เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ – ตอนที่ 184 กู้ซีฉือ ‘ฉันจะไปหาเธอ’

ตั้งแต่อี้จี้หมิงรู้ว่าหยางเฟยติดต่อกับฉินหร่าน ก็อยากเจอเธอมานานแล้ว

 

 

คืนนี้เห็นหยางเฟยผ่อนคลายแล้ว ไม่รอแม้กระทั่งสมาชิกคนอื่นกับโค้ช จึงออกมารอหน้าทางออกกับหยางเฟย

 

 

รออยู่นานสองนาน คนไปกันเกือบจะหมดแล้ว เขาก็ยังไม่เห็นมีใครออกมา

 

 

ก่อนหน้านี้ก็เอาแต่ถามหยางเฟยไม่หยุดว่าฉินหร่านไปแล้วหรือเปล่า

 

 

ตอนนี้จู่ๆ ก็เห็นพวกฉินหร่านออกมา เขามีเวลาสนใจอย่างอื่นที่ไหน จึงรีบโบกหมวกพร้อมกันตะโกนเสียงดัง

 

 

จากนั้นก้มหน้า ตบหน้าต่างรถยนต์เบาๆ “เทพพระอาทิตย์ รีบออกมาได้แล้ว!”

 

 

เห็นได้ชัดว่าหยางเฟยก็เห็นพวกฉินหร่านแล้ว เขากำลังดึงผ้าปิดปากแล้วเปิดประตูลงจากรถ

 

 

แฟนคลับของเขาเยอะเกินไป ต่างก็ดักรออยู่ที่ทางออกวีไอพีของทีม ทั้งสองคนออกมาได้เพราะสวมหมวกของแฟนคลับกับผ้าปิดปาก

 

 

เซี่ยงไฮ้ลมแรง ตอนนี้ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนแล้ว

 

 

อากาศในเดือนธันวาคม ทั้งหนาวและเย็นเยือก

 

 

แต่ก็ยังได้ยินเสียงของอี้จี้หมิงอยู่บ้างเหมือนกัน

 

 

เพราะมีคำว่า ‘เทพ’ อยู่ด้วย ลู่จ้าวอิ่งจึงไม่ได้คิดถึงฉินหร่าน แต่มองซ้ายแลขวาแทน “เจออี้จี้หมิงตรงทางออกผู้ชมเหรอเนี่ย! เขากำลังรอใครน่ะ เทพพระอาทิตย์จะอยู่ด้วยหรือเปล่า”

 

 

ลู่จ้าวอิ่งกวาดตามองรอบๆ แล้ว ก็ไม่เจอร่างของคนที่น่าสงสัย

 

 

เจียงตงเย่มองชายหนุ่มที่อยู่อีกฝั่งของถนนอย่างแปลกใจ คิดๆ แล้วก็พูดว่า “หรือจะมาหาพวกเรา”

 

 

ลู่จ้าวอิ่งกำลังจะพูดว่าไม่มีทาง เขาโชคดีขนาดนั้นเลยเหรอ ก็เห็นหยางเฟยที่ลงมาจากที่นั่งคนขับของรถตู้

 

 

ทั้งคู่กำลังตรงดิ่งมาทางพวกเขาโดยที่คนหนึ่งเดินนำอีกคนเดินตาม

 

 

ลู่จ้าวอิ่งทวนความจำครู่หนึ่ง แน่ใจแล้วว่าที่อี้จี้หมิงเรียกเมื่อครู่นี้คือ ‘เทพฉิน’

 

 

เขาตกใจเล็กน้อย “ฉินเสี่ยวหร่าน อี้จี้หมิงเขา…เขา…”

 

 

ฉินหร่านกระชับฮู้ดบนหัว ไม่สนใจเขา เพียงแค่หรี่ตามองพวกหยางเฟย จากนั้นก็มองพวกเฉิงเจวี้ยน

 

 

สุดท้ายสายตาก็หยุดที่ใบหน้าของเฉิงเจวี้ยน ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ไปกินมื้อค่ำด้วยกันไหม”

 

 

เธอมีเรื่องอยากถามหยางเฟยอยู่เหมือนกัน

 

 

เฉิงเจวี้ยนเลิกคิ้ว กดเสียงต่ำ “ได้”

 

 

รถลีมูซีนที่เจียงตงเย่หามาใหญ่มากพอ พวกเขาจึงพากันเดินไปทางรถของเขา

 

 

เขาไม่เหมือนลู่จ้าวอิ่ง แม้จะเคยได้ยินชื่อของหยางเฟย แต่ไม่ได้คลั่งเขาขนาดนั้น ยังสามารถทักทายหยางเฟยกับลู่จ้าวอิ่งได้ แถมยังแนะนำตัวเองอย่างมีมารยาทอีกด้วย

 

 

มาดูการแข่งขันกับฉินหร่านได้ ล้วนถูกอี้จี้หมิงจัดให้เป็นเพื่อนของฉินหร่าน

 

 

หลังแนะนำตัวแล้ว เฉิงเจวี้ยนที่ยืนอยู่ข้างฉินหร่านถึงเชยตาขึ้นเล็กน้อย พูดกับพวกเขาอย่างเอื่อยเฉื่อยว่า “เฉิงเจวี้ยน”

 

 

นับว่าเป็นการแนะนำตัวแล้ว

 

 

หยางเฟยมองเฉิงเจวี้ยนอย่างไม่แสดงอารมณ์ รู้สึกเหมือนสายตาของคนคนนี้ที่มองเขามีเลศนัย

 

 

แต่อากัปกิริยาของคนคนนี้ดันเอื่อยเฉื่อยซ้ำยังสุภาพมีมารยาท สัมผัสอะไรไม่ได้เลย

 

 

ทั้งสี่คนขึ้นรถ

 

 

เจียงตงเย่ลากลู่จ้าวอิ่งที่ดูเหมือนยังนิ่งอยู่กับที่ขึ้นรถ “ลู่จ้าวอิ่ง ไปกินข้าวได้แล้ว”

 

 

เมื่อครู่เจ้าคนนี้ยังพร่ำพูดถึงเทพพระอาทิตย์อยู่เลย ทำไมพอคราวนี้เห็นตัวจริง กลับงงเป็นไก่ตาแตกไปได้ล่ะ

 

 

ลู่จ้าวอิ่งหันหน้ามาอย่างแข็งทื่อ “เมื่อกี้อี้จี้หมิงเรียกฉินเสี่ยวหร่านว่าอะไรนะ”

 

 

“เทพฉินไง ทำไม ไม่ถูกเหรอ”

 

 

ลู่จ้าวอิ่งได้สติ ส่ายหน้าหวือ ครุ่นคิดเล็กน้อย “ฉันไม่เคยเห็นอี้จี้หมิงเรียกใครว่าเทพนอกจากเทพพระอาทิตย์เลย”

 

 

“เธอก็เล่นเกมเก่งเหมือนกันนี่นา” เจียงตงเย่เร่งเร้าให้ลู่จ้าวอิ่งรีบขึ้นรถ

 

 

ลู่จ้าวอิ่งนั่งที่นั่งข้างคนขับราวกับละเมอ

 

 

ก้มหน้าน้อยๆ แจ้งเตือนวีแชทดังขึ้นทีหนึ่ง เป็นข้อความจากโอวหยางเวย ถามเขาว่าจะเล่นเกมไหม

 

 

ลู่จ้าวอิ่งในตอนนี้มีแก่ใจอยากเล่นเกมที่ไหนกัน!

 

 

ด้านหลังมีที่นั่งมากมาย

 

 

เฉิงเจวี้ยนนั่งตรงกลาง อี้จี้หมิงกับหยางเฟยนั่งแถวหลังอย่างรู้กาลเทศะ

 

 

อี้จี้หมิงนั่งอยู่ข้างหลังฉินหร่านพอดี

 

 

มือของเขาวางพาดบนเก้าอี้ของฉินหร่าน โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย อยากพูดคุยกับฉินหร่าน แต่รู้สึกว่าบรรยากาศในห้องโดยสารแปลกๆ ชอบกล

 

 

โดยเฉพาะเฉิงเจวี้ยนที่นั่งข้างหน้า ทำให้คนรู้สึกถึงความกดดันที่เบาบางประหนึ่งไม่มีอยู่

 

 

อี้จี้หมิงมองทั้งคู่แวบหนึ่ง ไม่รู้ว่าคิดอะไร หดตัวกลับไปนั่งที่ของตัวเองตามเดิม

 

 

ตอนนี้ห้างสรรพสินค้าปิดไปนานแล้ว อยากหาสถานที่กินข้าวนั้นไม่ค่อยง่ายนัก

 

 

แต่เจียงตงเย่ก็สามารถหาร้านอาหารเซี่ยงไฮ้เก่าแก่ระบบสมาชิกที่เปิด 24 ชั่วโมงได้

 

 

อาหารค่อนไปทางหวาน ฉินหร่านกินไม่กี่คำก็วางตะเกียบ

 

 

จากนั้นหยิบทิชชูที่วางอยู่ขึ้นมาแผ่นหนึ่ง

 

 

เฉิงเจวี้ยนก็กินแค่ไม่กี่คำ เมื่อเห็นท่าทางของเธอ ก็อดหันมาไม่ได้

 

 

“ฉันจะไปห้องน้ำ” ฉินหร่านพูด ดันเก้าอี้ออกแล้วลุกขึ้น เดินออกไปข้างนอก

 

 

เฉิงเจวี้ยนเห็นเธอออกไปแล้ว ก็เอนตัวพิงพนัก ยื่นมือออกไปเคาะโต๊ะ

 

 

พนักงานที่อยู่ในห้องวีไอพีมาตลอดก็เดินเข้ามาอย่างรู้หน้าที่

 

 

เฉิงเจวี้ยนกดเสียงพูดแค่ไม่กี่คำ

 

 

 

 

ตรงโถงทางเดิน

 

 

ฉินหร่านเข้าห้องเสร็จ ล้างมือ หยิบทิชชู เช็ดมืออย่างเอื่อยเฉื่อย พลางเดินออกมาข้างนอก

 

 

พอโค้งมา ก็เจอกับหยางเฟยที่ยืนสองมือล้วงกระเป๋า รอเธออยู่ไม่ไกล

 

 

“เทพฉิน” เมื่อเห็นฉินหร่าน หยางเฟยก็เงยหน้าขึ้น

 

 

“Yan คนนั้นมีปัญหา” ฉินหร่านหลุบตาต่ำ เช็ดน้ำในมืออย่างละเมียดละไมจนสะอาด จากนั้นมองหาถังขยะแล้วโยนทิ้งไป

 

 

เธอหมายถึงสมาชิกที่ท่าทีค่อนข้างย่ำแย่ในการแข่งขันคืนนี้

 

 

หยางเฟยพิงผนัง พยักหน้า “ฉันก็คิดเหมือนกัน แต่เอ็นของเหล่าเฉียวเจ็บ ทีมสองกับทีมส่วนใหญ่ก็เป็นเทรนนี่กันหมด ขึ้นแข่งฤดูกาลนี้ไม่ได้”

 

 

เหล่าเฉียวเป็นคนเก่าคนแก่ของทีม

 

 

ครั้งนี้เมิ่งซินหรานเป็นตัวสำรอง ลงแข่งแทนเหล่าเฉียว

 

 

เพราะเรื่องปั่นกระแสครั้งก่อน หยางเฟยจึงใส่ชื่อของเมิ่งซินหรานลงในแบล็คลิสต์ ครั้งนี้เลยให้ Yan ลงแข่งแทน

 

 

ฉินหร่านแค่เตือนเฉยๆ เมื่อเห็นหยางเฟยก็สังเกตเห็นเหมือนกัน จึงไม่พูดอะไร

 

 

ทั้งคู่กลับเข้าห้องวีไอพีพร้อมกัน

 

 

ฉินหร่านเพิ่งนั่งลง มือข้างหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ อีกข้างยกแก้วขึ้นดื่มน้ำ ไม่แตะต้องอาหาร เพิ่งดื่มน้ำไปได้คำหนึ่งพนักงานก็ยกซุปหมูต้มพริกเสฉวนมาเสิร์ฟ

 

 

เจียงตงเย่ที่สังเกตมองทางนี้ตลอดเวลานิ่งไปสามวินาที สุดท้ายก็รู้แล้วว่า เมื่อครู่เฉิงเจวี้ยนคุยอะไรกับพนักงาน

 

 

จากนั้นก็ส่ายหน้ายิ้มๆ

 

 

 

 

หลังกินข้าวเสร็จกลับโรงแรม ก็ปาเข้าไปตีสองแล้ว

 

 

เฉิงมู่เป็นคนจองโรงแรม

 

 

ห้าห้องนอน เป็นห้องสวีทติดแม่น้ำทั้งหมด ห้องสุดท้ายเฉิงมู่เพิ่งจองหลังมาถึงโรงแรม ล้วนอยู่ชั้นที่ 36

 

 

ฉินหร่านถือคีย์การ์ดเข้าห้องของตัวเอง หลังอาบน้ำก็ยังไม่คิดจะนอน แต่สวมชุดคลุมอาบน้ำออกมา หยิบโน้ตบุ๊กออกจากเป้ เพื่อติดต่อกู้ซีฉือ

 

 

ช่วงนี้กู้ซีฉือหาทิศทางการวิจัยอันใหม่เจอแล้ว เวลานี้ยังไม่นอนอย่างที่ฉินหร่านคาดการณ์ไว้

 

 

ยังอยู่ในห้องทดลองของเขา

 

 

เขากำลังถือหลอดทดลองอยู่ เมื่อเห็นว่าในที่สุดฉินหร่านก็สนใจเขา มองหน้าจอแล้ว เขาสวมเชิ้ตสีขาว ถลกแขนเสื้อขึ้นสูง “เธอไม่ติดต่อฉันหลายวันแล้ว ไม่เป็นไรใช่ไหม เจียงตงเย่ส่งคนมาสะกดรอยตามเธอเหรอ”

 

 

ความสามารถในการตอแยคนอื่นของเจียงตงเย่กู้ซีฉือเคยสัมผัสมาแล้ว

 

 

คิดถึงตรงนี้ กู้ซีฉือก็วางหลอดทดลองกลับที่เดิมอย่างไม่แสดงอารมณ์ ขมวดคิ้ว ฉินหร่านอาจจะรับมือกับเจียงตงเย่ไม่ไหว

 

 

“เปล่าหรอก” ฉินหร่านดึงเก้าอี้ข้างโต๊ะมานั่ง ตอบส่งๆ ไป

 

 

กู้ซีฉือพยักหน้าแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก

 

 

เจียงตงเย่ไม่เพ่งเล็งฉินหร่านก็ดีแล้ว

 

 

เขาหันหลังไปหยิบหลอดทดลองไปวางอีกที่ ครุ่นคิดแล้วเชยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ยายของเธอโดนรังสีเธอรู้ใช่ไหม”

 

 

ฉินหร่านพยักหน้า

 

 

“แล้วเธอรู้ไหมว่ามันมีอะไรบ้าง” กู้ซีฉือวางหลอดทดลองลงบนอุปกรณ์แล้วหันกลับไปมองฉินหร่าน

 

 

ฉินหร่านส่ายหน้า รายงานของกู้ซีฉือพอๆ กับรหัสมอร์ส

 

 

กู้ซีฉือมองเธอแวบหนึ่ง อ้าปากพูดว่า “ช่างเถอะ รอฉันวิจัยจนรู้ผลอีกไม่กี่วัน ฉันจะไปอวิ๋นเฉิง ไปคุยกับเธอต่อหน้า แต่ระหว่างนี้อาจจะต้องเรียกเฉิงเจวี้ยน…”

 

 

เขาเม้มปาก เดินไปอีกมุม ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ว่า ในรังสีมียูเรเนียม

 

 

ยูเรเนียม เชื้อเพลิงที่พื้นฐานที่สุดของเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์

 

 

เฉินซูหลานทำอะไรกันแน่ กู้ซีฉือขมวดคิ้วมุ่น

 

 

“เธอไม่ได้อยู่หอเหรอ” เครื่องมือส่วนใหญ่ในห้องทดลองของกู้ซีฉือกำลังทำงาน เขาหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งที่ปรินท์ออกมา มองดูครู่หนึ่งแล้วครุ่นคิด รู้สึกเหมือนว่ามีบางอย่างไม่ผิดปกติ จึงขยับตัวเข้าไปดูที่หน้าจอ พื้นหลังของเธอไม่เหมือนปกติ “ไปหาอาจารย์ที่เมืองหลวงเหรอ”

 

 

ฉินหร่านยกมือขึ้นเช็ดผม เอนตัวพิงข้างหลังเล็กน้อย พูดนิ่งๆ ว่า “เปล่า ฉันอยู่เซี่ยงไฮ้”

 

 

กู้ซีฉือวางกระดาษลง

 

 

“เซี่ยงไฮ้?” พอได้ยินก็เงยหน้าทันที เขาได้สติ ยื่นมือไปปิดอุปกรณ์แล้วเดินมา “ที่ไหน มาเมื่อไรทำไมไม่บอกกันเลย ทำไมไม่มาบ้านฉัน”

 

 

ฉินหร่านขบคิด เอียงหัวบอกชื่อโรงแรมให้เขา

 

 

กู้ซีฉือพยักหน้า เขายื่นมือไปหยิบเสื้อนอกที่แขวนอยู่อีกทาง “ฉันจะไปหาเธอ!”

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ด้วยว่าพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ยังเล็ก และ ฉินหร่าน ไม่ใช่เด็กประพฤติดี นอกจากจะไม่ตั้งใจเรียนจนผลการเรียนย่ำแย่แล้ว เธอยังหัวรั้นและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจนโดนพักการเรียนไปเป็นปี แตกต่างจาก ฉินอวี่ น้องสาวที่เป็นนักเรียนดีเด่นผู้แสนเพียบพร้อมราวฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงเลือกพาน้องสาวไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียวและทิ้งฉินหร่านเอาไว้ท่ามกลางชนบท ปล่อยให้เธอเติบโตเพียงลำพังในความดูแลของคุณยายวัยชรา สองยายหลานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบสองปี จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายเกิดป่วยหนักอาการโคม่าต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง ครอบครัวฉินจึงได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อคุณยายไม่สามารถดูแลฉินหร่านด้วยตัวเองได้ต่อไปได้อีก แม่ของเธอจึงอาสารับเลี้ยงเธอไว้แทน กระนั้นก็ยังไม่วายเหน็บแนมหญิงสาวอยู่ตลอดว่าอย่าทำตัวน่าขายหน้า ให้เอาอย่างฉินอวี่ผู้เป็นน้องบ้าง กระนั้นกลับไม่มีใครล่วงรู้เลยว่านอกจากฉินหร่านจะมีใบหน้างดงามเกินเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งตัวตนปริศนาที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ เพราะใครกันล่ะที่ทำข้อสอบกากบาททุกข้อแล้วผลคะแนนสอบจะออกมาได้เท่ากับศูนย์ในทุกๆ วิชา เธอโง่จริงๆ หรือว่าตั้งใจกันแน่… เช่นเดียวกับ เฉิงเจวี้ยน หมอหนุ่มประจำโรงเรียนที่แสนธรรมดาคนนั้น ทว่า…เขาเป็นแค่หมอประจำโรงเรียนจริงหรือ เมื่อโชคชะตานำพาให้คนสองคนที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้มาพบกัน หน้ากากของใครจะถูกกระชากออกมาก่อนนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset