เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ – ตอนที่ 251 กลับมา!

ไม่นานก็มีชายวัยกลางคนลงจากรถบรรทุก  

 

 

“คุณฉิน” เขาเดินไปตรงหน้าฉินหร่านพร้อมกับพูดด้วยความเคารพ  

 

 

หลังจากทักทายฉินหร่านเรียบร้อยแล้ว ชายวัยกลางคนก็ถือกุญแจไปเปิดที่บรรจุของท้ายรถบรรทุกด้านหลังซึ่งมีกล่องกระดาษเรียงเป็นสองแถว  

 

 

เฉิงเจวี้ยนยังคงยืนนิ่ง กวาดสายตามองไปที่กล่องเหล่านั้นและเอียงตัวไปทางเฉิงมู่และพวกเมสัน “ขนกล่องพวกนี้ขึ้นไปบนชั้นสี่”  

 

 

กล่องเหล่านี้ค่อนข้างหนัก แต่ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเฉิงมู่ในตอนนี้ เขายกได้ถึงสองอันในคราวเดียว  

 

 

แต่ด้วยกลัวว่าจะทำของของฉินหร่านเสียหาย เฉิงมู่จึงไม่กล้าทำแบบนี้  

 

 

แค่ย้ายกล่องขึ้นไปบนชั้นสี่ด้วยความระมัดระวัง  

 

 

ส่วนฉินหร่านอยู่กับชายวัยกลางคน  

 

 

เมสันและเจ้าหน้าที่ไอทีสองคนนั้นรู้ดีว่าเฉิงมู่เป็นคนสนิทของฉินหร่าน จึงติดตามเฉิงมู่อย่างใกล้ชิดไปตลอดทาง  

 

 

พอถึงชั้นสี่ เฉิงมู่วางกล่องลงด้วยความระมัดระวังขั้นสุด  

 

 

เมื่อทั้งสามเห็นเฉิงมู่ทำแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเคลื่อนไหวอย่างเบามือ  

 

 

“เฉิงมู่เพื่อน กล่องของคุณฉินนี่มีอะไร?” เมสันชั่งน้ำหนักกล่องแล้วก็อดถามไม่ได้  

 

 

สาเหตุที่เมสันแน่ใจว่าเป็นของของฉินหร่านนั้น ไม่ใช่เพราะว่าโทรศัพท์สายนั้นของเธอ  

 

 

แต่เป็นเพราะรถบรรทุกคันนั้นไม่มีสัญลักษณ์ของลานจอดเครื่องบินของพวกเขา  

 

 

พอได้ยินดังนั้น เฉิงมู่ก็ส่ายหน้าอย่างเงียบๆ เขาเองก็ไม่รู้ แต่จากประสบการณ์ของเขา มันไม่ใช่ของธรรมดาอย่างแน่นอน  

 

 

ฮอลล์สั่งให้คนหนุ่มหลายคนที่อยู่ชั้นล่างขนกล่องที่เหลือขึ้นไปให้หมดในรวดเดียว  

 

 

“จะย้ายคอมพิวเตอร์S5สามเครื่องที่อยู่สำนักงานชั้นหนึ่งขึ้นไปไหม?” หลังจากย้ายกล่องเสร็จ ฮอลล์ก็ให้คนอื่นลงไปข้างล่างก่อน เขาจำได้ว่าเฉิงสุ่ยเคยบอกไว้ว่าฉินหร่านไม่ชอบอยู่กับคนเยอะๆ   

 

 

นี่จึงเป็นเหตุผลที่เฉิงเจวี้ยนเตรียมชั้นสี่ไว้ให้เธอตั้งแต่แรก  

 

 

“คุณฉินบอกไม่ต้อง ฉันค่อยถามดูอีกที” เมสันขมวดคิ้ว  

 

 

ฉินหร่านบอกว่าคอมพิวเตอร์ที่ชั้นสี่ใช้ไม่ได้และยังบอกว่าเธอไม่ใช้S5  

 

 

เมสันเพิ่งจะพูดจบ ฉินหร่านกับเฉิงเจวี้ยนก็ตามขึ้นมา ฉินหร่านตามหลังเฉิงเจวี้ยนอยู่หนึ่งก้าว หลุบตาเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากำลังโทรคุยกับใครอยู่  

 

 

เมื่อเฉิงเจวี้ยนเห็นเมสันทำท่าอยากพูดแต่ก็ไม่พูด เขาก็กดคางลง “พวกคุณอยากพูดอะไรหรือเปล่า?”  

 

 

“เอ่อ…คุณฉินบอกว่าคอมพิวเตอร์ใช้ไม่ได้ จะไม่ย้ายS5ขึ้นมาจริงๆ หรือครับ?” เมสันมองไปทางฉินหร่านพลางลดเสียง  

 

 

เฉิงเจวี้ยนส่ายหน้า “ไม่ต้อง แกะกล่องกันก่อน”  

 

 

เมื่อได้ยินที่เฉิงเจวี้ยนพูด เฉิงมู่ก็หันกลับไปเอากรรไกรบนโต๊ะมาเปิดกล่อง  

 

 

กล่องแรกที่เปิดเป็นชุดประกอบ มีหน้าจอคอมพิวเตอร์กับซีพียูซึ่งเป็นสีดำล้วน  

 

 

เฉิงมู่ดึงโฟมและฟิล์มป้องกันออกมาไว้ด้านข้าง จากนั้นก็นั่งยองๆ มองหน้าจอสีดำอยู่เป็นเวลานาน รู้สึกคุ้นๆ   

 

 

เขาหรี่ตาครู่หนึ่งก็จำได้ว่าคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ดูคล้ายกับคอมพิวเตอร์เหล่านั้นที่บ้านกู้ซีฉืออยู่หน่อยๆ   

 

 

แต่แตกต่างกันเล็กน้อย  

 

 

น่าจะเป็นแบรนด์เดียวกันแต่คนละรุ่น  

 

 

เฉิงมู่ไม่มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ ทว่าตอนนั้นขนาดลู่จ้าวอิ่งยังอยากเอาติดตัวไปสักเครื่อง เฉิงมู่เดาได้ว่าคอมพิวเตอร์เครื่องนี้จะต้องมีคุณภาพดีมากแน่ๆ   

 

 

ถึงอย่างไรลู่จ้าวอิ่งก็เป็นคนบ้าเกม คอมพิวเตอร์ของเขาล้วนถูกติดตั้งขึ้นมาโดยเฉพาะ  

 

 

เฉิงมู่ไปเปิดกล่องที่สองอีกครั้ง เมสันและเด็กหนุ่มอีกสองคนที่สงสัยมาตลอดว่ามีอะไรอยู่ในกล่องก็ได้เห็นภาพทั้งหมดแล้วในท้ายที่สุด แม้แต่เมสันก็อดไม่ได้ที่จะมองตาค้าง  

 

 

เด็กหนุ่มทั้งสองก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน “นี่มันอะไรเนี่ย?”  

 

 

เฉิงมู่ไม่รู้เรื่องคอมพิวเตอร์ แต่ทั้งสามคนมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์มาก เมื่อพวกเขารู้ว่ามันเป็นสินค้าที่มาจากบริษัทไหน จึงไม่กล้าพูดอะไรไปชั่วขณะ  

 

 

แค่ช่วยเฉิงมู่ย้ายคอมพิวเตอร์ทั้งสิบเครื่องไปที่ห้องสตูดิโออย่างรวดเร็ว ไม่กล้าสัมผัสชิ้นส่วนอื่นๆ มีเพียงพวกเมสันสามคนเท่านั้นที่แกล้งทำเป็นเงียบ  

 

 

ฉินหร่านยังคงคุยโทรศัพท์อยู่ข้างนอก  

 

 

ฮอลล์เองก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้ เขาตามพวกเมสันเข้ามา “ที่ลานจอดเครื่องบินยังมีเรื่องอื่นให้ต้องจัดการ ตกลงแล้วS5สามเครื่องที่อยู่สำนักงานชั้นหนึ่งจะเอาไหม?”  

 

 

เขามองออกไปข้างนอก ลดเสียงพูดพึมพำ  

 

 

“ไม่ต้อง” เมสันรีบติดตั้งคอมพิวเตอร์ หลังจากเสียบปลั๊กแล้ว เขาก็กดสวิตช์โดยตรง คอมพิวเตอร์สว่างขึ้น หลังจากที่หน้าจอเปลี่ยนจากโลโก้หัวมนท้ายแหลมของอวิ๋นกวงกรุ๊ป ก็มาถึงหน้าโฮสต์ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวิ  

 

 

เมสันแตะปุ่มลัดไม่กี่ปุ่มบนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว  

 

 

ทันใดนั้นข้อมูลซีพียูอื่นๆ ก็โผล่ขึ้นมาทันที  

 

 

เมื่อเด็กหนุ่มสองคนนั้นเห็นข้อมูลดังกล่าวก็ดันตัวเมสันออก อ่านข้อมูลด้วยความตื่นตาตื่นใจ  

 

 

เมื่อเห็นภาพนี้ เมสันก็อดไม่ได้ที่จะส่งสายตามองไปทางเฉิงมู่ เฉิงมู่ก็ยังลูบหัวด้วยความมึนงง  

 

 

เพราะรู้ว่าพวกเฉิงเจวี้ยนยังอยู่ เมสันมองไปเป็นเวลาสองนาทีก็ยังไม่อยากจะละสายตา เขามองฮอลล์และเฉิงมู่ด้วยท่าทางตื่นเต้นสุดขีด “มิน่าละ คุณฉินถึงไม่ใช้คอมพิวเตอร์พวกเรา ที่แท้เธอมีซีพียูที่ดีกว่า นี่ก็คือคอมพิวเตอร์ของอวิ๋นกวง ไม่รู้ว่าเป็นรุ่นไหน แต่ความเร็วในการประมวลผลนั้นเร็วกว่าS5อย่างน้อยสองเท่า!”  

 

 

S5ที่ว่าเร็วมากแล้วยังเรียกได้ว่าเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วในการประมวลผลและความเร็วในการตอบสนองที่รวดเร็วที่สุดในตลาดที่ได้รับการยอมรับ แต่พอเอาเครื่องนี้มาเทียบกับS5ก็ยังเร็วกว่าสองเท่า คอมพิวเตอร์เครื่องนี้เร็วได้ขนาดไหนกันนะ?  

 

 

ฮอลล์ไม่รู้เรื่องพวกนี้ แต่ดูจากท่าทางตื่นตาตื่นใจของพวกเมสันก็รู้แล้วว่าคอมพิวเตอร์นี้ไม่ธรรมดา ดีกว่าS5สามตัวในอาคารใหญ่เสียอีก  

 

 

จุดนี้ทำให้ฮอลล์ประหลาดใจอยู่บ้าง  

 

 

เมสันควบคุมตัวเองได้ก็เริ่มประกอบคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ถ้าสังเกตจะเห็นได้ว่านิ้วของเขากำลังสั่นระริก  

 

 

เฉิงมู่เห็นเรื่องแปลกๆ จนไม่แปลกใจแล้ว เขาก้มหน้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หลินซือหรานตอบกลับข้อความเขามาแล้ว เธอบอกว่าหญ้าจะต้องเปลี่ยนกระถางใหม่  

 

 

ปากเฉิงมู่อดไม่ได้ที่จะกระตุก เขาต้องเปลี่ยนกระถางใหม่?  

 

 

เมื่อคิดได้ดังนี้ เขาก็วานให้หลินซือหรานนำหญ้าใหม่ไปให้ลู่จ้าวอิ่งที่ห้องพยาบาลประจำโรงเรียน ส่วนเขาจะเตรียมกับลู่จ้าวอิ่งทีหลัง  

 

 

เมื่อฉินหร่านกลับมาหลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ สตูดิโอเล็กๆ ก็ได้ติดตั้งคอมพิวเตอร์ไว้ห้าแถวเรียบร้อยแล้ว  

 

 

เธอเดินไปที่เครื่องแล้วดูคร่าวๆ จากนั้นก็หรี่ตาชี้ไปที่คอมพิวเตอร์สามเครื่องพลางมองไปทางพวกเมสันสามคน เธอยิ้มพร้อมกับพูดว่า “คอมพิวเตอร์สามเครื่องนี้ ตอนเย็นๆ พวกคุณก็เอากลับไปด้วย เอาไปคนละเครื่อง”  

 

 

ฉินหร่านมีแผนของตัวเองเสมอเวลาทำเรื่องอะไร คราวที่แล้วที่เธอตอบตกลงหยางซูเยี่ยนเกี่ยวกับเรื่องภายในอวิ๋นกวง เธอก็เตรียมแผนไว้แล้ว  

 

 

ไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์หรือหุ่นยนต์รุ่นEAก็ล้วนไม่เผยแพร่ออกไป  

 

 

เทคโนโลยีสำคัญอยู่ในกำมือของเธอ ถ้าอยากผลิตล็อตใหญ่ก็ทำได้แค่บอกเธอเท่านั้น  

 

 

ก่อนที่พวกเมสันสามคนจะตกตะลึง ฉินหร่านก็ไปที่ห้องตัวเอง เธอหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเป้สีดำออกมา เพิ่งจะหยิบออกมา โทรศัพท์ก็สว่างขึ้นเอง จากนั้นก็ป้อนโค้ดยาวเหยียดส่งไปที่โน๊ตบุ๊กของฉินหร่าน  

 

 

ฉินหร่านถือโน๊ตบุ๊กกลับไปที่ห้องสตูดิโอ  

 

 

“ระบบนี้ค่อนข้างยุ่งยาก เวลาไม่กี่เดือนอาจจะไม่เพียงพอถ้าฉันจัดการด้วยตัวเอง” ฉินหร่านนั่งบนโต๊ะว่าง เปิดโน๊ตบุ๊ก  

 

 

หน้าแรกยังคงว่างเปล่า แต่คราวนี้ไม่ใช่สีทะเลทราย แต่เป็นสีของมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ไพศาล  

 

 

เธอกดโค้ดไม่กี่โค้ด ทันทีที่ใส่โค้ดก็มีไฟล์โผล่ออกมา “ฉันจะส่งข้อมูลพวกนี้ไปยังคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องก่อน คอมพิวเตอร์พวกนี้จะประมวลผลข้อมูลบางส่วน เราจำเป็นต้องเพิ่มอัลกอริทึมใหม่…”  

 

 

ฉินหร่านมักจะจริงจังและเข้มงวดเสมอเวลาทำงาน ไม่ได้ทำตัวเอื่อยเฉื่อยเหมือนในอดีต  

 

 

เฉิงเจวี้ยนพิงประตูและมองดูอยู่ครู่หนึ่ง  

 

 

ฮอลล์อยู่ข้างหลังเขาเพียงก้าวเดียวและมองเข้าไปในสำนักงานด้วยความสงสัยอย่างมาก  

 

 

สิบนาทีต่อมา ฉินหร่านก็มอบหมายงานง่ายๆ ให้ไปทำก่อน  

 

 

พวกเมสันสามคนลูบหน้าอกและยื่นมือเช็ดหน้าเช็ดตา  

 

 

“ตอนนี้ให้พวกคุณจัดการแค่นี้ไปก่อน…” พอฉินหร่านพูดใกล้เสร็จก็ชำเลืองมองไปที่คอมพิวเตอร์ภายในห้องสำนักงาน “การปฏิบัติการได้เริ่มขึ้นแล้ว นี่คือโค้ดอัจฉริยะ…”  

 

 

“ผมเข้าใจแล้วครับคุณฉิน” เมสันพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม  

 

 

อีกสองคนกลับมาได้สติ จากนั้นก็เหลือบมองเมสันอย่างเงียบๆ ไหนบอกว่าพวกเขามาสอนคุณฉินไง?  

 

 

เมสันยิ้มเยาะ  

 

 

ไม่กล้าว่าอะไรกับเจ้าหน้าที่ไอทีหนุ่มสองคนนี้ เพราะแม้แต่เขาเองก็ปกปิดความตกใจไม่มิด  

 

 

ทีแรกพวกเขาคิดจะมาเกาะ “ขาใหญ่” ฉินหร่าน แต่พอตอนนี้ได้มาเห็นฉินหร่านทำโค้ดต่างๆ ก็ตระหนักได้ว่าพวกเขาได้เกาะขาใหญ่ที่แท้จริงเข้าแล้ว  

 

 

หลังจากนี้พวกเมสันสามคนก็อยู่ที่นี่ แทบจะกินนอนอยู่ในห้องสตูดิโอไม่ออกไปไหน  

 

 

**  

 

 

วันที่ 31 เดือนห้า  

 

 

อวิ๋นเฉิง  

 

 

บ่ายสามโมง  

 

 

อุณหภูมิเมืองอวิ๋นเฉิงในเดือนห้าไม่ถือว่าสูงเกินไป แต่ดวงอาทิตย์เหนือศีรษะค่อนข้างแรง ไม่สามารถใส่เสื้อแขนยาวหรือกางเกงขายาวออกไปข้างนอกได้  

 

 

ปลายเดือนห้าถึงต้นเดือนหกมีแผ่นป้าย “นักเรียนสอบเข้ามหาวิทยาลัย” อยู่ตามริมถนน  

 

 

โดยเฉพาะนอกประตูโรงเรียนมัธยมขนาดใหญ่ในอวิ๋นเฉิง  

 

 

โรงเรียนมัธยมเหิงชวน  

 

 

สำนักงานการศึกษาของชั้นมัธยมตอนปลายปีสาม  

 

 

วันนี้เป็นวันศุกร์ อาจารย์เฉินซึ่งเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษของห้องเก้ากำลังลงมาจากห้องเก้าไปยังห้องสำนักงานพร้อมกับถือหนังสือเรียน เธอลังเลและอดไม่ได้ที่จะมองไปทางเกาหยาง “อาจารย์เกา นักเรียนฉินหร่านพักการเรียนยังไม่กลับมาอีกเหรอ?”  

 

 

ตอนที่อาจารย์เฉินพูดประโยคนี้ อาจารย์คนอื่นในห้องสำนักงานต่างก็มองมาทางเกาหยางเพื่อรอคำตอบจากเขา  

 

 

โดยเฉพาะเฉินอ้ายหรง เธอมองเกาหยางโดยไม่ละสายตา  

 

 

แม้ฉินหร่านจะฉลาดมาก แต่ก็ไม่เคยเห็นใครลาพักการเรียนนานกว่าเจ็ดเดือนมาก่อน  

 

 

อย่างที่ทราบกันดีว่าสมองก็ยังมีภาวะหลงๆ ลืมๆ ถึงจะเป็นนักเรียนมัธยมปลาย แต่ถ้าเที่ยวเล่นโดยไม่แตะหนังสือเป็นเวลาสามเดือน ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสมการจุดสัมผัสของวงรีคืออะไร  

 

 

หลังจากฉินหร่านพักการเรียน เธอเคยติดต่อกับเกาหยางมาบ้าง แต่ไม่ได้บอกว่าจะกลับมาเมื่อไหร่  

 

 

เกาหยางวางปากกาลง ขณะกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง  

 

 

โทรศัพท์ที่วางบนโต๊ะก็ดังขึ้น  

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ
Status: Ongoing
ด้วยว่าพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ยังเล็ก และ ฉินหร่าน ไม่ใช่เด็กประพฤติดี นอกจากจะไม่ตั้งใจเรียนจนผลการเรียนย่ำแย่แล้ว เธอยังหัวรั้นและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจนโดนพักการเรียนไปเป็นปี แตกต่างจาก ฉินอวี่ น้องสาวที่เป็นนักเรียนดีเด่นผู้แสนเพียบพร้อมราวฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงเลือกพาน้องสาวไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียวและทิ้งฉินหร่านเอาไว้ท่ามกลางชนบท ปล่อยให้เธอเติบโตเพียงลำพังในความดูแลของคุณยายวัยชรา สองยายหลานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบสองปี จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายเกิดป่วยหนักอาการโคม่าต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง ครอบครัวฉินจึงได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อคุณยายไม่สามารถดูแลฉินหร่านด้วยตัวเองได้ต่อไปได้อีก แม่ของเธอจึงอาสารับเลี้ยงเธอไว้แทน กระนั้นก็ยังไม่วายเหน็บแนมหญิงสาวอยู่ตลอดว่าอย่าทำตัวน่าขายหน้า ให้เอาอย่างฉินอวี่ผู้เป็นน้องบ้าง กระนั้นกลับไม่มีใครล่วงรู้เลยว่านอกจากฉินหร่านจะมีใบหน้างดงามเกินเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งตัวตนปริศนาที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ เพราะใครกันล่ะที่ทำข้อสอบกากบาททุกข้อแล้วผลคะแนนสอบจะออกมาได้เท่ากับศูนย์ในทุกๆ วิชา เธอโง่จริงๆ หรือว่าตั้งใจกันแน่… เช่นเดียวกับ เฉิงเจวี้ยน หมอหนุ่มประจำโรงเรียนที่แสนธรรมดาคนนั้น ทว่า…เขาเป็นแค่หมอประจำโรงเรียนจริงหรือ เมื่อโชคชะตานำพาให้คนสองคนที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้มาพบกัน หน้ากากของใครจะถูกกระชากออกมาก่อนนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset