในขณะที่หน้าของหนิงเซอซีดลง ตาของเขามีร่องรอยของความสับสน ตอนนี้ ความมั่นใจของเขาหายไปหมดสิ้น เขาคิดหาวิธีหนีจากบุคคลที่โหดเหี้ยมคนนี้

มันจบสิ้นแล้ว . . . . . . .

เห็นหนิงเซอ แววตาเปลี่ยนไป นักรบก็รู้ดีว่าหนิงเซอคงไม่อาจหลีกเลี่ยงความตายได้ จึงถอนหายใจยาวออกมา

ความจริงที่ว่านักรบไม่กล้าที่จะสู้ต่อไป และอยากจะหนีรอด นั่นก็หมายถึงความว่าเขาได้สูญเสียจิตวิญญาณของเขาและไม่สามารถหนีได้แล้ว

นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

ฉื่อหยานทันทีก็ปล่อยผนึกแห่งความเป็นความตาย

ผนึกแห่งความเป็นความตาย ซึ่งมีแก่นแท้เจตนาแห่งชีวิตและความก็ซ้อรทับกันอยู่ในอากาศและปกคลุมหนิงเซอที่กำลังหลบหนีเขา

ทางหนีของหนิงเซอถูกปิดกั้น และเขาก็เริ่มหมดหวัง และความปรารถนาที่ต้องการรอดชีวิตก็ได้รับผลกระทบจากแก่นแท้เจตจำนงแห่งความเป็นความตาย ทำให้หวาดกลัวความตายที่กำลังใกล้เข้ามา

หนิงเซอตายแน่นอน

เมื่อชีวิตและความตายปกคลุมเขา หนิงเซอก็แทบจะไม่สามารถป้องกันตัวเองได้และดังนั้นเขาจึงไม่สามารถหยุดผลกระทบจากความเป็นความตายได้

” ปัง “

ผนึกแหง่ความเป็นความตายเจาะเข้าไปในร่างกายหนิงเซอเกิดเป็นแรงระเบิดที่ทำให้พื้นสั่นสะเทือน ร่างกายของเขาฉีกออกเห็นกระดูกและเลือดเน้อ จนในที่สุด เขาก็แหลกเป็นชิ้นๆ

ค่อยๆเดินไปหาหนิงเซอ และรู้สึกกลิ่นอายของเขา ฉื่อหยานพึมพัมด้วยรอยยิ้มโหดร้ายและแอบภูมิใจในการกระทำของเขา ถึงแม้ว่าเขาฆ่าหนิงเซออย่างไร้ทางต่อต้าน

ถ้าหนิงเซอ ไม่กลัวและไม่เสียความมั่นใจของเขา ฉื่อหยาน ก็จะต้องใช้พลังมากขึ้น , เพิ่มระดับพลังของเขาให้เทียบเท่ากับระดับนภาแรกหรือนภาที่สองระดับนภาถึงจะฆ่าหนิงเซอได้ .

อย่างไรก็ตาม เพราะหนิงเซอสูญเสียเหตุผลของเขาเองจึงทำให้ฉื่อหยานไม่จำเป็นต้องใช้พลังมากมาย ก็สามารถฆ่าเขาได้โดยง่าย

การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้ฉื่อหยาน ตระหนักได้ถึงความสำคัญของการเป็นนักรบ ไม่เพียงแค่นั้น ตอนนี้เขามีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่่ยวกับแก่นแท้เจตจำนงมากขึ้น

หลังจากที่ได้ต่อสู้ เขาก็รู้แล้วว่าทำไมมันยากที่จะรับมือกับศัตรูที่แข็งแกร่ง ช่องว่างระหว่างระดับของเขานั้นอยู่ไกลเกินไป ดังนั้น ฝ่ายที่อ่อนแอจะมีความรู้สึกต่ำต้อยมากมาย ด้วยความคิดนี้ มันก็ยังยากสำหรับผู้ที่อ่อนแอที่จะแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้

คนที่มีระดับสูงว่าเป็นธรรมดาที่จะมีความมั่นใจมากกว่า ความมั่นใจนี้จะทำให้เขาใช้พลังได้สูงสุด ถ้าคนใดแข็งแกร่ง คนๆนั้นก็จะแข็งแกร่งเลยและถ้าผู้ใดอ่อนแอ ก็จะตกต่ำลงไป

ถ้าผู้อ่อนแอแต่กล้าที่จะท้าทายคนที่แข็งแกร่งกว่า แม้จะเป็นเพียงครั้งเดียวมันก็ทำให้เขาก้าวข้ามจิตใจที่อ่อนแอมาได้ และเมื่อมีความมั่นใจแน่นอนพวกก็อาจจะสามารถเอาชระคู่ต่อสู้ได้โดยไม่ได้รับผลกระทบจากศัตรูที่แข็งแกร่ง และเขาก็สามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่

ด้วยความคิดนี้และเจตจำนงนี้ นักรบจะสามรรถบรรลุระดับได้อย่างง่ายดายและสามารถรับมือกับฝ่ายตรงข้ามที่แข็งแกร่งได้

ฉื่อหยานได้รับประโยชน์มากจากการต่อสู้ที่แสนธรรมดาก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าใจแก่นแท้จองการต่อสู้ มันไม่เพียง แต่เกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการใช้ปัญญา การไร้ซึ่งความกล้าหาญทำให้ไร้ซึ่งพลัง

ด้วยความเข้าใจนี้ ฉื่อหยานก็มองนักรบนภาที่สามระดับนภาในทะเลสาบขนาดเล็กและการเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็พลันส่องประกายในดวงตาของเขา

เมื่อคนเหล่านั้นได้เตือนเขาก่อนหน้านี้ เขาก็แอบระวังและมีความคิดที่จะไม่สนใจคนเหล่านั้น เพราะกังวลว่า เมื่อเขาต่อสู้เสร็จเขาจะอ่อนแอลง และเวลานั้นเขาก็จะอ่อนแอกว่านักรบเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม หลังจากการต่อสู้กับหนิงเซอ ความเข้าใจของเขาทั้งหมดก็เข้าสู่ระดับใหม่ จู่ๆ เขาก็รู้สึกยินดีที่ภูมิปัญญาของเขาดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ

 

ด้วยเส้นประสาทที่เหนียวแน่นของเขา ผ่านความเข้าใจนี้ ฉื่อหยานตอนนี้ มีความเชื่อมั่นในตนเอง เขาทรนงเป็นอย่างมากในตอนนี้ แม้ว่าจะเป็นนักรบระดับพระเจ้าเขาก็ไม่กลัว และจะไม่ปล่อยให้แรงกดดันที่มาจากศัตรูทำอะไรเขาได้ แม้ต่ความไม่มั่นใจก็จะไม่เกิดขึ้น

นักรบในทะเลสาบเล็ก ก็จ้องมองเขาอย่างเงียบๆและตระหนักได้ว่าดวงตาของเขาเปลี่ยนไป ฉื่อหยานดวงตาตอนนี้ไม่ได้แสดงความหวาดกลัวใดๆออกมา มีแต่ร่องรอยของความหยิ่งทนงแทน

นักรบเหล่านี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย เทียบกับฉื่อหยานที่อยู่ในระดับรู้แจ้ง พวกเขามีระดับสูงกว่าขั้นหนึ่ง อย่างไรก็ตาม หากต้องต่อสู้กับพวกเขา ฉื่อหยานก็จะไม่หวาดกลัวเพียงเพราะระดับของพวกเขาสูงกว่า

” หนิงเซอตายแล้ว ถ้าพวกท่านยังอยู่ข้างนอก มันคงจะไม่ดีแน่ ” ฉื่อหยานหันกลับไปยังชิเสี่ยว ตะโกน และย้ายไปอยู่ที่ตำแหน่งของซั่วฉือ ” เข้าไป” ซั่วฉือเป็นคนเดียวที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้

นางรู้ว่านางไม่สามารถช่วยอะไรได้และยังอาจกลายเป็นภาระสำหรับคนอื่น ๆ ดังนั้น นางจึงซ่อนอยู่เงียบ ๆในฝูงชน ไม่ปล่อยให้หนิงเซอ และนักรบสวรรค์วังอื่น ๆสนใจของนาง สิ่งที่นางทำนับได้ว่าฉลาด มันเป็นเพราะว่านางฉลาด ฉื่อหยาน อายหยา และคนอื่น ๆจึงลงมือได้โดยไร้กังวลว่านางตะถูกโจมตีโดยนักรบจากวังสวรรค์

ในฝูงชน ซั่วฉือไม่ได้อยู่ใกล้กับชิเสี่ยวและร่วมต่อสู้กับปู่ นางทำเพียงจ้องฉื่อหยาน ที่ฆ่าหนิงเซออย่างสงบ .

นักรบหลายคนรอบข้างได้สังเกตุการต่อสู้นี้ สำหรับซั่วฉือ ผ่านการต่อสู้นี้ นางก็มีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับแรงกดดันและบทบาทของจิตใจ

เมื่อได้ยินฉื่อหยานตะโกน ซั่วฉือก็ยิ้มเบาๆ ในขณะที่ตาของนางเต็มไปด้วยประกายแสงจิตวิญญานที่ตื่นเต้น . ” คนนิสัยไม่ดี ปากของเจ้าช่างรุนแรงนัก ไม่งั้นเค้าคงไม่ตายทันทีที่เจ้าลงมือแน่ “

ฉื่อหยานสแยะยิ้มและกล่าวว่า ” มันเป็นเพียงเพราะเขาไม่เคยมีประสบการณ์ผ่านความยากลำบากที่โหดร้าย ถ้าเขาไม่สามารถทนต่อคำพูดของข้าได้ เขาก็สมควรตาย “

ในขณะที่พูด ฉื่อหยานก็ก้าวลงไปในทะเลสาบเล็ก ๆ ใน เวลาเดียวกัน หลุมแรงโน้มถ่วงก็เริ่มขยับอีกครั้ง ค่อยๆ เข้าไปใกล้ทะเลสาบ และเปิดเส้นทางให้กับเขา

ข้างทะเลสาบ นักรบหลายคนมองพวกเขาเงียบๆ เห็นช่องว่างแต่ไม่กล้าเข้าไปก่อนและทำได้เพียงมองดูฉื่อหยานที่เดินเข้าไปพร้อมกับซั่วฉือ พวกเขาเองก็หลีกทางอย่างกระตือรือร้นเพราะความกลัว และกลัวว่าจะทำให้ฉิ่อหยานเข้าใจผิด

ฉื่อหยานและซั่วฉือก็เข้าสู่ทะเลสาบในขณะที่หยิบผลึกอสูรออกมา ให้พวกเขาและพูดด้วยรอยยิ้ม ” เจ้าไม่ต้องกังวลเกินไป ใช้ผลึกอสูรเหล่านี้ฟื้นฟูพลังของพวกเจ้าเถอะ “

ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักได้ว่ากลุ่มของซั่วฉือทั้งสามคนนั้นไม่ได้ฟื้นฟูพลังเต็มที่ตั้งแต่ที่มายังปราสาทหิน ร่างกายของพวกเขาเองก็มีระดับการบ่มเพาะไม่สูงมาก

เมื่อผลึกอสูรทั้งสามปรากฏ ซั่วชู ซั่วฉือ และ ชิเสียว ก็รู้สึกดีใจพวกเขาทั้งสามต้องการมันเป็นอย่างมาก พวกเขาเห็นพวกมันมากมายอยู่ในหลุมแรงโน้มถ่วง แต่กลับไม่มีผลึกอสูรอยู่ในมือเขาเลย มิฉะนั้น , ตอนที่เขาอยู่ที่ป้อปราการหินกัน พวกเขาสมควรฟื้นฟูพลังปราณลึกลับแล้ว

พอแน่ใจ ซั่วฉือก็รับผลึกอสูรไป สายตาของนางพลันสว่างขึ้นในขณะที่นางอุทานตกใจ ” ผลึกอสูรมากมายนัก !”

ฉื่อหยานยิ้มและส่ายหัวของเขา เขารู้ว่าการคาดเดาของเขานั้นถูกต้อง”ฟื้นฟูตัวเองให้ดี เมื่อปู่ของเจ้าและอาวุโสชิเสี่ยวมาที่นี่ เจ้าก็สามารถมอบผลึกอสูรเหล่านี้ให้พวกเขาได้เพื่อให้พวกเขาฟื้นฟู้พลัง “

” ขอบคุณเจ้ามาก เจ้าช่างซื่อสัตย์นัก . . . . . . . เจ้าไม่ลืมสหายเก่าเช่นพวกเรา ” ซั่วฉือชำเลืองมองเขาขณะที่ใบหน้าเล็ก ๆของนางก็เผยยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยรอยยิ้มที่สวยงาม . ” ตั้งแต่เจ้าออกจากสมาคมการค้าเราก็ไม่ได้ข่าวของเจ้าอีกเลย และคิดว่าเจ้าคงลืมเราไปแล้ว อืม ปู่ฉือเองก็ยังถามเราว่าได้ข่าวเจ้าบ้างหรือไม่ ในความเป็นจริง , ข้าคิดว่าเจ้าเนรคุณ แต่ตอนนี้ข้ายกโทษให้เจ้าแล้ว

ซั่วฉือดูจะไม่พอใจเขาเล็กน้อย นางฉวยโอกาสนี้พูดทุกอย่างในใจของนาง

ฉื่อหยานมองอย่างตะลึง แล้วก็พูด”ข้านั้นเนรคุณจริงๆ ข้าทำผิดต่อกระฉือ…. “

หลังจากเจ้าสู่ทะเลไม่มีที่สิ้นสุด เขาก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องตระกูลฉื่อหยานในสมาคมการค้าผู้เป็น ‘ ญาติ ‘เลย

หลังจากมาที่นี่ เขาก็มีประสบการณ์เยอะแยะมากมาย เจอคนมากมาย แต่คนที่จริงใจดีแก่เขา และถือว่าเขาเป็นคนรักก็มีเพียงปู่ฉื่อและตระกูลฉือเท่านั้น .

 

ตระกูลฉื่อได้ช่วยเหลือเขามากมาย หลังจากที่ตระหนักมีเรื่องมากมายเกิดขึ้น ก็มีคนแนะนำให้เขาออกจากสมาคมการค้าและนำเขาไปทะเลไม่มีที่สิ้นสุดไเพื่ออนาคตของเขา

ตอนนี้ เมื่อได้ยินซั่วฉือพูดเช่นนั้น เขารู้สึกละอายใจ และไม่สามารถหยุดคิดเกี่ยวกัสิ่งที่เขาได้รับในสมาคมการค้า

จากนั้นเขาก็ตั้งใจว่าวันหนึ่งเมื่อเขาแข็งแกร่งพอ เขาจะช่วยให้คระกูลฉื่อของเขารุ่งเรืองและเป็นผู้ปกครองอาณาจักรต่างๆ ไม่ใช่เพียงแค่สมาคมการค้า

” พวกเราแพ้แล้ว เราจะมอบพื้นที่ตรงนี้ให้เจ้า “

ในตอนนั้นเอง เสียงจากนักรบรภาที่สองระดับนภาจากวังสวรรค์ที่ปรากฏขึ้นจากควันก็ดังขึ้น หลังจากได้เห็นคนอื่นๆที่อยู่รอบๆพินาศไปทีละคน เขาก็รู้ว่ามันยากที่จะเอาชนะกลุ่มของฉื่อหยาน ดังนั้น ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะยกที่ให้

เมื่อเขายอมแพ้ นักรบจากวังสวรรค์ที่ต่อสู้กับอายหยาและคนอื่นๆก็รีบมารวมตัวกันอยู่ข้างๆเขา

” เรายังมีโอกาส ” ผู้ชายที่ดูเคร่งขรึม เขาชี้ไปยังทีมอื่น ๆในทะเลสาบ และกล่าวว่า ” ถึงแม้เราจะไม่ได้พื้นที่ตรงนี้ แต่เราก็สามารถแย่งชิงพื้นที่อื่นได้ ไม่ใช่แค่พวกเขาที่อยู่ในทะเลสาบได้ .

ที่ขอบทะเลสาบ เมื่อกลุ่มนักรบเหลืออยู่ห้ากลุ่ม ได้ยินผู้ชายคนนั้นพูด ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป และพวกเขาทั้งหมดก็ตื่นตัว

” ดีมาก ” ฉื่อหยานพูดแล้วพยักหน้าไปทางชิเสี่ยวและคนอื่น ๆ” เนื่องจากพวกเขาเป็นคนฉลาด เราก็ไม่ควรจะโหดร้ายฆ่าพวกเขา อืม นี่ก็ไม่ต้องเปลืองแรงของเรา เข้าไปข้างในกันเถอะ จะดูกว่าถ้าพวกเราดูพวกเขา่ต่อสู้กันฆ่ากันตายขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ “

เมื่อได้ยินคำพูดของฉื่อหยาน ชิเสี่ยว อายหยา และ ไชอี้ก็พยักหน้าพร้อมกัน และเดินด้วยกัน

ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในทะเลสาบ ฉื่อหยานก็ควบคุมจิตสำนึกของเขาเปลี่ยนหลุมแรงโน้มถ่วงมาที่ด้านหน้าของเขา

ดังนั้น ถ้านักรบอยากจะฆ่าพวกเขา พวกเขาต้องเผชิญกับหลุมแรงโน้มถ่วงก่อน

หลุมแรงโน้มถ่วงแน่นอนว่าเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางนักรบให้หวาดกลัวได้ และดังนั้นถ้าพวกเขาจะทำอะไรพวกเขาจะต้องหยุดพิจารณาก่อนที่จะเลือกกลุ่มของฉื่อหยายเป็นเป้าหมาย

__________________________

ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 28 แล้ว มีถึงตอนที่ 1313 แล้วจ้า ท่านใดสนใจ กดอ่านรายละเอียดที่นี่เลย > กดตรงนี้ <

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เทพเจ้าล่าสังหาร ฉื่อหยาน เป็นเด็กหนุ่มชื่นชอบกีฬาผาดโผน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการผจญภัยในหลุมฟ้าบาฮามาส ฉื่อหยานบังเอิญเดินทางผ่านเวลาและพื้นที่ จนไปกลายเป็นนายน้อยของตระกูลที่มีชื่อเสียง มีชื่อว่า ฉื่อหยาน ตอนนั้นเองคุณชายน้อยฉื่อหยานได้เสียชีวิตลลงที่ข้างบ่อเลือดพอดี และในระหว่างการผจญภัยสุดยอดกีฬาผาดโผน วิญญาณของเขาได้ถูกโอนเข้ามาของร่ายกายนายน้อย ฉื่อหยาน และได้รับแหวนวิเศษที่ถูกเรียกว่า ' แหวนสายโลหิต ' แหวนที่มีพลังลึกลับซึ่งทำให้ฉื่อหยาน เป็นนักฆ่า ความต้องการฆ่าของเขานั้นไร้สิ้นสุด ทุกอย่างทำเพื่อเพิ่มพลังอำนาจของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทุกครั้งหลังการฆ่า ความต้องการทางเพศก็จะตามมา . . . . . . .

Comment

Options

not work with dark mode
Reset