เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ – ตอนที่ 218 แฮ็กเกอร์ที่อยู่เบื้องหลังแมทธิว

หลังจากผ่านคืนนั้นมา ผู้กองลั่วก็นิ่งขึ้นมากเมื่อพูดถึงเรื่องนี้

 

 

ตอนนั้นเขายังไม่เคยผ่านเหตุการณ์แบบนั้นมาก่อน จึงไม่ได้สัมผัสมันด้วยตัวเอง

 

 

แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์ แต่เมื่อเห็นหัวหน้าทหารรับจ้างที่เอาแต่ถือมีดมานั่งย่างเนื้องกๆ แบบในวิดีโอ นี่ก็มากพอที่จะทำให้คนตกใจได้หลายวัน

 

 

เดิมทีคนรอบข้างผู้กองลั่วก็ตกใจอยู่แล้วที่เห็นผู้กองลั่วขยายภาพย่างเนื้อ แต่พอตอนที่รู้ว่านั่นคือหัวหน้าทหารรับจ้าง ทันใดนั้นก็ตกอยู่ในความเงียบอย่างน่าประหลาดใจ

 

 

แม้แต่เฉิงสุ่ยที่สงบเสงี่ยมมาตลอดก็ไม่เว้น “เขาไปย่างเนื้อได้ยังไง?”

 

 

ผู้กองลั่วพลันนึกถึงภาพปลุกพญามัจจุราชที่น่าสยดสยองภาพนั้น บนแขนขนลุกเป็นชั้นๆ 

 

 

เฉิงเจวี้ยนให้ฉินหร่านตามพวกเขาออกไป “เที่ยว” ซึ่งก่อนหน้าผู้กองลั่วและคนอื่นๆ ต่างก็ไม่ค่อยพอใจนัก พวกเขาไม่รู้ว่า “เที่ยว” หมายถึงอะไรจนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา

 

 

ฉินหร่านเห็นภารกิจครั้งนี้เป็นการเที่ยวเล่นจริงๆ

 

 

และที่เฉิงเจวี้ยนไม่ได้เพิ่มกำลังคนให้พวกเขาตอนออกเดินทาง นั่นก็เพราะว่าเขารู้ความแข็งแกร่งของฉินหร่านอยู่แล้ว?

 

 

“เดี๋ยวเราค่อยว่ากัน” ผู้กองลั่วเตรียมจะให้พวกเขาไปหาม้านั่งที่หอประชุมก่อนเพื่อจะได้คุยกันยาวๆ

 

 

**

 

 

ด้านนี้ พวกฉินหร่านสามคนถึงส่วนกลางของปราสาทแล้ว

 

 

เฉิงมู่เอาดอกไม้ของฉินหร่านไปส่งให้เธอที่ห้องก่อน

 

 

ส่วนซือลี่หมิงก็เอากระเป๋าเดินทางของฉินหร่านส่งกลับไป

 

 

ฉินหร่านเดินตรงมาที่ห้องหนังสือ เฉิงเจวี้ยนยุ่งอยู่ในห้องหนังสือตลอด ตอนที่เธอเข้าไป มีคนที่เหมือนจะเป็นพ่อบ้านยืนอยู่หน้าโต๊ะเพื่อรายงานสถานการณ์

 

 

“ออกไปก่อน” เมื่อเฉิงเจวี้ยนเห็นฉินหร่าน เขาก็ดึงลิ้นชักแล้วเอาเอกสารที่อยู่ในมือใส่เข้าไปด้านใน และบอกชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะของเขา

 

 

ชายวัยกลางคนก้มหน้าเดินออกไปโดยไม่กล้าสบตา

 

 

หลังจากเห็นชายวัยกลางคนเดินออกไปแล้ว เธอก็ลากเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้าเขามานั่ง

 

 

เฉิงเจวี้ยนไม่ได้คุยกับฉินหร่านในทันที แค่มองการเคลื่อนไหวของเธอ ดูเหมือนจะมีพายุในดวงตามืดมิดที่เงียบสงบ

 

 

“เที่ยวเป็นไงบ้าง?” หลังจากนั้นไม่นานเฉิงเจวี้ยนก็ละสายตา มือยังคงถือปากกาพลางยิ้ม

 

 

เหมือนไม่ต่างจากเมื่อก่อน

 

 

ฉินหร่านวางมือบนโต๊ะ เลิกคิ้ว จากนั้นก็ตอบเขาด้วยความสุขุม “ใช้ได้ แม่ครัวทำเนื้อได้ดีเลยทีเดียว”

 

 

เฉิงมู่กับซือลี่หมิงที่กำลังเคาะประตู “…”

 

 

เฉิงเจวี้ยนพยักหน้า เฉิงสุ่ยเป็นคนทำอะไรรอบคอบมาก

 

 

“นายท่าน” ซือลี่หมิงกับเฉิงมู่เข้ามา หลังจากทักเฉิงเจวี้ยนก็เริ่มรายงาน “ผมช่วยคุณเฉิงหั่วประมูลหุ่นยนต์มาได้ตัวนึง เป็นตัวที่เขาเคยพูดถึงก่อนหน้านี้”

 

 

ฉินหร่านมองสำรวจหนังสือทั้งสองด้านไปเรื่อยเปื่อย เธอมีสติขึ้นมาหน่อยหลังจากได้ยินประโยคนี้

 

 

“รุ่นEA?” เฉิงเจวี้ยนวางปากกา การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างเอื่อยเฉื่อย

 

 

ในช่วงไม่กี่วันมานี้เฉิงมู่คุยกับพวกเฉิงเจวี้ยนไม่รู้เรื่องเลย เขาไม่รู้ว่าพวกเฉิงเจวี้ยนกำลังทำอะไรกันอยู่ และไม่รู้จักตัวละครอื่นใด ดังนั้นเขาจึงฟังด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

 

 

“EA3” ซือลี่หมิงคำนวณเวลา “วันนี้ก็น่าจะถึงแล้ว…”

 

 

ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดถึงEA3กันต่อ จู่ๆ ฉินหร่านก็ลุกขึ้น “ฉันกลับไปนอนก่อนนะ”

 

 

รถของพวกเขาขับกลับข้ามวันข้ามคืน ทุกคนจึงไม่ได้หลับดีตลอดทั้งคืน ส่วนฉินหร่านเองก็เล่นเกมมาตลอดทางก็เลยไม่ค่อยได้นอน

 

 

เฉิงเจวี้ยนเหลือบมองเธอโดยไม่พูดอะไร

 

 

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ยิ้มและพูดว่า “ไปพักผ่อนก่อน ตื่นมาตอนบ่ายอยากไปไหนอีกก็บอกเสี่ยวซือ”

 

 

เมื่อฉินหร่านที่เดินออกประตูห้องหนังสือไปแล้วได้ยินดังนั้น ก็โบกมือให้ข้างหลัง

 

 

พอเธอไปแล้ว เฉิงมู่ก็ยังไม่เข้าใจเรื่องหุ่นยนต์EA3 เขาจึงบอกเฉิงเจวี้ยนว่าจะไปสนามฝึกซ้อมแล้วผละตัวออกมา

 

 

**

 

 

เวลาบ่ายโมง

 

 

เฉิงสุ่ยถือโทรศัพท์เดินไปที่ส่วนกลางของปราสาท

 

 

“นายท่านอยู่ไหม?” เขาถามคนรับใช้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู

 

 

“อยู่ในห้องหนังสือครับ” คนรับใช้โค้งตัว

 

 

ยังอยู่ในห้องหนังสือ? เฉิงสุ่ยขมวดคิ้ว ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นจนถึงตอนนี้ เฉิงเจวี้ยนยังไม่ออกมาอีกเหรอ?

 

 

เขาเดินไปถึงชั้นสามก็เคาะประตูห้องหนังสือ ทันทีที่เข้าไปก็พบว่าที่แท้แล้วเฉิงเจวี้ยนยังเปิดกองเอกสารที่ได้มาจากรุ่ยจินเมื่อวานนี้อยู่เลย

 

 

“นายท่าน ยังไม่พบข้อมูลที่ต้องการหรือครับ?” เฉิงสุ่ยเหลือบมองกองเอกสาร

 

 

กองเอกสารพวกนั้นหนามาก ทว่าเฉิงเจวี้ยนเป็นคนอ่านหนังสือไวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นจนถึงตอนนี้ก็ใช้เวลาไปสิบกว่าชั่วโมง ถ้าเขาไม่หลับไม่นอนก็คงอ่านจบไปนานแล้ว

 

 

“ในนี้ไม่มี” เฉิงเจวี้ยนโยนแฟ้มลงบนโต๊ะ เนื่องจากเขาพักผ่อนไม่เพียงพอ ดวงตาจึงมีเส้นเลือดฝอย

 

 

เฉิงสุ่ยเหลือบมองกองเอกสารนั้นและพูดด้วยความแปลกใจ “งั้นคืนนี้ผมไปหารุ่ยจินอีกทีดีไหม?”

 

 

เฉิงเจวี้ยนไม่ได้พูดอะไร แต่ก้มหน้า รูม่านตาที่มืดมิดมีความสงบอย่างหาได้ยาก 

 

 

ผ่านไปได้สักพัก เฉิงสุ่ยก็คิดว่าเฉิงเจวี้ยนคงไม่ตอบเขาแล้ว แต่อีกฝ่ายเพิ่งจะตอบกลับมาว่า “ไม่ต้อง หาไม่เจอ…ก็ดี”

 

 

เฉิงสุ่ยยังไม่ตอบสนอง แค่มองเฉิงเจวี้ยนเอามือยันโต๊ะแล้วลุกขึ้น

 

 

“นายมาหาฉันเพราะเฉิงหั่วกลับมาแล้ว?” เฉิงเจวี้ยนเก็บเอกสารเสร็จ เขาก็หยิบเสื้อคลุมที่วางอยู่อีกด้าน

 

 

“ครับ เพิ่งจะมาถึงทางเข้าคฤหาสน์” เฉิงสุ่ยละสายตาจากกองเอกสาร

 

 

เฉิงเจวี้ยนสวมเสื้อคลุมอย่างเอื่อยเฉื่อยในขณะที่เดินออกไปข้างนอก “ไปเถอะ ไปดูข่าวสินค้าล็อตนี้ที่เฉิงหั่วเอากลับมา”

 

 

ระหว่างเดินออกจากส่วนกลางของคฤหาสน์ จะต้องเดินทะลุถนนหินกรวดทางซ้ายมือ ซึ่งจะผ่านสนามฝึกซ้อมพอดี

 

 

เฉิงมู่กลับมาก็ยังไม่ได้พักผ่อน เขาอยู่สนามฝึกซ้อมตลอด

 

 

สนามฝึกซ้อมมีพื้นที่ใหญ่มาก อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ข้างในนั้นคนเยอะตลอดและเนื่องจากเดือนหน้าจะมีการประเมิน ทุกคนจึงต้องขยันเป็นพิเศษ

 

 

เฉิงมู่มาทีหลัง พละกำลังต่ำ แทนที่จะครอบครองตำแหน่งที่ได้เปรียบที่สุดตรงกลาง เขากลับไปนั่งอยู่มุมสนามพลางถือท่อนไม้แกว่งไปมา

 

 

เฉิงสุ่ยเหลือบไปเห็นก็ขมวดคิ้ว “นายท่าน เขาอยู่ที่นี่ตลอดเลยหรอ?”

 

 

“อือ” เฉิงเจวี้ยนสอดมือเข้าในกระเป๋าเสื้อแล้วเหลือบมองเขา “โดนพวกนายยุน่ะ”

 

 

เฉิงมู่กับเฉิงสุ่ยอยู่รุ่นเดียวกัน แต่ความสามารถในแต่ละด้านต่างกันมาก การที่ในใจเขามีช่องว่างจึงเข้าใจได้ไม่ยาก

 

 

เฉิงสุ่ยส่ายหน้า “ผมไปเรียกเขาให้ขึ้นมาดีกว่า เขากับเฉิงหั่วไม่ได้เจอกันนานแล้ว”

 

 

เขาลงไปเรียกเฉิงมู่ขึ้นมา เฉิงมู่เดินตามหลังทั้งสองคนไปอย่างเงียบๆ ใต้ตาทั้งสองข้างมีรอยคล้ำอย่างเห็นได้ชัด

 

 

**

 

 

ทั้งสามมาถึงห้องประชุมในไม่ช้า

 

 

ยังมีเก้าอี้อยู่สองแถวเหมือนเดิม โดยตรงกลางมีหัวหน้าของแต่ละหน่วยและหัวหน้าทีมในแต่ละทีม

 

 

ด้านในมีชายหนุ่มคนหนึ่งและสาวผมบลอนด์ถูกล้อมอยู่ตรงกลาง เมื่อเห็นเฉิงเจวี้ยนเข้ามา ทุกคนก็ยืนขึ้นและแยกเป็นสองฝั่ง

 

 

เฉิงเจวี้ยนนั่งด้านหน้าโดยมีเฉิงสุ่ยกับเฉิงมู่ยืนขนาบสองข้าง

 

 

เมื่อก่อนมีเพียงเฉิงสุ่ยเท่านั้นที่สามารถยืนอยู่ด้านซ้ายมือของเฉิงเจวี้ยน และมีคนสนิทคนอื่นไม่กี่คนอยู่รอบตัวเขา แต่ตอนนี้ทุกคนที่ยืนอยู่ด้านล่างต่างก็แอบรู้สึกตะขิดตะขวงใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเฉิงมู่ 

 

 

เฉิงสุ่ยมีศักยภาพที่แข็งแกร่งมาก เขาจึงเป็นลูกน้องคนสำคัญของเฉิงเจวี้ยนมาตลอด เรื่องนี้พวกเขาเข้าใจได้ แต่เฉิงมู่… 

 

 

“นายท่าน นี่คือของของพวกเรา” หัวหน้าโจวถือกล่องออกมา

 

 

เฉิงเจวี้ยนเพียงพยักหน้าโดยไม่ได้สั่งให้พวกเขาเปิด พูดเบาๆ ว่า “เอาไปไว้ที่หน่วยการค้าระหว่างประเทศ”

 

 

สาวผมบลอนด์เอาแต่เล่นผมตัวเองพลางเหลือบมองเฉิงเจวี้ยน เฉิงสุ่ย เฉิงมู่สามคนนั้นที่อยู่หน้าสุด

 

 

ครั้งนี้มีคนของแต่ละหน่วยมารวมตัวกันหลายคนจึงค่อนข้างแออัด เฉิงเจวี้ยนพูดเกี่ยวกับการประเมินแบ่งหน่วยครั้งต่อไปเพียงคร่าวๆ จากนั้นด้านนอกก็มีคนมารายงานว่าคุณรุ่ยจินมาหาเขา

 

 

รุ่ยจินเป็นคนตระกูลมาส รับผิดชอบเป็นผู้ดูแลสนามมวย

 

 

เมื่อได้ยินประโยคนี้ เฉิงสุ่ยก็หันไปมองเฉิงเจวี้ยนโดยไม่รู้ตัว

 

 

เมื่อเฉิงเจวี้ยนที่กำลังเคาะพนักแขนเก้าอี้ด้วยความเอื่อยเฉื่อยได้ยินประโยคนี้ มือเขาก็หยุดชะงัก

 

 

นั่งเก้าอี้ได้ประมาณหนึ่งนาที เขาก็ลุกขึ้นยืน หลุบตาลงและพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เฉิงสุ่ย นายจัดการเรื่องถัดไป”

 

 

แม้เฉิงเจวี้ยนจะอายุน้อย แต่บนตัวเขามีพลังอำนาจมหาศาล หน้าตาเขาก็ดีมากจนคนส่วนใหญ่ไม่กล้ามอง

 

 

หลังจากเขาออกจากห้องประชุม พลังอำนาจที่กดทับหัวใจทุกคนก็ค่อยๆ ผ่อนคลาย

 

 

ทุกคนถึงได้โล่งอกและเงยหน้าขึ้น สาวผมบลอนด์เอนหน้าไปทางเฉิงหั่ว

 

 

“นั่นลูกพี่คุณเหรอ?” สาวผมบลอนด์ละสายตากลับมา มองเฉิงหั่วด้วยสายตาลึกล้ำ “ไม่เหมือนอย่างที่ฉันจินตนาการเอาไว้เลย”

 

 

เขาไม่ได้พูดอะไรอย่างชัดเจน แม้แต่รูปลักษณ์ที่ดูดีก็ยังดูเฉื่อยชาอย่างเห็นได้ชัด แต่มีความเฉยเมยบางอย่างที่แปลกแยกจากผู้คนไปหลายพันลี้

 

 

เฉิงหั่วพยักหน้า เขายังไม่ทันได้พูดอะไร

 

 

เฉิงสุ่ยก็เดินลงมาข้างล่าง “เฉิงหั่ว เมื่อวานที่ฉันให้นายตรวจสอบแฮ็กเกอร์ที่ลานจอดเครื่องบิน นายได้เรื่องอะไรไหม?”

 

 

เมื่อหัวหน้าโจวที่กำลังยื่นกล่องในมือให้หัวหน้าหยวนได้ยินดังนั้น ก็เงยหน้าขึ้น “คุณเฉิงสุ่ย เรื่องที่ลานจอดเครื่องบิน แฮ็กเกอร์ฝั่งตรงข้ามไม่ใช่ว่าแพ้แล้วเหรอ?”

 

 

“ถ้าแพ้แล้วพวกคุณยังจะได้ข่าวเท็จว่ามีการดักซุ่มโจมตีที่ถนนเส้น26ได้ยังไง?” เฉิงหั่วทำหน้าจริงจัง เขาก้มหน้าและหยิบคอมพิวเตอร์ที่เขาพกมาด้วยออกมา เปิดหน้าหนึ่งให้เฉิงสุ่ยและคนอื่นๆ ดู “ฉันตรวจสอบระบบแล้ว มีบุคคลที่สามเข้ามาแทรกแซงและจงใจปล่อยข่าวเท็จเรื่องถนนเส้น26จริง แต่ฉันไม่แน่ใจว่าจุดประสงค์คืออะไร ที่สำคัญที่สุดคือ บุคคลที่สาม…เข้ามาจากระบบภายในของเรา”

 

 

ระบบภายในมีการบันทึก แต่เฉิงหั่วตรวจสอบไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

 

 

สถานะเฉิงหั่วไม่ใช่ความลับ คนส่วนใหญ่รู้แค่ว่าเฉิงหั่วมีความเกี่ยวข้องกับสมาคมแฮ็กเกอร์

 

 

แต่ไม่มีใครรู้ว่าเฉิงหั่วอยู่ในสมาคมแฮ็กเกอร์ด้วยสถานะพิเศษยกเว้นเฉิงเจวี้ยนกับเฉิงสุ่ย ทว่าคนเหล่านี้กลับรู้อยู่อย่างหนึ่ง——

 

 

นั่นคือเฉิงหั่วมีความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ที่เก่งกาจ

 

 

แม้แต่เฉิงหั่วก็ตรวจสอบไม่ได้?

 

 

“ฉันทำได้ถึงตรงนี้” เฉิงหั่วเม้มริมฝีปากพลางพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “น่าจะเป็นแฮ็กเกอร์ที่อยู่เบื้องหลังแมทธิวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นอกจากคนนั้นแล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่ายังจะมีใครอีก” 

 

 

“แกร๊ก——”

 

 

ด้านหลัง ท่อนไม้ในมือเฉิงมู่ร่วงลงมา กลิ้งไปข้างๆ เฉิงหั่ว

Related

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ
Status: Ongoing
ด้วยว่าพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ยังเล็ก และ ฉินหร่าน ไม่ใช่เด็กประพฤติดี นอกจากจะไม่ตั้งใจเรียนจนผลการเรียนย่ำแย่แล้ว เธอยังหัวรั้นและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจนโดนพักการเรียนไปเป็นปี แตกต่างจาก ฉินอวี่ น้องสาวที่เป็นนักเรียนดีเด่นผู้แสนเพียบพร้อมราวฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงเลือกพาน้องสาวไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียวและทิ้งฉินหร่านเอาไว้ท่ามกลางชนบท ปล่อยให้เธอเติบโตเพียงลำพังในความดูแลของคุณยายวัยชรา สองยายหลานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบสองปี จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายเกิดป่วยหนักอาการโคม่าต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง ครอบครัวฉินจึงได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อคุณยายไม่สามารถดูแลฉินหร่านด้วยตัวเองได้ต่อไปได้อีก แม่ของเธอจึงอาสารับเลี้ยงเธอไว้แทน กระนั้นก็ยังไม่วายเหน็บแนมหญิงสาวอยู่ตลอดว่าอย่าทำตัวน่าขายหน้า ให้เอาอย่างฉินอวี่ผู้เป็นน้องบ้าง กระนั้นกลับไม่มีใครล่วงรู้เลยว่านอกจากฉินหร่านจะมีใบหน้างดงามเกินเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งตัวตนปริศนาที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ เพราะใครกันล่ะที่ทำข้อสอบกากบาททุกข้อแล้วผลคะแนนสอบจะออกมาได้เท่ากับศูนย์ในทุกๆ วิชา เธอโง่จริงๆ หรือว่าตั้งใจกันแน่… เช่นเดียวกับ เฉิงเจวี้ยน หมอหนุ่มประจำโรงเรียนที่แสนธรรมดาคนนั้น ทว่า…เขาเป็นแค่หมอประจำโรงเรียนจริงหรือ เมื่อโชคชะตานำพาให้คนสองคนที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้มาพบกัน หน้ากากของใครจะถูกกระชากออกมาก่อนนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset