เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ – ตอนที่ 103 เธอกู้ได้ไหม

ด้วยฝีมือของฉินหร่านแล้ว จะให้เธอสมใจได้อย่างไร

 

 

เธอถอยไปหนึ่งก้าว ร่างกายก็เอียงไปด้านข้างเล็กน้อย

 

 

แทบจะในเวลาเดียวกัน เฉียวเซิง สวีเหยากวงและผู้อำนวยการติงต่างยื่นมือไปห้ามฉินอวี่

 

 

สวีเหยากวงจดจ้องไปทางฉินอวี่ “ฉันให้คนไปดูกล้องวงจรปิดแล้ว”

 

 

ฉินอวี่เม้มปาก “นายไม่เชื่อใจฉัน”

 

 

ฉินอวี่ทนได้ที่เฉียวเซิงเข้าข้างฉินหร่านตั้งแต่แรก แต่เธอคิดไม่ถึงว่าสวีเหยากวงที่ยืนอยู่ฝั่งเธอตลอดจะไม่เชื่อใจเธอ

 

 

แล้วก็หัวหน้าฝ่ายวิชาการด้วย

 

 

ผู้ซึ่งมีอำนาจมากที่สุดทั้งสามคนในห้องแต่งหน้านี้แทบจะยืนอยู่ฝั่งฉินหร่านกันหมด

 

 

การแสดงออกจากจิตสำนึกของพวกเขา เหมือนกับฝ่ามือล่องหนที่ตบลงบนหน้าฉินอวี่อย่างแรง

 

 

ดวงตาของสวีเหยากวงหลุบลง สายตาก็เย็นชาเหมือนกัน แทบจะไม่เจือด้วยอารมณ์อื่น ๆ “รอกล้องวงจรปิดมาแล้วค่อยว่ากันก็ไม่สาย”

 

 

ผู้อำนวยการติงยืนเงียบอยู่ด้านข้าง

 

 

เขาแค่เพียงมองฉินหร่านแวบหนึ่ง จำได้ว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่เป็นจุดสนใจในงานกล่าวสุนทรพจน์เมื่อครั้งก่อน

 

 

เขามีความทรงจำต่อเรื่องในวันนั้นเล็กน้อย

 

 

เพราะอย่างนั้นเขาก็จำเรื่องที่ฉินอวี่จงใจบอกเขาว่าฉินหร่านทำบทหาย ก่อนที่เธอจะเริ่มกล่าวสุนทรพจน์ได้เช่นกัน

 

 

เขาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายวิชาการมาหลายปีแล้ว แน่นอนว่าเข้าใจเล่ห์กลระหว่างพวกเด็กผู้หญิงได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

 

 

และรู้ว่าความคิดของฉินอวี่ไม่ได้บริสุทธิ์ขนาดนั้น

 

 

ตอนที่ฉินอวี่ตบหน้าฉินหร่าน เขาก็เลยยื่นมือบังไว้

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน

 

 

บริเวณปากทางข้างโรงเรียน

 

 

เฉิงเจวี้ยนปรือตาที่หลับอยู่ขึ้นมากะทันหัน

 

 

เขาหยิบมือถือมาดู เลยเวลาห้าโมงยี่สิบนาทีพอดี

 

 

ลดหน้าต่างรถยนต์ลงแล้วมองไปทางปากทาง บริเวณนั้นมีนักเรียนค่อนข้างมาก มีแต่ผู้คนเดินไปเดินมา

 

 

ร่างกายของฉินหร่านมีออร่าพิเศษไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม กวาดตามองไปก็สามารถมองเห็นเธอท่ามกลางฝูงชน

 

 

แต่เห็นได้ชัดว่าเวลานี้ไม่มีเธออยู่ในฝูงชน

 

 

เฉิงเจวี้ยนถือโทรศัพท์ไว้ เปิดประตูลงจากรถ

 

 

เฉิงมู่ติดตามเฉิงเจวี้ยนอยู่เสมอ เมื่อเห็นเขาลงรถ ก็วางมือไว้บนประตูรถเช่นกัน

 

 

“ฉันว่านะ” ลู่จ้าวอิ่งกำลังเล่นเกมอยู่ เห็นว่าเฉิงมู่อยากจะลงรถเหมือนกัน จึงอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว “นายคิดให้ดีล่ะ ท่านเจวี้ยนของพวกนายอยากให้นายไปกับเขาหรือเปล่า”

 

 

เฉิงมู่ “…”

 

 

เขาวางมือลงแล้วกลับไปนั่งตรงที่นั่งคนขับด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

 

 

ขาทั้งสองข้างของลู่จ้าวอิ่งไขว้กันเล็กน้อย เล่นเกมเสร็จหนึ่งตาแล้วเพิ่งจะเริ่มตาใหม่

 

 

เขาช้อนตาขึ้น เห็นผู้หญิงผมสั้นคนหนึ่งเดินอยู่ริมทางอย่างเชื่องช้า เธอก้มศีรษะ สวมแว่นตา ให้ความรู้สึกหดหู่มาก ๆ

 

 

ลู่จ้าวอิ่งผงะ มือจับต่างหูไว้อย่างไม่รู้ตัว จากนั้นโยนมือถือให้กับเฉิงมู่ “เล่นแทนฉันตาหนึ่ง”

 

 

 

 

ห้องแต่งหน้าของหอประชุมใหญ่ มีคนถือบันทึกกล้องวงจรปิดกลับมาแล้ว

 

 

“ผู้อำนวยการติง มีคนจงใจทำลายข้อมูลกล้องวงจรปิด” อาจารย์คนหนึ่งส่งโน้ตบุ๊กโน้ตบุ๊กให้ผู้อำนวยการติง “ถ่ายไม่ติดอะไรเลย”

 

 

 

 

หรือก็คือหาคนร้ายตัวจริงที่ทำไวโอลินของฉินอวี่เสียหายไม่ได้

 

 

เหตุการณ์ราวกับตกอยู่ในภาวะไร้ทางออกอีกครั้ง

 

 

ฉินอวี่มองฉินหร่านแล้วหัวเราะเสียงเย็น “เธอน่าจะรู้ว่ากล้องวงจรปิดไม่มีประโยชน์ตั้งแต่แรกสินะ เธอฉลาดขนาดนี้ทำไมจะไม่รู้ว่ากล้องวงจรปิดถูกทำลายล่วงหน้าแล้ว”

 

 

ผู้อำนวยการติงขมวดคิ้ว “ไม่มีหลักฐาน ฉินอวี่ เธออย่าพูดอะไรขึ้นมาลอย ๆ”

 

 

หนิงฉิงมองฉินหร่านด้วยแววตาหนักอึ้ง เธอเหมือนจะเหนื่อยแล้ว ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร จึงเอ่ยขึ้นเสียงเบาว่า “ผู้อำนวยการติง ขอโทษค่ะ นี่เป็นเรื่องในครอบครัวของพวกเรา ความขัดแย้งระหว่างเด็ก ๆ สร้างความเดือดร้อนให้พวกคุณแล้วค่ะ…”

 

 

คำพูดของเธอพูดเพื่อให้ฉินหร่านหลุดพ้นจากความผิด แต่ก็ตรึงฉินหร่านไว้บนเสาแห่งความอัปยศเหมือนกัน

 

 

คนหนึ่งคือลูกสาวที่ตัวเองอคติและไม่ค่อยชอบตั้งแต่เด็ก

 

 

คนหนึ่งคือลูกสาวที่ตัวเองเลี้ยงดูและชื่นชอบตั้งแต่เด็ก ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าหนิงฉิงจะเชื่อใครมากกว่า

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น เธอรู้เหตุการณ์เวยป๋อครั้งก่อน ฉินหร่านไม่ได้ให้อภัยฉินอวี่สักนิด

 

 

เป็นไปได้ที่ฉินหร่านจะเกิดความแค้นเพราะเรื่องนั้น

 

 

“แม่” เห็นได้ชัดว่าฉินอวี่ไม่พอใจกับการคลี่คลายปัญหาแบบนี้

 

 

ฉินหร่านก้มหน้าลง นิ้วมือหมุนหมวกแก๊ปของตัวเอง

 

 

ที่จริงคนในห้องแต่งหน้าไม่เยอะนัก

 

 

และก็ไม่ได้เสียงดังเท่าด้านนอก

 

 

แต่ในสมองของฉินหร่านเหมือนกับมีใครใช้ไม้คนราวกับแป้งเปียก เส้นประสาทที่ตึงเครียดในสมองของเธอขาดผึงแล้ว

 

 

ฉินหร่านเงยหน้าขึ้น เธอเลียริมฝีปาก มองไปทางฉินอวี่แล้วมองไปทางหนิงฉิง “ฉันสนิทกับพวกคุณเหรอ…”

 

 

เธอชินกับการไม่ปริปากพูดเด็ดขาดถ้าลงมือทำได้ ง่ายดายและหยาบกร้าน

 

 

ที่ผ่านมาพอหัวร้อนก็ถลกแขนเสื้อลงมือไปแล้ว

 

 

แต่วันนี้…

 

 

สติของเธอยังไม่ได้ขาดผึงทั้งหมด

 

 

ในขณะที่อยู่ตรงริมเส้นขีดจำกัดนี้ เธอเหมือนจะได้ยินเสียงซึ่งเจือด้วยความเกียจคร้านนิด ๆ เสียงหนึ่ง มันทุ้มต่ำเล็กน้อยทว่าเจือด้วยความอ่อนโยนอันเลือนราง…

 

 

“เกิดอะไรขึ้น”

 

 

ประตูถูกมือคู่หนึ่งเปิดออก แขนเสื้อเชิ้ตสีดำเรียบ นิ้วมือเรียวยาวขาวสะอาดราวกับหยก ทั้งสองอย่างตัดกันอย่างเห็นได้ชัด

 

 

มองขึ้นไปด้านบนคือดวงตาที่ดูราวกับดาวบนฟากฟ้า

 

 

เวลานี้แม้แต่ฉินอวี่ก็ถูกเขาทำให้นิ่งอึ้งไป

 

 

ในห้องแต่งหน้า คนที่รู้จักเฉิงเจวี้ยนจริง ๆ มีเพียงสวีเหยากวง เขาเงยหน้ามองไปทางเฉิงเจวี้ยนอย่างเหลือเชื่อ ราวกับคิดไม่ถึงว่าเขาจะมาที่นี่

 

 

ถ้าตอนนี้ฉินอวี่มองสวีเหยากวงละก็ ต้องรู้สึกตัวได้แน่นอน เพราะน้อยครั้งที่สวีเหยากวงจะมาดหลุด

 

 

ส่วนผู้อำนวยการติง

 

 

เขาไม่รู้ตัวตนของเฉิงเจวี้ยน แต่ถูกอาจารย์ใหญ่สวีกำชับอยู่หลายครั้งทั้งแบบโจ่งแจ้งและแบบลับ ๆ ว่าห้ามไปยุ่งกับคนในห้องพยาบาลของโรงเรียน

 

 

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา อาจารย์ใหญ่สวีเคยให้คนเอารูปถ่ายของบรรดาคนในห้องพยาบาลมาให้พวกผู้อำนวยการติงดู

 

 

ส่วนหนิงฉิงจำได้ว่านั่นเป็นคนที่เคยข่มขู่เธอในโรงพยาบาล จึงรู้สึกกลัวเล็กน้อย ถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัว

 

 

แน่นอนว่าเฉิงเจวี้ยนไม่ได้สนใจคนอื่น

 

 

สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของฉินหร่าน ขมวดคิ้วเพียงเล็กน้อยซึ่งแทบจะสังเกตไม่เห็น แล้วก้าวเท้าเดินไปทางฉินหร่าน

 

 

กลิ่นหอมเย็น ๆ ที่คุ้นเคย ฉินหร่านค่อย ๆ ตั้งสติได้

 

 

เฉิงเจวี้ยนไม่ได้มองเธอ สายตาหยุดลงบนร่างสวีเหยากวงซึ่งคุ้นเคยที่สุดเพียงคนเดียวในห้องแต่งหน้า

 

 

สวีเหยากวงได้สติกลับมาจากภวังค์

 

 

เขาไม่กล้ามองเฉิงเจวี้ยนเท่าไหร่ ก้มหน้าลงเล็กน้อย แล้วเล่าเหตุการณ์ซ้ำอีกครั้ง

 

 

เฉิงเจวี้ยนควบคุมบรรยากาศได้เก่ง คนในห้องไม่มีใครรู้จักเขา ทว่าต่างไปตามลำดับขั้นตอนของเขาอย่างไม่รู้ตัว

 

 

เขาก้มหน้ามองโน้ตบุ๊กที่วางอยู่บนโต๊ะแวบหนึ่ง ปลายนิ้วกดปุ่มพาวเวอร์เอาไว้ “คุณบอกว่าข้อมูลกล้องวงจรปิดถูกทำลายเหรอ”

 

 

สวีเหยากวงและผู้อำนวยการติงต่างพยักหน้า

 

 

เฉิงเจวี้ยนเคาะโน้ตบุ๊กแล้วเคาะโต๊ะ ถามฉินหร่านว่า “เธอกู้ข้อมูลนี้ได้ไหม”

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ด้วยว่าพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ยังเล็ก และ ฉินหร่าน ไม่ใช่เด็กประพฤติดี นอกจากจะไม่ตั้งใจเรียนจนผลการเรียนย่ำแย่แล้ว เธอยังหัวรั้นและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจนโดนพักการเรียนไปเป็นปี แตกต่างจาก ฉินอวี่ น้องสาวที่เป็นนักเรียนดีเด่นผู้แสนเพียบพร้อมราวฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงเลือกพาน้องสาวไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียวและทิ้งฉินหร่านเอาไว้ท่ามกลางชนบท ปล่อยให้เธอเติบโตเพียงลำพังในความดูแลของคุณยายวัยชรา สองยายหลานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบสองปี จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายเกิดป่วยหนักอาการโคม่าต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง ครอบครัวฉินจึงได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อคุณยายไม่สามารถดูแลฉินหร่านด้วยตัวเองได้ต่อไปได้อีก แม่ของเธอจึงอาสารับเลี้ยงเธอไว้แทน กระนั้นก็ยังไม่วายเหน็บแนมหญิงสาวอยู่ตลอดว่าอย่าทำตัวน่าขายหน้า ให้เอาอย่างฉินอวี่ผู้เป็นน้องบ้าง กระนั้นกลับไม่มีใครล่วงรู้เลยว่านอกจากฉินหร่านจะมีใบหน้างดงามเกินเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งตัวตนปริศนาที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ เพราะใครกันล่ะที่ทำข้อสอบกากบาททุกข้อแล้วผลคะแนนสอบจะออกมาได้เท่ากับศูนย์ในทุกๆ วิชา เธอโง่จริงๆ หรือว่าตั้งใจกันแน่… เช่นเดียวกับ เฉิงเจวี้ยน หมอหนุ่มประจำโรงเรียนที่แสนธรรมดาคนนั้น ทว่า…เขาเป็นแค่หมอประจำโรงเรียนจริงหรือ เมื่อโชคชะตานำพาให้คนสองคนที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้มาพบกัน หน้ากากของใครจะถูกกระชากออกมาก่อนนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset