เปลวไฟในม่านหมอก – ตอนที่ 39 คุณน่ะเถื่อนกว่าผมสิบเท่า !

“ ขอบคุณนะที่ช่วยผม ” อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไร แต่เดินไปนั่งเก้าอี้ที่มุมห้อง

“ คุณไม่โกรธผมเหรอที่ไปยุ่งกับหมอก ”

“ โกรธสิ ”

“ แล้วช่วยผมทำไม ”

“ เพราะผมมีความเป็นมนุษย์ รู้ว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ ผมไม่อาจปล่อยให้คนคนหนึ่งตายต่อหน้า ”

“ โอ้โฮ พูดซะผมเลวเลย อะไรควร อะไรไม่ควร ”

“ ผมพูดความจริง แล้วไอ้เรื่องที่คุณไปยุ่งกับหมอก ผมก็โกรธ แต่ผมมั่นใจว่าหมอกไม่มีทางรักผู้ชายคนไหนได้ นอกจากผม ”

“ โอ้โห โคตรมั่นหน้า ” อีกฝ่ายยักไหล่

“ อยู่แล้ว เพราะผมก็รู้สึกแบบนั้นไม่แพ้เธอเลย ” หมอหนามเงียบไป ก่อนเอ่ยขึ้นเบา ๆ

“ เสียใจด้วยนะเรื่องยายของคุณ ”

“ อะไรนะ ! นี่หมอรู้ได้ยังไง ” นายไฟถามอย่างตกใจ

“ เมื่อเช้าผมไปหาหมอกหลังคุณ เจอจดหมายคุณวางอยู่บนโต๊ะ ผมก็เลยแอบอ่าน ”

“ ให้ตาย คุณนี่ไร้มารยาทฉิบหาย ”

“ แล้วผมก็ไม่ได้เอาจดหมายให้หมอก ”

“ อ้าว ! ” ไฟว่าพร้อมผุดลุกขึ้นแล้วย่างสามขุมเข้าหา หมอหนามโบกไม้โบกมือห้ามพัลวัน

“ เฮ้ย ๆ อย่าทำอะไรผมนะ ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว ก็ตอนนั้นผมยังคิดไม่ได้นี่นา กลับไปนั่ง ไปนั่งที่ก่อน เดี๋ยวผมจะช่วยคุณให้คืนดีกับหมอก โอเคไหม ”

นั่นล่ะ อีกฝ่ายจึงได้ถอยหลังกลับไปนั่งตามเดิม แต่ใบหน้าก็ยังถมึงทึง

“ ถ้าเรื่องเป็นอย่างในจดหมายจริง ๆ… ”

“ จริงทุกอย่าง ผมไม่ได้ตอแหลเหมือนคุณ ” ไฟชิงพูดแทรกขึ้นมาทั้งที่หมอหนามยังพูดไม่จบ

“ เออ ๆ ก็ได้ ที่ผมสะเทือนใจที่สุดคือ ผมเองก็ไม่มีพ่อแม่ ท่านตายตั้งแต่ผมยังเด็ก คุณย่าเลี้ยงผมมาคนเดียว ผมจึงรู้ว่าคุณต้องรู้สึกแย่มาก ที่โดนพ่อของคนที่ตัวเองรักฆ่ายายของตัวเอง โดยที่เข้าใจว่าคนรักร่วมมือด้วย ผมเข้าใจคุณนะอัป เอ่อ คุณอัคคี ”

ของผมคือไฟ เรียกไฟก็ได้ อัคคีคือชื่อที่เปลี่ยนทีหลัง จะได้เลิกเรียกผมว่าอัปรีย์เสียที ”

“ เออนั่นแหละ คุณไฟ ผมว่าถ้าเป็นผม ผมแม่งเอาไฟไปเผาแม่งให้ตายห่าทั้งหมดเหมือนกัน ”

“ ตอนนี้สิ่งสำคัญคือทำยังไงให้เรากลับมาเข้าใจกันได้อีกครั้ง เราต้องเยียวยาบาดแผลของแต่ละฝ่ายที่ได้รับมาอย่างสาหัส หมอกเองก็คิดว่าผมวางยาฆ่าพ่อของเธอ ผมยอมรับนะว่าผมเกลียด แต่ผมสาบานว่าไม่ได้ฆ่า ”

“ มันไม่ยากหรอกไอ้เรื่องจะปรับความเข้าใจน่ะ ”

หมอหนามหรี่ตาอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนตอบ

“ ผมมีวิธีของผมละกัน คุณคอยเล่นตามบทละกัน ” นายไฟจ้องมองเขาด้วยสายตาเอ็กซเรย์ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า

“ แล้วผมจะไว้ใจคุณได้ยังไง ”

“ ปั้ดโถ่ ผมก็ไม่ได้เลวและโง่ถึงขนาดดูไม่ออกหรอกนะว่าหมอกไม่ได้รักผมแต่รักคุณ เซียนผู้หญิงอย่างผมมองปราดเดียวก็รู้ สายตาและรอยยิ้มของหมอกที่มีให้ผมมีแต่ความว่างเปล่า เออ ถ้าไม่มีคุณเข้ามาผมว่าระหว่างผมกับเธอก็อาจจะเป็นไปได้ แต่นี่คุณเสือกโผล่มาทำไมไม่รู้ อีกอย่างคุณก็ช่วยชีวิตผมไว้วันนี้ ถือซะว่าผมจะช่วยคุณเป็นการตอบแทนละกัน โอเค้ ไว้ใจผมนะ ” หมอหนามว่าพลางยกมือขึ้นข้างหนึ่ง อีกฝ่ายลุกจากโต๊ะมาประสานมืออย่างแรง จนคนเจ็บร้องโอดโอย

“ โอ๊ย จะบีบทำไมแรงนักวะ คนยิ่งมือถลอก ”

“ บีบให้รู้ว่าอย่าตุกติกกับผม เพราะถ้าคุณไม่ทำตามสัญญาหรือล่วงเกินหมอกแม้ปลายนิ้วล่ะก็ คุณไม่ได้อยู่ดูแลคุณย่าแน่ แต่จะต้องเป็นผีหมอเฝ้าดอยอยู่ที่นี่แหละ ” หมอหนามเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาสีอำพันคู่นั้นแล้วเสียวสันหลังวาบ รีบกระตุกมือกลับมาวางบนตักทันที

“ ว่าแต่ผมเถื่อน คุณน่ะเถื่อนกว่าผมสิบเท่า ! ”

“ อะไรนะ หมอกไม่อยู่บ้านตั้งแต่คุณกลับมาจากไปวิ่งตอนเช้างั้นเหรอ แล้วหมอกจะไปไหนได้ ! ”

นายไฟเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิดหลังจากได้รับโทรศัพท์จากปรียาว่าจนถึงขณะนี้หมอกยังไม่กลับมาที่บ้านเลย

“ ฉันโทรหาหมอกไม่ติด ได้แต่เดาเอาว่าเธอคงไปให้น้ำเกลือกับหมอหนามอย่างเคยค่ะ ” อีกฝ่ายตอบกลับเสียงอ่อย ๆ

“ ไม่ใช่ หมอกไม่ได้อยู่กับหมอหนาม ”

“ ทำไมคุณไฟรู้ล่ะคะ ” หมอหนามโบกไม้โบกมือพัลวันเป็นสัญลักษณ์ให้อีกฝ่ายอย่าบอกความจริง

“ ผมแค่เดาเอา ”

“ อาจจะอยู่กับหมอหนามนั่นแหละค่ะ คุณไฟมารับฉันไปดูด้วยกันดีไหมคะ ”

“ เอ่อ ไม่เป็นไร เอาไว้ผมค่อยเข้าไปละกัน แค่นี้นะครับ ” นายไฟรีบกดวางสาย หมอหนามรีบเอ่ยขึ้น

“ ผมรู้ว่าหมอกอยู่ที่ไหน ”

“ อยู่ที่ไหน ”

“ วัดที่ห่างจากบ้านราวกิโลหนึ่ง วันแรกที่หมอกมาผมก็เจอเธอระหว่างเดินทางกลับจากวัดโดยบังเอิญ ผมเลยอาสาไปส่งเธอที่บ้าน เลยได้รู้จักกัน ”

“ ผมจะไปหาหมอกที่นั่น ”

“ อย่าพึ่งบุ่มบ่ามสิวะ ไปตอนนี้ก็ไม่ได้อะไร หมอกยังร้อนอยู่ เดี๋ยวผมต้องหารถมอเตอร์ไซค์มาใช้แทนคันเก่าไปก่อน จะได้มีวิธีไปหาหมอก ขืนให้คุณไปส่งเดี๋ยวหมอกสงสัยเอา ”

“ ลูกน้องผมประสานงานเรียบร้อย ร้านในตัวเมืองกำลังส่งรถยนต์มาเอารถคุณไปซ่อม แล้วจะเอารถมาให้คุณใช้ไปพลาง ๆ ก่อน ”

“ โห คุณนี่มันสุดยอดจริง ๆ ว่ะ รวยมากใช่ไหมเนี่ย ถึงได้บันดาลทุกอย่างได้ไวราวกับดีดนิ้วแบบนี้ ต้องรวยมากอยู่แล้วถึงได้ไม่ทำมาหากิน มานั่งหายใจทิ้งเฝ้าง้อผู้หญิงแบบนี้ ”

“ ใช่ ผมรวยมาก แต่ผมไม่เคยมีความสุขที่แท้จริงเลยแม้แต่วินาทีเดียวที่ไม่มีหมอก ไม่มียายอยู่ข้างกาย ผมมีแต่ความทุกข์ทรมานกับความคั่งแค้นกัดกินหัวใจ มันต่างจากวันที่ผมอยู่ในบ้านที่ยากจนมากกับยายที่ผมรัก และมีผู้หญิงที่ผมรักมากอีกคนนั่งอยู่ข้าง ๆ กินข้าวเหนียวกับปลาย่างที่ผมไปหว่านแหขึ้นมาด้วยกัน อาหารไม่หรูหรา แต่ว่าโคตรมีความสุข ” เขาว่าพลางเหม่อมองไปด้านนอก

“ เอาน่า ถ้าหมอหนามได้ลงมือ รับรองว่าไม่พลาด ”

“ ผมไม่รู้จะเชื่อใจคุณได้แค่ไหน ”

“ เชื่อหมอ หมอรู้ หมอเรียนมา ! ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset