เนตรเซียนทะลุสมบัติ – ตอนที่ 227

ตอนที่ 227 วางแผน

หยางโปยังคงเงียบเสียงและเดินไปรอบๆเพื่อสำรวจบรรยากาศที่อยู่ด้านใน

ภายในนี้มีลานดอกไม้แต่ถ้าหากอยู่ในช่วงต้นฤดูหนาวต้นไม้และดอกไม้เหล่านั้นจะเหี่ยวแห้ง ทว่าบรรยากาศตรงหน้านี้กลับทำให้หยางโปรู้สึกชื่นชอบเป็นอย่างมาก

หยางโปเดินไปทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ ภายในนี้มีต้นทับทิมอยู่ต้นนึงซึ่งมีลำต้นหนาและดูเหมือนว่าจะถูกตัดแต่งกิ่งอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นความสูงของมันจึงไม่ได้สูงมากนัก และด้านบนก็ยังผลไม้ทับทิมห้อยอยู่ด้วย

หยางโปหันไปหาเจ้าอ้วนหลิวก่อนที่จะโบกมือเรียกเขา “คุณรู้เรื่องเกี่ยวกับบ้านหลังนี้ไหม?”

 

เจ้าอ้วนหลิว “นายจะซื้อมันเหรอ?”

หยางโปพยักหน้า “ผมมาที่ปักกิ่งบ่อยแต่ก็ยังไม่มีที่พักดีๆเลย ตอนนี้ราคาบ้านซื่อเหอย่วนสูงขึ้นเรื่อยๆแถมยังปรับราคาเร็วมากด้วย ผมคิดว่าถ้าผมสามารถซื้อมันได้คงจะดีมากแน่ๆ”

เจ้าอ้วนหลิวพยักหน้า “ฉันเห็นด้วยกับความคิดของนายนะ เพราะหลังจากนี้ราคาคงปรับขึ้นสูงกว่านี้อย่างแน่นอน”

พูดจบเจ้าอ้วนหลิวก็หันไปหาตาเฒ่าเว่ย “ตาเฒ่าเว่ยมีลูกชายแค่คนเดียวแต่ตอนนี้เขาอยู่อเมริกา ช่วงนี้อาจจะกำลังทำเรื่องขอกรีนการ์ดอยู่ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคิดยังไง แต่ตอนนี้ที่นี่ก็เหลือเขาแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ ไม่รู้ว่าเขาเองเคยคิดอยากจะไปอยู่กับลูกชายของเขาที่เมืองนอกรึเปล่า”

 

หยางโป “ลูกชายของเขาเรียนอยู่ที่ไหนเหรอ?”

เจ้าอ้วนหลิวส่ายหน้า “ไม่รู้สิ ฉันรู้แค่ว่าตาเฒ่าเว่ยทำงานหาเงินอย่างยากลำบากเพื่อส่งลูกชายไปเรียนต่างประเทศตลอดทั้งชีวิต แต่ได้ยินว่าโรงเรียนที่เขาอยู่ก็ไม่ได้ว่าจะดีสักเท่าไหร่หรอก”

หยางโปพยักหน้า “ถ้าเป็นแบบนี้โอกาสที่เขาจะผ่านการขออนุมัติกรีนการ์ดคงจะไม่ได้สูงมาก และมันก็ตรงกับที่ผมหวังเอาไว้พอดี”

หยางโปตื่นเต้นขึ้นมาก่อนที่จะเดินวนไปรอบๆต้นทับทิม “ต้นทับทิมต้นนี้หนามากและคิดว่าคงจะมีอายุหลายสิบปี ไม่รู้ว่าถ้าซื้อที่นี่ได้แล้วจะโค่นมันออกได้รึเปล่า”

 

“ฉันว่ารอให้นายซื้อมันให้ได้ก่อนเถอะ แล้วค่อยมาว่ากัน”

หยางโปยิ้มก่อนที่จะหันไปหาตาเฒ่าเว่ย

“คุณตาครับ บ้านนี้ใหญ่โตขนาดนี้แต่คุณตาอยู่แค่คนเดียวเหรอ?”

ตาเฒ่าเว่ยเองก็เห็นว่าหยางโปและเจ้าอ้วนหลิวแอบไปยืนคุยกันอยู่ที่มุมบ้าน “ใช่ ลูกชายของฉันไปอยู่ต่างประเทศแล้ว ตอนนี้ก็เหลือฉันคนเดียวแต่ฉันก็อยากจะเฝ้าและดูแลที่นี่ต่อไป”

“แล้วคุณตาไม่คิดจะไปอยู่เป็นเพื่อนลูกชายที่นู้นบ้างเหรอครับ?” หยางโปถาม

ตาเฒ่าเว่ยส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากจะไปรบกวนเขา”

 

หยางโปยิ้ม “ทำไมคุณตาถึงยอมให้ลูกชายคนเดียวของคุณตาย้ายถิ่นฐานล่ะครับ? ที่จริงอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรแถมยังได้อยู่ใกล้ๆคุณตาด้วย”

“ลูกฉันโตเป็นหนุ่มแล้วยังไงก็ต้องให้เขาตัดสินใจด้วยตัวเอง ตอนที่เขาไปอยู่ต่างประเทศแล้วกลับมาที่นี่ เขาก็บอกว่าตัวเองไม่เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่นี่ก็เลยอยากจะย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่นู้นแทน ในเมื่อเขาตัดสินใจแบบนั้นแล้วฉันจะทำอะไรได้ล่ะก็ต้องยอมให้เขาทำตามที่เขาอยากจะทำนั่นแหละ”

“เขาตัดสินใจที่จะย้ายถิ่นฐาน การยื่นทำเรื่องกรีนการ์ดก็น่าจะราบรื่นแล้วสินะครับ?” หยางโปหันไปถามพร้อมกับความรู้สึกที่เริ่มกังวลขึ้นมาเพราะกลัวว่ามันจะไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคิด

 

ทว่าอีกฝ่ายกลับชะงักไป “การทำเรื่องขอกรีนการ์ดเป็นเรื่องที่ยากมา ตอนเขาอยู่ที่มหาลัยที่นู้นก็ไม่ใช่มหาลัยดีอะไรเลยถูกปฏิเสธกลับมาตั้งหลายครั้ง นี่ก็ไม่รู้ว่าครั้งนี้ผลลัพธ์จะเป็นยังไง”

“ผมมีอยู่วิธีนึงครับและคิดว่ามันสามารถทำให้ได้รับอนุมัติกรีนการ์ดแน่ๆ” หยางโปพูดขึ้น

อีกฝ่ายเงยหน้ามองหยางโป อันที่จริงเขาเองก็พอจะรู้วัตถุประสงค์ของหยางโปอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร แต่เขาก็ถามกลับไปว่า “วิธีไหน?”

“เป็นวิธีที่คุณอาจจะต้องยอมเสียสละสักหน่อยน่ะครับ” หยางโปพูด “ที่อเมริกามีนโยบายการเข้าเมืองอยู่คือเป็นการลงทุนในการย้ายเข้าเมือง ไม่รู้ว่าคุณจะเข้าใจมันรึเปล่านะครับ”

“ฉันไม่เข้าใจ”

 

“คือมันเป็นการลงทุนการเคลื่อนย้ายเงินเข้าเมืองด้วยเงินห้าแสนดอลล่าสหรัฐ เป็นการสร้างโอกาสในการสร้างงานโดยตรงหรืออาจจะเป็นทางอ้อมก็ได้ และมันก็สามารถทำให้ได้รับกรีนการ์ดของอเมริกาได้เร็วที่สุดด้วย แต่เงินจำนวนนั้นสามารถลงทุนในสหรัฐและพื้นที่ชนบทที่มีอัตราการว่างงานสูงเท่านั้น แต่มันก็ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะทำแบบนั้น ส่วนอีกอย่างนึงก็คือการลงทุนด้วยเงินหนึ่งล้านดอลล่าสหรัฐซึ่งนโยบาลนี้ไม่ได้มีข้อจำกัดมากเหมือนกับข้อแรก”

หยางโปพูดต่อว่า “การเคลื่อนย้ายก็ต้องมีการใช้เงินก้อนนึงด้วยเหมือนกันในการที่จะเคลื่อนย้ายเงินไป ถ้าไม่ใช่คนที่มีความสามารถจริงๆ ภายใต้สถานการณ์แบบนี้คงจะเป็นเรื่องยากที่จะได้รับกรีนการ์ดจากประเทศนั้น”

 

อีกฝ่ายหน้าขาวซีดขึ้นมาในทันที ตอนนี้เขารู้แล้วว่าหยางโปต้องการที่จะซื้อบ้านของเขาแน่ๆ! ถึงแม้ว่าช่วงไม่กี่ปีมานี้เขาจะสามารถทำเงินได้เยอะแต่มากกว่าครึ่งก็หมดไปกับการส่งไปให้กับลูกชายของเขา และเขาก็ไม่มีเงินที่จะนำไปลงทุนมากมายขนาดนั้นด้วย

นอกจากขายบ้านแล้วเขายังมีทางเลือกอื่นอีกเหรอ?

เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะหันไปหาหยางโป “ถ้าหากลงทุนจริงๆจะสามารถรับประกันได้ไหมว่าลูกชายของฉันจะได้กรีนการ์ด”

“ขอแค่ลงทุนด้วยจำนวนเงินหนึ่งล้านไม่เพียงแค่ลูกชายของคุณเท่านั้นแม้แต่ตัวคุณเองก็จะได้กรีนการ์ดด้วยเช่นกัน แค่ใช้ชื่อของคุณก็สามารถที่จะย้ายเป็นประชากรของที่นั่นได้แล้ว”

 

อีกฝ่ายจ้องหยางโปโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา

หยางโปรู้ดีว่าตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะที่สุดแล้ว “ผมชอบบ้านที่นี่และผมอยากจะซื้อมันด้วย”

อีกฝ่ายยังไม่ได้รีบร้อนที่จะตอบกลับไป ก่อนหน้านี้เขาสาบานกับตัวเองเอาไว้แล้วว่าเขาจะไม่ยอมขายซื่อเหอ

ย่วนหลังนี้แน่ๆ แต่เป็นเพราะเรื่องของลูกชายของเขาในเวลานี้เขาจึงรู้สึกร้อนใจขึ้นมา

“ฉันขอโทรศัพท์ไปปรึกษากับลูกของฉันก่อนแล้วกัน” อีกฝ่ายพูด

พูดจบเขาก็เดินหายเข้าไปในห้อง หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าวเขาหันมาถาม “แล้วนายจะให้ฉันเท่าไหร่ล่ะถ้าฉันขายบ้านหลังนี้?”

 

หยางโปหันไปมองรอบๆ “แปดร้อยล้าน!”

“น้อยไปหน่อยรึเปล่า ฉันขอไปคิดดูก่อนก็แล้วกัน” พูดจบเขาก็เดินหายเข้าไปในห้อง

หยางโปยิ้มออกมาเพราะเขารู้ดีว่าราคาที่เขาพูดออกไปเมื่อกี้มันเพียงพอที่จะทำให้เขารู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะได้แล้ว แม้ว่าเขาจะสาบานเอาไว้ว่าจะไม่ขายมันแต่เมื่อต้องมาชั่งน้ำหนักกับเรื่องของลูกชายของเขาแล้ว อีกฝ่ายก็อดไม่ได้ที่จะเกิดอาการลังเลขึ้น

ในเวลาอันรวดเร็วเสียงจากในห้องก็ดังขึ้น

“พ่อโทรมามีอะไรเนี่ย?”

 

“เสี่ยนหลง เมื่อสองวันก่อนลูกคุยกับพ่อเรื่องยื่นเรื่องขอกรีนการ์ดใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?” ตาเฒ่าเว่ยถาม

อีกฝ่ายลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับมาว่า “พ่อ…เรื่องนี้พ่อไม่ต้องมายุ่งหรอกผมจัดการของผมเองได้ ตอนนี้ก็แค่กำลังรอคิวอยู่ ยังห่างจากกระบวนการตรวจสอบอยู่ช่วงนึงด้วย พ่อไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวถ้าผมจัดการได้เมื่อไหร่ผมจะไปรับพ่อมาเที่ยวที่นี่นะ”

อีกฝ่ายพยักหน้าแต่เขาก็พอจะเดาได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ครั้งก่อนที่เขายื่นเรื่องไม่ผ่าน ครั้งนี้ก็คงจะไม่ได้ต่างอะไรกับก่อนหน้านี้แน่ๆ “เสี่ยนหลงพ่อได้ยินมาว่าที่อเมริกามีนโยบายเกี่ยวกับการลงทุนเพื่อขอกรีนการ์ดเหรอ?”

 

“ใช่ มันเป็นนโยบายในการลงทุนเนี่ยแหละ แต่ว่ามันเป็นเกมของพวกมีเงินต้องมีเงินลงทุนอย่างน้อยๆห้าแสนดอลล่า ถ้าเป็นเงินหยวนก็ประมาณสี่ล้านกว่าหยวนนั่นแหละ เงินเยอะขนาดนี้พวกเราจะมีปัญญาจ่ายได้ยังไง”

“เสี่ยนหลงไม่ต้องห่วง พ่อมีวิธี”

พูดจบตาเฒ่าเว่ยก็หันไปหาหยางโป…เพื่อลูกชายของเขาที่จะได้ใช้ชีวิตที่อเมริกา ทำไมเขาจะขายซื่อเหอย่วนหลังนี้ไปไม่ได้ล่ะ?

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

เป็นเพราะพ่อที่ป่วยหนัก อีกทั้งค่ารักษาพยาบาลจำนวนมหาศาล จึงทำให้หยางโปเด็กฝึกงานของร้านขายวัตถุโบราณต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่กดดัน เป็นเพราะจิตใจที่มีเมตตาของเขาจึงทำให้เขาได้รับหินแก้วโดยบังเอิญ จนทำให้ดวงตาของเขาสามารถประเมินสมบัติอันล้ำค่าได้ มาลุ้นกันว่าเขาจะสามารถตรวจสอบสมบัติเหล่านั้นและล้มล้างชะตากรรมได้อย่างไร…….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset