เทพเจ้าล่าสังหาร – บทที่ 73 การเปลี่ยนแปลงในศิลาพระเจ้า

บทที่ 73 การเปลี่ยนแปลงในศิลาพระเจ้า

 

ฉื่อหยานย่างก้าวเดินอยู่ในศิลาพระเจ้าอย่างสบาย

ทุกที่ ที่เขาเดินผ่าน จะต้องมีศพอยู่เสมอ และศพเหล่านั้นเองไม่นานนักพวกมันก็แห้งเหมือนกับมัมมี่พร้อมกับพลังปราณลึกลับที่ถูกดูดออกไป .

นี่เป็นการต่อสู้ที่รุนแรงเป็นอย่างมาก , นักรบหลายคนต่างก็ตกตายเพราะแรงกดดัน

บรรดานักรบในระดับเริ่มต้นและก่อตั้งจะได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะพวกเขาไม่สามารถต้านทานคลื่นพลังปราณที่ประทะกันของนักรบระดับ นิพพาน ขึ้นไปได้ ว่าที่พวกเขาจะได้ออกไปจากศิลาพระเจ้ามันก็สายไปเสียแล้ว

เพียงไม่กี่นาที ฉื่อหยานที่เดินอยู่รอบๆศิลาพระเจ้า ก็ดูดซับพลังปราณลึกลับ จากนักรบในระดับเริ่มต้นได้ 7 คน พร้อมกับ นะดับก่อตั้งอีก 4 คน .

มีเพียงนักรบในระดับมนุษย์เท่านั้นที่โชคดีหนีรอดมาได้ พวกเขาต่างก็สามารถทนรับคลื่นพลังปราณพวกนั้นได้และไม่มีบาดแผลใดๆ

ดังนั้น จึงไม่มีศพของนักรบในระดับมนุษย์เลย ซึ่งฉื่อหยานรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก

เนื่องจากมีพลังปราณลึกลับให้ดูดซับเข้าเส้นชีพจรมากมาย , ฉื่อหยานจึงค่อนข้างชอบความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นอย่างมาก เขายังคงกระตุ้นให้ฉื่อเจี้ยน ต่อสู้กับตระกูลโม่อย่างต่อเนื่อง เพราะยิ่งมีคนตายมากมายเท่าใด เขาก็ยิ่งบรรลุสู้ระดับมนุษย์เร็วเท่านั้น

เป็นฮันเฟิงที่เคลื่อนไหวไปมาอยู่ห่างจากฉื่อหยานสิบเมตร เขาเหมือนกับภูติผี

ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ฮันเฟิงก็จะติดตามเขาไปทุกที่เหมือนเงา ดูเหมือนฉื่อจะไม่ได้สร้างปัญหาใดๆเลย

ฮันเฟิงมองไปที่ฉื่อหยานที่อยู่ห่างออกไปสิบเมตรด้วยความสงสัย

ในระหว่างที่มีการค่อสู้ขึ้นทุกทร ฉื่อหยานกลับทำตัวแปลกๆและไม่ทำสิ่งใด ฮันเฟิงไม่รู้ว่าเหตุฉื่อหยานจึงเป็นเช่นนั้น เขาได้แต่ขบคิด และไม่ได้ถามออกไป เพราะเขาอยู่ที่นี่ เพื่อปกป้องนายน้อยของตัวเองไม่ให้ได้รับอันตรายเท่านั้น

ฉื่อหยานทำเพียงแค่เดินไปเดินมาอยู่ข้างศพในศิลาพระเจ้าเท่านั้น

แม้ว่าเขาจะเห็นศพที่อยู่ใกล้กับฉื่อหยานกลายเป็นมัมมี่ ฮันเฟิงก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาคิดว่าศพเหล่านั้นย่อมตกตายเพราะยาพิษแน่

เขาไม่เคยคิดว่าเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นนั้นมาจากฉื่อหยานแต่อย่างใด

” อ๊าาาา “

ไม่ไกลจากฉื่อหยานในศิลาพระเจ้า ก็มีคนหนึ่งล้มลงและร้องออกมา .

เมื่อได้ยินเสียงร้อง , ฉื่อหยานก็กลายเป็นปราบปลื้มยินดีและรีบเดินตรงไปยังจุดนั้นทันที

ใต้ซากที่หักพักในศิลาพระเจ้า เป็นนักรบในระดับก่อตั้งที่ได้สิ้นลมหายใจไป

เป็นนักรบคนหนึ่งที่โชคร้ายถูกสายฟ้าของโม่ตั่วฟาดเข้าให้, แต่ดูเหมือนมันนั้นได้ป้องกันสายฟ้านั้นมาเป็นเวลานานแล้ว สุดท้ายก็ทนรับไม่ไหวและจึงตกตายไป

ฉื่อหยานที่ยืนอยู่ข้างๆมองไปอย่างไม่แยแส ภายใต้ซากปรักหักพัง ที่อยู่ห่างออกไปสิบเมตร , ฉื่อหยานรู้สึกได้ถึงพลังปราณที่หนาแน่นของนักรบในระดับก่อตั้ว

ในเพียงไม่กี่นาที นักรบคนนั้นก็ถูกดูดจนร่างกายแห้งเหือดไป และฉื่อหยานก็เดินไปดูดซับพลังปราณจากที่อื่นต่อ

ฮันเฟิงแอบดูฉื่อหยานด้วยความสับสนจากอีกมุมของศิลาพระเจ้า

มันดูแปลกนัก ก็ไม่เห็นว่าคนที่ตกตายไปจะโดนยาพิษ แล้วเหตุใดการตายของพวกเขาจึงเป็นเช่นนั้น ” ฉื่อหยานสังเกตเห็นฮันเฟิงสงสัย เขาจึงสายหัวและยิ้ม ” ลุงฮัน ข้าว่าต้องมีใครแน่ๆที่ทำให้พวกเขาเป็นเช่นนี้ “

ฮันฟงพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก็ยังสงสัยอยู่

” เปี้ยง ! “

เป็นเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น และปรากฏสายฟ้าหนาเท่าแขนพุ่งมาเหมือนกับมังกร พุ่งกระแทกลงมา

” ชีชีชี “

เป็นประกายสายฟ้ากระพริบออกจากพื้นที่ยุบลงไป หลุมนั้นส่องแสงเหมือนแสงจันทร์สลัวออกมา

แสงจันทร์สลัวที่ส่องออกมานั้นดูแปลกประหลาด และเปลี่ยนบรรยากาศรอบๆให้เย็นสบาย แต่เมื่อแสงจันทร์สลัวหายไป ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติทันที

ฉื่อหยานและฮันฟงที่ยืนใกล้ๆ เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด

” หือ ! “

ฉื่อหยานเค้นเสียงออกมาพร้อมกับเดินไปที่พื้นที่ยุบลงไป เขายื่นมือออกไปพร้อมกับทำหน้ามุ่ย และกดลงไปบนหินลึกลับนี่

ภายใต้ดวงอาทิตย์สว่างจ้า , เมื่อเขาสัมพัสไปที่มัน เขาก็รู้สึกได้ถึงความเย็นทันที มันเป็นหินที่ดูเก่าแก่ อายุประมาณ 1000 ปี อีกทั้งก่อนหน้านี้มันยังส่องแสงจันทร์สลัวออกมาอีกด้วย และมันก็ดูแข็งแกร่งกว่าเหล็กธรรมดานัก

เขาสัมผัสมันสักพัก ฉื่อหยาน ก็ไม่พบอะไรผิดปกติเกี่ยวกับหินนี่เลย เขาจึงดึงมือของเขากลับมาและถามฮันฟง พร้อมกับทำหน้ามุ่ย ” ลุงฮัน ท่านเห็นหินที่ส่องแสงออกมาหลนลงมากระแทกที่พื้นหรือไม่ ? “

” แน่นอน ” ฮันเฟิงพยักหน้าเบาๆ แล้วก็เดินเข้าไป เขาจับไปที่หินเก่านั่นนั่นและ บอกว่า ” ก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกนินา บางทีอาจเป็นเพราะสายฟ้าของโม่ตั่วก็เป็นได้ “

” ถูกต้อง มันต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับจิตวิญญานต่อสู้ของโม่ตั่วแน่นอน ฉื่อหยานคิดอยู่นานแต่ก็คิดไม่ออก ความสงสัยยังคงปกคลุมไปด้วยความคิดของเขา แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ในตอนนี้ จากนั้น เขาก็ไม่ได้ติดอีก

” ทุกคนในตระกูลโม่ จงกลับไปที่ตระกูลสะ ! ” ทันใดนั้น จากสนามประลองเป็นเสียงของโม่ตั่วที่สั่งออกมาด้วยความโกรธ

ฉื่อหยานมองไปทิศทางที่เสียงดังมา

 

ภายใต้การโจมตีที่โหมกระเข้าไปที่โม่ตั่ว มันกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก มันได้บาดเจ็บอย่างรุนแรง มีเลือดไหลออกมาเป็นำนวนมาก ดูเหมืนมันจะได้รับบาดเจ็บสาหัส .

มันไม่ได้พยายามสู้ต่อ หลังจากที่ฉื่อเตี่ยโจมตีอย่างรุนแรง มันก็พุ่งออกไปทางถนนอย่างรวดเร็ว

มู่ชุน ฉื่อเตี่ย ฉื่อเจี้ยน ทันทีก็ไล่ตามมันไปอย่างพร้อมเพียงกันโดยไม่พูดสักคำ

ชายร่างยักษ์ทั้งสองดูเหมือนจะลังเล สุดท้ายมันก็ตัดสินใจยืนอยู่บนสนามและไม่ได้ไล่ตามไป

นักรบตระกูลโม่ต่างก็หนีออกไปจากสนามประลองทันที หลังจากที่โม่ตั่วมีคำสั่งให้หลบหนี

ฉื่อหยาน ก็ค่อยๆ ยืนขึ้นในศิลาพระเจ้า และมองไปรอบๆ เขาเห็นชายชราผมรุงรังจากหุบเขามังกรพิษกำลังปกป้องโม่ฉีกับหลี่ฮัน พวกมันวิ่งหนีไปทางบ้านเรือนทางทิศใต้ของศิลาพระเจ้า

.

” ข้าไม่สามารถปล่อยโม่ฉีไปได้ ” ฉื่อหยานสูดหายใจเข้าลึกๆและพูดกับฮันเฟิง ” หากถอนหญ้าแล้วไม่ดึงราก มันก็จะเติบโตอีกครั้งเมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง เราต้องจัดการโม่ฉีสะ”

หากถอนหญ้าแล้วไม่ดึงราก มันก็จะเติบโตอีกครั้งเมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง

ฮันเฟิงขมวดคิ้วและคิดเกี่ยวกับประโยคนั้นสองนอบ ในที่สุดก็เข้าใจ ตาของเขาเป็นประกายขณะที่กล่าวเบาๆว่า ” คุณชายหยาน คำพูดของท่านช่างยิงใหญ่นัก”

โดยไม่พูดอะไร ฉื่อหยานเดินออกจากศิลาพระเจ้าและไล่ตามโม่ฉีไป

ฉื่อหยานเคลื่อนไหวออกจากศิละพระเจ้าอย่างรวดเร็ว และเขาก็กำลังจะเข้าไปในถนนแคบ ๆระหว่างบ้าน เรือน ในตอนนั้นเองเขาพบว่าเป็น ฉื่อหยาง และบางคนจากตระกูลฉื่อกำลังตามพวกโม่ฉีไปเช่นกัน

” ท่านลุงข้าจะจัดการโม่ฉีเอง ท่านไปจัดการคนอื่นเถิด ” ฉื่อหยานตะโกนมาจากที่ไกลๆ

ฉื่อหยางตกตะลึง ในขณะที่เขามองไปเห็นฉื่อหยานกำลังไล่ตามอยู่ และเขาก็ตำหนิออกมา ” เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่นี่ได้เจ้าไม่รู้หลอกรึว่าสนามประลองตอนนี้วุ่นวายเท่าใด ปู่ของเจ้าต้องฆ่าข้าแน่หากเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ! “

” อย่าได้กังวล ” ตอนนั้นเองฮันเฟิงก็ปรากฏอยู่ข้างหลัของงฉื่อหยานและตอบเบาๆ

เห็นฮันเฟิงคอบช่วยฉื่อหยาน ฉื่อหยางก็ผ่อนคลายและยิ้มออกมา ” เช่นนั้น เจ้าก็ไล่ตามโม่ฉีไป ส่วนข้าจะไล่ตาม โม่ช่าวเทียนเอง”

เขาก็พยักหน้าให้กับฮันเฟิง และวิ่งไปบนถนนอีกเส้นหนึ่ง จากนั้นก็หายไป

. . . . .

ผ่านมาสองชั่วโมง

บนถนนเส้นเล็กๆ ในส่วนของทิศใต้ โม่ฉีที่เอาแต่วิ่งหนีตายอยู่

ทันใดนั้นก็มีเงาปรากฏขึ้นต่อหน้ามัน

ที่หัวมุมของถนนข้างหน้า ฉื่อหยานยืนพิงกับกำแพงด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา เขายิ้มเยาะและพูดออกมาอย่างเรียบๆ ” โม่ฉี เข้าเหนื่อยหรือไม่ ตอนนี้เจ้าคงอยากจะพักแล้วสินะ “

โม่ฉีก็หยุดลงพร้อมกับใบหน้าที่ดุร้าย ” ฉื่อหยาน ! เจ้าฆ่าพี่ชายของข้า เจ้าจะต้องชดใช้ “

” หากเจ้าทำได้ก็ลองดูสิ ” ปากของฉื่อหยานอ้ากว้างขึ้นและส่ายหัวของเขา ” ไม่ต้องห่วงอีกไม่นานเจ้าก็จะได้เจอกับโม่ซานแล้ว เด๋วข้าจะพาเจ้าไปหามันเอง “

” นายน้อยฉื่อ ! ” หลีฮานโผล่มาจากข้างหลังโม่ฉี และยืนข้างๆ พร้อมกับนักฆ่าโลหิต มันนั้นมาจากหุบเขามังกรพิษของจักวรรดิ์พรพระเจ้าเช่นกัน

” ฆ่ามันสะ ! ! ! ” โมฉีชี้ไปที่ฉื่อหยาน และกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว ” ฆ่ามันให้ตายเดี๋ยวนี้ “

” ข้าว่าเราควรปล่อยให้เด็กๆเขาจัดการปัญหากันเองดีกว่า เจ้าอย่าได้เข้าไปยุ่งเลย ” เป็นฮันเฟิงก็ปรากฏตัวขึ้นบนหลังคบ้านหลังหนึ่ง พร้อมกับชี้ไปทีนักฆ่าโลหิตออกมา และ กล่าวไปที่หลี่ฮันอย่างเย็นชา

” เจ้าสมควรเป็นนักฆ่าโลหิตจากหุบเขามังกรพิษใช่หรือไม่ ? ”

ฉื่อหยานจ้องมองชายชราก็กล่าว , ” นักฆ่าโลหิตงั้นรึ ? หืม หุบเขามังกรพิษคงจะเป็นแหล่งกำเนิดของพวกนักหลั่นสกัดชั่วที่ เอาแต่กลั่นสกัดพิษสินะ”

” เจ้าเด็กน้อย เจ้ากำลังรนหาที่ ! ” นักฆ่าโลหิตขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมกับใบหน้าของมันที่กลายเป็นแข็งกระด้าง มันถอนหายใจออกมา ” ความจริงแล้วข้านั้นไม่อยากจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องระหว่างตระกูลโม่และตระกูลฉื่อนัก แต่ตอนนี้เจ้ากลับหยิ่งยโส ดี ! ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มลองวิชาจากหุบเขามังกรพิษของข้า ! “

” คุณชายหยานท่านรับมือกับโม่ฉีไป , ส่วน นักฆ่าโลหิต กับหลี่ฮัน ข้าจะเป็นคนจัดการเอง ” ฮันเฟิงพูดออกมาเบาๆ แล้วเขาก็ลอยลงมาจากหลังคาบ้าอย่างบางเบา เขายืนอยู่ระหว่างนักฆ่าโลหิต กับ หลีฮัน

” หึหึ เจ้าคิดว่าพวกข้าจากหุบเขามังกรพิษจะจัดการกับเจ้าไม่ได้งั้นรึ ” มันยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และทันที นักฆ่าโลหิตก็กลืนยาบางอย่างลงไป ซึ่งมันสีขนาดใหญ่พอๆกับลำไยและเป็นสีแดงเข้มเหมือนเลือด

หลังจาก ที่มันกลืนยาลงไป ดวงตาของมันก็กลายเป็นสีแดงอย่างบ้าคลั่ง ขณะยืนอยู่ที่ห่างไกล ก็ยังสามารถได้กลิ่นของเลือดทีลอยออกมาจากตัวมันได้

ใบหน้าของฮันเฟิงก็เปลี่ยนไป ” คุณชายหยาน ท่านกลับไปที่ตระกูลสะ ! “

” หลี่ฉัน โม่ฉี สั่งเจ้าเด็กยโสนั่นสะ ข้าจะรับมือตาเฒ่านี้เอง ” ตอนนั้นเองก็มีเลือดจำนวนมากไหลออกมาจากปากของนักฆ่าโลหิต มันยิ้มขึ้น พร้อมกับเลียไปที่ริมฝีปากของมันด้วยสีหน้าที่น่ากลัว

” ลุงฮัน ระวังตัวด้วย ! ” ฉื่อหยาน พูดเตือนขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่านักฆ่าโลหิตได้เปลี่ยนแปลงไป เขาชำเลืองมองไปที่ ฉันเฟิง และ โมฉี จากนั้นเขาก็วิ่งไปที่ทะเลสาบพระจันทร์ อย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

ก่อนที่ฮันเฟิงจะได้ตามไปนักฆ่าโลหิตก็พุ่งมาด้านหน้าของเขา และอากาศรอบๆก็เต็มไปด้วยม่านโลหิตมันคลอบคลุมไปที่เขาเพื่อไม่ให้เขาจากไป

หลี่ฮั่น และ โมฉีต่างก็มองไปที่ฉื่อหยานและไล่ตามไป

. . . . .

ห้านาทีต่อมา

บนถนนอีกเส้นหนึาง หลี่ฮั่น และ โมฉีหยุดอย่างกระทันหัน และโมฉีกล่าวด้วยใบหน้าดุร้าย ” เจ้าเด็กน้อยเจ้าจะหนีไปไหน สุดท้ายเจ้าก็ไม่รอดอยู่ดี “

” ข้าเคยบอกว่าข้าจะทำให้ตระกูลโม่จะต้องสิ้นสุดลงที่รุ่นของเจ้า ! และข้าจะทำเช่นนั้นแน่นอน ” ฉื่อหยานยืนอยู่ตรงแยกของถนนด้วยใบหน้าที่น่ากลัว

ที่สุด ควันสีขาวก็ลอยออกมาจากร่างกายของเขาเป็น พลังงานด้านลบก็ทะลักออกมาจากร่างของเขาและเขาก็เต็มไปด้วยความกระหายเลือด ตอนนี้เขาดูเหมือนราชาปีศาจกระหายเลือดที่สามารถสังหาiได้ทุกสิ่ง .

ตั้งแต่ฮันเฟิงคอยตามเขาอยู่ เขานั้นไม่ได้แสดงพลังที่แท้จริงออกมาเลยแม้แต้ครั้งเดียว !

 

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เทพเจ้าล่าสังหาร ฉื่อหยาน เป็นเด็กหนุ่มชื่นชอบกีฬาผาดโผน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการผจญภัยในหลุมฟ้าบาฮามาส ฉื่อหยานบังเอิญเดินทางผ่านเวลาและพื้นที่ จนไปกลายเป็นนายน้อยของตระกูลที่มีชื่อเสียง มีชื่อว่า ฉื่อหยาน ตอนนั้นเองคุณชายน้อยฉื่อหยานได้เสียชีวิตลลงที่ข้างบ่อเลือดพอดี และในระหว่างการผจญภัยสุดยอดกีฬาผาดโผน วิญญาณของเขาได้ถูกโอนเข้ามาของร่ายกายนายน้อย ฉื่อหยาน และได้รับแหวนวิเศษที่ถูกเรียกว่า ' แหวนสายโลหิต ' แหวนที่มีพลังลึกลับซึ่งทำให้ฉื่อหยาน เป็นนักฆ่า ความต้องการฆ่าของเขานั้นไร้สิ้นสุด ทุกอย่างทำเพื่อเพิ่มพลังอำนาจของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทุกครั้งหลังการฆ่า ความต้องการทางเพศก็จะตามมา . . . . . . .

Comment

Options

not work with dark mode
Reset