เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ – ตอนที่ 212 กลุ่มอิทธิพลที่รับมือยากแห่งรัฐ M แมทธิวตามหาเธอ

ขบวนรถออกเดินทาง

 

 

รัฐ M เป็นจุดเชื่อมระหว่างพื้นที่ภูเขากับที่ราบ เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศของแต่ละประเทศและอยู่ติดกับทะเล เนื่องจากความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ จึงมีคนทุกประเภทปะปนกันอยู่ในนั้น

 

 

จุดหมายของฝ่ายจัดซื้อจะไปคือท่าเรือของพวกเขาเอง

 

 

เนื่องจากซือลี่หมิงเคยออกเดินทางพร้อมกับขบวนรถและคุ้นเคยเส้นทางเป็นอย่างดี ซือลี่หมิงจึงรับหน้าที่เป็นคนขับรถให้ฉินหร่าน

 

 

เวลาแปดโมง ขบวนรถออกเดินทางตรงเวลา ซือลี่หมิงนั่งตำแหน่งคนขับ ขณะที่ขับรถไปตามขบวน ก็อธิบายข้อสงสัยไปด้วย

 

 

“นี่เป็นการส่งมอบสินค้ากับพรรคพวกที่เหมืองแร่” ซือลี่หมิงวางมือบนพวงมาลัย รถได้ขับมาถึงศูนย์กลางการค้าที่เจริญที่สุดเรียบร้อยแล้ว และเริ่มเห็นพื้นที่ราบ “รัฐMถูกจำกัดเที่ยวบิน พวกเราจะไปเอาของที่ชายแดนแล้วกลับมา จากนั้นภารกิจครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้น ที่เหลือก็กระจายสินค้าเข้าสู่ท้องตลาด ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไร ดังนั้นฝีมือการต่อสู้ของฝ่ายจัดซื้อ จึงค่อนข้างต่ำ”

 

 

ตอนที่ซือลี่หมิงบอกว่าศักยภาพต่ำ เฉิงมู่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ก้มหน้าลง

 

 

ฉินหร่านที่นั่งอยู่เบาะหลังเอามือเกาะหน้าต่าง มองไปยังวิวทิวทัศน์ข้างนอกที่แปลกหูแปลกตา พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “วันนี้ไม่ปกติเหรอ?”

 

 

“อืม ตระกูลมาสต้องการเนื้อชิ้นนี้ในมือเรามานานแล้ว ในมือเราไม่ได้มีแค่ธุรกิจ ลานจอดเครื่องบินที่ได้กำไรที่สุดในชายแดนรัฐก็อยู่ในขอบข่ายของเราเช่นกัน กลุ่มคาราวานพ่อค้าล้วนต้องจ่ายกันทุกคน” ซือลี่หมิงขับไปตามขบวนรถแล้วเลี้ยวขึ้นบนถนนลาดยางพลางเล่าอย่างสบายอารมณ์

 

 

“เดือนก่อน ตระกูลมาสต้องการฮุบธุรกิจของพวกเรา ส่วนแมทธิวก็มองหาหลักฐานการลักลอบขนสินค้าของเราเหมือนกัน คาดว่าสินค้าล็อตนี้คงจะลำบากหน่อย คุณฉิน ทำไมคุณถึงอยากจะมากับขบวนรถล่ะ?” ซือลี่หมิงมองผ่านกระจกมองหลัง

 

 

ฉินหร่านจับคาง เธอเลิกคิ้วทำตายิ้ม หว่างคิ้วยังคงดูเอื่อยเฉื่อยเหมือนมีความเจ้าเล่ห์อยู่หน่อยๆ

 

 

ซือลี่หมิงคิดว่าตัวเองดูผิดไป ดวงตาเบิกกว้าง

 

 

พอมองอีกครั้ง ฉินหร่านก็กลับมาร่างเดิม เธอเอามือเท้าคาง ตอบเขาด้วยท่าทางที่ยังคงเอื่อยเฉื่อย “ก็แค่อยากไปเที่ยวเล่น”

 

 

ไม่รู้ว่าทำไม ซือลี่หมิงถึงรู้สึกว่าคำว่า ‘เที่ยวเล่น’ ของฉินหร่านค่อนข้างมีความหมาย

 

 

“แมทธิวนั่นเป็นตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ” ซือลี่หมิงให้ความรู้กับทั้งสองต่อ แต่กลัวว่าทั้งสองคนจะเบื่อก็เลยไม่ได้พูดอะไรมาก อธิบายคร่าวๆ “ส่วนตระกูลมาสอยู่ในศูนย์กลางการค้าของรัฐM”

 

 

หลังจากขับรถมาได้สี่ชั่วโมงก็แทบจะไม่เห็นเงาคนเลย สองข้างทางเห็นแค่เมืองเล็กๆ ปะปนกันไปเป็นบางครั้งคราว

 

 

ช่วงเที่ยงวัน ขบวนรถก็จอดเรียงรายริมถนน

 

 

หัวหน้าโจวจัดกลุ่มให้เจ้าหน้าที่กินข้าว

 

 

“หัวหน้าโจว พวกเรากินแค่อาหารแห้งบนรถก็ได้” ผู้กองลั่วเป็นคนของฝ่ายยุติธรรม เขานั่งอยู่บนรถคันที่สอง พอลงจากรถก็เดินไปหาหัวหน้าโจว “ทำไมต้องจอดรถด้วย แบบนี้สามทุ่มจะถึงเหรอ”

 

 

หัวหน้าโจวไม่ตอบ เพียงหันไปมองด้านหลัง

 

 

พอผู้กองลั่วมองไปตามสายตาเขา ก็เห็นพวกฉินหร่าน

 

 

ซือลี่หมิงกับเฉิงมู่กำลังถือกล่องเก็บอุณหภูมิออกมาจากท้ายรถ และนำอาหารที่คนรับใช้ของคฤหาสน์เตรียมไว้ให้อย่างพิถีพิถันออกมา

 

 

มันดูต่างกับอาหารหยาบๆ ของพวกหัวหน้าโจวโดยสิ้นเชิง

 

 

ไม่เหมือนมาทำภารกิจ แต่เหมือนมาเที่ยว

 

 

หัวหน้าตู้ได้กำชับผู้กองลั่วก่อนจะมาแล้ว พอเห็นว่าเป็นฉินหร่านก็ไม่พูดอะไรมาก เพียงก้มหน้าบ่น “ผู้หญิงนี่ยุ่งยากจริงๆ เลย” จากนั้นก็ไปเอาอาหารแห้ง

 

 

“คุณฉิน” หัวหน้าโจวเดินมาหาฉินหร่านหลังจากกินขนมปังกับหัวหน้าทีมหน่วยจัดซื้อคนอื่นๆ เสร็จ “นั่งรถมาไกลขนาดนี้ชินบ้างหรือยังครับ? ตอนบ่ายเราอาจจะจอดไม่ได้แล้ว”

 

 

ฉินหร่านสวมผ้าลินินด้านใน ด้านนอกเป็นเสื้อแจ็กเกตขนเป็ดสีดำยาวถึงเข่าและมีหมวกติดกระดุมที่หัว เธอไม่ได้ดูอ้วนเมื่อสวมใส่มัน มือเรียวขาวกำลังถือกระติกน้ำร้อน จิบเป็นพักๆ

 

 

เมื่อเห็นหัวหน้าโจวเดินมา เธอจึงดึงหมวกเสื้อขนเป็ดลง เผยให้เห็นใบหน้าขาวปานหิมะ

 

 

“ไม่เป็นไร” เธอจิบน้ำไปอีกหนึ่งคำ พูดกระชับได้ใจความ

 

 

เหมือนไม่ใช่คนพูดมาก หัวหน้าโจวสอบถามไปไม่กี่คำ เมื่อเห็นเธอชินแล้วและไม่ได้บ่นอะไรจึงไม่ถามต่อ

 

 

“หัวหน้าโจว แมทธิวจะหาเราเจอไหม?” ซือลี่หมิงหยิบขนมมาหนึ่งชิ้น เขานั่งบนพื้นพร้อมกับถามหัวหน้าโจว

 

 

“เมื่อคืนฉันถามหัวหน้าตู้แล้ว คิดว่าคงไม่เจอหรอก” หัวหน้าโจวอดขมวดคิ้วไม่ได้เมื่อพูดถึงแมทธิว

 

 

เฉิงมู่หม่นหมองมาตลอดตั้งแต่เมื่อคืน

 

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อแมทธิว เขากัดขนมปังแล้วมองไปทางซือลี่หมิง “พวกนายทำภารกิจแล้วยังได้เจรจากับตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศอย่างแมทธิวด้วยเหรอ?”

 

 

เฉิงมู่เคยได้ยินเจียงตงเยี่ยพูดถึงชื่อแมทธิว เขาจึงรู้ดีว่าอีกฝ่ายเก่งกาจขนาดไหนและยังเคยช่วยเคลียร์ปัญหาให้กู้ซีฉือมาไม่น้อย

 

 

ตอนนั้น เฉิงมู่ฟังโดยยกแมทธิวเป็นบุคคลในตำนาน

 

 

แท้ที่จริงแล้วแมทธิวก็มีชื่อเสียงพอๆ กับบอสใหญ่เหล่านั้นในระดับนานาชาติ สำหรับแวดวงที่เฉิงมู่อยู่ในตอนนั้น มันช่างห่างไกลเหลือเกิน

 

 

เฉิงมู่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าพอมาถึงรัฐMแล้ว เขาอาจจะได้เจอแมทธิว

 

 

“มีเจรจากันอยู่บ่อยๆ นายอยู่ไปเดี๋ยวก็รู้เอง” หัวหน้าโจวเหลือบมองเฉิงมู่ จากนั้นก็พูดกับอีกสองสามคนแล้วเดินไปด้านข้าง

 

 

เฉิงมู่รู้สึกได้ถึงช่องว่างขนาดใหญ่อีกครั้ง

 

 

“แมทธิวคอยจับตามองเราไม่ใช่แค่วันสองวัน เป็นบุคคลที่ร้ายกาจคนหนึ่ง” ซือลี่หมิงหยิบขวดน้ำจากท้ายรถมาดื่ม

 

 

แมทธิวมีความสัมพันธ์อันดีกับกู้ซีฉือขนาดนั้น งั้นฉินหร่านล่ะ?

 

 

พอคิดถึงตรงนี้ เฉิงมู่ก็อดมองไปทางฉินหร่านไม่ได้ อีกฝ่ายก้มหน้าดื่มน้ำ ดวงตาที่หลุบลงทำให้มองเห็นสีหน้าไม่ค่อยชัด

 

 

เฉิงมู่อยากถามเธอว่ารู้จักแมทธิวหรือไม่ เพราะเธอสนิทกับกู้ซีฉือมากขนาดนั้น…

 

 

แต่ตอนนี้คนเยอะเกินไป เฉิงมู่จึงไม่ได้ถาม

 

 

ไม่ไกลมากนัก ผู้กองลั่วแห่งฝ่ายยุติธรรมก็เรียกซือลี่หมิง

 

 

“คุณฉิน ผมขอไปหาเพื่อนเก่าก่อนนะ แล้วจะรีบกลับมาครับ” หลังจากซือลี่หมิงบอกฉินหร่านก็เดินไปหาผู้กองลั่ว

 

 

**

 

 

“ซือลี่หมิง นายเป็นอะไรไป?” ผู้กองลั่วเห็นซือลี่หมิงก็กระซิบถาม “เมื่อก่อนนายเคยบอกฉันไม่ใช่เหรอว่าต่อไปนายจะขยันฝึกซ้อมเพื่อสอบเข้าฝ่ายยุติธรรมใหม่น่ะ? เดือนหน้าก็จะสอบอยู่แล้ว ตอนนี้ทำไมถึง…”

 

 

เขาชำเลืองมองไปทางฉินหร่าน ทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด

 

 

ชายร่างใหญ่หลายคนที่เพิ่งขึ้นรถกำลังคุยสัพเพเหระกันอยู่ ส่วนผู้กองลั่วเองก็ได้รู้สิ่งที่ซือลี่หมิงทำอยู่ทุกวันนี้ จึงอดย่นคิ้วไม่ได้

 

 

“ฉันคิดว่าตอนนี้ก็ไม่เลว” ซือลี่หมิงยิ้ม “ที่จริงคุณฉินรอบรู้มาก”

 

 

เมื่อผู้กองลั่วเห็นเขาเป็นเสียแบบนี้ก็ไม่ได้เกลี้ยกล่อมต่อ ตบไหล่ซือลี่หมิงอย่างหมดคำพูดแล้วหยิบน้ำเดินไป

 

 

ซือลี่หมิงกลับมาที่รถ

 

 

พักได้ยี่สิบนาที ขบวนรถก็ออกเดินทางใหม่อีกครั้ง

 

 

เมื่อวานฉินหร่านหลับไปค่อนข้างนาน เธอจึงไม่ได้หลับบนรถ แต่หยิบโทรศัพท์เปิดดูวีแชท

 

 

เหยียนซีตอบกลับด้วยข้อความเสียง

 

 

ฉินหร่านหยิบหูฟังออกจากกระเป๋ามาเสียบหู จากนั้นก็ฟังข้อความเสียงจากเหยียนซี

 

 

เขาให้วงดนตรีเฉพาะของเขาบรรเลงโหมโรง เป็นเพลงบัลลาด แต่กลับมีจังหวะหนักแน่น 

 

 

เหยียนซีฟังจบก็ขนลุกไปทั้งตัว

 

 

แม้จะเป็นข้อความที่ยาวเพียงสามสิบวินาที

 

 

ฉินหร่านเพิ่งจะฟังจบ เหยียนซีก็ส่งข้อความกลับมา——

 

 

(แต่งเพลงได้เทพมาก!)

 

 

(เพลงโหมโรงขั้นเทพ!)

 

 

เขาส่งมีมคุกเข่าคารวะ

 

 

ฉินหร่านคุ้นชินกับการเล่นใหญ่แบบนี้แล้ว เธอกดฟังมันอีกครั้งแล้วหลับตา พลางนึกว่ายังสามารถเพิ่มรายละเอียดอะไรได้อีกไหม

 

 

**

 

 

ช่วงบ่ายเปลี่ยนให้เฉิงมู่เป็นคนขับ เพราะกลัวว่าซือลี่หมิงจะเหนื่อย หลังจากออกจากศูนย์กลางการค้ารัฐ M มาแล้ว ก็มีถนนเพียงเส้นเดียว ซือลี่หมิงก็ไม่กลัวว่าเฉิงมู่จะขับผิดทาง

 

 

เวลาสองทุ่ม

 

 

มาถึงชายแดนรัฐ M

 

 

ทางชายแดนมีเจ้าหน้าที่มาคอยคุ้มกันโดยเฉพาะ ยืนอยู่แถวเดียวกันกับตำรวจทหาร ในมือถืออาวุธสงคราม สะท้อนแสงที่ให้ความรู้สึกเย็นเยือกภายใต้แสงไฟริมถนน

 

 

ไม่ว่าจะเข้าหรือออกเขตชายแดน จะต้องมีการตรวจสอบอยู่เสมอ

 

 

เนื่องจากรัฐ M อยู่ในศูนย์กลางการค้าที่เจริญรุ่งเรือง ปริมาณธุรกรรมรายวันและการหลั่งไหลของผู้คนจึงมีอยู่เป็นจำนวนมาก รถแถวข้างๆ กำลังรอตรวจค้นอยู่

 

 

หมายเลขป้ายทะเบียนขบวนรถของหัวหน้าโจวล้วนเป็นหมายเลขเฉพาะ รถสีดำคันที่ขับนำหน้ามีการปักธงไว้ด้านข้าง ธงนั้นก็คือธงที่แขวนในคฤหาสน์ของเฉิงเจวี้ยน

 

 

เมื่อเห็นธง ประตูที่ถูกปิดตายตรงเขตชายแดนก็เปิดออก

 

 

ตำรวจทหารที่ยืนอยู่ริมถนนได้หลีกทางให้ทางผ่านทันที

 

 

ขบวนรถทั้งหมดแทบจะไม่ได้หยุดและขับออกจากชายแดนไป

 

 

บริเวณชายแดน กลุ่มคนที่กำลังถูกตรวจค้นคือพวกไต้หรานและฉินอวี่นั่นเอง

 

 

ฉินอวี่ลงจากรถและเห็นขบวนรถข้างๆ กำลังขับออกจากชายแดนไปโดยตรง เธอมองไปที่ท้ายรถอยู่นานก็อดไม่ได้ที่จะถามไต้หราน “อาจารย์คะ ทำไมพวกเขาไม่ต้องตรวจสอบล่ะ?”

 

 

ไต้หรานไม่ได้มารัฐMบ่อยนัก นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเหตุการณ์แบบนี้ พอได้ยินดังนั้นเขาจึงส่ายหน้า “ฉันก็ไม่รู้”

 

 

เมื่อนักธุรกิจผมบลอนด์ที่อยู่ถัดจากพวกเขาลงจากรถเพื่อรอการตรวจสอบได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเบาๆ “กลุ่มอิทธิพลในรัฐ M ทั้งเยอะและซับซ้อน แต่มีไม่กี่กองกำลังที่ผู้ครองรัฐไม่กล้ายุ่ง พอเห็นว่ารถคันนั้นมีธงพื้นดำดอกแดงหรือดอกฮิกังบานะ ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นขบวนรถของใคร นอกจากตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าตรวจสอบพวกเขาหรอก เว้นแต่ว่าอยากตายเท่านั้นแหละ”

 

 

ฉินอวี่กับไต้หรานไม่รู้ว่าธงนี้เป็นกองกำลังฝ่ายไหน

 

 

อย่างมากไต้หรานก็รู้จักแค่ตระกูลมาส เพราะเขาเคยเห็นพ่อบ้านของตระกูลมาสในงานเลี้ยงจากที่ไกลๆ

 

 

ฉินอวี่มารัฐ M คราวนี้ได้ความรู้มากมาย

 

 

เธอเพิ่งรู้ว่าโลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่แค่ไหน โลกของเธอเล็กเพียงใด เธอบีบข้อมือตัวเอง เธอจะต้องคว้าโควตาของวิทยาลัยเมืองหลวงให้ได้

 

 

**

 

 

ขบวนรถหัวหน้าโจวออกจากชายแดนแล้ว

 

 

ขับต่อไปอีกหนึ่งชั่วโมงกว่าก็จะไปถึงลานจอดเครื่องบินในเวลาสามทุ่มครึ่ง 

 

 

เมื่อไปถึงบนยอดเขา

 

 

เฉิงมู่จอดรถแล้วหันไปมองฉินหร่านที่นั่งอยู่ข้างหลัง เหมือนเธอกำลังดูโทรศัพท์อยู่ เขาจึงปลดเข็มขัดนิรภัยลงจากรถก่อนโดยไม่ได้เร่งเร้า

 

 

หัวหน้าโจวและคนอื่นๆ ที่นำหน้าก็ลงจากรถ เขากำลังโทรหาใครบางคนโดยไม่รู้ว่ากำลังคุยเรื่องอะไร

 

 

ในรถ ฉินหร่านปิดหน้าแชทของเหยียนซี ขณะกำลังจะปิดโทรศัพท์ก็เห็นข้อความเด้งมาจากด้านบน——

 

 

c : แมทธิวกำลังตามหาเธอ

Related

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ด้วยว่าพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ยังเล็ก และ ฉินหร่าน ไม่ใช่เด็กประพฤติดี นอกจากจะไม่ตั้งใจเรียนจนผลการเรียนย่ำแย่แล้ว เธอยังหัวรั้นและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจนโดนพักการเรียนไปเป็นปี แตกต่างจาก ฉินอวี่ น้องสาวที่เป็นนักเรียนดีเด่นผู้แสนเพียบพร้อมราวฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงเลือกพาน้องสาวไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียวและทิ้งฉินหร่านเอาไว้ท่ามกลางชนบท ปล่อยให้เธอเติบโตเพียงลำพังในความดูแลของคุณยายวัยชรา สองยายหลานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบสองปี จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายเกิดป่วยหนักอาการโคม่าต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง ครอบครัวฉินจึงได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อคุณยายไม่สามารถดูแลฉินหร่านด้วยตัวเองได้ต่อไปได้อีก แม่ของเธอจึงอาสารับเลี้ยงเธอไว้แทน กระนั้นก็ยังไม่วายเหน็บแนมหญิงสาวอยู่ตลอดว่าอย่าทำตัวน่าขายหน้า ให้เอาอย่างฉินอวี่ผู้เป็นน้องบ้าง กระนั้นกลับไม่มีใครล่วงรู้เลยว่านอกจากฉินหร่านจะมีใบหน้างดงามเกินเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งตัวตนปริศนาที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ เพราะใครกันล่ะที่ทำข้อสอบกากบาททุกข้อแล้วผลคะแนนสอบจะออกมาได้เท่ากับศูนย์ในทุกๆ วิชา เธอโง่จริงๆ หรือว่าตั้งใจกันแน่… เช่นเดียวกับ เฉิงเจวี้ยน หมอหนุ่มประจำโรงเรียนที่แสนธรรมดาคนนั้น ทว่า…เขาเป็นแค่หมอประจำโรงเรียนจริงหรือ เมื่อโชคชะตานำพาให้คนสองคนที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้มาพบกัน หน้ากากของใครจะถูกกระชากออกมาก่อนนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset