เนตรเซียนทะลุสมบัติ – ตอนที่ 908 แม่

ตอนที่ 908 แม่

 

ลัวย่าวหัวค่อนข้างตกใจ เขามองไปที่หยางโป ด้วยสีหน้าที่แปลกใจ

 

หยางโปยักไหล่และส่ายหน้าเล็กน้อยและไม่อธิบายอะไรเช่นกัน

 

ลัวยาวหัวจึงต้องเป็นคนเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่างในที่เกิดเหตุ เขาก้าวไปข้างหน้าและหันไปพูดกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินว่า “ ขอบคุณมากจริงๆ ที่คุณช่วยชีวิตพวกเราทุกคนเอาไว้

 

คุณกล้าหาญมาก ที่กล้าต่อสู้กับพวกผู้ร้าย ! หลังจากถึงจีนแล้ว พวกเราต้องนําธงแห่งชัยชนะ จัดส่งไปให้ที่บริษัทของพวกคุณอย่างแน่นอน !”

 

พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินยังคงตกอยู่ในอาการตกตะลึง เมื่อได้ยินคําพูดของลัวย่า วหัวก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง

 

ลัวย่าวหัวตบไหล่เขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ นี่คือความดีความชอบของคุณ คุณไม่ต้องกังวล ! หลังจากที่คุณกลับไปจะต้องได้เลื่อนขั้นอย่างแน่นอน !”

 

นายตํารวจคนนั้นตรวจสอบที่เกิดเหตุ และส่ายหน้าอย่างช้าๆ และหันไปสอบถามพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่ห้องโดยสารด้านหน้าคําหนึ่ง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะให้การเป็นหนึ่งเดียวกัน

 

บอกว่านี่เป็นสิ่งที่พวกเขาร่วมมือกันทําทั้งหมด พวกเขาร่วมแรงร่วมใจกันเอาชนะผู้ร้าย !

 

ตํารวจอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองหน้าหยางโป และส่ายหน้าโดยไม่พูดอะไรมาก บางครั้งความจริงมันก็ไม่ได้สําคัญ แต่ผลลัพธ์สําคัญกว่า ตราบใดที่คนยังมีชีวิตอยู่ แค่ทุกคนยอมรับได้ก็พอ !

 

ในที่เกิดเหตุมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งมาก ทุกคนมองดู ต่างพากันทยอยเดินกลับกันออกไปทีละคน

 

ลัวย่าวหัวลากหยางโปออกไปอีกด้านหนึ่ง” นายทําได้ยังไง ? ”

 

“ ผลประโยชน์ !” หยางโปตอบ “ พวกเขารับเงินจากอีกฝ่าย แต่หลังจากที่ฉันใช้ปืนยิงคนร้ายตายไปคนหนึ่ง และปราบผู้ร้ายอีกคนหนึ่งได้ ฉันจึงบอกกับลูกเรือบนเครื่องบินว่าตราบใด ที่พวกเขาฆ่าผู้ร้ายที่ก่ออาชญากรได้หลังจากเกิดเรื่องขึ้นจะได้รับรางวัลมากกว่าเดิม !”

 

“ นายเกลี้ยมกล่อมและหลอกล่อพวกเขาด้วยคําพูดเปล่าๆ พวกเขาก็เชื่อแล้วเหรอ ? ” ลัวย่าวหัวรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเลยแม้แต่นิดเดียว

 

หยางโปยิ้มและพูดว่า “ สิ่งที่สําคัญที่สุดคือ ฉันบอกพวกเขาไปว่าหลังจากที่พวกเราลงจากเครื่องบินแล้ว ทุกคนจะต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทําเพื่อปกป้องสมบัติของชาติ ทุกคนถึงมีส่วนร่วมด้วยกัน ! แม้แต่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่เสียชีวิตไป ก็สามารถกลายเป็นวีรบุรุษกู้ชาติได้ !”

 

ลัวย่าวหัวหัวเราะ “ นายนี่มันเป็นทหารที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้โดยไม่ต้องออกแรงสู้รบชัดๆ !”

 

หยางโปหัวเราะ และไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม เรื่องนี้เป็นเรื่องสูญเปล่า ลูกเรือบนเครื่องบินรับสินบนจากชายชุดดําสองคน นี้เป็นความเสื่อมเสียอย่างมากของมากที่สุด แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ได้กระทําเกินไป ที่จะปกป้องชื่อเสียงและรับผลประโยชน์จากกระบี่หยกที่อยู่ในมือของหยาง

 

สิ่งที่สําคัญที่สุดคือ หยางโปต้องการปกป้องชีวิตของทุกคน ในการเดินทางอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า หากสมาชิกในทีมลูกเรือบนเครื่องบินคิดไม่ตกขึ้นมา แล้วลงมือทําอะไรที่เป็นอันตรายขึ้นมาท้ายที่สุดแล้วก็จะไม่มีใครสามารถหนีไปได้ !

 

ในการเดินทางครั้งต่อไป ทุกคนต่างพากันระมัดระวังตัวอย่างดี เวลาจึงดูยาวนานขึ้นเป็นพิเศษ

 

ก่อนที่เครื่องบินจะลงจอด ลูกเรือบนเครื่องได้รายงานสถานการณ์บนเครื่องบินให้กับบนภาคพื้นฟัง ดังนั้นทางด้านท่าอากาศยานจึงได้เตรียมการคุ้มกันไว้อย่างแน่นหนาเอาไว้นานแล้ว

 

เมื่อหยางโปและพรรคพวกลงจากเครื่องมา ก็เห็นกลุ่มตํารวจติดอาวุธวิ่งกรูกันเข้ามาอย่างรวดเร็วและล้อมทุกคนไว้ จากนั้นก็เชิญทุกคนไปที่สนามบิน ด้านนอกมีนักข่าวอยู่จํานวนมากกําลังรายล้อมอยู่รอบๆ

 

หยางโปเงยหน้าขึ้นมองก็เห็น ชุยชื่อหยวน ชุยอี้ผิงและลัวซื้อเพื่อยืนอยู่ไม่ไกล เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ

 

“ พวกคุณมาที่นี่ทําไม ? ” หยางโปถามด้วยความแปลกใจ ตอนนี้ก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว ถ้าว่ากันตามหลักแล้ว เวลานี้พวกเขาควรจะพักผ่อนไปแล้ว

 

ชุยชื่อหยวนอดไม่ได้ที่จะสบกด่า ” พวกแกไปทําเรื่องงามหน้ากันมา รู้ไหมมีกี่คนที่เป็นห่วงและกังวลเกี่ยวกับพวกแก ทําอะไรให้มันระมัดระวังหน่อยไม่ได้หรือไงหะ ?”

 

หยางโปก้มหน้าลงและไม่เอ่ยปากพูดอะไร เขารู้ดีเช่นกันว่านี่เป็นเพราะ ยชื่อหยวนกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเขา

 

ลัวซือเต๋อเหลือบมองไปที่ลัวย่าวหัว เมื่อเห็นว่าเขาปลอดภัยดี ถึงได้เอ่ยปากพูดออกมาว่า

 

“ เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนปลอดภัยดี ก็ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ให้พวกเขารีบทําบัน ทึกแล้วกลับกันเถอะ !”

 

ชุยชื่อหยวนไม่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงดูลูกชาย แต่เขาก็เข้าใจความหมายขอ งลัวซื้อเต่อทันทีในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ก็ไม่สามารถพูดอะไรมากมายได้อีก ประสบพบเจอกับผู้ร้ายบนเครื่องบิน มันก็ไม่ใช่เจตนารมณ์ของหยางโปแน่ๆ

 

“ แกไปดูทางด้านโน้นหน่อย แล้วค่อยกลับมาทําบันทึกทีหลัง ! ” ชุยชื่อหยวนชี้ไปที่ด้านหลังและหันมาพูดกับหยางโป

 

หยางโปรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าหลินหลินอยู่ไม่ไกลออกไป

 

เธอยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน และกําลังมองมาทางนี้ ด้วยดวงตาทั้งคู่ที่บวมแดง ดูเหมือนว่าจะผ่านการร้องไห้มา

 

หยางโปวิ่งเข้าไปหา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกปวดแสบที่จมูก เขาไม่เคยรู้สึกถึงความอบอุ่นแบบนี้มาก่อน ความรู้สึกจากบ้านไปไกล และความอบอุ่นที่ใครบางคนห่วงใยเขาอยู่ เขาเป็นคนที่แสดงอารมณ์ได้ไม่ดี แต่เขารู้ดีอยู่ลึกๆ ว่าเขาอ่อนไหวกับมันแล้ว

 

เมื่อวิ่งเข้าไปหา หยางโปก็กอดหลินหลินเอาไว้แน่นและร้องเรียกคําว่า “ แม่ ! ” ออกมา

 

หลินหลินไม่สามารถอดทนต่อความรู้สึกได้อีกต่อไปแล้ว จึงส่งเสียงร้องไห้ออกมาทันที

 

หลังจากผ่านไปสักพัก หลินหลินถึงได้ปล่อยหยางโปออก แล้วมองสํารวจเขาขึ้นๆลงๆ

 

เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีได้เป็นอะไร ถึงได้โล่งใจ “ ทําไมถึงได้เจอเรื่องแบบนี้ได้ 2 ครั้งต่อไปอย่านั่งเครื่องบินอีก เครื่องบินไม่ปลอดภัยเกินไป ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริงๆ จะให้แม่ทํายังไง ?”

 

หยางโปรู้สึกอายเล็กน้อย “ แม่ ไม่ต้องห่วงไป มีเครื่องบินขึ้นเยอะแยะออกมากมายในทุกปี

 

เกิดอุบัติเหตุแค่ไม่กี่ลํา แม่ไม่ต้องห่วง ครั้งนี้มันเป็นแค่อุบัติเหตุ”

 

หลินหลินจ้องมองหยางโปไม่วางตา เธอยังคงรู้สึกใจสั่นไม่หาย วันนี้เธอเห็นข่าว มีรายงานว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับเครื่องบินที่บินมุ่งหน้ามาจากอเมริกาลํานี้ ตอนนั้นเธอไม่ได้คิดอะไรมาก

 

พอชุยอี้ผิงโทรมาบอกข่าวนี้กับเธอ ก็ทําเอาเธอถึงกับช็อกจนไม่มีสติ !

 

“ ลูกอย่ามาได้ใจไป !” หลินหลินต่อว่าให้

 

หยางโปพยักหน้าซ้ําๆ “ แม่ไม่ต้องห่วง งั้นเอางี้ละกัน ช่วงนี้ผมจะไปออกไปไหน ตกลงไหม

 

นี่ลูกพูดเองนะ” หลินหลินกล่าว

 

หยางโปพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “ อืม ผมพูดเอง”

 

หลินหลินถึงได้วางใจ เธอดึงหยางโปมาสั่งสอนอยู่อีกครู่หนึ่งก่อนที่จะปล่อยเขาไป

 

หยางโปอยากจะเกลี้ยกล่อมให้หลินหลินกลับไปก่อน แต่หลินหลินกลับไม่เห็นด้วยและยืนกรานที่จะรอเขากลับไปด้วย หยางโปไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับไปทําบันทึกกับตํารวจ 

 

ชุยชื่อหยวนอยู่เคียงข้างเป็นเพื่อนเขา ฟังเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ

 

” ที่แกพูดมาจริงแท้ทั้งหมดใช่ไหม ?”

 

หยางโปหัวเราะ “ ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง มันก็ไม่สําคัญ สิ่งที่สําคัญคือทุกคนสา มารถยอมรับข้อกล่าวหาเหล่านี้ได้ ”

 

ชุยชื่อหยวนอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า ” มันก็ใช่ ตราบใดที่ส่วนใหญ่สามารถยอมรับมันได้และทุกคนยอมรับมันได้ มันก็ไม่มีปัญหา ”

 

ลัวย่าวหัวเขียนบันทึกเร็วกว่า เขาเดินเข้ามาและเอ่ยทักมาว่า ” ฉันไม่รอนายแล้วนะ แม่ฉันยังรออยู่ที่บ้านฉันต้องรีบกลับไปก่อน ไม่อย่างนั้นเธอจะกังวลเอาได้ “

 

หยางโปโบกมือให้ “ นายรีบกลับไปเถอะ !”

 

ปฏิกิริยาตอบสนองของ หลินหลินเมื่อสักครู่ ทําให้หยางโป สัมผัสได้ถึงความรักของแม่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ทําให้เขาเร่งให้ลัวย่าวหัวกลับบ้านไป

 

การทําบันทึกจบลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่หยางโปกับแม่และพรรคพวกกําลังจะจากไปอยู่นั้น

 

เฉาหยวนเต่อก็รีบเร่งเข้ามาหา เขาเห็นหยางโปจึงทักขึ้นมาว่า “ นายไม่เป็นไรใช่ไหม ? ”

 

ไม่เป็นไร หยางโปตอบ

 

เฉาหยวนเต่อมองสํารวจขึ้นๆลงๆ ” หัวงูทองสัมฤทธิ์ล่ะ ? มีปัญหาไหม ? ”

 

* หัวงูทองสัมฤทธิ์ถูกใช้เป็นหลักฐาน ตอนนี้ตํารวจเก็บเอาไว้อยู่ อาจต้องใช้เวลาสักระยะถึงจะเอากลับคืนมาได้ ” หยางโปตอบ

 

เฉาหยวนเต็อลังเลเล็กน้อยและหันไปขอโทษขอโพยกับหลินหลิน ” ผมขอพูดคุยกับหยางโปสักสองสามคําได้หรือเปล่า”

 

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

เป็นเพราะพ่อที่ป่วยหนัก อีกทั้งค่ารักษาพยาบาลจำนวนมหาศาล จึงทำให้หยางโปเด็กฝึกงานของร้านขายวัตถุโบราณต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่กดดัน เป็นเพราะจิตใจที่มีเมตตาของเขาจึงทำให้เขาได้รับหินแก้วโดยบังเอิญ จนทำให้ดวงตาของเขาสามารถประเมินสมบัติอันล้ำค่าได้ มาลุ้นกันว่าเขาจะสามารถตรวจสอบสมบัติเหล่านั้นและล้มล้างชะตากรรมได้อย่างไร…….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset