เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ – ตอนที่ 223 ความสัมพันธ์คืบหน้า ข้อมูลที่ถูกรีเฟรชใหม่

“ห่อของนี่เป็นของ…คุณหนูฉิน?” เฉิงหั่วพูดได้เพียงครึ่งก็นิ่งไปสักพัก

 

 

เมื่อเฉิงสุ่ยเห็นอวิ๋นกวงกรุ๊ปก็พลันนึกถึงเฉิงเจวี้ยนขึ้นมาโดยไม่คิดว่าจะเป็นของฉินหร่าน

 

 

เขาเอาห่อของในมือเฉิงหั่วกลับมา “ฉันจะเอาไปให้คุณหนูฉินเอง”

 

 

เฉิงหั่วหันไปบอกหัวหน้าหยวนและคนอื่นๆ ว่า “พวกคุณไปที่หอประชุมกันก่อน ผมจะรีบตามไป”

 

 

จากนั้นก็รีบสาวเท้าเดินตามเฉิงสุ่ยไปพลางกระซิบถามด้วยความแปลกใจ “ที่แท้แล้วคุณหนูฉินก็รู้จักคนของอวิ๋นกวงด้วยเหรอเนี่ย?”

 

 

เฉิงมู่ไม่เคยบอกพวกเขามาก่อนเลย

 

 

ขณะที่ทั้งสองเพิ่งเดินเข้าประตู ก็เห็นเฉิงเจวี้ยนเดินลงมาจากชั้นสองพอดี วันนี้เหมือนเขาจะหลับเต็มอิ่ม ดูไม่เอื่อยเฉื่อยเหมือนก่อนหน้านี้

 

 

“นายท่าน” เฉิงหั่วกับเฉิงสุ่ยหยุดฝีเท้าพร้อมกับเรียกเขาด้วยความเคารพ

 

 

“อืม” เฉิงเจวี้ยนตอบส่งๆ แล้วนิ่งไปสักพัก “ของเธอ?”

 

 

เฉิงสุ่ยยื่นห่อของให้เฉิงเจวี้ยน “ของคุณหนูฉินครับ ผมกำลังจะเอาไปให้เธอที่ห้องฝึกซ้อม”

 

 

“เอามาให้ฉัน” เฉิงเจวี้ยนเอื้อมมือไปรับพลางเงยหน้าเล็กน้อย “ฉันกำลังจะไปหาพวกเขาอยู่พอดี”

 

 

ในเมื่อเฉิงเจวี้ยนบอกว่าจะเอาของไปส่งเอง เฉิงหั่วก็ไม่กล้าตามเขาไปรบกวนฉินหร่าน เขาเดินตามเฉิงสุ่ยโดยที่ในใจรู้สึกเหมือนมีแมวข่วน “นายว่าคุณหนูฉินรู้จักคนของอวิ๋นกวงได้ยังไง เธอจะรู้จักพนักงานภายในของฝ่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไหม?”

 

 

ทั้งสองพูดคุยกันระหว่างที่เดินไปทางหอประชุม

 

 

“รุ่นพี่เฉิงหั่ว” เสียงใสแจ๋วของถังชิงดังมาจากที่ไม่ไกลมากนัก 

 

 

พอเฉิงสุ่ยเห็นเธอก็พยักหน้าเล็กน้อย เขาทักด้วยคำพูดห่างเหิน “คุณถัง”

 

 

แทบจะไม่ต่างอะไรจากเมื่อวาน แต่ถังชิงกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะท่าทีของเฉิงสุ่ยดูแปลกไป…

 

 

**

 

 

ห้องฝึกซ้อมชั้นหนึ่ง

 

 

ฉินหร่านกำลังยืนกอดอกอยู่อีกด้าน เฉิงมู่ถอยหลังออกมาเพื่อเปลี่ยนให้ซือลี่หมิงมาต่อยเครื่องมือทดสอบพลังหมัด

 

 

“ปัง”

 

 

เขาออกแรงที่บริเวณเอวและสะโพก เครื่องทดสอบพลังหมัดสั่นเล็กน้อยหลังจากที่เขาต่อยเสร็จไปหนึ่งหมัด

 

 

ในเวลาเดียวกัน สถิติแถวที่สองกับแถวที่สามก็รีเฟรชใหม่

 

 

สถิติสูงสุดของเครื่องคือ 826

 

 

เฉิงมู่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ เมื่อเห็นสถิตินี้ก็อ้าปากอึ้งทึ่ง “เสี่ยวซือ นายเจ๋งไปเลย”

 

 

“ไม่หรอก” ซือลี่หมิงเกาศีรษะแล้วก้มหน้าคุยกับเฉิงมู่ “คนส่วนใหญ่ก็จะอยู่ระหว่าง 800 ถึง 850 ถ้า 850 ขึ้นไปจะต้องอาศัยเทคนิคบวกกับความสามารถ 910 เป็นสถิติที่คุณเฉิงสุ่ยต่อยเอาไว้ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครทำลายสถิติได้เลย” 

 

 

พอเฉิงมู่ได้ยินเสร็จก็ดูตัวเลข 687 และ 673 ของตัวเองในสองแถวสุดท้าย “…”

 

 

เมื่อฉินหร่านเห็นว่าเฉิงมู่ต่อยอยู่นานก็ยังวนเวียนอยู่ระหว่าง 650 ถึง 700 เธอก็พอจะประเมินความแข็งแกร่งของเฉิงมู่ได้แล้ว

 

 

เธอก้มหน้าลง พับแขนเสื้อขึ้นและสวมกางเกงวอร์มหลวมๆ “เฉิงมู่ นายมาสู้กับฉันซักตั้งซิ”

 

 

ทันทีที่เฉิงมู่ได้ยินก็พลันนึกถึงภาพฉินหร่านกำราบหัวหน้าทหารรับจ้างก่อนหน้านี้ “คุณ…คุณหนูฉิน…”

 

 

เขาพูดอึกๆ อักๆ

 

 

การแสดงออกของฉินหร่านเป็นไปอย่างสุขุม “คิดเสียว่าฉันเป็นนักมวยเดนตาย ใช้ทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะฉันให้ได้ ถ้าไม่เอาฉันให้ตายนี่ก็จะเป็นครั้งสุดท้ายที่นายจะยืนอยู่บนสังเวียน”

 

 

เธอยกมือขึ้นและตั้งท่าต่อสู้

 

 

พอซือลี่หมิงเห็นก็เข้าใจได้ทันทีว่าฉินหร่านจะทำอะไร เขาเหลือบมองเฉิงมู่ด้วยความอิจฉาเล็กน้อย “เฉิงมู่ นายรีบไปสิ? ดูไม่ออกเหรอว่าคุณหนูฉินกำลังสอนนายอยู่?”

 

 

อุตส่าห์มีคู่ต่อสู้ฝีมือดีทั้งที ทั้งยังเป็นถึงระดับเซียน ฝีมือจะต้องดีขึ้นอย่างรวดเร็วแน่ๆ

 

 

เฉิงมู่ย่อมคิดเช่นนั้น แต่ก็ยังอึ้งๆ “ยัง…ยังจะมีเรื่องดีๆ แบบนี้อีกเหรอ ? !”

 

 

เฉิงมู่กำหมัดกระโดดขึ้นไปตรงกลางแท่นชก

 

 

เพิ่งประมือกับฉินหร่านไปหนึ่งกระบวนท่า เขาก็เหมือนกับโดนค้อนทุบไปทั้งตัวอย่างหนักหน่วง “ตุ้บ” ล้มลงกับพื้น!

 

 

กระบวนท่านี้ทั้งโหดเหี้ยมรุนแรง

 

 

ตามปกติเฉิงมู่จะเห็นฉินหร่านทำตัวตามอารมณ์และยังขวางโลกอยู่หน่อยๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสทัศนคติในการต่อสู้ของเธอด้วยตัวเอง การแสดงออกดูเยือกเย็นราวกับหุ่นยนต์ไร้ชีวิตและดุดัน

 

 

เธอไม่ยั้งมือแม้แต่น้อยอย่างที่เธอพูดเอาไว้ว่าให้เขามองเธอเป็นนักมวยเดนตาย

 

 

ท่าทางดุดันแบบนี้ทำให้เฉิงมู่สู้ด้วยใจเกินร้อย แต่ท้ายที่สุดก็โดนต่อยจนล้มไปกองกับพื้น ลุกไม่ขึ้น

 

 

ซือลี่หมิงที่อยู่ด้านข้างถึงกับช็อก เขาอึ้งอยู่นานก็ยังตั้งสติไม่ได้

 

 

ฉินหร่านหลุบตาลงพลางพับแขนเสื้อ จากนั้นก็เดินไปข้างๆ เฉิงมู่ “นักมวยเดนตายก็แบบนี้แหละ ถ้าฉันเป็นคู่ต่อสู้นายจริงๆ นายตายไปตั้งแต่ห้านาทีแรกแล้ว เฉิงมู่ นายยังอยากเปลี่ยนตัวเองให้แกร่งขึ้นไหม?”

 

 

เฉิงมู่ใช้มือยันพื้นอย่างยากเย็น เขาเงยหน้าขึ้นโดยที่มืออีกข้างกำหมัดแน่น “อยาก”

 

 

ฉินหร่านลุกขึ้น จากนั้นเอียงศีรษะ

 

 

เธอยังไม่ทันได้พูดอะไร เฉิงเจวี้ยนที่ยืนพิงอยู่ตรงประตูมาตลอดก็เดินเข้ามา แกะห่อของที่ถืออยู่ในมือ

 

 

เขายืนอยู่ข้างๆ ฉินหร่านพลางก้มหน้าก้มตาหาของบางอย่าง ในไม่ช้าก็พบขวดยาสีขาวที่มีเครื่องหมาย 47 จากนั้นก็โยนมันให้เฉิงมู่ “สองเม็ด”

 

 

หลังจากคิดอะไรได้สักพักก็หันหน้ามองไปทางซือลี่หมิง “นายไปเอาขวดน้ำมาให้เขา”

 

 

“อ๋อ ครับ” ซือลี่หมิงตอบรับแล้ววิ่งไปเอาน้ำแร่ที่ห้องพักรับรองมาหนึ่งขวด แกะก่อนแล้วถึงจะยื่นให้เฉิงมู่

 

 

ตอนที่เฉิงเจวี้ยนสั่งการทุกอย่าง ฉินหร่านก็คอยยืนอยู่ข้างๆ มือสอดกระเป๋ากางเกงอย่างเท่ๆ หลุบตาลงโดยไม่พูดอะไร

 

 

“มีกระดาษกับปากกาไหม?” เฉิงเจวี้ยนพูดกับซือลี่หมิงต่อ

 

 

มีกองกระดาษและปากกาวางอยู่บนเก้าอี้ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก นั่นเป็นของที่ฉินหร่านพกมาด้วย ซือลี่หมิงจึงวิ่งไปเอามันมา

 

 

เฉิงเจวี้ยนบอกซือลี่หมิงให้ทำการบันทึกกระบวนการฟื้นฟูสภาพร่างกายหลังจากที่เฉิงมู่กินยาเสร็จ เขายังก้มลงหยิบเสื้อตัวนอกที่ฉินหร่านโยนทิ้งไปข้างๆ แล้วสวมให้ จากนั้นยื่นมือมาพาเธอออกจากห้องฝึกซ้อม

 

 

เขาไม่ได้พาไปที่ห้องหนังสือและไม่ได้ลงไปชั้นล่าง แต่พาเธอขึ้นไปยังชั้นบนสุด

 

 

ชั้นบนสุดเป็นสวนดอกไม้ที่คลุมด้วยกระจกขนาดใหญ่มหึมา ปิดกั้นอากาศเย็นๆ และมีแสงแดดส่องมาโดยตรง จึงทำให้ไม่หนาวมากนัก

 

 

ด้านข้างมีเก้าอี้เหล็กที่ปูด้วยเบาะรองนั่งนุ่มๆ ชั้นบนสุดสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของคฤหาสน์ทั้งหมดได้

 

 

เฉิงเจวี้ยนให้เธอนั่งบนเก้าอี้ เมื่อเธอรู้สึกราวกับมีลมหายใจรดริมหู เธอก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยสัญชาตญาณ

 

 

มีมือหนึ่งจับที่ท้ายทอยของเธอ เฉิงเจวี้ยนมองหน้าเธอ “นั่งสิ เรามาคุยกันดีๆ”

 

 

น้ำเสียงค่อนข้างสุขุม

 

 

ฉินหร่านมองขึ้นไปบนท้องฟ้า พยายามสลัดบรรยากาศที่ไม่เป็นธรรมชาตินี้ทิ้งไป “เอ๊ะ คุยอะไร”

 

 

เฉิงเจวี้ยนหยิบบุหรี่ใส่ปากโดยที่ยังไม่จุด เขาพูดอย่างคลุมเครือ “สามปีก่อน ทำไมจู่ๆ เธอถึงหายตัวไป”

 

 

“ฉันกลับไปหาหมิงเย่ว์” ฉินหร่านเอียงหน้ามองเฉิงเจวี้ยน เดิมทีเธอคิดว่าตัวเองจะไม่พูดเรื่องนี้ออกมาอีกแล้ว

 

 

มันจะถูกฝังไว้ในใจเธอตลอดไปจนกว่าจะเน่าเปื่อยเป็นเถ้าถ่าน ขุดออกไม่ได้

 

 

แต่ไม่รู้ว่าทำไมพอพูดออกมาในเวลานี้กลับไม่ได้ยากเย็นอะไรขนาดนั้น

 

 

“อืม” เฉิงเจวี้ยนพยักหน้า เขาชี้ไปที่กำแพงเตี้ยข้างหลังและโบกมือให้เธอนั่ง

 

 

ฉินหร่านมองไปที่สนามฝึกด้านล่างที่ไม่ไกลมากนัก พูดลอยๆ “ฉันคิดถึงทุกคนมาก แต่ไม่มากพอที่จะขุดมันขึ้นมา”

 

 

มือเฉิงเจวี้ยนที่อยู่บนกำแพงสั่นสะท้าน

 

 

“ที่จริงฉันสามารถช่วยพวกเขาได้” ฉินหร่านกล่าวต่อ

 

 

“เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงอายุสิบหกคนหนึ่ง การที่สามารถช่วยคนคนนึงได้ก็เก่งมากแล้ว” เมื่อเฉิงเจวี้ยนได้ยินที่เธอพูดก็เศร้าใจเล็กน้อย เขายื่นมือหมุนศีรษะเธอมาแล้วมองตาเธอ “เธอเอาแต่ปกป้องเธอมาตลอด ช่วยเธอปกปิดข้อมูล ย้ายโรงเรียน และยังโอบอุ้มเธอด้วยความจริงใจ” 

 

 

“ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ” ฉินหร่านมองเฉิงเจวี้ยนแล้วยิ้ม มันไม่ใช่รอยยิ้มที่ผ่อนคลายหรือสดใส ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยแสงดวงดาว “แต่ก่อนฉันคิดว่าถ้าฉันพูดถึงเรื่องนี้จะต้องเสียใจมากแน่ๆ แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้เสียใจอะไรขนาดนั้น”

 

 

“ตอนนั้นเธอน่าจะติดต่อฉัน” เฉิงเจวี้ยนมองเธอแล้วพูดอย่างเงียบๆ “ไม่แน่ว่าฉันอาจจะช่วยเธอขุดก็ได้”

 

 

ฉินหร่าน “…”

 

 

ฉินหร่านกระแอมเสียง หลบตาเขา “ตอนนั้นนึกไม่ถึง”

 

 

เฉิงเจวี้ยนรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่แน่วแน่เสียจริงๆ ที่จริงแล้วเขาอุตส่าห์จำมาได้ตั้งสามปี แต่เธอกลับพูดแค่ว่านึกไม่ถึง

 

 

“ตอนนั้นถ้าเธอนึกถึง มันจะดีสักแค่ไหน…” เฉิงเจวี้ยนก้มหน้าลง ปลายคางแตะไหล่เธอ 

 

 

ฉินหร่านเอียงศีรษะและเหลือบมองเขา เธอจินตนาการไม่ออกเลยว่าถ้าเธอไปตามนัดเมื่อสามปีก่อนจริงๆ จะเป็นอย่างไร ไม่แน่ว่าทั้งสองอาจจะช่วยทั้งสามคนได้จริงๆ และยังไปแข่งระดับมืออาชีพก็เป็นได้

 

 

งั้นตอนนี้หยางเฟยเป็นอย่างไรบ้าง?

 

 

“เราลงไปหาเฉิงมู่เถอะ” ฉินหร่านตบไหล่เขา

 

 

เฉิงเจวี้ยนตอบเพียง “อืม” แต่ยังไม่ยอมขยับตัว เขาพูดด้วยความอึดอัดใจ “รอเดี๋ยว”

 

 

เอ๊ะ

 

 

ฉินหร่านเงยหน้าขึ้น ท้องฟ้าบริเวณเหนือศีรษะดูเหมือนจะฟ้ามาก

 

 

ไม่นานเธอก็ออกจากภวังค์

 

 

**

 

 

ลานฝึกกลางแจ้งด้านนอก

 

 

เจอร์รี่คนที่ต่อยเฉิงมู่ล้มเมื่อวานกำลังคุยอยู่กับถังชิง

 

 

“เจอร์รี่ วันนี้เจ้าท่อนไม้นั่นไม่มาซ้อมแล้วเหรอ ซือลี่หมิงก็ไม่มา หรือว่าจะกลัวนายต่อยเอา?” มีใครบางคนเข้ามาหยิบอุปกรณ์อันหนึ่ง

 

 

พร้อมกับทักทายถังชิง

 

 

เมื่อคืนชื่อเสียงของถังชิงดังไปทั่วคฤหาสน์

 

 

เจอร์รี่ยิ้มเยาะ “สองคนนั้นคงออกไปเที่ยวแล้วมั้ง ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป กลัวก็แต่ว่าเดือนหน้าจะระเห็จไปเป็นคนรับใช้แล้วละ”

 

 

เขาไม่พูดถึงเฉิงมู่และซือลี่หมิงอีก แต่หันไปมองถังชิงและพูดสุภาพขึ้นมาหน่อย “คุณถัง คุณลองใช้เครื่องมือทดสอบพลังหมัดนี่ดูสิ”

 

 

คนที่สามารถทำให้เฉิงหั่วพามาได้ แน่นอนว่าความสามารถย่อมไม่ธรรมดา

 

 

ผู้หญิงมีพละกำลังที่อ่อนแอโดยธรรมชาติ ทันทีที่เธอต่อยไปก็ได้ 712 

 

 

พอๆ กับคนของหน่วยจัดซื้อที่ค่อนข้างอ่อนแอพวกนั้น

 

 

เจอร์รี่ยิ้ม “ที่แท้คุณถังก็ไม่ธรรมดา”

 

 

ทว่าถังชิงกลับขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยพอใจเพราะ 712 กับ 910 ห่างกันเกือบจะสองร้อย

 

 

“910 เป็นสถิติที่คุณเฉิงสุ่ยทำไว้ก่อนแล้ว ผ่านมาหลายปีก็ยังไม่มีใครทุบสถิติได้เลย” เจอร์รี่มองออกว่าถังชิงกำลังคิดอะไร เขาจึงอธิบาย

 

 

เขาเพิ่งพูดจบได้ไม่นาน

 

 

สถิติสูงสุดในแถวแรกก็ถูกรีเฟรช ตัวเลข 910 กระโดดขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสถิติใหม่——

Related

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ
Status: Ongoing
ด้วยว่าพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ยังเล็ก และ ฉินหร่าน ไม่ใช่เด็กประพฤติดี นอกจากจะไม่ตั้งใจเรียนจนผลการเรียนย่ำแย่แล้ว เธอยังหัวรั้นและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจนโดนพักการเรียนไปเป็นปี แตกต่างจาก ฉินอวี่ น้องสาวที่เป็นนักเรียนดีเด่นผู้แสนเพียบพร้อมราวฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงเลือกพาน้องสาวไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียวและทิ้งฉินหร่านเอาไว้ท่ามกลางชนบท ปล่อยให้เธอเติบโตเพียงลำพังในความดูแลของคุณยายวัยชรา สองยายหลานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบสองปี จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายเกิดป่วยหนักอาการโคม่าต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง ครอบครัวฉินจึงได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อคุณยายไม่สามารถดูแลฉินหร่านด้วยตัวเองได้ต่อไปได้อีก แม่ของเธอจึงอาสารับเลี้ยงเธอไว้แทน กระนั้นก็ยังไม่วายเหน็บแนมหญิงสาวอยู่ตลอดว่าอย่าทำตัวน่าขายหน้า ให้เอาอย่างฉินอวี่ผู้เป็นน้องบ้าง กระนั้นกลับไม่มีใครล่วงรู้เลยว่านอกจากฉินหร่านจะมีใบหน้างดงามเกินเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งตัวตนปริศนาที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ เพราะใครกันล่ะที่ทำข้อสอบกากบาททุกข้อแล้วผลคะแนนสอบจะออกมาได้เท่ากับศูนย์ในทุกๆ วิชา เธอโง่จริงๆ หรือว่าตั้งใจกันแน่… เช่นเดียวกับ เฉิงเจวี้ยน หมอหนุ่มประจำโรงเรียนที่แสนธรรมดาคนนั้น ทว่า…เขาเป็นแค่หมอประจำโรงเรียนจริงหรือ เมื่อโชคชะตานำพาให้คนสองคนที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้มาพบกัน หน้ากากของใครจะถูกกระชากออกมาก่อนนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset