เปลวไฟในม่านหมอก – ตอนที่ 38 ผัวหนูเองค่ะหมอ

ทว่าโชคไม่ได้เข้าข้างเขาในครั้งนี้ เพราะขณะกำลังขับขี่รถดูคาติโดยมีสาวขาวอวบที่นั่งซ้อนท้าย ทั้งกอดทั้งบดเบียดเสียดสีจนเขาอยากจะจอดรถแล้วขึ้นขี่ข้างทางให้รู้แล้วรู้รอด พลันก็มีเสียงปังดังขึ้นด้านหลัง พร้อมทั้งรถจักรยานยนต์ที่ขับตามมาสามคัน

ทั้งคู่สะดุ้งเฮือก หมอหนามเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ

“ เฮ้ย อะไรวะน่ะ พวกนั้นยิงปืนใช่ไหม ใครวะ ” สาวสวยด้านหลังยิ้มแหย ๆ ก่อนตอบ

“ ผัวหนูเองค่ะหมอ ” หมอหนามตาเหลือก

“ ฮะ ! ไหนบอกว่าไม่ได้อยู่ด้วยกัน ผัวไปทำงานไง ”

“ ก็ไปทำงาน เก็บลำไยที่สวนข้างบ้านนั่นล่ะจ้ะ ”

“ เหี้ยแล้วไหมล่ะ ไอ้ผมก็นึกว่าไปทำงานในเมือง ”

ปัง !

เสียงปืนดังอีกนัด เป็นลูกซองยาวชนิดที่ชาวบ้านไว้ยิงนกหนู แต่ขึ้นชื่อว่าปืน ถ้าโดนละก็ไปทัวร์นรกได้เหมือนกันหมด

โดยเฉพาะหมอหนาม สวรรค์คงไม่ต้องพูดถึง กระทะทองแดงแน่ ๆ !

“ จอด ! ถ้าบ่อจอดกูจะยิงให้ไส้แตกทั้งคู่เลย ” เสียงตะโกนมาจากด้านหลัง

“ เอาไงดีวะเนี่ย ! ”

“ หมอ อย่าจอดนะ ถ้าจอดมันกระทืบหนูตายแน่ ”

“ อ้าว ถ้าไม่จอดก็ถูกยิงตายอยู่ดี ผัวเธอมีปืนนะ ”

“ บ่อเอา ๆ บ่อจอด ”

ขณะกำลังถกเถียงกัน เสียงปืนก็ดังขึ้นอีกนัด พร้อมกับการที่รถของหมอหนามเอียงวูบด้วยว่าล้อหลังถูกยิง ก่อนจะเซเสียหลักลงไปข้างทาง พวกนั้นจอดรถแล้ววิ่งมาที่ทั้งคู่ทันที หนึ่งในผู้ชายห้าหกคนที่ถือปืนหน้าตาถมึงทึง เดินเข้าไปกระชากน้องกลอยใจขึ้นมาแล้วซัดด้วยหลังมือไปทีหนึ่งบนใบหน้า

เพี้ยะ !

“ ลูกยังบ่อขวบนอนเปลอยู่บ้านให้อุ๊ยไกวให้ ผัวไปทำงานในสวนหาเงินงก ๆ เสือกแฮ่นไปหาป้อจาย อีสลิดดก อีแฮ่น อีจ๊าดหมา ! ”

หมอ หมอเปิ้นล่อลวงน้องมา หาว่าน้องเป็นหลาย บ่อมีเครื่องมือมานำ เลยต้องซ้อนรถเครื่องไปตรวจถึงที่พัก ” น้องกลอยใจยกมือไหว้ผัวปะหลก ๆ พร้อมตอแหลใส่ร้ายหมอหนามที่ตาเหลือกด้วยความตกใจ

“ อ้าวน้องสาว ทำไมพูดหมา ๆ อย่างนี้ล่ะ ก็น้องเองไม่ใช่เหรอที่มานั่งรอพี่ไม่ยอมกลับบ้าน โกหกพี่ว่าผัวไม่อยู่บ้าน ”

“ หมออย่ามาใส่ร้ายหนูนะ ”

“ พอ ! พอทั้งคู่ ไปอีกลอย ปิ๊กบ้านกับกู ไปสังคายนากันตี้บ้าน ส่วนมึงไอ้หมอสารเลว ได้ข่าวว่ามึงหาเลาะฟันเมียชาวบ้านมาหลายทีแล้ว กูว่ามันเหมิดเวลาของมึงแล้ว บ่อต้องรอเวรรอกรรมเพราะกว่ามึงจะตายคงเลาะหาฟันอีกหลายคน กูนี่ละจะส่งมึงไปนรกเอง ”

ว่าพลางเดินย่างสามขุมเข้าหาแล้วเล็งปืนไปยังหมอหนามที่นั่งตาเหลือกตัวสั่น แล้วเสียงปัง ๆๆ ก็ดังขึ้น หมอหนามสะดุ้งเฮือกหงายหลังลงกับพื้นพลางหลับตาปี๋ ในวาระสุดท้ายของชีวิตเขาร้องเรียกชื่อคนคนหนึ่งออกมาที่เขารักสุดชีวิต

“ ย่า ย่าจ๋า ! ”

พลันเขาได้ยินเสียงบีบแตร เสียงรถเบรกเอี๊ยดอ๊าด เสียงวิ่งตุ้บตั้บโกลาหล เสียงรถจักรยานยนต์สตาร์ทแล้วเร่งเครื่องจากไป คงเป็นพวกนั้นที่เมื่อสังหารเขาแล้วก็ต้องหนีตามระเบียบ ส่วนไอ้เสียงรถยนต์นั่นก็คงเป็นเหล่าตำรวจไม่ก็รถร่วมกตัญญูที่มาเก็บศพเขากระมัง

ทว่ายิ่งนาน หูของเขาก็ได้ยินทุกอย่างชัดเจนขึ้น รู้สึกว่ามีคนตบที่ใบหน้าเบา ๆ พร้อมเรียก

“ เฮ้ย ไอ้หมอเถื่อน เป็นไรปะเนี่ย หมอ หมอ ! ” เขาค่อย ๆ ลืมตา จึงทำให้เห็นคนตรงหน้าชัดเจน

“ ไอ้คุณอัปปรีย์ ”

“ นี่ปากเหรอ รู้งี้ไม่ช่วยซะก็ดี ปล่อยให้พวกแม่งรุมกระทืบให้ตายคาตีน ” เขาว่าพลางลุกขึ้นยืน หมอหนามรีบขอโทษขอโพย

“ ขอโทษ ๆ มันเคยปากน่ะ ช่วยผมหน่อยนะ กลัวมันจะกลับมาซ้ำ ”

“ มันคงไม่กล้ากลับมาหรอก ผมยิงขู่ไปสามนัด เออ แต่ก็ไม่แน่เนอะ เกิดอาฆาตแล้วเลี้ยวรถกลับมาก็เป็นได้ ว่าแต่ไปทำอะไรให้เขาแค้นล่ะ เห็นมีผู้หญิงด้วย อย่าบอกนะว่าไปฉุดเมียชาวบ้านเขามาน่ะ ”

“ อย่าพึ่งซักตอนนี้เลยน่า เอาผมขึ้นรถก่อนเถอะ มอเตอร์ไซค์ผมถูกยิงที่ล้อ ”

“ แล้วลุกไหวหรือเปล่า ” หมอหนามลองขยับ นิ่วหน้า แต่ก็ยังฝืนพยักหน้า

“ ไหว คงไม่ได้เป็นไรมาก มีแค่แผลถลอกตอนรถไถลลงมาเฉย ๆ ” อีกฝ่ายจึงเข้ามาพยุง

“ ค่อย ๆ ลุกละกัน เดี๋ยวผมช่วย ดีนะที่ขับมาทางนี้พอดี เห็นชาวบ้านแถวนั้นบอกมีสวนผลไม้จำพวกแก้วมังกรกับลำไยอยู่ด้านใน ว่าจะซื้อไปฝากหมอก ” เขาว่าด้วยน้ำเสียงและสีหน้าปกติ พลางพยุงคนเจ็บไปนั่งบนรถ

“ งั้นเดี๋ยวหมอไปพักที่พักผมก่อนก็แล้วกัน ตอนนี้ทุกอย่างกำลังร้อน เกิดกลับไปที่พักตัวเอง พวกมันก็ตามยิงถูกที่ ส่วนเรื่องรถเดี๋ยวผมโทรให้ลูกน้องประสานงานให้ ”

หมอหนามได้แต่นั่งเงียบ ๆ ไม่ได้ตอบอะไร พลางลอบมองเสี้ยวหน้าคนข้าง ๆ เป็นบางครั้ง กระทั่งถึงที่พัก อีกฝ่ายก็พยุงเขาเข้าไปนั่งบนเตียง

“ ค่อย ๆ นะ บนรถผมมีชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นเล็ก ๆ เดี๋ยวผมเอามาให้หมอทำแผลตัวเองละกัน ”

ไฟว่าพลางเดินออกจากห้อง สักพักก็กลับเข้ามาพร้อมกล่องเล็ก ๆ ในมือแล้วยื่นให้เขา หมอหนามรับมาแล้วจัดการทำแผลให้ตัวเอง เอ่ยอ้อมแอ้มอยู่ในคอเบา ๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset