เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ – ตอนที่ 230 คุณหนูฉิน พาทะยานขึ้น

ฉินหร่านจ้องมองข้อความประโยคนี้ ก่อนตอบกลับอีกครั้ง

 

 

(ไม่ใช่ว่ารู้อยู่แล้วเหรอ?)

 

 

ที่อยู่ของที่นี่ เธอเคยส่งไปทางอวิ๋นกวงแล้ว

 

 

เพียงแต่ไม่ได้ระบุชื่อถนนหลักชัดเจน ส่งไปให้แค่ชื่อของคฤหาสน์เท่านั้น คฤหาสน์สไตล์ยุโรปในรัฐ M น่าจะมีที่นี่ที่เดียว

 

 

แต่อีกฝั่งยังถามเธอซ้ำอีก ฉินหร่านยังเคยส่งเลขที่ถนนหลักอย่างละเอียดไปแล้ว มีเฉพาะบ้านเลขที่ที่ฉินหร่านไม่ได้สนใจส่งไปให้

 

 

ไม่นานอีกฝั่งก็ตอบกลับ

 

 

(ไม่มีอะไร ถามให้แน่ใจเฉยๆ)

 

 

มาถึงห้องอาหารชั้นหนึ่ง ฉินหร่านวางโทรศัพท์ลง

 

 

เฉิงมู่กับซือลี่หมิงเพิ่งออกมาจากห้องฝึกซ้อม ขณะที่ฝึกซ้อมกัน ซือลี่หมิงก็รอเฉิงมู่เพื่อไปกินข้าวด้วยกัน วันนี้ใบหน้าของเขายังคงบวมช้ำ

 

 

ในทางตรงกันข้ามเฉิงมู่ดูไม่เป็นอะไรแล้ว

 

 

ทั้งหมดนั่งลงเริ่มกินข้าว เฉิงมู่ไม่พูดจาอะไร เพียงนั่งมองฉินหร่านอยู่เงียบๆ ในขณะที่มือถือตะเกียบอยู่ “เฉิงมู่ ได้ข่าวว่าวันนี้นายไปหาคู่แข่งมาเหรอ?”

 

 

“อืม” เฉิงมู่กินข้าวอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงที่ตอบกลับก็ฟังไม่ค่อยชัดเจน

 

 

เนื่องจากวันนี้โค้ดหุ่นยนต์ตัวนั้นที่หน่วยข่าวกรองตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เฉิงหั่วจึงพึ่งได้มากินข้าวเย็น เมื่อได้ยินประโยคนี้ เขาพลันเลิกคิ้วหันไปถามอีกฝ่าย “นายหาใครมาสู้ด้วย? สู้ชนะรึ?”

 

 

“เจอร์รี่” เฉิงมู่ยังคงกินข้าวต่อ ตอบกลับเพียงไม่กี่คำเช่นเคย

 

 

เจอร์รี่คือคนจากหน่วยข่าวกรอง เป็นสมาชิกไม่กี่คนที่มีความแข็งแกร่งใช้ได้ อีกทั้งเฉิงหั่วมีความประทับใจที่ดีมากต่อเจอร์รี่

 

 

หากเฉิงมู่ต่อสู้กับเขาคงแพ้ราบคาบ

 

 

เฉิงหั่วเอามือเท้าโต๊ะ ยกคิ้วด้วยความสงสัยถึงที่สุด “นายสู้ชนะหรอ?”

 

 

เมื่อได้ยินประโยคนี้ มือของเฉิงมู่ถึงกับชะงัก จากนั้นเงยหน้ามองเฉิงหั่วอย่างไร้อารมณ์โดยไม่พูดอะไรสักคำ ทั้งยังก้มหน้าก้มตาคีบข้าวคำสุดท้ายเข้าปากกลืนลงไป

 

 

“คุณชายเจวี้ยน คุณหนูฉิน ผมไปห้องฝึกซ้อมก่อนนะครับ” เขาลากเก้าอี้ออกแล้วยืนขึ้น

 

 

เฉิงเจวี้ยนมองเขาครั้งหนึ่ง พลางลืมตา ในแววตามีเสียงของ “อืม” ตอบอย่างขี้เกียจเล็กน้อย

 

 

ฉินหร่านโบกมือลาให้อย่างสบายๆ

 

 

ซือลี่หมิงเห็นเฉิงมู่เดินไปแล้ว ก็รีบกินข้าวให้เสร็จ หลังจากนั้นพูดเพียงประโยคเดียวกับคนบนโต๊ะแล้วไปห้องฝึกซ้อมต่อ

 

 

“ที่แท้เฉิงมู่ไม่ได้สนใจฉันเลย?” เฉิงหั่วถือตะเกียบพลางมองไปยังเฉิงสุ่ย “สงสัยว่าถูกชกจนสติฟั่นเฟือนแล้วละมั้ง?”

 

 

เฉิงสุ่ยส่ายหัว แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงมองไปที่ฉินหร่าน เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนตัดสินใจถามออกไปอย่างมีมารยาทประโยคหนึ่ง “คุณหนูฉิน ช่วงนี้คุณกำลัง…. ฝึกซ้อมหนักกับเฉิงมู่อยู่หรือครับ?”

 

 

ฉินหร่านพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจนัก

 

 

ที่สุดแล้วเฉิงสุ่ยไม่ได้พูดอะไร

 

 

รอให้ฉินหร่านและเฉิงเจวี้ยนกินข้าวเสร็จแล้วเดินออกไป เฉิงหั่วถึงได้ถามเฉิงสุ่ยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

 

 

“นายคิดว่าผลการแข่งขันของเฉิงมู่กับเจอร์รี่เป็นยังไง? เจอร์รี่เป็นคนของหน่วยข่าวกรองของพวกนายหนิ” เฉิงสุ่ยไม่ตอบ ราวกับเป็นประโยคคำถามที่ไม่มีคำตอบ

 

 

เฉิงหั่วเลิกคิ้ว ก่อนเปิดปากพูดอย่างกระตือรือร้น “ฝีมือของเจอร์รี่ร้ายกาจมาก ค่าพลังหมัดอยู่ที่820กว่า หากคิดจะสู้กับเขา เกรงว่ามีเฉิงมู่ถึงสามคนคงไม่พอ”

 

 

“วันนี้ที่เฉิงมู่และเจอร์รี่สู้กันหนึ่งยก ลงมือไม่ถึงห้าหมัด เจอร์รี่ก็คลานไม่ขึ้นแล้ว ตอนนี้ยังอยู่ที่ห้องพยาบาลอยู่เลย คนข้างนอกทายกันว่าค่าพลังหมัดน่าจะถึง900แล้ว” เฉิงสุ่ยพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย แต่น้ำเสียงเจือความสุภาพอย่างยิ่ง

 

 

เฉิงหั่วถึงกับกระโดดโหยง “เป็นไปได้ยังไง?! ค่าพลังหมัดของเขามากที่สุดคือ650เอง!”

 

 

สำหรับค่าพลังหมัด650 ถ้าเป็นเฉิงหั่วประมือกับเฉิงมู่ยังนับว่าเข้าใจได้

 

 

แต่เฉิงสุ่ยก็ไม่มีทางโกหกตน ทันใดนั้นในหัวของเฉิงหั่วมีความคิดหนึ่งโผล่ออกมา “นายพึ่งบอกว่าคุณหนูฉินเข้มงวดกับเฉิงมู่เป็นพิเศษ…”

 

 

“อืม พวกเราไปดูว่าเฉิงมู่ฝึกซ้อมกันยังไงเถอะ” ดวงตาของเฉิงสุ่ยจับจ้องไปยังห้องฝึกซ้อม

 

 

เดิมทีห้องฝึกซ้อมนี้เป็นของเฉิงเจวี้ยน แต่เขาไม่เคยใช้

 

 

ตอนที่พวกเขาทั้งสองคนเข้าไป เฉิงมู่กับซือลี่หมิงกำลังสู้กันอยู่ ดูท่าเฉิงมู่ไม่มีความคิดที่จะเริ่มโจมตี ท่าทางทั้งหมดอยู่ในท่าป้องกัน ในการต่อสู้ช่วงบ่ายซือลี่หมิงยังสามารถหาช่องทางโจมตีที่หน้าของเขาได้ ในตอนนี้กลับหาช่องโหว่ไม่เจอเลย

 

 

ส่วนช่วงเช้าเฉิงหั่วและเฉิงสุ่ยไม่ได้ดูการต่อสู้ของเฉิงมู่และเจอร์รี่ เมื่อรู้เรื่องผลการแข่งขันจากข่าวลือจึงรู้สึกว่าเหนือความคาดหมาย

 

 

แต่เมื่อเห็นเฉิงมู่กับซือลี่หมิงสู้กัน เดิมทีทั้งสองก็นับว่ามีฝีมือดีเยี่ยม แน่นอนว่าย่อมมองกันออก

 

 

ความก้าวหน้าของเฉิงมู่เพิ่มขึ้นมากกว่าหนึ่งระดับ

 

 

“เฉิงสุ่ย ตอนนี้เฉิงมู่นำฉันไปมากกว่าเดิมละมั้ง?” เฉิงหั่วมองเฉิงสุ่ยเงียบๆ

 

 

เฉิงสุ่ยผงกศีรษะ สายตาอันจริงจังมองดูทั้งสองสู้กันอยู่ไม่ไกล

 

 

เฉิงมู่ไม่พูดอะไร ทุกกระบวนท่าล้วนมีการเปลี่ยนแปลงจนน่าตกใจยิ่ง และการเคลื่อนไหวของซือลี่หมิง…ก็เปลี่ยนไปอย่างแปลกประหลาดอยู่บ้าง

 

 

ห้านาทีผ่านไป เฉิงมู่กับซือลี่หมิงถึงหยุดการต่อสู้ พลางมองเห็นเฉิงหั่วกับเฉิงสุ่ยที่ยืนดูอยู่ไม่ไกลกำลังเดินเข้ามาหา

 

 

ซือลี่หมิงทักทายด้วยความสุภาพ “คุณเฉิงสุ่ย คุณเฉิงหั่ว”

 

 

เฉิงหั่ว “อืม” ออกมาครั้งหนึ่ง นิสัยของเขาราวกับไฟไม่ผิด ใจร้อนขี้หงุดหงิด เอาแต่มองมาทางเฉิงมู่ “เฉิงมู่ ได้ยินมาว่าช่วงเช้านายถึงกับทำให้เจอร์รี่คลานไม่ขึ้น? ทั้งยังมีข่าวลือว่าค่าแรงหมัดของนายถึง900แล้ว?”

 

 

“เรื่องของเจอร์รี่เป็นความจริง แต่เรื่องแรงหมัดไม่ถึงกับแรงขนาดนั้น” เฉิงมู่ส่ายหน้า “พูดเกินไปแล้ว”

 

 

เฉิงหั่วถอนหายใจทีหนึ่ง “ฉันก็ว่า ค่าพลังหมัดของฉันพึ่งถึง890 นายจะทำถึง900ได้ยังไง?”

 

 

เฉิงสุ่ยกลับมุ่นหัวคิ้ว “ตอนนี้ค่าพลังหมัดของนายเท่าไหร่?”

 

 

“860มั้ง?” เขามองดูเครื่องทดสอบพลังหมัด บนข้อมูลบรรทัดที่สามด้านบน ตัวเลขอยู่ระหว่าง850-865

 

 

เฉิงหั่วที่สบายใจได้ไม่นานก็กลับมาหนักใจอีกครั้ง ดวงตาของเขาทั้งสองจ้องเขม็งไปยังเฉิงมู่ ช่วงเวลาสั้นๆ นี้เองถึงกับพูดไม่ออกเลยสักคำ “ให้ตายเถอะ…”

 

 

เฉิงสุ่ยก็ถึงกับอึ้ง เขาเองต้องใช้เวลาอยู่พักหนึ่งถึงพูดด้วยน้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อนอะไรออกมาได้ “คุณหนูฉินฝึกนายหนักตั้งแต่ตอนอยู่อวิ๋นเฉิงเลยรึเปล่า? นี่ผ่านมาไม่กี่เดือนเอง?”

 

 

ตัวเลขอยู่ที่650ถึง850 ช่องว่างของค่าแรงสองร้อยกว่า คนทั่วไปเมื่อถึงขีดจำกัด โดยปกติจะหยุดพัฒนา นอกจากมีอุปสรรคในรูปแบบใหม่ แต่จากสถิติแล้วก็ไม่อาจเพิ่มค่าแรงขึ้นได้ภายในสองถึงสามปี

 

 

อย่างเฉิงสุ่ยเอง ค่าแรงของหมัดหยุดลงที่910เมื่อสองปีที่แล้ว ขนาดตนเองก็ยังไม่อาจเพิ่มได้มากกว่านี้แล้ว

 

 

คนอื่นก็ไม่ต่างอะไรกันมาก

 

 

สำหรับเฉิงมู่ที่ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งปี ค่าแรงหมัดเพิ่มขึ้นจาก650เป็น850?

 

 

ทันใดนั้นเฉิงหั่วก็รู้สึกขนลุกขนพองเฉิงมู่กับฉินหร่านขึ้นมาเล็กน้อย โดยเฉพาะฉินหร่าน ที่ใช้วิธีไหนถึงทำให้ขีดจำกัดของเฉิงมู่…..

 

 

เพิ่มขึ้นได้?

 

 

เมื่อได้ยินเฉิงหั่วพูดแบบนี้ เฉิงมู่ยิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่ “ไม่นะ คุณหนูฉินไม่ได้เริ่มฝึกฉันตอนอยู่อวิ๋นเฉิง”

 

 

เฉิงหั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก เป็นแบบนั้นก็คงมากกว่าสองสามเดือน เฉิงหั่วรู้สึกว่าตัวเองสามารถยอมรับความจริงได้อย่างไม่เต็มใจนัก

 

 

แต่ทว่า…

 

 

ประโยคถัดมาของเฉิงมู่คือ “น่าจะประมาณครึ่งเดือนที่แล้วมั้ง? ใช่ไหม?”

 

 

พูดจบก็เอียงหัวไปถามซือลี่หมิงให้แน่ใจอีกทีหนึ่ง

 

 

ซือลี่หมิงถูใบหน้าของตัวเอง พลางคิด ก่อนตอบว่า “ถ้าจะพูดให้ถูก คือสิบสามวันก่อน”

 

 

ในทุกๆ วันเขาเห็นแต่ฉินหร่านต่อยเฉิงมู่ ยังจำช่วงเวลานั้นได้อย่างชัดเจนอีกด้วยว่ามีการทดลองใช้ยา

 

 

ครั้งนี้เฉิงหั่วถึงกับพูดไม่ออก แม้แต่เฉิงสุ่ยที่มักใช้เหตุผลและความใจเย็นกับตัวเองมาตลอดก็ตัวแข็งทื่อเช่นเดียวกัน “นาย พวกนาย…”

 

 

เฉิงสุ่ยกับเฉิงหั่วหันหน้ามองกัน ไม่ว่าจะฝึกนานกี่เดือนเฉิงหั่วก็ยอมรับไม่ได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นใช้เวลาเพียงสิบสามวันสามารถฝึกซ้อมเฉิงมู่จนกลายเป็นแบบนี้ได้…

 

 

ให้ตายเถอะ…คุณหนูฉินยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?

 

 

วันต่อมา

 

 

ถังชิงรอข่าวจากคุณลุงตลอดทั้งวัน แต่ก็ได้แค่รอ

 

 

เธอกับคุณลุงไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่สนิทกัน ตลอดทั้งปีคุณลุงใช้ชีวิตในประเทศ และเธออยู่ต่างประเทศ อีกทั้งเจอหน้ากันผ่านๆ ไม่กี่ครั้ง โดยเฉพาะตั้งแต่เด็กจำได้ว่า พ่อแม่ของเธอนับถือคุณลุงอย่างมาก แน่นอนว่าถังชิงก็นับถือเขาเช่นเดียวกัน

 

 

“วันนี้รุ่นพี่เฉิงหั่วไม่มาเหรอคะ?” เมื่อมาถึงหอหน่วยข่าวกรอง ถังชิงมองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเฉิงหั่ว จึงถามออกไปประโยคหนึ่ง คนที่อยู่ด้านในตอบอย่างมีมารยาทว่า “ยังไม่เห็นครับ แต่ว่าตอนที่ผมเพิ่งเข้ามาก็เห็นคุณเฉิงหั่วอยู่บริเวณฝั่งใต้ของสวนดอกไม้นะครับ”

 

 

สวนดอกไม้?

 

 

ถังชิงรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร

 

 

เธอเปิดคอมพิวเตอร์ เพื่อลงมือทดลองโค้ดที่หยุดรันกลางคันเมื่อวานของตัวเองต่อ

 

 

เพิ่งได้เปิดคอม ก็มีข้อความยาวข้อความหนึ่งจากแอปโทรศัพท์ปรากฏขึ้น

 

 

(รอลุงทำธุระเสร็จแล้วจะไปหาพวกเธอที่นั่นนะ)

 

 

“ติ๊ด ติ๊ด” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

 

 

ในมือของถังชิงจับเมาท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นพรวดก่อนหันไปถามตำแหน่งที่ชัดเจนของสวนดอกไม้ฝั่งใต้ แล้ววิ่งออกไปหาเฉิงหั่วอย่างรวดเร็ว

 

 

ในตอนเช้าตรู่ เฉิงหั่วนั่งยองอยู่กับฉินหร่าน

 

 

เมื่อคืนเขาไม่ได้หลับทั้งคืน ใต้ตามีรอยดำคล้ำชัดเจน

 

 

ฉินหร่านกำลังใช้โทรศัพท์ถ่ายดอกไม้ในสวน

 

 

เฉิงหั่วถือกระบอกรดน้ำดอกไม้อย่างสบายใจอยู่ด้านหลังเธอ “คุณหนูฉิน คุณทำยังไงถึงสอนเฉิงมู่ให้กลายเป็นแบบนั้นได้?”

 

 

นี่เฉิงมู่กำลังกอบกู้จักรวาลอยู่หรือนี่?!

 

 

เพิ่งจะปีนขึ้นมาได้ ก็ถูกโฉบขึ้นไปแล้ว?

 

 

ฉินหร่านถ่ายวิดีโออย่างละเอียดเสร็จคลิปหนึ่ง มือทั้งสองที่ถือโทรศัพท์ก็กดส่งให้หลินซือหรานต่อ

 

 

หลินซือหรานให้ความสนใจกับการปลูกพืชพรรณต่างๆ ในคฤหาสน์หลังนี้ของเฉิงเจวี้ยนมาก ช่วงนี้เฉิงมู่เอาแต่ฝึกซ้อมไม่มีเวลา ฉินหร่านจึงช่วยหลินซือหรานถ่ายวิดีโอที่เธอชื่นชอบได้ตามอำเภอใจ มีเวลาว่างก็สอบถามคนสวนเกี่ยวกับลักษณะของดอกไม้พวกนี้

 

 

เมื่อได้ยินคำถามจากอีกฝ่าย จึงตอบกลับอย่างไม่คิดอะไรมากว่า “ก็ กินยาไงละ”

 

 

กินยา?

 

 

แค่กินยาก็สามารถกลายเป็นชายกล้ามโตภายในสิบสามวันได้?

 

 

เฉิงหั่วเกาหัวอย่างครุ่นคิด รอโอกาสอีกสักหน่อยค่อยถามเฉิงมู่ว่ากินยาเทวดาอะไรกันแน่

 

 

ฉินหร่านเก็บโทรศัพท์ มองเฉิงหั่วอีกครั้งก่อนถามว่า “จริงสิ รหัสที่นายให้…”

 

 

เธอยังถามไม่จบประโยค เสียงของถังชิงที่อยู่ไม่ไกลก็ดังลอยเข้ามา “รุ่นพี่เฉิงหั่ว คุณลุงของฉัน…”

 

 

เธอวิ่งมาหยุดข้างเฉิงหั่ว ผมลอนสีทองดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย ทำท่าทีมองไม่เห็นฉินหร่าน ก่อนพูดกับเฉิงหั่วต่อไปว่า “คุณลุงของฉันกลับมาแล้ว! เขาจะมาที่คฤหาสน์!”

Related

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ
Status: Ongoing
ด้วยว่าพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ยังเล็ก และ ฉินหร่าน ไม่ใช่เด็กประพฤติดี นอกจากจะไม่ตั้งใจเรียนจนผลการเรียนย่ำแย่แล้ว เธอยังหัวรั้นและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจนโดนพักการเรียนไปเป็นปี แตกต่างจาก ฉินอวี่ น้องสาวที่เป็นนักเรียนดีเด่นผู้แสนเพียบพร้อมราวฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงเลือกพาน้องสาวไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียวและทิ้งฉินหร่านเอาไว้ท่ามกลางชนบท ปล่อยให้เธอเติบโตเพียงลำพังในความดูแลของคุณยายวัยชรา สองยายหลานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบสองปี จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายเกิดป่วยหนักอาการโคม่าต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง ครอบครัวฉินจึงได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อคุณยายไม่สามารถดูแลฉินหร่านด้วยตัวเองได้ต่อไปได้อีก แม่ของเธอจึงอาสารับเลี้ยงเธอไว้แทน กระนั้นก็ยังไม่วายเหน็บแนมหญิงสาวอยู่ตลอดว่าอย่าทำตัวน่าขายหน้า ให้เอาอย่างฉินอวี่ผู้เป็นน้องบ้าง กระนั้นกลับไม่มีใครล่วงรู้เลยว่านอกจากฉินหร่านจะมีใบหน้างดงามเกินเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งตัวตนปริศนาที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ เพราะใครกันล่ะที่ทำข้อสอบกากบาททุกข้อแล้วผลคะแนนสอบจะออกมาได้เท่ากับศูนย์ในทุกๆ วิชา เธอโง่จริงๆ หรือว่าตั้งใจกันแน่… เช่นเดียวกับ เฉิงเจวี้ยน หมอหนุ่มประจำโรงเรียนที่แสนธรรมดาคนนั้น ทว่า…เขาเป็นแค่หมอประจำโรงเรียนจริงหรือ เมื่อโชคชะตานำพาให้คนสองคนที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้มาพบกัน หน้ากากของใครจะถูกกระชากออกมาก่อนนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset