เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ – ตอนที่ 189 เทพฉิน ชื่อเธอยังอยู่ในรายชื่อสมาชิกตัวจริงของทีม

ลู่จ้าวอิ่งคลิกเข้าบัญชีผู้ใช้ของqrโดยตรง

 

 

เวยป๋อมีแค่ระบบเดียว

 

 

มีแฟนคลับติดตามสี่แสนสองหมื่นคน

 

 

ถ้าวันนี้ไม่ใช่เพราะมิตรสหายQRคนนั้นที่เล่นเกมกับเฉิงเจวี้ยน ลู่จ้าวอิ่งก็เกือบลืมไปแล้ว เพราะว่าqrคนนี้ไม่เคยโพสต์เวยป๋อเลย

 

 

ไพ่เทพสามใบของQRโจมตีเขาอย่างหนักหน่วง

 

 

ลู่จ้าวอิ่งคิดว่าแม้แต่หยางเฟยก็ยากที่จะหยิบไพ่สามใบนี้ให้คนอื่น

 

 

QRตัวพิมพ์ใหญ่กับqrตัวพิมพ์เล็กนั้นมีความต่างกัน บวกกับทั้งสองเกี่ยวข้องกับ OST ซึ่งลู่จ้าวอิ่งมั่นใจกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ว่าทั้งสองคือคนคนเดียวกัน 

 

 

เขาคลิกไปที่รายชื่อผู้ติดตามเพื่อดูคนที่เธอติดตาม

 

 

เจ้าของเวยป๋อคนนี้ก็มีแฟนคลับมากกว่าสองหมื่นคน

 

 

สิ่งที่เธอโพสต์ในเวยป๋อมากที่สุดคือเพื่อนร่วมโต๊ะของเธอ นอกเหนือจากนั้นก็มีมีมี่ที่เป็นสัตว์เลี้ยง โพสต์ล่าสุดบนเวยป๋อคือ——

 

 

(วันนี้เพื่อนร่วมโต๊ะสุดเจ๋งขอลาไปเซี่ยงไฮ้ คลาสเมื่อวานก็เต็มไปด้วยพลัง มีมี่บ้านเราแอบกินหญ้าก็เลยถูกพ่อฉันทำโทษให้สำนึกผิด เห็นใจมันจัง…)

 

 

ลู่จ้าวอิ่งรู้สึกคุ้นๆ กับประโยคแรก

 

 

“สัตว์เลี้ยงกินหญ้าแล้วยังโดนทำโทษให้สำนึกผิด? ครอบครัวนี้เข้มงวดเกินไปแล้วมั้ง?” เฉิงมู่รินน้ำให้ฉินหร่านแล้วเดินมาเห็นหน้าเวยป๋อที่ลู่จ้าวอิ่งกำลังดูอยู่

 

 

ลู่จ้าวอิ่งพยักหน้าเห็นด้วย “ค่อนข้างเข้มงวดเลย”

 

 

เขาเลื่อนลงไปเรื่อยๆ ยิ่งเลื่อนดูก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยกับเนื้อหาที่ใช้บรรยายในเวยป๋อเหล่านี้

 

 

ถนัดซ้าย มือเจ็บ…

 

 

ลู่จ้าวอิ่งวางโทรศัพท์และเอนหลังพิงโซฟาด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

 

 

“คุณชายลู่ ไม่เป็นไรใช่ไหม?” เฉิงมู่ถามลู่จ้าวอิ่งด้วยหน้าตาซื่อๆ

 

 

“เฮ้อ” ลู่จ้าวอิ่งส่ายหน้า

 

 

เขารู้สึกแปลกๆ

 

 

“คุณชายลู่จะไปไหน?” เดิมทีเฉิงมู่กำลังรอเล่นเกมกับลู่จ้าวอิ่ง พอเห็นเขาจะเดินไปชั้นบนก็เอ่ยถามขึ้นมาทันที

 

 

“ไปหาคุณชายเจวี้ยน” ขณะที่พูดก็เดินไปถึงหน้าประตูเรียบร้อยแล้ว

 

 

ฉินหร่านกำลังเลื่อนดูความเคลื่อนไหวในวีแชทโดยที่มือยังถือน้ำที่เฉิงมู่รินให้ เธอไม่ได้มองไปทางลู่จ้าวอิ่ง

 

 

ขณะนี้เหยียนซีก็เพิ่งโพสต์ลงในวีแชท สถานที่เช็กอินที่ปรากฏคือถนนเส้นหนึ่งในเซี่ยงไฮ้

 

 

ฉินหร่านหรี่ตา เหยียนซีก็อยู่เซี่ยงไฮ้ด้วยเหรอ?

 

 

**

 

 

ชั้นสาม

 

 

กู้ซีฉือยังไม่กลับมา ลู่จ้าวอิ่งเห็นเฉิงเจวี้ยนกำลังถือหลอดทดลองไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือหนึ่งกำลังถือจานเพาะเชื้อที่วางอยู่ในอุปกรณ์วิทยาศาสตร์สำหรับทำการทดลอง

 

 

“คุณชายเจวี้ยน” ลู่จ้าวอิ่งกดโทรศัพท์แล้วเดินไปหาเฉิงเจวี้ยน

 

 

“มีอะไร?” เฉิงเจวี้ยนวางจานเพาะเชื้อที่อยู่ในมือลง ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ถึงได้เดินไปที่หน้าคอมพิวเตอร์และเปิดบัญชีผู้ใช้ในคอมพิวเตอร์ทดลอง

 

 

บัญชีผู้ใช้ที่ล็อกอินคือบัญชีของกู้ซีฉือ เขามองเพียงแวบเดียวก็คลิกไปที่รูปโปรไฟล์ “ชายแก่” และต่อสายวิดีโอคอลโดยตรง

 

 

“ก็เรื่องเพื่อนQRคนนั้นของนายไง นาย…”

 

 

“ไม่ได้” ลู่จ้าวอิ่งยังไม่ทันพูดจบก็โดนเฉิงเจวี้ยนพูดตัดบท

 

 

ซึ่งเป็นเวลาพอดีที่มีคนรับสายวิดีโอคอลจากเฉิงเจวี้ยน

 

 

อีกฝ่ายเป็นชายแก่สวมเสื้อกาวน์ “หาตัวยากจริงๆ ศิษย์เลว นี่นายต่อสายวิดีโอคอลมาหาฉันจริงๆ เหรอเนี่ย? ทำไมช่วงนี้…”

 

 

ชายแก่ในวิดีโอยืนอยู่หน้ากองอวัยวะที่แช่ฟอร์มาลีนพลางเงยหน้าขึ้นพูด

 

 

เขาสวมแว่นสายตาโดยที่มือยังถือมีดผ่าตัด

 

 

ทันทีที่เงยหน้ามองก็เห็นชายหนุ่มหนึ่งกำลังเอนกายพิงโต๊ะทดลองอย่างเกียจคร้าน อีกฝ่ายสวมเสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีดำมองเขาด้วยรอยยิ้ม

 

 

ชายแก่หน้าถอดสี สภาพจิตใจสั่นไหว “ศิษย์รักทำไมถึงเป็นนายไปได้? นายอยู่กับเสี่ยวฉือเหรอ?” เขารีบเปลี่ยนคำเรียกทันที

 

 

“สวัสดีครับอาจารย์” เฉิงเจวี้ยนทักทายอย่างมีมารยาท

 

 

“มีงานวิจัยนึง ผมกับกู้ซีฉือได้ดูกระบวนการทดลองแล้ว” เฉิงเจวี้ยนวางนิ้วไว้บนโต๊ะพลางก้มหน้าส่งไฟล์เอกสารไปให้เขา “อาจารย์ลองอ่านดูครับ”

 

 

“เขายังเชิญนายไปทำวิจัยด้วย?” ชายแก่พูดด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็ยื่นมือกดรับไฟล์เอกสารแล้วนั่งอ่านบนเก้าอี้

 

 

เมื่อลู่จ้าวอิ่งเห็นว่าเฉิงเจวี้ยนไม่สนใจตัวเองก็แตะจมูกโดยไม่รู้ตัวและถอยออกไป

 

 

ผ่านไปสิบนาที ในที่สุดชายแก่ก็อ่านเอกสารชุดนั้นเสร็จ

 

 

เขาเงยหน้าขึ้นและมองเฉิงเจวี้ยนด้วยความตกใจ “ไอ้เจ้าสองคนนี้…คราวนี้ก่อเรื่องใหญ่แล้วสิ”

 

 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาองค์กรการแพทย์ระหว่างประเทศได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการก่อเซลล์มะเร็งและการสร้างเซลล์ใหม่

 

 

“ฉันมีผลสำรวจที่เพิ่งรวบรวมไว้อยู่หนึ่งชุด นายลองเอาไปดูก่อน” ชายแก่เอื้อมมือส่งไฟล์เอกสารที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ให้เฉิงเจวี้ยน จากนั้นก็ยืนขึ้น “ฉันจะเอาเอกสารนี้ให้แพทย์คนอื่นๆ ดู”

 

 

เขาพิมพ์เอกสารออกมาแล้วเดินออกไป

 

 

ทางด้านเฉิงเจวี้ยนก็ได้ยินเพียงเสียงปิดประตูที่เบามาก

 

 

**

 

 

ในเวลาเดียวกันนี้ที่หอพัก OST

 

 

เนื่องจากสำนักงานใหญ่ของพวกเขาตั้งอยู่ที่เมืองปักกิ่ง บวกกับอวิ๋นกวงกรุ๊ปเองก็ไม่ได้ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพราะฉะนั้นการมาเซี่ยงไฮ้คราวนี้พวกเขาจึงเช่าวิลล่าหลังหนึ่งเพื่อทำเป็นที่พัก

 

 

“โค้ช yanไม่มาซ้อมอีกแล้วเหรอ?” อี้จี้หมิงถือขวดน้ำเดินมาหาหยางเฟยพร้อมกับถามโค้ชที่อยู่ข้างๆเขา

 

 

ผู้เล่นมืออาชีพมักจะหลบตัวในเวลากลางวันใช้ชีวิตในเวลากลางคืน หยางเฟยจะฝึกซ้อมการตอบสนองกล้ามเนื้อมือของตัวเองทุกคืน

 

 

หยางเฟยเปิดเกมเพื่อเข้าสู่สังเวียนจำลอง จากนั้นก็เริ่มจับกลุ่มไพ่เพื่อฝึกฝนทักษะ

 

 

น้อยมากที่การแข่งขันฝึกอบรมของพวกเขาจะล็อกอินเข้าใช้ไอดีผู้เล่นมืออาชีพ

 

 

ถึงอย่างไรไอดีผู้เล่นมืออาชีพของพวกเขาก็มีเพื่อนเพิ่มเข้ามาเป็นจำนวนไม่น้อย เพื่อนๆ เหล่านี้สามารถเข้ามาร่วมชมการต่อสู้ของพวกเขาได้ แต่การแข่งขันฝึกอบรมของทีมมืออาชีพล้วนมีทริคเป็นของตัวเอง น้อยมากที่เปิดเผยออกไป

 

 

และการเข้าค่ายฝึกอบรมจำลองจะไม่บันทึกวิดีโอทิ้งไว้

 

 

โค้ชขมวดคิ้ว เขามองหยางเฟยและอี้จี้หมิง “พวกนายคิดยังไงถ้าจะเปลี่ยนตัวyanในการแข่งขันเย็นวันพรุ่งนี้? ตอนนี้เขาไม่มีสมาธิอยู่กับการแข่งขันเลย”

 

 

“ที่จริงตอนแรกเขาก็เป็นหัวหน้าทีมเล็กๆ” ผมสีทองของอี้จี้หมิงสะท้อนแสงใต้ไฟ ยิ้มอย่างดูถูก “แต่พอมาอยู่ทีมพวกเราก็มีอันดับตามหลังผมกับเทพพระอาทิตย์ การที่ได้รับความสนใจไม่เท่าเทพพระอาทิตย์ เขาก็ย่อมไม่พอใจเป็นธรรมดา”

 

 

เมื่อหยางเฟยที่กำลังรวมกลุ่มกันฝึกทักษะในสังเวียนจำลองได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า “เปลี่ยนเถอะ”

 

 

yanก็เป็นคนมีฝีมือดีในทีมเยาวชน แต่โค้ชและคนอื่นๆ ไม่อยากเสี่ยง

 

 

เมื่อเห็นหยางเฟยเห็นด้วย โค้ชก็รีบไปหาผู้เล่นใหม่ในทีมมาแทน

 

 

“เสี่ยวอวี๋…” โค้ชพาผู้เล่นใหม่มาที่ห้องทำงาน เขาถือถ้วยชายืนอยู่ริมหน้าต่างและพูดคุยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสมาชิกในทีม

 

 

เสี่ยวอวี๋ตกลงด้วยความตกใจ

 

 

เขานั่งช็อกอยู่ในห้องทำงานอยู่เป็นเวลานานกว่าวิญญาณจะเข้าร่างแล้วถึงจะออกไป

 

 

ตอนที่หันกลับไปก็เห็นรูปถ่ายบนโต๊ะของโค้ช

 

 

รูปถ่ายไม่ได้ดูใหม่มาก

 

 

เป็นรูปถ่ายรวมกันห้าคน

 

 

เสี่ยวอวี๋เห็นว่ารูปนั้นมีหยางเฟยและอี้จี้หมิง ทั้งสองหน้าเครียดเล็กน้อย

 

 

แต่สิ่งที่ทำให้เสี่ยวอวี๋ประหลาดใจคือ…

 

 

คนที่ยืนอยู่ท่ามกลางห้าคนนั้นไม่ใช่หยางเฟย แต่เป็นคนที่อยู่ในชุดดำ เนื่องจากสวมหมวกแก๊ปและกดปีกหมวกลงต่ำ จึงมองเห็นหน้าไม่ชัด เห็นเพียงคางเรียวเท่านั้น

 

 

เหมือนจะเป็น…ผู้หญิง

 

 

เสี่ยวอวี๋อ้าปากด้วยความตกใจ ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เธอถึงได้สามารถครองตำแหน่ง c ในทีมเทพพระอาทิตย์ได้

 

 

เขาเก็บสายตา คิดไปด้วยพร้อมกับเดินออกประตูไปด้วย ขณะเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เห็นyanหน้าบึ้งอยู่หน้าบันได “โค้ชให้นายลงแข่งเหรอ?”

 

 

yanถือบุหรี่อยู่ในมือ บนตัวมีกลิ่นบุหรี่แรงมาก เขามองเสี่ยวอวี๋ด้วยสายตาประชดประชัน

 

 

เสี่ยวอวี๋เดินถอยออกไปอย่างกลัวๆ “เหมือนจะใช่ พี่yan ผมขอลงไปซ้อมกับพวกเทพพระอาทิตย์ก่อนนะ”

 

 

เขาโค้งให้yanแล้วรีบเดินผ่านลงไปชั้นล่าง

 

 

yanยืนอยู่ที่ด้านบนสุดของบันไดพลางมองไปที่ร่างของหยางเฟยที่กำลังนั่งหน้าคอมพิวเตอร์อยู่ชั้นล่าง เขาหลุบตาที่เต็มไปด้วยความมืดมน

 

 

**

 

 

วันต่อมา

 

 

กู้ซีฉือพักอยู่บนชั้นสาม

 

 

เขาลุกขึ้นจากการนอนฟุบอยู่ที่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ ทันทีที่เขาเริ่มทำการทดลองก็ไม่รู้วันรู้คืน ถ้าไม่ใช่เพราะฉินหร่านเรียกเขาเมื่อวาน เขาก็คงไม่ออกไปกินข้าว

 

 

พอลุกขึ้นจากเก้าอี้ พรมบนตัวก็หล่นลงไปที่พื้น

 

 

กู้ซีฉือขมวดคิ้วและหยิบพรมหลากสีขึ้นมาจากพื้น มองๆ ดูน่าจะเป็นพรมของห้องรับแขก จากนั้นก็โยนไปข้างๆ

 

 

เขาหาวไปด้วยพลางเดินไปที่เครื่องมือของตัวเองเพื่อดูผลการทดลอง “เสี่ยวเอ้อร์ ขอน้ำแก้วนึง”

 

 

คอมพิวเตอร์บนโต๊ะเปิดทำงานอยู่ตลอดเวลาและมีวิดีโอหนึ่งปรากฏขึ้น

 

 

กู้ซีฉือเอื้อมมือไปหยิบน้ำในถาดที่เสี่ยวเอ้อร์ยกมาให้ จากนั้นก็เอื้อมมือไปคลิกเมาส์ “อาจารย์?”

 

 

“ศิษย์เลว!” ชายแก่เหมือนจะอดนอนมาทั้งคืน สภาพดูไม่ค่อยดีแต่ยังมีสติแจ่มชัด “นายไปเรียกเฉิงเจวี้ยนมาช่วยนายทดลองได้ยังไง?”

 

 

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับองค์กรการแพทย์

 

 

“แน่นอนว่าเขาเป็นลูกรักของฉัน” กู้ซีฉือดื่มน้ำแล้วมองไปที่หน้าจอ “แต่ว่า อาจารย์รู้ได้ไงว่าเขาอยู่บ้านผม?”

 

 

“เมื่อคืนฉันคุยวิดีโอกับเขา ตอนนี้คนแก่พวกนั้นกำลังหารือกันยกใหญ่ พวกนายสองคนว่างแวะมาสักรอบไหม?” ชายแก่ตบรายงานบนโต๊ะ 

 

 

“ผมจะไปในอีกไม่กี่วัน” กู้ซีฉือวางแก้วบนโต๊ะพลางเตือนด้วยความสนิทสนม “อาจารย์แน่ใจแล้วเหรอว่าจะให้รุ่นพี่ไปด้วย?”

 

 

ชายแก่นิ่งไปสักพัก “งั้นไม่ต้องเรียกเขามา”

 

 

ถ้าเฉิงเจวี้ยนกลับไป…เขากลัวว่าจะโดนคนตีตาย

 

 

กลัวว่าองค์กรการแพทย์ระหว่างประเทศจะวุ่นวายจนพากันแตกกระเจิง

 

 

“จริงสิ นายไม่ได้ติดต่อกับลูกพี่ที่รวยๆคนนั้นแล้วเหรอ?” ชายแก่พลันนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ “ห้องทดลองต้องการนำเข้าเครื่องมือใหม่อีกล็อตใหญ่…”

 

 

องค์กรการแพทย์ระหว่างประเทศเต็มไปด้วยบุคลากรที่มีความสามารถและล้วนเป็นยักษ์ใหญ่แห่งวงการทางการแพทย์

 

 

แต่เงินทุนและกำลังคนที่ใช้ในการวิจัยผลแต่ละโครงการแทบจะไม่เพียงต่อความต้องการ

 

 

ในหลายปีมานี้จึงต้องขอบคุณลูกพี่คนนั้นที่ให้การสนับสนุนพวกเขาตลอดมา

 

 

“ไม่รู้ ผมก็ติดต่อกับเขาน้อยมาก ปกติเขาจะเป็นคนติดต่อผม รอเขาติดต่อผมมาแล้วผมจะช่วยถามให้” กู้ซีฉือพยักหน้าส่งๆ

 

 

มีคนเคาะประตูอยู่ด้านนอก

 

 

ทั้งเบาและช้า

 

 

จากนั้นเจียงตงเย่ก็ชะโงกหัวเข้ามา ทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวเผยรอยยิ้ม “พี่กู้ คุณฉินให้พี่ลงไปกินข้าว”

 

 

เขาพบว่าคำพูดของฉินหร่านได้ผลมากเมื่อนำมาใช้กับกู้ซีฉือ

 

 

กู้ซีฉือวางสายวิดีโอคอลที่คุยกับชายแก่ เขาหยิบพรมที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาแล้วสะบัดไปที่หน้าเขา “รู้แล้ว!”

 

 

**

 

 

ชั้นล่าง

 

 

หลายคนกำลังทานอาหารกันอยู่

 

 

ลู่จ้าวอิ่งกำลังพูดถึงการเข้าชมการแข่งขันของทีม OST “ในการแข่งขันกับทีมWATจากประเทศ h ทีมที่เป็นอันดับหนึ่งของประเทศเรากับทีมอันดับหนึ่งของประเทศ h ถ้าจะให้พูดอย่างเป็นทางการก็คือนี่เป็นการต่อสู้ระหว่างราชาของทั้งสองประเทศ แต่ยังไงเทพพระอาทิตย์จะต้องชนะอย่างแน่นอน!”

 

 

การแข่งขันจิ่วโจวอีสปอร์ตทัวร์นาเมนต์ระดับประเทศในแต่ละสนามจะมีการถ่ายสดอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีผู้ชมกว่าร้อยล้านคน

 

 

เนื่องจากการแข่งขันมีการถ่ายทอดสดหลายแพลตฟอร์ม

 

 

วัยรุ่นที่เสพติดอินเทอร์เน็ตบางส่วนจึงกระจุกตัวอยู่ในร้านอินเทอร์เน็ตเพื่อดูหน้าจอใหญ่ๆ กันให้เต็มตาแต่เช้า

 

 

ทีมWATและทีมOSTเป็นทีมที่แข็งแกร่ง เดิมทีทุกคนคิดว่าจะได้เห็นพวกเขาในรอบชิงชนะเลิศระดับเอเชีย แต่ใครจะคิดว่าพวกเขาจะได้เห็นทั้งสองทีมแข่งกันที่เมืองเซี่ยงไฮ้

 

 

ฉินหร่านกัดขนมปังและฟังอย่างไม่ใส่ใจ

 

 

“พวกนายมีบัตรแค่สี่ใบนี่ ครั้งนี้ให้เฉิงมู่ไปสิ ฉันไม่ไปแล้ว” ที่เจียงตงเย่ไปครั้งที่แล้วก็เพื่อให้ฉินหร่านไปคุยกับผู้บัญชาการเฉียน

 

 

ในเมื่อตอนนี้หากู้ซีฉือเจอแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องไป

 

 

เจียงตงเย่นั่งตรงที่นั่งพลางมองเฉิงเจวี้ยน คิดได้สักพักก็พูดขึ้นมาว่า “เฉิงเจวี้ยน นายรู้ไหมว่าใครเป็นคนออกแบบระบบป้องกันพวกนี้ในบ้านกู้ซีฉือ? โคตรเจ๋ง เป็นระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ฉันคนนึงที่อยากทำบ้าง”

 

 

โดยเฉพาะหุ่นยนต์เสี่ยวเอ้อร์ตัวนี้

 

 

เจียงตงเย่คิดว่านี่จะต้องเป็นการออกแบบมาเพื่อกู้ซีฉือโดยเฉพาะเพราะรู้ว่าเขาเป็นคนขี้เกียจ

 

 

“ไม่รู้” เมื่อได้ยินดังนั้น เฉิงเจวี้ยนก็หรี่ตา “นายถามเขาเองสิ”

 

 

ฉินหร่านก้มหน้ากินข้าวอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ไม่กล้าเงยหน้า

 

 

มือถือดังขึ้น

 

 

ฉินหร่านกินเนื้ออีกคำแล้วหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นวีแชทจากหยางเฟย——

 

 

การแข่งขันวันนี้มาเร็วหน่อยได้ไหม?

 

 

เขาไม่บอกเหตุผล ฉินหร่านขมวดคิ้ว

 

 

**

 

 

ครั้งนี้เป็นการแข่งขันรอบก่อนชิงชนะเลิศโดยแปดทีมอันดับแรกจะถูกจับคู่การแข่งขันให้เป็นสี่คู่และคัดออกจนเหลือผู้ชนะสี่ทีมสุดท้าย

 

 

แต่ละเกมการแข่งขันจะมีทั้งผู้แพ้และผู้ชนะ

 

 

เวลาหนึ่งทุ่ม กลุ่มฉินหร่านก็พากันมาที่โรงยิมใจกลางเมือง

 

 

“ฉินเสี่ยวหร่านมาเร็วขนาดนี้ เธอดูผู้ชมพวกนั้นกำลังเข้าคิวกันอยู่เลย” ลู่จ้าวอิ่งชี้ไปที่แถวกลุ่มคนที่อยู่ตรงด้านหน้า “หนึ่งทุ่มสี่สิบนาทีถึงจะได้เข้าไปได้”

 

 

ฉินหร่านไม่ได้พูดอะไร เธอพาพวกเขาไปอีกทางหนึ่ง อี้จี้หมิงกำลังรออยู่ข้างทาง

 

 

เขาสวมหมวกแก๊ป ไม่ได้ใส่ชุดประจำทีม แต่สวมเสื้อแจ็คเก็ตบุนวม จึงไม่มีแฟนคลับจำเขาได้

 

 

“เทพฉิน ทางนี้!” เขาเรียกเมื่อเห็นฉินหร่าน

 

 

“มีเรื่องอะไร?” ฉินหร่านมองเขา

 

 

อี้จี้หมิงเลิกคิ้ว “ตามฉันมา” เขาพาฉินหร่านและพรรคพวกเข้าประตูหลังไปที่ห้องพักรับรองของทีม

 

 

ทันทีที่ลู่จ้าวอิ่งเข้าไป เขาก็เห็นหยางเฟยนั่งอยู่บนเก้าอี้เกม ข้างๆ เขายังมีหมอสองคนกำลังทำการตรวจให้เขาอยู่

 

 

“เทพพระอาทิตย์เป็นอะไรไปล่ะ?” ลู่จ้าวอิ่งหน้าถอดสี

 

 

เฉิงเจวี้ยนเดินตามฉินหร่านมาจากข้างหลัง พอเห็นหยางเฟยก็พูดขึ้นมาว่า “โดนวางยาแล้ว กล้ามเนื้อแข็งตัว ยาชนิดนี้ไม่มีขายตามท้องตลาด ต้องไปที่โรงพยาบาลถึงจะแก้ได้ เป็นอาการที่มาจากผลข้างเคียงซะส่วนใหญ่ ฉันแนะนำว่าส่งไปให้กู้ซีฉือตรวจสอบดูเพราะเขามีของเยอะ”

 

 

หยางเฟยและโค้ชต่างถอดสีหน้า จากนั้นก็มองไปทางฉินหร่าน

 

 

ถ้าเป็นแบบนี้ การแข่งขันคืนนี้ยังจะแข่งอะไรได้อีก?

 

 

หมอทั้งสองมองไปทางเฉิงเจวี้ยน ท่าทางของเขายังดูเด็กเกินไป เหมือนเป็นคุณหนูคุณชาย ทั้งสองพูดอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่า “คุณรู้ได้ยังไง?”

 

 

เฉิงเจวี้ยนยืนพิงผนังข้างๆ อย่างเอื่อยเฉื่อย เลิกคิ้วใส่พวกเขาด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง

 

 

ฉินหร่านได้ยินดังนั้นก็นิ่งไปสักพัก เธอขมวดคิ้วมองไปทางหยางเฟย “ในเมื่อเขาบอกมาแบบนี้ นายจะต้องไปตรวจ”

 

 

ฉินหร่านหยิบโทรศัพท์ต่อสายหากู้ซีฉือโดยตรง

 

 

ด้วยความไว้วางใจที่เขามีต่อฉินหร่านทำให้เขาไม่อาจพูดอะไรได้ เธอพูดมาขนาดนี้ ใจเขาเริ่มจมดิ่งลง หลังจากนั้นไม่นานก็เงยหน้ามองไปทางฉินหร่าน “เทพฉิน OSTจะแพ้ไม่ได้ เธอเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ได้ไหม?”

 

 

สักพักเขาก็พูดต่อ “ตอนนั้นที่เธอออกจากทีม ท่าน…อะแฮ่ม โค้ชยังไม่ได้ตัดชื่อเธอออก ชื่อเธอยังอยู่ในรายชื่อสมาชิกตัวจริงของทีม…”

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ด้วยว่าพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ยังเล็ก และ ฉินหร่าน ไม่ใช่เด็กประพฤติดี นอกจากจะไม่ตั้งใจเรียนจนผลการเรียนย่ำแย่แล้ว เธอยังหัวรั้นและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจนโดนพักการเรียนไปเป็นปี แตกต่างจาก ฉินอวี่ น้องสาวที่เป็นนักเรียนดีเด่นผู้แสนเพียบพร้อมราวฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงเลือกพาน้องสาวไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียวและทิ้งฉินหร่านเอาไว้ท่ามกลางชนบท ปล่อยให้เธอเติบโตเพียงลำพังในความดูแลของคุณยายวัยชรา สองยายหลานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบสองปี จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายเกิดป่วยหนักอาการโคม่าต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง ครอบครัวฉินจึงได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อคุณยายไม่สามารถดูแลฉินหร่านด้วยตัวเองได้ต่อไปได้อีก แม่ของเธอจึงอาสารับเลี้ยงเธอไว้แทน กระนั้นก็ยังไม่วายเหน็บแนมหญิงสาวอยู่ตลอดว่าอย่าทำตัวน่าขายหน้า ให้เอาอย่างฉินอวี่ผู้เป็นน้องบ้าง กระนั้นกลับไม่มีใครล่วงรู้เลยว่านอกจากฉินหร่านจะมีใบหน้างดงามเกินเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งตัวตนปริศนาที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ เพราะใครกันล่ะที่ทำข้อสอบกากบาททุกข้อแล้วผลคะแนนสอบจะออกมาได้เท่ากับศูนย์ในทุกๆ วิชา เธอโง่จริงๆ หรือว่าตั้งใจกันแน่… เช่นเดียวกับ เฉิงเจวี้ยน หมอหนุ่มประจำโรงเรียนที่แสนธรรมดาคนนั้น ทว่า…เขาเป็นแค่หมอประจำโรงเรียนจริงหรือ เมื่อโชคชะตานำพาให้คนสองคนที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้มาพบกัน หน้ากากของใครจะถูกกระชากออกมาก่อนนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset