เทพเจ้าล่าสังหาร – บทที่ 54 ซั่วฉื่อ

บทที่ 54 ซั่วฉื่อ

 

ที่ด้านหน้าของห้องรับแขก มีสวนขนาดกลางซึ่งเต็มไปด้วยพืชพันธุ์หายากอยู่ และก็เต็มไปด้วยดอกไม้ที่บานตลอดทุกฤดูกาล ส่งกลิ่นหอมออกมาซึ่งสามารถทำให้ลุ่มหลงได้ .

ฉื่อหยานเดินมาถึงด้านหน้าของสวน และก็เห็นซั่วฉื่อและคนอื่นๆอยู่

ท่ามกลางดอกไม้สีสันสดใส ซั่วฉื่อยืนอยู่กลางสวนด้วยร่างกายที่งดงาม ผมของนางยาวสลวย ขาของนางเหยียดตรง ร่างกายดูเร่าร้อน

ภายใต้แสงแดดที่ส่องกระทบ ผิวที่ระเอียดอ่อนของนางส่องประกายออกมาอย่างดงาม ใบหน้าของนางมีขนาดเล็กซึ่งดูแล้วบอบบาง ดวงตาทั้งสองของนางโตและสดใสเหมือนคริสตัลสีฟ้า

แม้ว่าฉื่อหยานจะรู้อยู่แล้วว่าซั่วฉือนั้นงดงามเพียงใด แต่เขายังต้องทึ่งเมื่อได้มาเห็นซั่วฉื่ออีกครั้ง

จะบอกได้ว่า ซั่วฉื่อนั้นงดงามเทียบเท่ากับมู่หยู่เตี๋ยเลยก็ว่าได้ แต่นางดูสูงกว่าและผมของนางก็ยาวกว่า และขาของนางนั้นก็ดูน่าลิ้มลองกว่าด้วย

เหล่าสมาชิกรุ่นเยาว์ต่างรุมล้อมซั่วฉื่อเหมือนกับดวงดาวที่หมุนรอบดวงจันทร์ ซั่วฉื่อถือถังน้ำในมือและเดินอย่างช้าๆ กำลังรดน้ำดอกไม้สวน และ ในดวงตาของนางเหมือนกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

ดูเหมือนว่านางนั้นไม่ชอบให้ใครปฏิบัติกับนางเป็นพิเศษเท่าใดนัก

ฉื่อหยานชำเลืองมองนางจากที่ไกลๆ และเดินเข้าไปในสวนได้โดยตรง และมุ่งหน้าไปยังห้องรับแขกที่อยู่ด้านหลังของสวนทันที

” ฉื่อหยาน ! “

เด็กหนุ่มคนหนึ่งตะโกนดังออกมา และรุ่นเยาว์หลายๆคนที่กำลังลุมร้อมซั่วฉื่ออยู่ก็หันมามอง

” มีอะไรรึ ? ” ฉื่อหยาน หยุดชั่วคราวและ หันมาถาม

” เจ้าไปไหนมา ข้าได้ยินว่าเจ้ากลับมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่ทำไมข้าถึงไม่พบหน้าเจ้าเลย ” ฉื่อเทียนเซียว ตะโกนและโบกมือไปที่ฉื่อหยาน ” มานี่หน่อย ฉื่อหยาน ฉื่อเอ๋อได้กระดองเต่านี่มา และ ดูเหมือนมันจะมีบางอย่างแปลกๆ ไม่ใช่ว่าเจ้าเชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้รึ มาช่วยดูให้เราหน่อยสิ ”

ซั่วฉื่อ ที่กำลังถูกรุ่นเยาว์ลุ้มล้อมอยู่ก็หันมาสนใจ เมื่อนางได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของนางก็สดใสเหมือนส่องประกายสีฟ้าเหมือนทะเลสาบออกมาและจ้องข้ามไปที่เขาและนางก็ตัดสินใจเดินมาหาฉื่อหยาน

” ตอนนี้ข้ากำลังยุ่งอยู่ ท่านปู่มีเรื่องจะคุยกับข้า ไว้ข้าจะคุยกับเจ้าที่หลังละกัน “

ฉื่อหยานดูเฉยเมยและปฏิเสธทันที แล้วเขาก็เดินไปที่ห้องรับแขกโดยไม่ลังเลใด ๆ

” หืมม . . “

ฉื่อเทียนเชียว รู้สึกแปลกใจและตะลึง เขายิ้มและหันไปอธิบายกับซั่วฉื่อ ” ฉื่อหยาน เจ้านี่มันอารมณ์ร้ายจริงๆ อีกทั้งยังพูดไม่มีสัมมาคาระวะอีกด้วย ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาเอาแต่วิ่งเล่นไปทั่วทุกสถานที่ ข้าไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แต่อย่าได้กังวลไป ข้าจะให้เขาตรวจสอบมันให้กับเจ้าแน่นอน ” .

มีข้อสงสัยบางอย่างปรากฏขึ้นในแววตาของซั่วฉื่อ นางจ้องมองไปที่ฉื่อหยานที่จากไปและถามว่า ” เขาไม่สนใจในวิชาต่อสู้จริงงั้นรึ ? แล้วเหตุใดระดับการบ่มเพาะของเขาถึงมากกว่าเจ้ากัน ? “

” อะ . . . อะไรนะ ! ? “

ฉื่อเทียนเซียว ดูตกใจและเขาก็รีบถามกลับ ” ฉื่อน้อย เจ้าพูดจริงงั้น ข้าไม่เคยเป็นรองใครในรุ่นเยาว์อายุไม่เกินสิบเจ็ดปีมาก่อน ! เช่นนั้น แล้วระดับบ่มเพาะของเขาอยู่ในระดับใดหละ ? “

ใบหน้าที่งดงามของซั่วฉื่อตกใจเล็กน้อย นางบอกออกไปหลังจากสังเกตุสักพัก” เขาอยู่ในนภาที่สามของระดับก่อตั้ง , นี่รึที่บอกว่าเขานั้นไม่ได้สนใจการฝึกฝนวิชาต่อสู้ ? ท่านผู้อาวุโสคนนั้นสอนวิชา [ เนตรทิพย์ ] ให้กับข้า , ข้าสามารถบอกได้ถึงระดับบ่มเพาะของทุกคน แต่คนๆนั้นจะต้องไม่มีระดับสูงกว่าข้า เช่นนั้นการพิจารณาของข้าย่อมถูกต้องแน่นอน .

” นภาที่สามในระดับก่อตั้ง ! “

ฉื่อเทียนลั่ว ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ส่ายหัว และตะโกนว่า ” ไม่มีทาง ! มันเป็นไปไม่ได้ ! สิบเจ็ดปีที่ผ่านมา

ฉื่อหยานนั้นไม่ได้ฝึกวิชาต่อสู้ใดๆเลยแม้แต่วินาทีเดียว เหตุใดเขาถึงอยู่ในนภาที่สามของระดับก่อตั้งได้ อย่ามาล้อข้าเล่นเลย ! “

เมื่อเห็นพวกเขาไม่เชื่อที่พูด – ซั่วฉื่อจึงส่ายหน้าเล็กน้อยโดยไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม จากนั้นก็เดินไปอีกฝั่งของแม่น้ำ

. . . . . . .

” ท่านปู่ , ท่านมีสิ่งใดให้ข้าช่วยงั้นรึ ? “

ฉื่อหยานเดินเข้าไปในห้องรับแขก แล้วโค้งคำนับ ฉื่อเจี้ยน , ฮันเฟิง และ ซั่วชู หนึ่งครั้งและถามไปยัง ฉื่อเจี้ยน .

ฉื่อเจี้ยน พยักหน้า และก้าวเข้ามาคว้าแขนของฉื่อหยานและลากเขาไปยังด้านหน้าซั่วชู ” พี่ซั่ว โปรดดูเขาให้ดี และตรวจสอบดูให้ทีว่าจิตวิญญานของเขาคือสิ่งใดกัน ตระกูลซั่วของท่านได้รวบรวมหนังสือเกี่ยวกับจิตวิญญานต่อสู้ดั่งเดิมมากมาย ท่านต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับมันมากกว่าข้าแน่ ข้าเองไม่สามารถรู้ได้มันคือสิ่งใด ข้าเชื่อว่าท่านต้องรู้แน่มันคือสิ่งใด .

ซั่วชูอายุประมาณหกสิบปี มีผมสีขาวอยู่ด้านข้างหน้าผากทั้งสองฝั่ง เขาดูไม่หยิงหยอง และเต็มไปด้วยภูมิฐาน เขาเพียงแต่มุ่งมั่นฝึกฝนในด้านการกลั่นสกัดเท่านั้น

เขาดูไม่เหมือนกับหัวหน้าของตระกูลใหญ่เลยสักนิด เขาดูเหมือนเป็นครูที่าอนอยู่โรงเรียนเสียมากกว่า

ฉื่อเจี้ยน และซั่วชู เป็นสหายสนิทกันมาหลายปี และตระกูลฉื่อและตระกูลซั่วต่างเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งต่อกันมานาน ดังนั้นถึงแม้เรื่องราวปัจจุบันของฉื่อหยานจะเป็นความลับต่อคนในตระกูล แต่สำหรับซั่วซูมันไม่ได้เป็นความลับเลย

ซั่วชูขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเหยียดมือที่ผอมแห้งของเขาออกไปข้างหนึ่งและจับไปบนข้อมือของฉื่อหยาน ” ข้าจะตรวจสอบจิตวิญญานกายาแข็งของเจ้าก่อน “.

ฉื่อหยานผ่อนคลายลงและให้ซั่วชูตรวจสอบ

ทันใดนั้น เขารู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างไหลผ้านเข้ามาผ่านข้อมือเหมือนผ้าไหม

มันไหลอย่างราบเรียบในร่างกายฉื่อหยาน แต่ไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวดอย่างใด เขารู้สักคันเล็กน้อย .

 

มันไหลผ่านเส้นเลือดและกระดูกของเขาเพื่อตรวจสอบ ไหลไปทั่วอวัยวะภายในของเขาและยังคงไหลไปทุกมุมของร่างกาย และสุดท้าย มันก็ไหลกลับไปที่ข้อมือของเขา

ซั่วชูดึงมือออกจากข้อมือของเขาและขมวดคิ้ว หลังจากที่เงียบมานาน เขาก็กล่าวว่า ” ปกติดี . “

ฉื่อเจี้ยนก็ปลาบปลื้มขึ้นมาและเขากล่าวอย่างรีบร้อน ” นั่นหมายความว่า เจ้าเด็กนี้ได้รับสืบทอดจิตวิญญานที่ปกติดีใช่หรือไม่ ? และมันยังจะสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ในอนาคตอีกเช่นนั้นรึ ? “

” สมควรเป็นเช่นนั้น ” ซั่วชู จมลงไปในความคิด ขณะที่เขาแสดงสีหน้าแปลกประหลาด ” พี่ใหญ่ ข้ารู้สึกว่ามีจิตวิญญาณต่อสู้อื่นในร่างกายของเขาอีกอย่างหนึ่ง “

” เจ้ารู้งั้นรึ ? “

ฉื่อเจี้ยน มีความสุขมากช่วยไม่ได้ที่เขาจะหัวเราะออกมา ” น้องซั่ว ! เจ้านี่รู้แจ้งจริงๆ ถูกต้อง มีจิตวิญญาณการต่อสู้อื่นอีกในร่างของเขา มันเป็นจิตวิญญานที่สามารถฟื้นฟูรักษาร่างกายได้ ! ฮ่า ฮ่า ข้าตั้งใจจะบอกเจ้าที่หลัง แต่เจ้ากลับพอมันเสียก่อน ! “

ประกายแสงปรากฏในแววตาของซั่วชูและปากของเขาก็สั่น หลังจากนั้น เขาก็พยักหน้าอย่างหนักและทักทายอย่างมีความสุข ” ยินดีด้วยพี่ใหญ่ “

” ฮ่าๆ เจ้าก็เช่นกัน ” ฉื่อเจี้ยน ซึ่งในขณะที่เขาหัวเราะเขาก็กล่าวว่า ” แม่นางน้อยของท่านเองก็นับได้ว่าเป็นอัจฉริยะเช่นกัน ตอนนี้นางสามารถบรรลุถึงนภาที่สองในระดับมนุษย์ได้ แม้แต่เจ้าเฒ่าชิเสี่ยวยังต้องการที่จะเป็นอาจารย์ของนาง ข้าพนันได้เลยว่า นางจะต้องประสบความสำเร็จมากกว่าเจ้าเด็กจากตระกูลเป่ยหมิงแน่นอน”

ซั่วซูส่ายศีรษะพร้อมรอยยิ้มอย่างขมขื่น และถอนหายใจออกมา ” นางมีพรสวรรค์จริงๆนั้นแหละ แต่นางกลับเกียจคล้านเกินไป นางจะไม่ฝึกนอกเสียจากว่าจะโดนบังคับ ระดับของนางจะสูงมากกว่านี้แน่ หากนางขยันเหมือนเจ้าเด็กเป่ยหมิงเช้อ .

ซั่วชูดูภูมิใจนิดๆเมื่อพูดถึงพรสวรรค์ซั่วฉื่อ

” หลานสาวของท่านสามารถก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วก็จริง แต่ฉื่อหยานนั้นก็สามารถอยู่จุดสูงสุดในระดับก่อตั้งด้วยเวลาอันเส้นเช่นกัน เขาไม่เคยฝึกฝนใดๆเลยตลอดสิบเจ็ดปี ถ้าพูดถึงความเร็วในการฝึกหละก็ ข้าไม่เคยพบใครที่เร็วกว่าเขามาก่อนแน่นอน ” ฉื่อเจี้ยน ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม และพยักหน้าเบาๆ

ปรากฏแสงในแววตาซั่วชูอีกครั้ง เขามองไปที่ ฉื่อเจี้ยน และพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ” จิตวิญญานต่อสู้แฝดที่น่าทึ่งจริงๆ ตระกูลฉื่อจะต้องได้รับชัยชนะในการประลองครั้งนี้แน่ “

” แน่นอน ! “

ฉื่อเจี้ยน ไม่ได้ถ่อมตัวเลย เขาพูดออกมาเสียงดัง ” ข้าให้ เจ้าเด็กนั้นฝึกอยุู่ในห้องแรงโน้มถ่วงตลอดเวลา เพื่อที่จะให้เขาไปสั่งสอนพวกคนจากตระกูลโม่โดยเฉพาะ”

” น้องซั่ว นอกจากฉื่อหยานจะได้ได้ครอบครองจิตวิญญานแฝดแล้ว มันยังมีเรื่องที่น่าทึ่งกว่านั้นอีก เพราะว่า ตอนนี้หนะ จิตวิญญานกายาแข็งของเขานั้นอยู่ในขั้นที่สองแล้ว”

ซั่วซูคิดสักพัก แล้วกล่าวว่า ” เท่าที่ข้ารู้มา มีความเป็นไปได้น้อยมากที่ผู้ครอบครองจิตวิญญานทั้งสองในร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น จิตวิญญานทั้งสองอาจจะเปลี่ยนแปลงไปหากใช้งานพร้อมกัน บางครั้งก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่อันตราย จิตวิญญานต่อสู้ทั้งสองจะหักล้างกันเอง และลดพลังอำนาจของเขาลง แต่นั้นก็เป็นโอกาสเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และมันก็เกิดขึ้นในจิตวิญญานแฝดอื่นๆ ฉื่อหยานนั้นนับว่าโชคดีที่จิตวิญญานของเขาเข้ากันได้ เช่นนั้น จิตวิญญานกายาแข็งของเขาจึงอยู่ในขั้นที่สูงกว่าระดับที่ควรจะเป็นเมื่ออยู่ในระดับก่อตั้ง “

” ถูกต้อง ข้าคนนี้มีความสุขยิ่งนัก ! ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะทำให้ข้าประหลาดใจได้เมื่อเขาอายุสิบเจ็ดปี ” ฉื่อเจี้ยนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มกว้าง

แล้วชายแก่ทั้ง 2 คนก็เริ่มคุยกันเรื่องไร้สาระอื่น ๆและลืมไปว่า ฉื่อหยานยืนอยู่ข้างๆพวกเขา

” เช่นนั้น ข้าขอตัวกลับไปฝึกในห้องแรงโน้มถ่วงต่อ ท่านต้องการอะไรอีกหรือไม่ ? ” เมื่อถูกเมิน ฉื่อหยานก็พูดออกไป

” ตกลง เจ้าไปเถอะ ! เร็วเข้า ! อย่าได้ขี้เกียจ ! ” ฉื่อเจี้ยนกล่าวอย่างจริงจัง

” เอ่อนี่ เจ้าค่อนข้างเชี่ยวชาญด้านอักษรโบราณใช่หรือไม่ ? ” ซั่วชูนึกขึ้นได้และพูดเพิ่มเติม ” มีอักขระโบราณอยู่บนกระดองเต่าโบราณนั่น และตอนนี้มันอยู่กับซั่วฉื่อ ข้าอยากจะรู้ว่ามันหมายความว่าเช่นไร เจ้าช่วยไปแปลให้นางฟังได้หรือไม่ ” .

” ขอรับ ”

––––––––––––––––––––––––

ปล. ลงอีกที วันที่ 8/4/2560 จ้า… ตอนนี้ในกลุ่มลับของเราลงถึงตอนที่ 132 แล้วนะครับ แล้วก็มีกลุ่ม 3 แล้วด้วย หากสนใจอยากเข้าร่วมกลุ่มลับ สามารถอ่านเงือนไขได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยจ้า กลุ่มเรารับคนตลอดน๊า….

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เทพเจ้าล่าสังหาร ฉื่อหยาน เป็นเด็กหนุ่มชื่นชอบกีฬาผาดโผน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการผจญภัยในหลุมฟ้าบาฮามาส ฉื่อหยานบังเอิญเดินทางผ่านเวลาและพื้นที่ จนไปกลายเป็นนายน้อยของตระกูลที่มีชื่อเสียง มีชื่อว่า ฉื่อหยาน ตอนนั้นเองคุณชายน้อยฉื่อหยานได้เสียชีวิตลลงที่ข้างบ่อเลือดพอดี และในระหว่างการผจญภัยสุดยอดกีฬาผาดโผน วิญญาณของเขาได้ถูกโอนเข้ามาของร่ายกายนายน้อย ฉื่อหยาน และได้รับแหวนวิเศษที่ถูกเรียกว่า ' แหวนสายโลหิต ' แหวนที่มีพลังลึกลับซึ่งทำให้ฉื่อหยาน เป็นนักฆ่า ความต้องการฆ่าของเขานั้นไร้สิ้นสุด ทุกอย่างทำเพื่อเพิ่มพลังอำนาจของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทุกครั้งหลังการฆ่า ความต้องการทางเพศก็จะตามมา . . . . . . .

Comment

Options

not work with dark mode
Reset