เปลวไฟในม่านหมอก – ตอนที่ 11 สุดท้ายเธอก็จะคลานเข่าเข้ามา

“ ฉันคิดว่าตัวเองคงจะไม่สิ้นไร้ไม้ตอกถึงขนาดเอาตัวเองไปแลกเปลี่ยนเพื่อให้อยู่รอดได้หรอกค่ะ ฉันมีสมองสองมือและศักดิ์ศรี ขอบคุณมากนะคะสำหรับความหวังดี แต่ฉันสาบานกับตัวเองว่าคงไม่รบกวนอะไรคุณอีกแล้วนอกจากที่ซุกหัวนอนที่เรือนคนรับใช้ ฉันจะไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ” ริมฝีปากหยักยกยิ้มคล้ายหยันเยาะ แล้วเอ่ยตอบอย่างนุ่มนวลทว่าทำให้เธอยิ่งเคืองขุ่น

“ คิดมากไปแล้ว คุณหนูอวัศยา ทำไมพูดจากระแทกแดกดันกับผมเช่นนั้น แล้วก็อย่าไปเที่ยวสบถสาบานอะไรไปเรื่อยเปื่อยแบบนี้ถ้าคุณไม่มั่นใจว่าจะทำมันได้ เพราะเมื่อไรที่คุณผิดคำพูดขึ้นมา ไอ้ศักดิ์ศรีที่คุณว่ามันจะมีค่าแค่กองขี้หมาก้อนหนึ่งเท่านั้น ”

“ ฉันไม่เคยผิดคำสาบานหรือสัญญากับใครทั้งนั้น และเมื่อไรที่ฉันให้คำมั่น ฉันจะรักษามันตราบจนลมหายใจสุดท้าย ” ดวงตาสีอำพันคู่นั้นฉายแววแข็งกร้าว รอยยิ้มเหยียดหยามผุดขึ้นบนเรียวปากหยักสวยอย่างปิดไม่มิด มันฉายชัดจนกระทั่งเธออยากจะกระโดดเข้าไปจิกข่วนใบหน้าหล่อ ๆ นั้นให้อาบไปด้วยเลือดเหลือเกิน

“ ผมล่ะนับถือคุณจริง ๆ อวัศยา หญิงสาวสวยผู้สูญสิ้นทุกสิ่งอย่างในชีวิต ทว่ายังคงยืนหยัดในเกียรติยศศักดิ์ศรี ผมขอชื่นชมนะครับ

เอาละ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมคงต้องขอตัว แล้วก็ขออภัยด้วยถ้าพูดอะไรที่ไม่เข้าหูไปบ้าง ผมก็เป็นแบบนี้ ชอบพูดตรง ๆ ประดิษฐ์คำพูดสวยหรูเพื่อโน้มน้าวใครให้เชื่อจนถวายหัวไม่เป็น เชิญคุณตามสบาย ”

เขาทิ้งท้ายด้วยคำพูดแปลก ๆ ที่เธอรู้แน่ว่ากระแทกแดกดัน นี่เธอไปทำอะไรให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจนักหนา

เธอหมุนตัวแล้วสาวเท้าเดินหนีมาจากที่นั่นโดยเร็ว น้ำตาเจ้ากรรมมันพาลไหลออกมาทำไมไม่รู้สิน่า

อวัศยา เธอสับสนแยกไม่ออกระหว่างนายไฟของเธอ กับนายอัคคีคนนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเขาทั้งคู่อาจจะคล้ายกันเพียงหน้าตา แต่จิตใจตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

นายไฟ… หนุ่มน้อยบ้านนาจอมกะล่อน ทว่าเขามีความซื่อตรงต่อหัวใจตนเองที่สุด ที่สำคัญครั้งหนึ่งเธอเคยได้หัวใจนั้นมาและมอบหัวใจตัวเองให้เขาไปจนหมดสิ้น มอบให้หมดจนกระทั่งไม่สามารถรักใครได้อีกแล้วแม้เวลาจะผันผ่านไปนานเพียงใด แม้เธอจะไม่รู้เลยว่าเขาอยู่แห่งหนไหน

นายอัคคี… หนุ่มนักธุรกิจผู้ร่ำรวย ดูดีหรูหราเหลือเกินเพียงภายนอก แต่หัวใจเต็มไปด้วยความดูถูกหยามเหยียดผู้อื่นเสมอ

ภายนอกเหมือนกันแทบทุกอณูจนน่าตกใจ ทว่าภายในต่างกันราวฟ้ากับเหว

เธอไม่อาจทนอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป ต้องหาทางออกไป ให้เร็วที่สุด ออกไปจากที่ที่เคยเป็นบ้านของตัวเอง ออกไปจากที่ที่คุณพ่อสร้างมันมาด้วยน้ำพักน้ำแรงนี่แหละ หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วค้นหาห้องหรือบ้านประกาศให้เช่าตามที่ต่าง ๆ ทันที

อีกฝ่ายที่พึ่งแยกกันเมื่อครู่เดินตรงเข้าไปในบ้านหยิบขวดเรมี่ มาร์ตินขึ้นกระดกโดยไม่ต้องผ่านการเทลงแก้วจาระไนใด ๆ ให้มันเสียเวลา ตอนนี้เขาต้องการเพียงอะไรสักอย่างมาดับเพลิงร้อนที่มันคุกรุ่นขึ้นในหัวใจ เพลิงแห่งความเกลียดชังและขยะแขยงกับคนที่กล้าตีหน้าซื่อพูดโกหกตอแหลออกมาได้ไม่อายปากต่อหน้าเขาอีกครั้ง

กล้าดียังไง !

เขาทนกับบทละครที่เธอพยายามเล่นเพื่อตบตาว่าตนเองสูงส่ง รักศักดิ์ศรี ทั้งที่จริงแสนร้ายกาจไม่ไหวอีกแล้ว เขาต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อให้เธอเผยธาตุแท้ออกมาโดยเร็ว !

“ ท่านเรียกพวกผม มีอะไรให้รับใช้ครับ ” สองบอดี้การ์ดหนุ่มร่างล่ำสันก้าวเข้ามายืนเคียงข้าง โซฟาเบดที่ร่างใหญ่ของผู้เป็นนายกึ่งนั่งกึ่งนอนและยกขวดสุรากระดกราวกับน้ำเปล่า

“ ตามลูกสาวไอ้อิทธิอย่าให้คลาดสายตา เธอไปติดต่อเช่าห้องที่ไหนให้ยัดเงินกับเจ้าของไม่อั้น แล้วให้พวกนั้นโทรไปบอกว่าห้องไม่ว่าง ”

“ ได้ครับท่าน ”

“ หลังจากนั้นสองสามวัน ให้คนไปผสมยานอนหลับชนิดรุนแรงให้ไอ้อิทธิมันกินตอนที่ลูกสาวไม่อยู่ แล้วส่งโรงพยาบาลในเครือของเรา ”

“ รับทราบครับท่าน พวกผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ”

“ อืม ออกไปได้แล้ว ผมอยากอยู่คนเดียว ” บอดี้การ์ดทั้งสองโค้งคำนับก่อนหมุนตัวออกไปจากห้อง เหลือเพียงเจ้านายหนุ่มรูปหล่อที่บัดนี้ใบหน้าเหี้ยมเกรียม แววตาฉายชัดถึงความอาฆาตรุนแรง

“ อวัศยา ผู้หญิงตอแหลอย่างเธอจะแสร้งเล่นละครตบตาเพื่อโก่งราคาให้ตัวเองจากชายหนุ่มผู้ร่ำรวยไปได้สักกี่น้ำ สุดท้ายเธอก็จะคลานเข่าเข้ามาร้องขอแลกตัวเธอ กับเงินไม่ต่างจากโสเภณี เหมือนอย่างที่ไอ้อิทธิพ่อเฮงซวยของเธอมันดูถูกแม่ของฉันอยู่ตลอดเวลาไงล่ะ ! ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset