เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ – ตอนที่ 143 บังเอิญจังเลย

เพราะมีนักเรียนไปกลับ ในคาบเรียนด้วยตัวเองภาคค่ำของเหิงชวน หากอาจารย์ไม่ติวควิซ จะไม่มีกฎบังคับว่าให้เข้าคาบเรียนด้วยตัวเอง

 

 

           โดยเฉพาะห้องหนึ่งกับห้องเก้า สองห้องนี้ค่อนข้างพิเศษ เด็กเส้นของทั้งโรงเรียนแทบจะกระจุกกันอยู่ในสองห้องนี้

 

 

           ต่อให้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริง พวกเขาก็ไม่กล้าเข้ามายุ่งตามใจชอบ

 

 

           คนห้องแปดได้ยินเสียงก็รีบกรูกันมา

 

 

           ได้ยินว่าห้องเก้าจะดวลกับห้องหนึ่งในอารีนาเพื่อตัดสินชะตา ตัวแทนฟิสิกส์ห้องแปดมองเหอเหวินกับพวกเฉียวเซิงนิ่งๆ “พวกนายยอมตกลงด้วยเหรอ”

 

 

           บ้าไปแล้วหรือเปล่า

 

 

           ขณะที่กำลังพูด ผู้ชายหลายคนของห้องหนึ่งก็ยกโน้ตบุ๊กมาจากหอพักแล้ว

 

 

           “นาย” เมิ่งซินหรานมองหัวหน้าห้องห้องหนึ่ง สองมือกอดอก เชิดหน้าเล็กน้อย ให้อารมณ์เย็นชา “ใช้บัญชีของฉัน”

 

 

           เรื่องหยุมหยิมแบบนี้เมิ่งซินหรานไม่ใส่ใจ เธอแค่ให้หัวหน้าห้องห้องหนึ่งใช้บัญชีของเธอแข่งกับห้องเก้าเท่านั้น

 

 

           โน้ตบุ๊กสองเครื่องวางอยู่บนโต๊ะสองตัวของห้องเก้า

 

 

           หัวหน้าห้องห้องหนึ่งล็อกอินเข้าบัญชีของเมิ่งซินหรานอย่างอดรนทนไม่ไหว

 

 

           พวกเฉียวเซิงจับจ้องบัญชีที่คนคนนั้นล็อกอินเข้าไปอย่างไม่ละสายตา

 

 

           OST เมิ่งซินหราน

 

 

           ระดับของบัญชี ‘ปรมาจารย์ (เจ็ดดาว)’

 

 

           “โอ้โห! เจ็ดดาว!” ผู้ชายหลายคนอดอุทานไม่ได้

 

 

           เมื่อถึงระดับปรมาจารย์ก็ไม่มีระดับให้ไต่ขึ้นไปอีกแล้ว ไม่ได้สิ้นสุดที่เก้าดาว แต่เป็นยี่สิบดาว แต่ในประเทศคนที่สูงกว่าสิบดาวมีน้อยมาก นักเล่นทั่วไปที่อยู่ในระดับปรมาจารย์นั้นมีไม่มาก

 

 

           ยอดฝีมือส่วนใหญ่จะอยู่ในขั้นไต้ซือ มีแค่ทีมมืออาชีพไม่กี่ทีมที่มีบัญชีระดับปรมาจารย์ห้าดาวขึ้นไป

 

 

           สมกับเป็นบัญชีของทีมมืออาชีพจริงๆ

 

 

           สีหน้าของพวกเฉียวเซิงหม่นลง

 

 

           หัวหน้าห้องห้องหนึ่งกดเปิดหน้าการ์ดตัวละครอย่างไม่รีรอ

 

 

           ซ้ายมือมีสี่แถบ

 

 

           แสดงข้อมูลอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

 

 

           การ์ดพสุธา (ครบ)

 

 

           การ์ดมนุษย์ (ครบ)

 

 

           การ์ดสวรรค์ (ครบ)

 

 

           การ์ดเทพ (1)

 

 

           มีการ์ดสวรรค์ มนุษย์ พสุธาครบหมดแล้ว สายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องที่แถบของการ์ดเทพ

 

 

           มือที่ควบคุมเมาส์ของหัวหน้าห้องห้องหนึ่งสั่นระริก จากนั้นก็กดเข้าไปที่แถบสุดท้าย

 

 

           มันเป็นการ์ดตัวละครที่มีหัวมนุษย์ร่างงู

 

 

           การ์ดเทพใบที่สองของทีม OST

 

 

           ทั้งห้องเรียนเงียบสงัดไปชั่วขณะ จากนั้นก็พากันอุทานขึ้นมา

 

 

           “ฉันว่าแล้วเชียว เป็นการ์ดเทพหนึ่งใบจริงด้วย!”

 

 

           “ที่แท้การ์ดเทพก่อนต่อสู้เป็นแบบนี้นี่เอง!”

 

 

           “…”     

 

 

           คนรอบข้างต่างก็กระซิบกระซาบกัน

 

 

           ผู้หญิงห้องเก้ารู้สึกว่าบรรยากาศไม่ชอบมาพากล จึงกระซิบถามพวกเหอเหวินกับตัวแทนฟิสิกส์ห้องแปดว่า “เมิ่งซินหรานสุดยอดขนาดนั้นจริงเหรอ”

 

 

           ตัวแทนฟิสิกส์ห้องแปดเหลือบมองผู้หญิงพวกนี้แวบหนึ่ง อธิบายเบาๆ ว่า “เมิ่งซินหรานว่าเก่งแล้ว แต่บัญชีของเธอสุดยอดกว่า รู้จักการ์ดเทพใบนั้นหรือเปล่า นั่นคือฝูซี หนี่วาชุบชีวิตให้ทีมได้หนึ่งครั้ง ท่าไม้ตายที่เด็ดที่สุดของฝูซีคือเอาถึงตายได้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีการ์ดอะไร ก็ทำให้การ์ดที่แข็งแกร่งที่สุดของอีกฝ่ายตายได้ในการโจมตีเดียว ไม่มีแม้แต่โอกาสออกโรงด้วยซ้ำ ทำไมถึงเรียกว่าการ์ดเทพ โดยเฉพาะการ์ดเทพสามใบของประเทศเราที่แม้แต่ทีมต่างประเทศก็ยังกลัว เพราะการ์ดสามใบนี้ก็คือ bug!”

 

 

           เฉียวเซิงนั่งอยู่บนโต๊ะ นัยน์ตาลุ่มลึก เดาอารมณ์ไม่ออก “เมิ่งซินหราน เธอคิดว่าใช้บัญชีของทีมมาแข่งกับพวกเรามันไม่ยุติธรรมหรือเปล่า”

 

 

           “ไม่ยุติธรรมอะไรกัน ใช้ความสามารถส่วนตัว ที่ฉันได้บัญชีของทีม OST มาครองก็คือความสามารถของฉัน การคัดสรรโดยธรรมชาติ ถ้าพวกนายมีปัญญาก็คว้าการ์ดเทพสามใบได้เหมือนกัน” เมิ่งซินหรานยังคงกอดอก เธอมองคนห้องเก้าอย่างเยาะเย้ย

 

 

           “โอ้โห!” เหอเหวินสบถ “ทั้งๆ ที่เธอรู้ว่าการ์ดเทพมีแค่ในทีมไม่กี่ทีม พวกเราไม่มีทางได้การ์ดเทพมาหรอก!”

 

 

           “เหอเหวิน ตาแรกจะให้ใครแข่ง” หัวหน้าห้องห้องหนึ่งทนไม่ไหวอยากใช้การ์ดเทพแข่งแล้ว เขาวางมือบนคีย์บอร์ด หน้าตาหาเรื่อง “กลัวแล้วละสิ”

 

 

           “ฉันแล้วกัน” เฉียวเซิงถอดเสื้อนอกออก มือยันโต๊ะลุกขึ้น

 

 

           พูดกับสวีเหยากวงโดยไม่หันมามองว่า “คุณชายสวี ยืมบัญชีนายหน่อย”

 

 

           สวีเหยากวงตอบอืม เฉียวเซิงรู้บัญชีของเขา จึงไม่ได้บอกรหัส

 

 

           เฉียวเซิงเปิดโน้ตบุ๊กที่ตรงข้ามกับหัวหน้าห้องห้องหนึ่ง วางมือลงบนเมาส์ ตึงเครียดเล็กน้อย

 

 

           อีกด้านหนึ่ง พอได้ยินพวกเขาบอกว่า การ์ด ‘หนี่วา’ สุดยอดมาก หลินซือหรานคิดว่าตัวเองฟังผิดไป จึงอ้อมไปดูทางห้องหนึ่งว่าเป็นการ์ดอะไรกันแน่

 

 

           คนที่ทำกิริยาเหมือนเธอมีไม่น้อย

 

 

           เมิ่งซินหรานยืนอยู่หลังหัวหน้าห้องห้องหนึ่ง มองเห็นด้วยหางตา แต่ไม่ใส่ใจ

 

 

           หลินซือหรานยืนอยู่ข้างหลังหัวหน้าห้องห้องหนึ่ง เห็น ‘ฝูซี’ บนหน้าจอโน้ตบุ๊กของเขาพอดี

 

 

           การ์ดตัวละครที่เธอเคยรังเกียจ เพราะว่าน่าเกลียด

 

 

           หลินซือหรานหยุดลง ชี้หน้าจอโน้ตบุ๊กของหัวหน้าห้องห้องหนึ่ง เงียบไปครู่ใหญ่แล้วพูดขึ้นว่า “การ์ดนี่สุดยอดมากเหรอ”

 

 

           ผู้หญิงส่วนใหญ่เห็นเกมท่องยุทธภพเป็นเกมแต่งตัวไม่ถือว่าเป็นความลับอะไรแล้ว

 

 

           คนห้องหนึ่งมองหลินซือหรานแวบหนึ่ง แววตาเจือความเย้ยหยัน “การ์ดเทพ เธอว่าสุดยอดไหมล่ะ”

 

 

           “สาวน้อยเธอไหวหรือเปล่า รีบกลับมา อย่าทำตัววุ่นวาย” ผู้ชายห้องเก้าดึงหลินซือหรานกลับมา “อย่ารบกวนเฉียวเซิง”

 

 

           “เปล่านะ การ์ดใบนี้ฉันก็มีเหมือนกัน” หลินซือหรานเตะผู้ชายคนนั้นไปที เป็นเชิงให้เขาปล่อยเธอ

 

 

           “เอาเถอะๆ เธอมีฉันรู้ การ์ดของเธอชื่อเมดูซาสินะ การ์ดพสุธาห้าใบที่ระบบให้ฟรี” คนห้องเก้ารู้ว่าหลินซือหรานเพิ่งเล่นเกมท่องยุทธภพเมื่อไม่นานมานี้ นอนดึกทุกวัน คาดว่าไม่เข้าใจดันเจี้ยนของเกมด้วยซ้ำ

 

 

           เหอเหวินพูดไปส่งๆ

 

 

           จู่ๆ เฉียวเซิงที่เตรียมจะล็อกอินบัญชีของสวีเหยากวงชะงักไป เขานึกอะไรขึ้นมาได้ มือที่จับเมาส์บีบแน่น

 

 

           หันมองทางฉินหร่านเล็กน้อย

 

 

           ฉินหร่านยังคงพิงผนัง ตัวเอนลงนิดหน่อย มือซ้ายถือปากกาหมึกซึม คัดลายมืออย่างเชื่องช้า

 

 

           สายหูฟังสีดำหายเข้าไปในเสื้อกันหนาวสีขาวของเธอ

 

 

           เฉียวเซิงสูดหายใจเข้าลึก หันกลับมา บีบนวดนิ้วทั้งสองข้างของตัวเอง นัยน์ตาแววโรจน์ “หลินซือหราน บัญชีของเธอคืออะไร”

 

 

           หลินซือหรานบอกตัวอักษรกับตัวเลขเป็นพรวนออกมา

 

 

           เฉียวเซิงกดลบบัญชีของสวีเหยากวงที่เขาเพิ่งพิมพ์ลงไปทีละตัว

 

 

           “เฉียวเซิง นายบ้าไปแล้วหรือไง” ตัวแทนฟิสิกส์ห้องแปดยืนอยู่หลังเฉียวเซิง กดเสียงเบา “นายคงไม่ได้เชื่อคำพูดเธอจริงๆ หรอกนะ”

 

 

           สวีเหยากวงขมวดคิ้ว จากที่เขารู้ เฉียวเซิงไม่มีทางหุนหันพลันแล่นขนาดนี้

 

 

           “เฉียวเซิง ถ้าการ์ดสวรรค์กับการ์ดเทพ พวกเราก็แข่งได้ยากมากแล้ว แต่ถ้านายใช้การ์ดพสุธาสามใบ แค่เจอหน้ากันก็จบแล้ว!” เหอเหวินก็เขยิบเข้ามา มองดูด้วยความกระวนกระวาย น้ำเสียงแหบพร่า

 

 

           ในสายตาของห้องหนึ่งกับเมิ่งซินหราน ปฏิกิริยาของพวกเฉียวเซิงกับสวีเหยากวง เป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ 

 

 

           ผู้ชายหลายคนของห้องหนึ่งเดินมาทางนี้อย่างหาเรื่อง พึมพำว่าอยากเห็น ‘การ์ดเทพฝูซี’ ของหลินซือหราน

 

 

           พอเห็นเฉียวเซิงกด enter ล็อกอินเข้าระบบ เหอเหวินก็เบือนหน้าหนีเงียบๆ

 

 

           ทำใจมองไม่ได้

 

 

           แทบจะทุกคนที่ไม่ใส่ใจ กระทั่งเฉียวเซิงล็อกอินเข้าบัญชีของหลินซือหราน

 

 

           LLLLL

 

 

           ระดับของบัญชี ‘ปรมาจารย์ (สิบดาว)’

 

 

           ปัง

 

 

           ผู้ชายที่นั่งอยู่บนโต๊ะข้างหลังเฉียวเซิงตกลงบนพื้น

 

 

           หลายคนรอบๆ ก็พากันกระซิบกระซาบ รวมถึงพวกห้องหนึ่งที่บ่นอุบอิบมาตลอด รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปในพริบตา

 

 

           เฉียวเซิงอุทานออกมา เขากดแถบการ์ดตัวละครของหลินซือหราน

 

 

           การ์ดพสุธา 10

 

 

           การ์ดมนุษย์ 3

 

 

           การ์ดสวรรค์ 0

 

 

           การ์ดเทพ 3      

 

 

           แม้ในใจจะคาดการณ์ไว้แล้ว แต่ความคาดหมายของเฉียวเซิงก็แค่คิดว่าหลินซือหรานมีการ์ดเทพ ‘ฝูซี’ แค่ใบเดียว กลับไม่คิดเลยว่า การ์ดเทพสามใบที่แม้แต่เกมเมอร์มืออาชีพมากมายก็เก็บสะสมได้ไม่ครบ แต่หลินซือหรานมีครบแล้ว!

 

 

           เขากดเปิดการ์ดเทพสามใบด้วยอาการชาวาบ

 

 

           ใบที่หนึ่ง หนี่วา

 

 

           ใบที่สอง ฝูซี

 

 

           ใบที่สาม เหยา

 

 

           โลกนี้บ้าไปแล้วหรือไง

 

 

           ตัวแทนฟิสิกส์ห้องแปดมองเหอเหวินอึ้งๆ ยอดฝีมือเกือบครึ่งอุทานออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “หลิน…หลินซือหรานเป็นบิ๊กบอสเหรอ”

 

 

           “เธอก็เป็นเมล็ดพันธุ์มืออาชีพเหมือนกันงั้นเหรอ”

 

 

           เสียงอุทานรอบข้างดังระงม

 

 

           ระดับปรมาจารย์เก้าดาว ระดับที่แม้แต่เกมเมอร์มืออาชีพมากมายก็ทำไม่ได้

 

 

           หลินซือหรานโบกมือเป็นพัลวัน นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เปล่านะ คนอื่นไต่แรงค์ให้ฉันน่ะ”          

 

 

           หลังคนห้องเก้าตกตะลึงแล้ว ก็มองหลินซือหรานด้วยแววตาที่เป็นประกายทันที “เธอมีการ์ดเทพสามใบนี้ได้ยังไง”

 

 

           หลินซือหรานไม่กล้าบอก

 

 

           สวีเหยากวงที่ไม่แสดงอารมณ์มาตลอดก็มองหลินซือหรานด้วยความตกใจเล็กน้อย

 

 

           “พวกห้องหนึ่ง จะแข่งไม่ใช่หรือ ให้ไว อย่าชักช้าให้พ่อเห็น!” คนห้องเก้าเรียกความมั่นใจกลับมาได้ในพริบตา

 

 

           ฝีมือของเฉียวเซิงไม่ด้อยอยู่แล้ว เมื่อมีการ์ดเทพสามใบอยู่ในมือ ไม่ถึงสิบนาทีหัวหน้าห้องหนึ่งก็ตายแล้ว

 

 

           …

 

 

           ที่ทีมต่างประเทศกลัวการ์ดเทพใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล

 

 

           ใบหนึ่งเป็นการ์ดชุบชีวิต อีกใบเป็นการ์ดสังหาร อีกใบเป็นการ์ดไร้เทียมทานยามคับขันของเหยา หากความสามารถไม่ได้แตกต่างกันมากเกินไปล่ะก็ ไม่มีทางเล่นได้จริงๆ

 

 

           เมิ่งซินหรานจ้องหลินซือหรานเขม็ง หลุดขำออกมากะทันหัน

 

 

           “ไม่คิดเลยว่า พวกนายจะมีการ์ดเทพสามใบ” เมิ่งซินหรานยกมือมาถลกแขนเสื้อของตัวเองขึ้น ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ประเมินพวกนายต่ำไปจริงๆ ท่าทางจะเล่นๆ ไม่ได้ซะแล้ว”

 

 

           ในการแข่งขันอย่างเป็นทางการกำหนดว่า แต่ละครั้งห้ามใช้การ์ดเทพเกินหนึ่งใบ แต่ห้องของพวกเขาใช้การ์ดเทพก่อน เวลาแบบนี้เมิ่งซินหรานย่อมพูดไม่ออกว่าให้ใช้การ์ดเทพได้แค่ครั้งละใบ

 

 

           เมิ่งซินหรานแค่ให้หัวหน้าห้องห้องหนึ่งหลีกไป ตัวเองนั่งแทนที่ตำแหน่งที่เขานั่งเมื่อครู่ เปิดหน้าอารีนาของเกมอย่างคล่องแคล่ว

 

 

           ในเมื่อห้ามอีกฝ่ายไม่ได้ งั้นเธอก็ต้องลุยด้วยตัวเอง

 

 

           APM ของเฉียวเซิงอยู่ที่สองร้อยพอดี ไม่พอจะแข่งกับเมิ่งซินหราน

 

 

           เมื่อคิดได้ดังนั้น เฉียวเซิงจึงมองไปทางสวีเหยากวง

 

 

           สวีเหยากวงพยักหน้าน้อยๆ

 

 

           เฉียวเซิงลุกออกจากที่นั่ง

 

 

           เมิ่งซินหรานมองสวีเหยากวงนิ่งๆ เธอไม่รู้ว่าสวีเหยากวงคือใคร แต่ก็คาดเดาได้อยู่แล้ว พูดอย่างสุภาพว่า “คุณชายสวี นายต้องระวังหน่อยนะ ฉันมี APM 530+ อี้จี้หมิงก็เคยแพ้ให้ฉันมาแล้ว”

 

 

           ตาที่สอง

 

 

           ทั้งคู่ยื้อยุดกันอยู่ยี่สิบนาที เมิ่งซินหรานเจอช่องโหว่จัดการการ์ดเทพสามใบของสวีเหยากวงจนตายเรียบ

 

 

           ตอนนี้ ผู้คนรอบๆ เพิ่งรู้ถึงความน่ากลัวของเกมเมอร์มืออาชีพ         

 

 

           เมิ่งซินหรานมองพวกเขานิ่งๆ “ตาที่สาม”

 

 

           คนห้องเก้าปรึกษากันครู่หนึ่ง

 

 

           สุดท้ายก็ตัดสินใจให้เฉียวเซิงเป็นคนลุย

 

 

           “พวกนายก็รู้ว่าก่อนหน้านี้ฉันเป็นตัวสำรองของ OST บอกพวกนายตามตรงนะ ฉันไม่ถนัดการแข่งเป็นทีม ฉันชอบฉายเดี่ยวมากกว่า ถนัดทักษะไต่แรงค์โซโล่! ทีมไม่ได้แบ่งเจ็ดดาวให้ฉัน แต่ฉันไต่แรงค์ด้วยตัวเอง”

 

 

           เมิ่งซินหรานมองทุกคนอย่างเฉยชา พลางลูบนาฬิกาประดับเพชรบนข้อมือตัวเอง

 

 

           น้ำเสียงของเธอนิ่งมาก แทบจะไม่ได้ยินความอวดเก่งและความถือตัวในเสียงของเธอ แต่ทุกการกระทำล้วนเย่อหยิ่ง

 

 

           ในเวลาแบบนี้ เมิ่งซินหรานไม่ได้จงใจเหน็บแนมเหมือนคนห้องหนึ่ง หรืออาจเป็นเพราะฐานะของตัวเองไม่จำเป็นต้องถือสาเอาความคนพวกนี้

 

 

           เธอเปิดสถิติการต่อสู้ในอารีนาของตัวเอง

 

 

           สถิตชนะการไต่แรงค์โซโล่ 94%

 

 

           …

 

 

           ในห้องมีคนรวมตัวกันอยู่เป็นกลุ่ม และมีเสียงอุทานดังขึ้นบ่อยครั้ง

 

 

           แม้ฉินหร่านใส่หูฟัง ก็ยังรู้สึกได้อยู่ดี

 

 

           เธอเอนตัวพิงเก้าอี้ เสื้อกันหนาวสีขาวไม่ได้รูดซิป ข้างในเป็นเสื้อคาร์ดิแกนสีดำ

 

 

           เธอถอดหูฟังออกแล้วโยนลงบนโต๊ะ ได้ยินเสียงของเมิ่งซินหรานพอดี จู่ๆ ก็ยิ้มออกมา

 

 

           ทำไมเฉียวเซิงถึงโพสต์แบบนั้นเธอรู้ดี

 

 

           ไม่ได้เป็นเพราะเรื่องที่เมิ่งซินหรานเหยียบหนังสือของเธอ เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของหยางเฟย

 

 

           “น่ารำคาญจริงๆ” จะยอมให้เธอคัดลายมือดีๆ ไม่ได้เลยหรือไง

 

 

           เฉิงเจวี้ยนให้เธอคัดสมุดที่เหลืออีกเล่มให้เสร็จภายในคืนนี้

 

 

           ฉินหร่านจัดคอเสื้อคาร์ดิแกนเล็กน้อย หันหน้ามองเมิ่งซินหราน ดวงตาฉาบความแดงก่ำ ความเอาแต่ใจอันเกรี้ยวกราดแทบจะพุ่งออกจากดวงตาของเธอแล้ว

 

 

           เธอดันเก้าอี้ออกแล้วลุกขึ้น เดินตรงไปทางกลุ่มคน

 

 

           ห้องเก้ากับคนห้องแปดที่มามุงดูไม่ปริปากเลยสักคน

 

 

           ผู้คนหลีกทางกันพรึ่บพรั่บ

 

 

           “นายลุกออกไป” ฉินหร่านกำมือ เคาะลงบนโต๊ะอย่างสบายๆ เป็นเชิงบอกให้เฉียวเซิงหลีกไป

 

 

           เสียงเรียบเฉยมากทีเดียว

 

 

           เฉียวเซิงลุกขึ้นแล้วหลีกทางให้ทันที

 

 

           ฉินหร่านล็อกเอาท์ออกจากบัญชีของหลินซือหราน เคาะหมายเลขไม่กี่ตัวแล้วกดปุ่ม enter

 

 

           QR

 

 

           มือของเธอเร็วมาก ไม่ยอมให้ใครเห็นข้อมูลของบัญชี

 

 

           ฉินหร่านไม่ได้กดเปิดหน้าการ์ดตัวละคร แต่เข้าไปในอารีนาที่เมิ่งซินหรานเปิดอย่างไม่รั้งรอทันที

 

 

           ตัวแทนฟิสิกส์ห้องแปดกับเหอเหวินนึกถึงคำพูดที่หลินซือหรานเคยบอกกับตัวเองก่อนหน้านี้…

 

 

           หรานหร่านเก่งมาก

 

 

           ผู้คนมองฉินหร่านกดไปที่การ์ดเทพสามใบอย่างไม่ละสายตา          

 

 

           จากนั้นกดปุ่มเริ่มการต่อสู้

 

 

           แค่สามนาที การ์ดเทพใบหนึ่ง การ์ดสวรรค์สองใบของเมิ่งซินหรานก็ตายเรียบ

 

 

           การ์ดตัวละครสามใบทางฝั่งฉินหร่านแทบจะเลือดเต็มแทงก์

 

 

           หลังเธอออกจากอารีนา ทุกคนถึงได้เห็นข้อมูลบัญชีของเธอ

 

 

           ระดับบัญชี ‘ปรมาจารย์ (ยี่สิบดาว)’                     

 

 

           ระดับดาวสูงที่สุดในประเทศ

 

 

           ในห้องตกอยู่ในความเงียบ

 

 

           ฉินหร่านเอนตัวพิงเก้าอี้เล็กน้อย เงยหน้ามองเมิ่งซินหรานฝั่งตรงข้ามที่ทำหน้าเหลือเชื่อ นิ้วมือกำแน่นจนเห็นเส้นเลือด

 

 

           เธอจัดเสื้อกันหนาวนิดหน่อย ดูผ่อนคลายเล็กน้อย “บังเอิญจริงๆ ฉันก็เป็นพวกบ้าการไต่แรงค์โซโล่เหมือนกัน”

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ด้วยว่าพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ยังเล็ก และ ฉินหร่าน ไม่ใช่เด็กประพฤติดี นอกจากจะไม่ตั้งใจเรียนจนผลการเรียนย่ำแย่แล้ว เธอยังหัวรั้นและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจนโดนพักการเรียนไปเป็นปี แตกต่างจาก ฉินอวี่ น้องสาวที่เป็นนักเรียนดีเด่นผู้แสนเพียบพร้อมราวฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงเลือกพาน้องสาวไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียวและทิ้งฉินหร่านเอาไว้ท่ามกลางชนบท ปล่อยให้เธอเติบโตเพียงลำพังในความดูแลของคุณยายวัยชรา สองยายหลานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบสองปี จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายเกิดป่วยหนักอาการโคม่าต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง ครอบครัวฉินจึงได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อคุณยายไม่สามารถดูแลฉินหร่านด้วยตัวเองได้ต่อไปได้อีก แม่ของเธอจึงอาสารับเลี้ยงเธอไว้แทน กระนั้นก็ยังไม่วายเหน็บแนมหญิงสาวอยู่ตลอดว่าอย่าทำตัวน่าขายหน้า ให้เอาอย่างฉินอวี่ผู้เป็นน้องบ้าง กระนั้นกลับไม่มีใครล่วงรู้เลยว่านอกจากฉินหร่านจะมีใบหน้างดงามเกินเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งตัวตนปริศนาที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ เพราะใครกันล่ะที่ทำข้อสอบกากบาททุกข้อแล้วผลคะแนนสอบจะออกมาได้เท่ากับศูนย์ในทุกๆ วิชา เธอโง่จริงๆ หรือว่าตั้งใจกันแน่… เช่นเดียวกับ เฉิงเจวี้ยน หมอหนุ่มประจำโรงเรียนที่แสนธรรมดาคนนั้น ทว่า…เขาเป็นแค่หมอประจำโรงเรียนจริงหรือ เมื่อโชคชะตานำพาให้คนสองคนที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้มาพบกัน หน้ากากของใครจะถูกกระชากออกมาก่อนนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset