เปลวไฟในม่านหมอก – ตอนที่ 4 สิบปีที่เฝ้ารอ

อวัศยาจ้ำเท้าพรวด ๆ ให้ถึงเรือนพักอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เธอเปิดประตูก้าวเข้าไปในห้องพักของตนกับคุณพ่อ พบว่าเขาหลับไปแล้ว ด้วยห้องพักเป็นห้องเดี่ยวขนาดหกคูณหกเมตร แถมกินพื้นที่จากห้องน้ำในตัว เธอจึงเลือกที่จะเดินไปยังระเบียงตากผ้าด้านหลังห้องแล้วทรุดตัวลงนั่งพิงฝาผนัง ปล่อยให้น้ำตาไหลพร่างพรูแล้วปิดปากไว้แน่น กลัวเสียงสะอื้นจะไปรบกวนพ่อผู้หลับใหลให้ตื่นขึ้น

สิบปี สิบปีที่เธอเฝ้ารอ และไม่เคยปล่อยให้ใครกล้ำกรายเข้ามาในหัวใจ เพราะเชื่อเสมอว่าสักวันจะได้พบเขาอีกครั้ง เพื่อที่จะพบสายตาว่างเปล่ากับคำพูดเย็นชาว่าเขา ‘ ไม่เคยรู้จัก ’

หรือเขาอาจจะไม่ใช่ ‘ นายไฟ ’ ไม่ใช่จริง ๆ ก็ได้ แม้ว่าชื่อ ‘ อัคคี ’ มันจะมีความหมายเดียวกันก็ตามที

ไม่หรอก เป็นไปไม่ได้ แม้ว่าเขาจะตัวสูงขึ้น กำยำล่ำสันขึ้น คมเข้มขึ้น เปลี่ยนทรงผมใหม่ ทว่าเธอยังมั่นใจว่าเขาต้องเป็นคนคนเดียวกับนายไฟ หนุ่มผมยาวที่มีรอยยิ้มประทับอยู่บนใบหน้าเสมอคนนั้นของเธอได้

นายไฟที่บอกว่าจะรักสายหมอกคนนี้คนเดียวไปตลอดทั้งชาติ…

แล้วถ้าเขาเป็นนายไฟจริง ๆ มีเหตุผลอะไรล่ะที่จะปฏิเสธและทำเป็นไม่เคยรู้จัก

อาจจะเป็นเพราะเธอสิ้นเนื้อประดาตัว อับจนหนทาง และตอนนี้เขากลายเป็นเศรษฐีหนุ่มผู้ร่ำรวยกระมัง เลยรังเกียจเดียดฉันท์ กลัวว่าเธอจะมาปอกลอกหรือเกาะเขากิน

บ้า ไม่จริงหรอก นายไฟของเธอไม่ใช่คนแบบนั้น

นายไฟของสายหมอก…

อวัศยาทะเลาะกับตัวเองไปมาอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน เธอหลับตาเอนกายพิงผนังอย่างอ่อนล้าและผล็อยหลับไปในที่สุด

โดยมีสายตาคมจ้องมองไม่ลดละมาจากสวนด้านหลัง เขายืนกอดอกพิงกายไปยังต้นไม้ใหญ่ ไม้ดอกไม้ประดับนานาพันธุ์ที่คนสวนดูแลมันเป็นอย่างดีเร้นกายใหญ่ให้พ้นไปจากสายตาหญิงสาว หรือไม่เธอก็มั่วแต่จดจ่อคร่ำครวญร่ำไห้จนไม่สนใจสิ่งอื่น จึงไม่ทันเห็นว่าตกเป็นเป้าสายตาของคนบางคน

เสี้ยววินาทีหนึ่งที่ดวงตาคมเกิดประกายน้ำรื้น ทว่ามันเหือดหายไปแทบจะทันที ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความเย็นชาเกลียดชัง แล้วค่อยหมุนตัวหันหลังเดินจากไป

***

“ นายอัคคี เจมส์ เฟดเดอร์ริก หนึ่งในลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ เจมส์ โอลิเวอร์ เฟดเดอร์ริก นักธุรกิจและมาเฟียเชื้อสายแคนาดาและดูไบ เจ้าของเจแอลกรุ๊ป บริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุน โบรคเกอร์หุ้น อสังหาริมทรัพย์ บ่อน้ำมัน คาสิโน และธุรกิจใต้ดินอีกจิปาถะทั่วโลก ” ปรียา หรือเปรียว หญิงสาวหน้าหมวยสวมแว่นตาหนาเตอะอ่านข้อความที่พึ่งค้นพบจากกูเกิ้ลให้เพื่อนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามฟัง

“ โอ้โฮ แบบนี้ก็รวยเป็นบ้าเลยสิวะ พ่อของนายเจมส์ ก็คือนายซาอีฟ อัล มาราซูนี่ย์ มหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจน้ำมันในดูไบ ที่มีภรรยาตามกฎหมายสี่คน บ้านเล็กบ้านน้อยไม่นับ ก็แหงล่ะสิ รวยซะขนาดนั้น จะมีเมียสักร้อยลูกสักพันก็คงไม่เดือดร้อน ” เธอพูดกับเพื่อนรัก อวัศยาขมวดคิ้ว

“ มันจะเป็นไปได้เหรอเปรียว ที่คนสองคนจะเหมือนกันอย่างกับแกะ ฉันสาบานว่าเห็นรอยแผลเป็นที่หางคิ้วของเขาด้วย แผลเป็นที่ฉันเป็นคนฟาดเขาด้วยกระบอกข้าวหลามจัง ๆ เพราะตกใจที่เขาแอบจ๊ะเอ๋ แถมคางก็บุ๋มเหมือนกันอีก เอาล่ะ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ผมยาวเหมือนเก่า แต่ใบหน้านั้นฉันจำมันได้แม่นทุกรายละเอียด ”

“ โอ๊ย ยัยหมอก ไอ้คางบุ๋มเนี่ยใครก็บุ๋มได้หรือเปล่า ยิ่งพวกฝรั่งมังค่าเนี่ยเป็นเรื่องปกติ ส่วนแผลเป็นมันก็อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญแหละ แกคิดมากไปหรือเปล่า เห็นไหมคิดอะไรทำร้ายตัวเองชัด ๆ นี่คงร้องไห้ขี้มูกโป่งเลยล่ะสิ ตาช้ำมาเชียว ” ปรียาจ้องหน้าเพื่อนรักเขม็ง อวัศยารีบยกแว่นกันแดดขึ้นมาสวมบดบัง

“ ไม่ต้องมาใส่แว่นดำปกปิด ฉันเห็น แล้วฉันก็เป็นเพื่อนแกมาตั้งแต่อนุบาลหนึ่ง ไม่มีอะไรเกี่ยวกับแกที่ฉันจะไม่รู้ จะหายใจจังหวะไหนฉันยังเดาออกเลย แล้วนี่ แกดูนะ ” เธอว่าพลางกดเพลย์คลิปหนึ่งให้เพื่อนรักดู

Comment

Options

not work with dark mode
Reset