เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ – ตอนที่ 465-466

บทที่ 465 ความเจ็บปวดของเจียนหยุ่นน่าว 2

 

เจี่ยนหยุ่นน่าวและเพื่อนร่วมห้องของเขาแสดงสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นจ๋ายหวินเชิ่ง

 

พวกเขาทุกคนรู้จักจ๋ายหวินเชิ่ง

 

จ๋ายหวินเชิ่งมีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยเปยจิงเขาเป็นรุ่นพี่ของพวกเขา

 

จ๋ายวินเชิงหยุดพักการเรียนในปีที่สองของมหาวิทยาลัย เขาไม่ได้เข้าชั้นเรียนอย่างไรก็ตาม เขายังคงได้สิทธิทั้งหมด

 

ในปีหลังจากนั้น จ๋ายหวินเชิ่งก็ไม่ค่อยได้เข้าชั้นเรียนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังสามารถสําเร็จการศึกษาก่อนกําหนดด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยม

 

ดังนั้นเขาจึงถูกมองว่าเป็นเทพเจ้าแห่งการเรียนรู้ในสายตาของนักศึกษาทุกคนในมหาวิทยาลัยเปยจิง

 

แน่นอนจ๋ายหวินเชิ่งไม่เพียงเป็นที่รู้จักจากผลการเรียนเขาเท่านั้น เขายังเป็นที่รู้จักในเรื่องรูปร่างหน้าตาอีกด้วย

 

เขาได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดในมหาวิทยาลัยเปยจิง มีผู้หญิงหลายคนหลงใหลเขา

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาได้รับความนิยมและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเหลือล้น

 

เจี่ยนหยุ่นน่าวเองยังถือได้แค่ว่าเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดในแผนกของเขาเท่านั้น

 

ที่จริงมีเรื่องราวที่น่าสนใจฟังไปทั่วมหาวิทยาลัย ดูเหมือนว่าจ๋ายหวินเชิ่งได้เต้นลีลาศกับชายอีกคนหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงการเต้นลีลาศกับสาวๆในงานโซเชียลแดนซ์ของมหาวิทยาลัย

 

ดังนั้นจึงมีข่าวลือบางอย่างเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศของจํายหวินเชิ่ง

 

ยิ่งไปกว่านั้น จ๋ายหวินเชิ่งไม่ได้ออกเดทกับผู้หญิงแม้แต่คนเดียวในช่วงสี่ปีที่เขาอยู่ในมหาวิทยาลัย สิ่งนี้ทําให้ข่าวลือน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

 

ดังนั้นแม้ว่าจ๋ายหวินเชิ่งจะจบการศึกษาไปแล้ว แต่เขาก็ยังเป็นที่จดจําของนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเปยจิง

 

บรรดานักศึกษาที่กําลังอยู่ในมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 3 เคยเห็นจ๋ายหวินเชิ่งในมหาวิทยา ลัยเป็นครั้งคราว เป็นผลให้พวกเขารู้เกี่ยวกับเรื่องราวและความนิยมของเขา

 

“พี่ใหญ่” เพื่อนร่วมห้องของเจี่ยนหยุ่นน่าวทักทาย พวกเขาถือโอกาสพูดคุยกับจ๋ายหวินเชิ่ง

 

ความตื่นเต้นสามารถได้ยินจากเสียงของพวกเขา นี่คือไอดอลของพวกเขา

 

สายตาของจ๋ายหวินเชิ่งนั้นคมกริบขณะที่เน้นเสียงอีกครั้ง “คนนี้มีคนจองแล้ว อย่าพยายามตีสนิทเธอ”

 

จ๋ายหวินเชิ่งรู้ว่าผู้ชายบางคนในมหาวิทยาลัยชอบที่จะเข้าไปตีสนิทผู้หญิง

 

“พี่ใหญ่ รู้จักน้องสาวของเจียนหยุ่นน่าวด้วยเหรอ”

 

เพื่อนร่วมห้องของเจี่ยนหยุ่นน่าวค่อนข้างสับสน ภายใต้อิทธิพลของข่าวลือ พวกเขาสันนิษฐานโดยสัญชาตญาณว่าเป็นคนอื่นที่ “จอง” ตัวเธอ

 

“ใช่ ฉันรู้จักเธอ เธอเป็นหนี้ฉันบางอย่าง และฉันจะขอให้เธอชดใช้” จ๋ายหวินเชิ่งตอบ จากนั้นเขาก็ก้มหน้ามองเจียนอีหลิง

 

เจี่ยนอีหลิงย่อมยินดีที่จะยอมรับคําพูดของจ๋ายหวินเชิ่ง นี่เป็นเพราะเธอเป็นหนี้จ๋ายหวินเชิ่งมากมาย

 

ถ้าจ๋ายหวินเชิ่งต้องการขอให้เธอตอบแทนบุญคุณ เธอก็เต็มใจที่จะทําเช่นนั้น

 

คําพูดของจ๋ายหวินเชิ่งทําให้เพื่อนร่วมห้องของเจี่ยนหยุ่นน่าวอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก

 

พวกเขารู้สึกราวกับว่าน้องสาวของเจี่ยนหยุ่นน่าวและจ๋ายหวินเชิ่งมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างใกล้ชิด

 

แต่ว่า….จ๋ายหวินเชิ่งชอบผู้ชายไม่ใช่เหรอ?

 

จากนั้นจ๋ายหวินเชิ่งก็เพิกเฉยต่อผู้คนรอบๆตัวเขาโดยสิ้นเชิง เขาถามเจี่ยนอีหลิงว่า “เธอต้องการไปที่ไหนในมหาวิทยาลัยอีก”

 

เจี่ยนอีหลิงส่ายหน้า

 

เดิมที เธอไม่ได้ตั้งใจจะไปเที่ยวรอบมหาวิทยาลัยตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่ต้องการปฏิเสธคําเชิญของเจียนหยุ่นน่าว

 

“งั้นเราไปร้านขนมกันเถอะ”

 

จ๋ายหวินเชิ่งไม่สนใจเจี่ยนหยุ่นน่าวโดยสิ้นเชิง เขานําเอาเจียนอีหลิงไปกับเขาและมุ่งหน้าไปยังร้านขนมนอกมหาวิทยาลัย

 

เจียนหยุ่นน่าวก้มหน้าลง เขาไม่ได้พูดต่อต้านในเรื่องนี้

 

เขารู้ว่าตัวเขาเองไม่มีสิทธิ์พูดอะไร

 

จ๋ายหวินเชิ่งมีความหมายต่อน้องสาวของเขามาก ฝ่ายนั้นยืนหยัดเพื่อปกป้องคุ้มครองเธอยามที่เธอเจ็บปวดมากที่สุด

 

“หยุ่นน่าว ไม่เป็นไรเหรอที่น้องสาวของนายไปกับจ๋ายหวินเชิ่ง”

 

เมื่อต้องเผชิญกับคําถามของเพื่อนร่วมห้อง เจี่ยนหยุ่นน่าวไม่สามารถตอบได้

 

บางอย่างไม่ได้ขึ้นกับเขา ไม่ว่าเขาจะต้องการให้น้องสาวอยู่หรือไปก็ตาม เขาจะสามารถทําอะไรได้บ้างเล่า? เขามีสิทธิ์ที่จะขอให้เธออยู่อย่างงั้นเหรอ?

 

เขาสูญเสียสิทธิ์นั้นไปนานมาแล้ว และด้วยเหตุนี้ เขาทําได้เพียงแค่ยอมรับการตัดสินใจของเธอ

 

บทที่ 466 จี้หยก “ธรรมดา”

 

ร้านขนมข้างมหาวิทยาลัยไม่มีใครในขณะนี้

 

ในร้านที่ว่างเปล่านั้น เจี่ยนอีหลิงและจ๋ายหวินเชิ่งเป็นเพียงสองคนที่นั่งอยู่

“นี่สําหรับเธอ”

 

ทันใดนั้นจ๋ายหวินเชิ่งก็นําจี้เล็กๆออกมาแล้วโยนมันไปตรงหน้าเจี่ยนอีหลิงอย่างเป็นกันเอง

 

เจี่ยนอีหลิงมองไปยังจี้ตรงหน้าเธอ

 

จี้หยกโปร่งแสงห้อยลงมาจากเชือกสีดําเส้นบาง

 

ตัวจี้เองมีขนาดไม่ใหญ่นัก มันมีขนาดเท่ากับเล็บนิ้วโป้งของจ๋ายหวินเชิ่ง

 

หากเปรียบเทียบ มันค่อนข้างใหญ่กว่านิ้วโป้งของเจี่ยนอีหลิงเล็กน้อย

 

มีอักษรโบราณหลายตัวที่สลักไว้บนพื้นผิวของจี้หยก

 

มันดูเหมือนเป็นจี้หยกที่งดงามแต่เรียบง่าย

 

เจียนอีหลิงไม่ได้หยิบจี้หยกขึ้นมาในทันที แต่เธอมองที่จ๋ายหวินเชิ่งด้วยสีหน้างุนงง

 

นี่ยังไม่ใช่คริสต์มาส และไม่ใช่วันเกิดของเธอด้วย ทําไมเธอถึงได้รับของขวัญ?

 

จ๋ายหวินเชิ่งพยายามอธิบายแบบเป็นกันเอง “เราไม่ได้เจอกันมาสามปีแล้ว มันเป็นเพียงของขวัญทักทาย”

 

แม้จะได้ยินดังนั้น เจี่ยนอีหลิงก็ยังไม่เอื้อมมือไปรับของขวัญ

 

จ๋ายหวินเชิ่งเอนหลังอย่างเกียจคร้านบนเก้าอี้ “มันไม่ใช่สิ่งที่มีค่าอะไรมากนัก มันเป็นแค่ของขวัญจากฉัน เธอต้องสวมใส่ให้ดี ให้ถือว่ามันเป็นการลงโทษสําหรับการทําผิดสัญญาของเธอ”

 

การลงโทษงั้นเหรอ?

 

การขอให้ใครสักคนสวมจี้หยกถือเป็นการลงโทษด้วยเหรอ?

 

อย่างไรก็ตาม จี้หยกก็ดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งของล้ําค่าแต่อย่างใด อย่างน้อยที่สุด ก็ดูเหมือนว่าจะไม่แพงสําหรับจ๋ายหวินเชิ่ง

 

ถึงกระนั้น มันก็ยังเป็นของขวัญ

 

“นี่ไม่ใช่การลงโทษ” เจียนอีหลิงโต้กลับ

 

“เหอ ฉันพูดแล้วว่ามันเป็น” จ่ายหวินเชิ่งตอบ ทัศนคติของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ถูกกําหนดไว้แล้ว

 

นี่เป็นครั้งแรกที่จ๋ายหวินเชิ่งพยายามเกี่ยวหญิง เขาไม่ค่อยมีประสบการณ์ในการโน้มน้าวเธอ

 

เขาทําได้เพียงแค่สั่งให้เธอรับของขวัญนี้เพราะเธอทําผิดจากการผิดสัญญา

 

ที่ทําให้เข้าประหลาดใจ ก็คือคําพูดเขาค่อนข้างมีผลกับเจียนอีหลิง

 

เธอหยิบจี้หยกบนโต๊ะและสวมมัน จี้หยกที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษนั้นห้อยอยู่บนคอเธอ

 

จี้หยกมีขนาดเล็กไม่สะดุดตา อย่างไรก็ตาม มันเหมาะกับเจียนอีหลิงค่อนข้างดีทีเดียว

 

หลังจากที่เจี่ยนอีหลิงสวมจี้แล้ว ใบหน้าของจ๋ายหวินเชิ่งก็มีสีหน้าพึงพอใจ

 

ที่บ้านพักตระกูลจําย

 

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา สุดท้ายท่านผู้เฒ่าจํายก็ได้มีเวลาพักผ่อน

 

ในที่สุดหลานชายเขาก็เต็มใจที่จะรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัวจากเขา

 

อย่างไรก็ตาม นี่ยังไม่เพียงพอที่จะทําให้เขามีความสุข

 

สําหรับท่านผู้เฒ่าจําย สิ่งที่สําคัญที่สุดสําหรับเขาก็คือให้หลานชายเขาแต่งงาน เขาต้องการเหลนชาย การรับช่วงต่อธุรกิจของตระกูลถือเป็นเรื่องรอง

 

หนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านผู้เฒ่าจํายมารายงานเขาเกี่ยวกับการพัฒนาล่าสุดบางอย่าง 

 

ในช่วงท้ายของรายงาน ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็พูดว่า “ท่านผู้เฒ่าจําย มีคนบอกว่า เห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมจี้หยกของตระกูลจํายในเปยจิง เป็นจี้ที่เป็นของท่านผู้นําตระกูลจําย”

 

“อย่าไร้สาระ เขาคงดูพลาด ไม่มีใครใส่จี้หยกนั่นมาหลายปีแล้ว”

 

ภรรยาของท่านผู้เฒ่าจํายจากเขาไปก่อนแล้ว เธอเหลือเพียงลูกชายสองคนอยู่เป็นเพื่อนเขา

 

อย่างไรก็ตาม ไม่นานนักหลังจากที่ลูกชายคนโตของเขาแต่งงาน ภรรยาของลูกชายคนโตของเขาก็ได้เสียชีวิตลง เธอหลงเหลือหลานชายที่คร่ําครวญขออาหารอย่างน่าสงสาร

 

เมื่อหลานชายคนเดียวของเขาโตขึ้น เด็กคนนั้นก็ปฏิเสธที่จะแต่งงานกับใครๆเช่นกัน

 

สําหรับลูกชายคนที่สองของเขายังโสด

 

ดังนั้นจึงมีเพียงชายโสดสามคนในตระกูลจําย ไม่มีใครที่จะสวมจี้ในเร็วๆนี้

 

นอกจากนี้ ก็ไม่มีใครเห็นจี้หยกนั่นมาหลายปีแล้ว

 

“ตามรายงาน คนที่สวมจี้หยกมอร์นิ่งฟรอสต์ คือเด็กหญิงที่ลงเล่นในทัวร์นาเมนต์กับนายท่านเชิ่งเมื่อก่อนนี้”

 

เนื่องจากเป็นคนที่นายท่านเพิ่งรู้จัก ผู้ใต้บังคับบัญชาจึงได้จดบันทึกพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อเห็นเธอสวมจี้

 

“อะไรนะ?” ท่านผู้เฒ่าจํายตกตะลึง กาน้ําชาดินเหนียวอี้ชิงโบราณในมือเขา หล่นลงกับพื้นและแตกเป็นเสี่ยง

 

แต่ทว่าท่านผู้เฒ่าจํายไม่ได้เหลือบมองกาน้ําชาด้วยซ้ํา แต่เขารีบถามผู้ใต้บังคับบัญชาว่า “แกกําลังพูดว่าหญิงที่สงสัยว่าจะสวมจี้หยกประจําตระกูลของเราคือเด็กสาวจากตระกูลเจียนอย่างงั้นเหรอ?”

 

เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ

เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ

Status: Ongoing Released: 2020 Native Language: Chinese
อ่านนืยายเรื่อง เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อเดิมที เจี่ยนอีหลิง เป็นตัวละครประกอบที่มีชะตากรรมเป็นแนวหน้ากล้าตาย แต่ทว่าเมื่อตอนนี้เธอมีความทรงจำจากเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เจี่ยนอีหลิง ซึ่งเป็นผู้อ่านได้ย้ายเข้ามามีตัวตนในนิยาย จึงได้เปลี่ยนแปลงตนเองไปเป็นผู้มีอิทธิพลที่แฝงตัวอยู่ ไม่เพียงแต่เจี่ยนอีหลิงจะไม่สนใจในตัวเอกชาย แต่เธอยังคงทำให้ผู้คนรอบกายเธอตกตะลึง สับสน งงงัน ตามต้นฉบับแล้ว พี่ชายทั้งหลายต่างพากันเกลียดเธอ แต่ตอนนี้ทุกคนล้วนพากันปกป้องเธออย่างเอาเป็นเอาตาย “อี้หลิงตกใจง่าย อย่าทำให้เธอกลัว” “อี้หลิงไม่เคยไปที่ไกลๆ อย่าหลอกเธอ” “อี้หลิงมีร่างกายอ่อนแอ ห้ามรังแกเธอ” คนอื่นๆ ต่างต้องการร่ำร้องไม่อยากเชื่อ มั่นใจเหรอว่าเธอน่ะน่ารักและถูกรังแกได้ง่ายๆ ใครกล้ารังแกเธอกัน ในขณะที่พวกเขาล้วนคิดว่าเพียงแค่บรรดาพี่ชายตระกูลเจี่ยนก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการทุกสิ่งทุกอย่าง แต่นั่นก็ยังมีคนอื่นที่คอยเติมส่วนที่เหลือ นายท่านเฉิง “อี้หลิงเป็นคนเปราะบางมาก อย่าทำให้เธอโกรธ ถ้าคุณทำให้เธอโกรธ ผมจะหั่นคุณออกเป็นชิ้นๆและทำเป็นน้ำซุป” คนอื่นๆ “นายท่านเฉิง ผมคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับดวงตาคุณ ผมแนะนำให้คุณไปหาจักษุแพทย์”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset