เปลวไฟในม่านหมอก – ตอนที่ 2 นายไฟลืมสายหมอกแล้วเหรอ

“ อ้าว นั่นแขกคนพิเศษของผมมาถึงแล้ว หยุดกินผมก่อนนะเบ่บี๋ ผมขอเวลานอกไปรับแขกแป๊บนึง เราค่อยมาต่อกันใหม่ ” เขาว่าพลางดึงศีรษะของสาวคนนั้นออกจากตรงกลางระหว่างขา ก่อนจะดึงกางเกงว่ายน้ำที่ถูกดึงลงเปิดเปลือยบางอย่างออกขึ้นสวมแล้วเดินตรงเข้ามาหาอวัศยาทันที

เธอพยายามบังคับสายตาให้มองไปที่อื่น แทนที่จะเป็นร่างสูงใหญ่ที่กำลังก้าวเข้ามาหาอย่างเชื่องช้า ทว่าก็ยังเห็นทุกรายละเอียด

เขาไม่ได้เป็นหนุ่มใหญ่หรือสูงวัยเช่นที่เธอจินตนาการ แต่เป็นชายหนุ่มวัยฉกรรจ์รูปร่างกำยำ ยิ่งเข้ามาใกล้ ยิ่งเห็นมัดกล้ามหนั่นแน่นทุกส่วนชัดเจน ทั้งแผงอก ท่อนแขนต้นขา มันสมบูรณ์แบบราวนักกีฬาผู้ฟิตร่างกายอยู่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะหน้าท้องอันมีกล้ามเนื้อขึ้นเป็นลอน มีขนสีเข้มรำไรลับหายไปยังกางเกงว่ายน้ำสีขาว

อีกส่วนที่เธอไม่ได้ตั้งใจจะมองทว่ามันนูนเด่นใหญ่โตดุนดันผ้าแนบเนื้อที่เขาสวมอยู่อย่างชัดเจน อาจจะเพราะมันกำลังผงาดง้ำเต็มที่แต่เธอเข้ามาขัดจังหวะ เลยอวดอ้างความยิ่งใหญ่ให้เห็นเป็นพิเศษ

แก้มนวลใสแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้…

บ้าจริง ทำไมเขาไม่สวมเสื้อคลุมก่อนที่จะเดินเข้ามาหาเธอนะ !

แถมท่าทีที่เขากำลังเยื้องย่างเข้ามาหา มันคล้ายราชสีห์กำลังเดินมาตะครุบเหยื่อที่ไม่มีทางหนี มันทำให้เธอรู้สึกวูบวาบแปลก ๆ

แต่อวัศยาก็พยายามบังคับสีหน้าให้เป็นปกติ อย่างไรเสียเขาก็เป็นผู้มีพระคุณอย่างยิ่งของเธอและครอบครัว

เขาเดินเข้ามาใกล้ หยุดยืนที่ระยะห่างจากเธอราวหนึ่งเมตร เขาสูงใหญ่มากจนใบหน้าของเธออยู่ที่เพียงระดับหน้าอกเท่านั้น เธอยกมือขึ้นกระพุ่มไหว้ และเอ่ยทักทายเขาอย่างสุภาพ

“ สวัสดีค่ะคุณอัคคี ” ก่อนจะเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ตามมารยาท

อีกฝ่ายถอดแว่นกันแดดที่สวมออกด้วยมือขวาแล้วก้มลงมองเธอบ้าง ก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยทักทาย

“ สวัสดีครับ ” หญิงสาวชะงักงันทันทีที่ได้เห็นใบหน้าเขาชัดเจน ดวงตากลมโตเบิกกว้าง

เส้นผมสีน้ำตาลเข้มเปียกลู่แนบไปกับศีรษะทุยได้รูป ปีกคิ้วเข้มราวอินทรีย์สยายปีกกางอยู่บนดวงตาสีอำพัน อันมีแพขนตางอนชนิดผู้หญิงบางคนอายประดับอยู่ จมูกโด่งเป็นสันสวย รับกันดีกับริมฝีปากหยักโค้งได้รูปเสมอเหมือนยกยิ้มตลอดเวลา ใบหน้ายาวที่มีตอเคราเขียวล้อมรอบรกครึ้ม มันเป็นความเหมาะเจาะราวสวรรค์ปั้นแต่ง ที่ตราตรึงทุกสายตาแห่งอิสตรี

แต่สำหรับอวัศยาหาใช่เช่นนั้นไม่ เหตุที่เธออ้าปากค้าง ตะลึงมองคนตรงหน้า เพราะเธอกำลังตรวจสอบว่าหางคิ้วข้างขวาของบุรุษเบื้องหน้ามีรอยแผลเป็นจาง ๆ อยู่หรือไม่ หนวดเคราที่ขึ้นปกคลุมปลายคางมีรอยบุ๋มเล็ก ๆ ตรงกลางหรือเปล่า ตรงที่เธอชอบใช้นิ้วจิ้มมันและล้อว่านั่น เขามีตูดน้อย ๆ บนใบหน้า แม้ว่าตอนนี้เขาจะตัดเซ็ทเป็นผมสั้นรองทรงตามยุคสมัยแทนผมยาวประบ่าในตอนนั้น

วันเวลาหมุนเวียนผันเปลี่ยนไปร่วมสิบปี แต่เธอไม่เคยลืม…

เธอจะลืมใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มราวรูปสลักด้วยความมีเชื้อชาติตะวันตกผสมผสานในยีนส์ครึ่งหนึ่งได้อย่างไร ในเมื่อคนคนนี้วิ่งวนอยู่ในห้วงคำนึงตลอดเวลา

ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึง ไม่มี…

อวัศยายิ้มกว้างอย่างแสนสุข น้ำตารื้นคลอหน่วย ก่อนเอ่ยเรียกคนตรงหน้า

“ ไฟ… นายไฟใช่ไหม ! ” ทว่าเขายังยืนนิ่ง คิ้วเข้มถูกเลิกขึ้นข้างหนึ่งคล้ายสงสัย เธอจึงรีบพูดซ้ำ

“ นี่หมอกเอง ไฟจำหมอกได้หรือเปล่า ” ใบหน้าคมสั้นยังคงนิ่งยากที่จะคาดเดาอารมณ์เธอรีบอธิบายต่อ

“ เราเจอกันที่หมู่บ้านของไฟไง หมู่บ้านเนินศิลาที่หมอกชอบไปกินขนมกลอยนึ่งใส่ฟักทองของยายใบ ยายของไฟ เราช่วยกันโม่แป้งหยอดขนมครก ช่วยกันปั้นข้าวเหนียวชุบไข่กับเกลือแล้วจี่บนเตาไฟ ไหนจะเผาข้าวหลามอีก ไฟจำได้หรือเปล่า ” เธออธิบายด้วยแววตาเปล่งประกายแสนสุข ทว่าสายตาที่คนตรงข้ามมองมานั้นช่างว่างเปล่า ประกายอย่างว่าจึงค่อยถดถอยและแห้งเหือดในที่สุด เมื่อเสียงทุ้มเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มนิด ๆ

“ ผมไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน ” อวัศยาส่ายศีรษะช้า ๆ

“ เป็นไปไม่ได้ นายไฟลืมสายหมอกแล้วเหรอ ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset