เนตรเซียนทะลุสมบัติ – ตอนที่ 241

ตอนที่ 241 เฉิงสุ่ยโป๋

หลังจากบอกลาฉินโถวแล้วรถก็พาทั้งสี่คนไปส่งที่โรงแรมใจกลางเมืองก่อนที่จะขับหายไป

ทั้งสี่คนไม่มีแรงที่จะพูดคุยอะไรแล้วทันทีที่มาถึงโรงแรมพวกเขาก็แยกย้ายกันกลับห้องเพื่อไปนอนทันที

ช่วงกลางคืนตอนที่กำลังนอนอยู่นั้นหยางโปก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความหิว หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเขาก็โทรให้พนักงานมารับเสื้อของเขาไปซัก ก่อนที่จะเดินลงมาชั้นล่าง

ตอนที่หยางโปเดินมาถึงห้องอาหารก็พบว่าหลูตงซิ่งกำลังนั่งทานอาหารค่ำอยู่ ในเวลาเดียวกันก็มีเด็กหนุ่มนั่งอยู่ตรงข้ามเขาและกำลังรายงานงานให้หลูตงซิ่งฟัง

 

หยางโปถืออาหารก่อนที่จะเดินเข้ามาทันใดนั้นก็ได้ยินเด็กหนุ่มพูดขึ้นมาว่า “ประธานหลู จากการจำลองโครงการนี้กำไรถือว่าไม่เลวเลย หลังจากนี้ก็ต้องมาดูคะแนนกำไรเฉพาะจุดกันต่อ”

หลูตงซิ่งพยักหน้า “เรื่องนี้นายช่วยจัดการด้วยก็แล้วกัน หวังว่านายจะสามารถทำให้บริษัทของพวกเราได้รับกำไรเพิ่มขึ้นนะ”

ชายหนุ่มยิ้ม “ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยอย่างแน่นอนครับ”

ในเวลานั้นเองหยางโปก็เดินมานั่งข้างๆพร้อมกับก้มหน้าก้มตากินข้าวโดยไม่พูดอะไร

ชายหนุ่มคนนั้นหันมามองหยางโปด้วยสายตาแปลกใจ ในใจก็แอบคิดว่ามีที่นั่งตั้งเยอะแยะทำไมหยางโปถึงไม่ไปนั่งที่อื่น

 

หลูตงซิ่งยิ้มก่อนที่จะอธิบาย “นี่เพื่อนของฉันเอง”

ชายหนุ่มคนนั้นหน้าเปลี่ยนสีก่อนที่จะเกิดอาการยำเกรงขึ้น เถ้าแก่ที่มีเงินหลักหมื่นล้านแบบหลูตงซิ่งมีเพื่อนแบบหยางโปได้ ถ้าอย่างนั้นหยางโปก็คงจะต้องมีเงินเยอะมากแน่ๆ

หยางโปไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ ตอนนี้เขาสนใจแค่ว่าจะต้องทำให้ท้องของเขาอิ่ม ก่อนหน้านี้เขาย้ายของทั้งคืนแถมยังต้องเจอกับเรื่องน่าตกใจจนขวัญกระเจิง หลังจากเสร็จเรื่องก็ยังไม่ได้กินข้าวร้อนๆอีกตั้งหนึ่งคืน เป็นใครก็รับไม่ได้ทั้งนั้นแหละ

หลังจากที่กินบะหมี่หมดไปถ้วยนึงหยางโปก็รู้สึกมีเรี่ยวมีแรงขึ้นมาอีกครั้ง เขาเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆหายไปแล้ว ในขณะที่หลูตงซิ่งกำลังมองมาที่เขาพร้อมกับยิ้ม

 

หยางโปยิ้ม “เถ้าแก่ตื่นเร็วเหมือนกันนะครับเนี่ย”

“ช่วยไม่ได้นิ งานมันรัดตัวน่ะ บางทีก็อิจฉาคนที่ไม่มีเงินแต่มีเวลาพักผ่อนเหมือนกันนะ แถมยังมีอิสระมากอีกด้วย” หลูตงซิ่งพูด

“อย่าพูดแบบนี้เลยครับ แต่ละคนมันก็ดีและเสียต่างกันไปยังไงก็เอามาเทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว แต่ที่จริงถ้าคุณขายบริษัทไปก็น่าจะทำให้คุณมีเวลาว่างแล้วนิครับ” หยางโปพูด

หลูตงซิ่งส่ายหน้า “วางมือไม่ได้หรอก”

ระหว่างที่พูดอยู่นั้นลัวย่าวหัวและเจ้าอ้วนหลิวก็เดินถือจานข้าวเข้ามา จู่ๆลัวย่าวหัวก็จามออกมา “ง่วงชะมัด เหนื่อยก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว คืนนี้เราคงไม่รีบกลับกันใช่ไหม? ฉันอยากจะนอนต่ออีกสักหน่อยน่ะ”

 

“ไม่รีบหรอก แต่ถ้ายุ่งจริงๆก็กลับก่อนได้ อันที่จริงฉันกะว่าจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักสองวัน ที่นี่มีสถานที่โบราณเยอะแยะไปหมดแถมยังมีตลาดวัตถุโบราณเยอะมากอีกด้วย ฉันว่าจะเดินดูก่อนน่ะ” หยางโปพูด

หลูตงซิ่ง “ฉันคงต้องขอตัวนะ ฉันซื้อตั๋วคืนนี้เอาไว้แล้ว สองทุ่มต้องนั่งเครื่องกลับแล้วล่ะ”

เจ้าอ้วนหลิว “ฉันไม่มีธุระอะไร คิดว่าน่าจะอยู่ที่นี่ต่อได้ไม่มีปัญหาอะไร”

“โอเค ถ้างั้นเถ้าแก่หลูก็รีบกลับไปทำธุระก่อนเถอะครับ” ลัวย่าวหัวพูด

พูดจบเขาก็กระซิบขึ้นมา “ฉินโถวคงไม่ได้อยู่ที่ฉางอานเพื่อจัดการของพวกนั้นหรอกนะ?”

 

หลูตงซิ่งส่ายหน้า “ไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องพวกนี้ไม่กระทบถึงพวกเราหรอก คนพวกนั้นคงจะเดินทางไปไกลกว่านี้แหละ ฉินโถวอายุขนาดนั้นแล้วเขาไม่ทำอะไรสะเพร่าให้ถูกจับได้หรอก”

“ทำเรื่องพวกนี้เสร็จแล้ว พวกเขาคงจะล้างมือจนสะอาดหมดจดแล้วแหละ” หยางโปพูด

“ถ้าแบบนั้นก็ค่อยยังชั่วหน่อย” ลัวย่าวหัวถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ครั้งก่อนตอนที่เข้าไปที่สุสานหงซิ่วฉวน แม้ว่าจะได้ของมาเยอะแต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องหวาดผวากันอยู่นาน การที่ต้องเผชิญหน้ากับสุสานที่ใหญ่ขนาดนี้ แม้ว่ามันจะเป็นพื้นที่ของพ่อแท้ๆของเขา เขาเองก็ไม่เก็บมันเอาไว้เหมือนกัน

 

ก่อนที่จะไปเสียนหยางเขาเองก็เคยคุยกับหยางโปว่าจะต้องไม่เป็นอะไรแน่ๆ เพราะเขาคิดไม่ถึงว่าเสียนหยางจะเป็นสุสานของเจ้าชาย ตอนนี้พอย้อนคิดกลับไปเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวขึ้นมา

หลังจากพูดไม่กี่ประโยคพวกเขาก็เปลี่ยนเรื่องคุย เพราะที่นี่เป็นพื้นที่สาธารณะการที่พูดคุยเรื่องพวกนี้พวกเขาเองก็กังวลใจอยู่ไม่น้อยเพราะเกรงว่าอาจจะถูกจับได้

ในเวลาอันรวดเร็วลัวย่าวหัวก็ถามขึ้นมาว่า “ผ้าไหมที่นายได้มานั่นคืออะไรเหรอ? มันทำมาจากอะไรกันแน่ ทำไมแค่นายพูดแค่คำเดียวฉินโถวถึงได้เข้าใจในทันทีเลยล่ะ? หรือว่ามันจะเป็นเพราะมีอยู่ในประวัติศาสตร์ด้วย?”

หยางโปยิ้ม “มันก็แค่ผ้าผืนนึงน่ะ นายอย่าคิดอะไรให้มากมายเลย”

 

“ผ้าผืนนึง?” เจ้าอ้วนหลิวมองหยางโปก่อนที่จะส่ายหน้า “ถ้างั้นฉันให้นายแสนนึงแลกกับผ้าผืนนั้นนายตกลงไหมล่ะ?”

“อือ ถ้างั้นฉันให้นายล้านนึงเลย” หลูตงซิ่งเองก็รีบเสนอราคาขึ้นมา

หยางโปเห็นแบบนั้นก็เลยทำได้แค่ตอบกลับไปว่า “ก็ได้ๆ มันก็มีที่มาที่ไปนั่นแหละ แต่ตอนนี้ยังพูดไม่ได้น่ะ รอให้กลับไปที่ห้องของฉันก่อนเดี๋ยวฉันจะอธิบายให้ฟัง”

ลัวย่าวหัว “หึหึ จะต้องเป็นของมีค่าอีกชิ้นนึงแล้วสินะ”

เป็นเพราะรู้สึกแปลกใจทุกคนจึงก้มหน้าก้มตาทานอาหารตรงหน้าโดยไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น

 

หลังจากทานเสร็จก็รีบกลับไปที่ห้องนอนของหยางโป หลังจากที่มองซ้ายขวาแล้วเขาก็ปิดประตู ภายในห้องตอนนี้หนาวมากแถมยังมีอุณหภูมิไม่ถึงยี่สิบองศาด้วยซ้ำ หยางโปจึงเดินไปเปิดแอร์เพิ่มความร้อนก่อนที่จะเดินไปหยิบผ้าไหมเฉิงสุ่ยโป๋ออกมา

ลัวย่าวหัว “เร็วๆสิ สรุปว่าผ้าผืนนี้มันมีอะไรที่ผิดปกติ? หรือว่ามันเป็นผ้าที่เผาแล้วไม่ไหม้เหรอ? หรือว่าเป็นผ้าแบบกันน้ำ?”

หยางโปส่ายหน้า “ใจเย็นๆสิ จะเสร็จแล้ว”

พูดจบหยางโปก็เดินเข้าไปในห้องน้ำก่อนที่จะเปิดก๊อกน้ำพร้อมกับนำผ้าไหมนั้นลงไปแช่น้ำเอาไว้เพื่อให้มันอมน้ำก่อนที่จะเดินออกมา

 

หยางโปรู้สึกได้ถึงความเย็นที่มือของเขาหลังจากนั้นเขาก็ยื่นให้ลัวย่าวหัว “ช่วยบีบให้หน่อย”

ลัวย่าวหัวรีบบีบน้ำออกอย่างรนราน ในเวลาเดียวกันหยางโปก็ค่อยๆคลี่ผ้าออกมาก่อนที่จะจับไปที่อีกมุมนึงของผ้า

ทันใดนั้นหยางโปก็ได้ยินเจ้าอ้วนหลิวพูดขึ้นมาว่า “ทำไมฉันถึงรู้สึกเย็นแบบนี้เนี่ย?”

ลัวย่าวหัว “หรือว่าแอร์จะเสีย?”

หลูตงซิ่งจ้องไปที่ผ้าตรงหน้าก่อนที่จะหันไปหาหยางโปด้วยท่าทางตกใจ “ก่อนหน้านี้นายเรียกมันว่าเฉิงสุ่ยโป๋งั้นเหรอ? หรือว่ามันจะเป็นสินสอดทองหมั้นของเจ้าหญิงสักคนในราชวงศ์ถัง?”

 

หยางโปยิ้มพร้อมกับพยักหน้า “เป็นของเจ้าหญิงถงชาง”

เจ้าอ้วนหลิวและลัวย่าวหัวตกตะลึง “หรือว่าผ้าผืนนี้จะสามารถทำให้อุณหภูมิลดลงได้อย่างงั้นเหรอ?”

หยางโปยิ้ม “ตอนที่เจ้าหญิงถงชางแต่งงานออกไป หนึ่งในสินสอดทองหมั้นมีของที่เรียกว่าเฉิงสุ่ยโป๋ ในหนังสือประวัติศาสตร์พูดว่า ‘เจ้าหญิงหยิบผ้าเฉิงสุ่ยโป๋และจุ่มมันลงในน้ำก่อนที่จะนำมันไปแขวนเอาไว้ หลังจากผ่านไปทันทีที่ได้เห็นผ้าก็พบว่ามันเป็นผ้าที่มีความยาวเก้าฟุต ซึ่งมีความละเอียดและบางมากจนทำให้สามารถคลายความร้อนได้’ “

“นี่จะบอกว่ามันเป็นสมบัติที่เจ้าหญิงใช้อย่างงั้นเหรอ?” ลัวย่าวหัวตกตะลึง

 

“ก็ไม่แน่เสมอไปว่ามันจะเป็นผ้าไหมผืนนั้นของนางจริงๆไหม แต่มันก็อาจจะมีโอกาสที่จะมีเทคนิคในการทอผ้าของคนในวังที่คนนอกไม่รู้จักก็ได้ ถึงมีการผลิตของเฉิงสุ่ยโป๋ออกมา”

“หีบใบสุดท้ายมีเพียงแค่ผ้าไหมแค่สองผืนที่ยังดูสมบูรณ์หรือว่าของชิ้นอื่นๆก็จะเป็นเฉิงสุ่ยโป๋ด้วยเหมือนกัน?” เจ้าอ้วนหลิวถามด้วยความตกตะลึง

“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงล่ะ ของพวกนั้นเป็นแค่ผ้าธรรมดาเท่านั้นแหละ ถ้าเป็นแบบเดียวกันหมดมันจะเหลือแค่สองผืนได้ยังไงล่ะ?” หยางโปส่ายหน้า

 

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

เป็นเพราะพ่อที่ป่วยหนัก อีกทั้งค่ารักษาพยาบาลจำนวนมหาศาล จึงทำให้หยางโปเด็กฝึกงานของร้านขายวัตถุโบราณต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่กดดัน เป็นเพราะจิตใจที่มีเมตตาของเขาจึงทำให้เขาได้รับหินแก้วโดยบังเอิญ จนทำให้ดวงตาของเขาสามารถประเมินสมบัติอันล้ำค่าได้ มาลุ้นกันว่าเขาจะสามารถตรวจสอบสมบัติเหล่านั้นและล้มล้างชะตากรรมได้อย่างไร…….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset