เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ตอนที่ 84: หน้าแตกเป็นแถว

 
ที่ประตูโรงเรียน สุดท้ายหลัวซิ่วเอินก็ยอมปล่อยพวกอันธพาล
แต่เธอได้สั่งให้อันธพาลทั้งสี่คนขอโทษเจี่ยนอีหลิงก่อน และตะโกนบอกความจริงต่อหน้าผู้ที่มาสังเกตการณ์จำนวนมากที่ประตูโรงเรียน
“ผมขอโทษ ผมไม่รู้จักเธอ มีคนให้เงินผมจำนวนหนึ่งเพื่อให้ผมมาป่าวประกาศที่นี่ เสียงโทรศัพท์นั้นบอกว่าเพื่อทำให้เจี่ยนอีหลิงเสื่อมเสียชื่อเสียง อย่างอื่นผมก็ไม่รู้อะไรอีกแล้ว”
อันธพาลไม่กล้าที่จะไม่เชื่อฟัง และได้แต่กล่าวทุกสิ่งที่อยู่ในหัว
“เบาเกินไปเจ้าพวกลูกเต่า ไม่ได้กินข้าวหรืออะไรมาหรือยังไง ใครจะได้ยินเสียงพวกแกถ้าพวกแกพูดเสียงเบาอย่างนี้ พวกแกวางป้ายเน่าๆอะไรประเภทนี้บอกจนคนทั้งโรงเรียนรู้ แต่ตอนนี้พอให้พวกแกพูดความจริง พวกแกพูดเสียงเบาแค่นี้ แกจะล้อฉันเล่นหรือไง”
“ไม่ ไม่ใช่” พวกเขาใช่ว่าจะไม่มีแรงเพราะอดข้าว แต่เป็นเพราะว่าพวกเขาถูกเตะต่อยจนอ่วม
“ถ้าไม่ใช่ งั้นก็จงรีบพูด พวกแกคิดว่าพี่สาวคนนี้มีเวลาว่างมากรึไง เวลาของพี่สาวคนนี้แพงกว่าพวกเด็กเลวอย่างพวกแกมาก”
นี่เป็นความจริง ค่าตัวของหลัวซิ่วเอินที่ได้รับต่อวันนั้นอาจจะมีค่ามากกว่าเงินที่อันธพาลทั้งสี่ได้รับรวมกันตลอดทั้งปีด้วยซ้ำ
พวกอันธพาลพากันตะโกนอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้แม้กระทั่งแรงตอนที่แม่ป้อนนมให้ก็ถูกนำมาใช้
เสียงนั้นดังจนกระทั่งอย่างน้อยคนที่มุงดูอยู่รอบประตูโรงเรียนต่างก็พากันได้ยิน
แน่นอนว่าเธอไม่ได้ต้องการให้พวกอันธพาลนี้อธิบายให้ทุกคนในตอนนี้รู้ความจริง
เพียงแค่ต้องการให้พวกเขารู้ว่าใครเป็นคนที่ให้เงินมา
เพราะว่าโพสต์ในฟอรัมของโรงเรียนได้โพสต์ถึงหลักฐานทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว
ในตอนนี้หลายคนรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่วิพากษ์วิจารณ์เจี่ยนอีหลิงในโพสต์ดังก่อนหน้านี้
โพสต์เหล่านั้นตอนนี้ดูช่างน่าหัวเราะ
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือพวกเขาพบว่าโพสต์เหล่านั้นไม่สามารถลบได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวโพสต์เองหรือว่าความคิดเห็นถัดจากนั้น
สำหรับเหตุผลที่โพสต์ไม่สามารถลบได้นั้น ตามประกาศของผู้ดูแลระบบฟอรัมของโรงเรียนนั้นบอกว่าเป็นเพราะเซอร์ฟเวอร์ของฟอรัมนั้นจำเป็นต้องดูแลรักษาและไม่มีใครที่จะสามารถลบความคิดเห็นนั้นได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้
ดังนั้นสองโพสต์ที่เป็นเรื่องตรงกันข้ามกันจึงถูกแขวนไว้ที่ด้านบนสุดของฟอรัมของโรงเรียน
สำหรับคนที่คาดเดาเรื่องราวของเจี่ยนอีหลิงด้วยความประสงค์ร้ายนั้น ไม่รู้ว่าจะอายไปมากน้อยแค่ไหน
เมื่อเปรียบเทียบกับความอายของคนอื่น ชิวหยีเจนก็เหมือนกับถูกเผาคิ้ว
โพสต์ในฟอรัมของโรงเรียนไม่ได้พูดถึงเธอ แต่ในบันทึกการสนทนาที่ถูกเผยแพร่นั้น บันทึกการสนทนาบางส่วนเป็นการสนทนาระหว่างเธอกับจี้หมิง
เชี่ย จี้หมิงดันเขียนชื่อจริงของเธอลงไปตรงๆ
ตราบเท่าที่ใครก็ตามเปิดโพสต์อ่าน เขาก็จะสามารถเห็นอักษรสามคำ “ชิวหยีเจน” อยู่ในทุกภาพหน้าจอของประวัติการสนทนา
ยังไม่ต้องพูดถึงว่ามีการอ้างอิงชื่อของคนอื่นอีกในระหว่างการสนทนาของพวกเขา
“พี่หญิงชิว เกิดอะไรขึ้น ทำไมบันทึกการสนทนาของพี่จี้หมิงถึงถูกโพสต์ลงบนฟอรัม”
ลูกสมุนของชิวหยีเจนยิ่งกระวนกระวายยิ่งกว่าชิวหยีเจน
เพราะชิวหยีเจนเป็นลูกสาวของประธานโรงเรียน แต่พวกเธอไม่ใช่
“พวกแกถามฉันแล้วฉันจะไปถามใคร” ชิวหยีเจนหงุดหงิดและตะโกนใส่ทุกคน
สมุนทั้งสองถูกชิวหยีเจนดุจนกระทั่งพวกเธอไม่กล้าที่จะหายใจ
ในตอนนั้น โทรศัพท์ของชิวหยีเจนก็ดังขึ้น และชื่อพ่อของเธอก็ปรากฏขึ้นบนนั้น
ชิวหยีเจนลังเล แต่ก็ยังรับโทรศัพท์
ทันทีที่เธอรับโทรศัพท์  เสียงอันโมโหของชิวลี่เย่าก็ดังออกมาจากอีกด้านหนึ่ง
“ฉันอยู่ที่ห้องทำงาน  มาหาฉันที่นี่เดี๋ยวนี้”
หลังจากที่พูดจบ โทรศัพท์ก็ถูกตัด
ชิวหยีเจนแค่นเสียงอย่างไม่พึงใจและเดินไปยังห้องทำงานของชิวลี่เย่าอย่างลังเล
ทันทีที่เธอเดินเข้าไปข้างใน
“เพี๊ยะ—”  ชิวลี่เย่าตบเข้าไปที่หน้าของชิวหยีเจนโดยไม่ปรานี

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

อ่านนิยาย 大妇 เธอเปลี่ยนปเป็นบอส เรียกว่าใกล้ถึงจุดไคล์แมกซ์แล้วนะครับ ผมละอยากจะ เรียกมันว่าจบภาค 1 เสียด้วยซ้ำไป เสียดายที่ทางต้นฉบับไม่มีภาคหนึ่ง ภาคสอง ขอสปอยล์นิดๆนะว่า พอผ่านช่วงนี้ไป จากอายุ 14 ย่าง 15 นางเอกของเราก็จะกระโดดไป เริ่มกันที่อายุ 18 เลยนะครับ และตอนนั้น ความหวานแหววคู่พระคู่นางก็จะเริ่มมาให้เห็นมากขึ้น เรื่อยๆ อาาาา อดใจติดตามกันต่อไปนะครับ แล้วก็ระวังรักษาตัวเองให้พ้นจากภัยโควิดทุกๆคนนะ ครับ ผมจะแปลงานออกมาเรื่อยๆเป็นเพื่อนแก้เหงายามไม่มีอะไรทำนะครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset