เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ – ตอนที่ 282 สมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัย คุณหนูฉินก็ให้ฉันมาสองขวดเหมือนกัน

ฉินอวี่ไม่ได้มองรายชื่อที่อยู่อันดับหลังจากนี้

เธอจ้องดูรายชื่อลำดับที่สองอยู่ครู่หนึ่ง

นักศึกษาระดับห้าคนใหม่?

เธอคิดว่าคงมีเพียงแค่เด็กฝึกของอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญคนใดคนหนึ่งเท่านั้น จากจำนวนประวัติในสมาคมทั้งใหม่และเก่าตลอดที่ผ่านมา ใครจะสามารถขึ้นมาอยู่ระดับที่ห้าได้โดยที่ไม่เคยเข้าร่วมสมาคม แถมไม่เคยได้รับการอบรมจากอาจารย์

ฉินอวี่ไล่สายตามองที่รายชื่อ

ฉินหร่าน…

ฉินหร่านอีกแล้วเหรอ!

ตั้งแต่ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยจนถึงตอนนี้ ฉินอวี่คนที่กว่าจะผ่านเข้ามาได้มองรายชื่อที่อยู่บนนั้น ปลายนิ้วจิกเข้าที่ฝ่ามืออีกครั้ง

ชื่อซ้ำ…รายชื่อคนที่ประกาศอยู่บนนั้นต้องเป็นชื่อซ้ำแน่ๆ

ฉินอวี่ไม่เชื่อหรอกว่าคนที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเรียนไวโอลินมาก่อน ไม่มีอาจารย์ ไม่เคยแม้กระทั่งเข้ารับการศึกษาจากสมาคมไวโอลินจะสามารถขึ้นมาได้ถึงระดับห้า

ฉับพลันเธอปิดหน้าเว็บจัดอันดับบนคอมพิวเตอร์ลงทันที

แต่ถึงอย่างนั้นการเรียนไวโอลินครั้งต่อไป ฉินอวี่ก็ใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

เพราะเธอรู้ว่าอาจารย์เว่ยเคยไปงานศพของเฉินซูหลาน

ถ้าหากไม่ได้ลงท้ายด้วยระดับห้าแล้วล่ะก็ ฉินอวี่ก็พอจะเชื่ออยู่แปดสิบเปอร์เซ็นต์ว่านั่นเป็นฉินหร่าน แต่มีระดับห้านี่สิ ฉินอวี่ไม่เชื่อหรอกว่าฉินหร่านจะเล่นไวโอลินได้ดีกว่าเธอถึงขนาดนั้น อีกอย่างแม้กระทั่งระดับห้ามือสมัครเล่นฉินหร่านยังไม่เคยสอบเลยด้วยซ้ำ จะไปเข้าร่วมสมาคมระดับห้าได้อย่างไร!

“พวกเธอเคยเห็นนักเรียนระดับห้าคนใหม่ไหม” ฉินอวี่หยิบไวโอลิน หันศีรษะไปถามคนข้างๆ อย่างอดไม่ได้

ผู้ชายที่กำลังพูดคุยอยู่ส่ายหัวไปมา พูดเสียงต่ำลง “ไม่เคยเห็น ได้ยินมาว่าเธออยู่ที่สมาคมไวโอลิน เวลากินข้าวก็อยู่ที่ห้องซ้อม แต่แปลกมาก ไม่เคยมีใครเคยถ่ายรูปของเธอไว้เลย”

“อย่างนั้นเหรอ…” ฉินอวี่ยิ้มโล่งอก

ถ้าอย่างนั้นก็ไม่น่าใช่ฉินหร่าน…

ฉินหร่านที่ทำตัวไม่ชัดเจนคนนั้นน่ะเหรอ? แต่ไหนแต่ไรเวลาเรียนก็ไม่มีความอดทน ทั้งยังเอาแน่เอานอนไม่ได้

ให้เธอขังตัวอยู่แต่ในห้องห้องเดียว ยังไงก็เป็นไปไม่ได้

ภายในสองวัน ฉินอวี่ตั้งใจสังเกตจากที่ชั้นสอง มาถึงให้เช้ากว่าคนอื่น กลับทีหลังคนอื่น แต่ท้ายที่สุดแล้วถึงจะทำแบบนี้ ฉินอวี่ที่อยู่ชั้นสองก็ไม่เห็นตัวฉินหร่านเลย

คนอยู่ชั้นสองมีเยอะขนาดนี้ แต่กลับไม่เจอ ก็แสดงว่าคงไม่ใช่เธอจริงๆ…

**

ครอบครัวเฉิง

โอวหยางเวยนั่งอยู่ที่เก้าอี้ในห้องประชุมตระกูลเฉิง มือวางพนักวางแขนของเก้าอี้ที่ทำจากไม้จันทน์ บนพนักพิงของเก้าอี้ถูกห่มด้วยผ้า

“พ่อ ถ้าไม่ใช่คุณโอวหยางแล้ว ครั้งนี้แม้แต่ข่าวของดอกไม้จีนก็ไม่สามารถหาพบ” เฉิงเหราฮั่นนั่งลงตรงข้ามโอวหยางเวย ถึงที่ใบหน้าของเขาจะมีริ้วรอยอยู่บ้าง แต่คิ้วและดวงตาของเขายังคงแสดงให้เห็นถึงความหล่อเหลาตอนเป็นวัยรุ่น

โอวหยางเวยวางถ้วยชาลง หัวเราะเมื่อได้ยินคำพูด “อาเฉิงเรียกชื่อฉันเฉยๆ ก็ได้ เรื่องครั้งนี้ง่ายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก”

นายท่านเฉิงเคาะมือลงที่พนักพิง แล้วหันหน้าไปพูดประโยคหนึ่งกับพ่อบ้านเฉิงด้วยเสียงต่ำ พ่อบ้านเฉิงหยิบกล่องใบหนึ่งที่อยู่ข้างในออกมา “นี่คือของขวัญน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากพวกเราตระกูลเฉิง”

เมื่อเห็นว่าโอวหยางเวยไม่ต้องการ นายท่านเฉิงก็มองอย่างตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง “รับไปเถอะ คิดเสียว่าเป็นของขวัญจากนายท่าน”

ถึงแม้ว่าโอวหยางเวยจะไม่ได้ต้องการ แต่นายท่านเฉิงพูดขนาดนี้แล้ว เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับมันไป

“รอถึงตอนเย็น ไว้ฉันจะถามพวกเขาให้ว่าสะดวกที่จะเจอกันเมื่อไหร่” โอวหยางเวยไม่ได้อยู่ต่อนาน จิบชาหมดหนึ่งถ้วยแล้วจึงบอกลาตระกูลเฉิง พ่อบ้านเฉิงนำเธอไปส่งที่ประตูทางเข้าของตระกูล

นายท่านเฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ยอมกลับห้อง รอจนพ่อบ้านตระกูลเฉิงกลับมาและออกจากประตูไป หลังจากพวกเขาออกไป เหล่านายท่านของตระกูลเฉิงก็พากันยืนล้อมตัวเฉิงเหราฮั่น

“นายน้อย ครั้งนี้นายทำผลงานออกมาได้ดีมาก ดูเหมือนว่าคุณโอวหยางจะอยู่ในอันดับไม่น้อยเลยใน 129” นายท่านตระกูลเฉิงยังคงไม่ไปไหน แต่มองไปที่เฉิงเหราฮั่นแล้วหัวเราะ “ได้ยินมาว่าเหลือแค่ขวดนี้ขวดสุดท้ายเท่านั้น เมื่อคืนนี้พี่สาวคนโตไปงานประมูลมา ฉันคิดว่าเธอน่าจะรู้ข่าวแล้ว ไม่คิดเลยว่า…”

ในตระกูลเฉิงมีแค่เฉิงเวินหรูเท่านั้นที่ในมือมีบัตรประมูล VIP ดังนั้นเฉิงเวินหรูจึงมักจะไปที่งานประมูลเป็นประจำ

“น้องสาวคนรองล่ะ?” เฉิงเหราฮั่นหยิบถ้วยชาบนโต๊ะกาแฟขึ้นมาแล้วพูดอย่างเป็นกันเอง “เธอเพิ่งไปหาน้องชายคนที่สามของฉันเมื่อเร็วๆ นี้”

คนอื่นในตระกูลเฉิงยังไม่รู้ว่าฉินหร่านถึงที่เมืองหลวงแล้ว

ไม่กี่วันที่ผ่านมาเฉิงเวินหรูติดต่อกับเฉิงเจวี้ยนและเด็กสาวที่อยู่ข้างๆ เฉิงเจวี้ยน

หลังจากเฉิงเหราฮั่นดื่มชาเสร็จก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเฉิงเวินหรูรู้ว่าเป็นเพราะเหตุการณ์นี้ผิดพลาดเลยทำให้โอวหยางเวยต้องมีข่าวลือที่น่ากังวล ไม่รู้เลยว่าเธอจะเสียใจหรือไม่

เขาวางถ้วยชาลง ยืนขึ้นจัดการเสื้อผ้าของตัวเองก่อนจะเอามือไพล่หลังเดินออกไป

รอยยิ้มบนริมฝีปากปรากฏชัดเจน

โชคดีที่ไม่กี่วันก่อนไม่ได้ไปพบกับเด็กผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างเฉิงเจวี้ยนตามคำพูดของเฉิงเวินหรู ไม่อย่างนั้นคงพลาดที่จะเจอโอวหยางเวย

หลังจากเฉิงเหราฮั่นออกไปได้ไม่นาน เฉิงเวินหรูที่เลิกงานก็รีบมาทันที แต่ก็ไม่เจอนายท่านเฉิง

เมื่อรู้ว่านายท่านเฉิงไปที่บ้านของเฉิงเจวี้ยน เฉิงเวินหรูขับรถไปยังย่านถิงหลานอีกครั้ง

ชั่วโมงเร่งด่วนหลังเวลาเลิกงาน การจราจรในเมืองหลวงติดขัดค่อนข้างหนัก กว่าเธอจะขับมาถึงถิงหลานก็ปาไปแล้วเกือบหนึ่งทุ่ม

นายท่านเฉิงเพิ่งมาถึงได้ไม่นาน

ฉินหร่านยังไม่ได้เริ่มฝึกไวโอลิน เธอเพิ่งได้รับวิดีโอจากหลินซือหรานหลังจากเพิ่งรับประทานอาหารที่ชั้นล่างเสร็จ

“หร่านหร่าน ต้องไปกรอกใบสมัครเข้ามหาวิทยาลัยวันนี้กับพรุ่งนี้” มือข้างหนึ่งของหลินซือหรานถือโทรศัพท์มือถือ มืออีกข้างดึงปิดผ้าม่านในห้องไว้ “ครั้งนี้ต้องไปกรอกที่โรงเรียน ฉันยังหาอาจารย์เกาไม่เจอ”

“กรอกใบสมัคร?” ฉินหร่านหรี่ตาเล็กน้อย “ให้ฉันจัดการเอง”

“ดีเลย” หลินซือหรานโล่งอก “งั้นฉันไปเล่นเกมแล้ว”

เมื่อครู่นี้ ฉินหร่านทยอยแจกการ์ดเทพทีละใบให้กับคนทั้งหมดยี่สิบคน พูดได้ว่าในช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัยตอนปิดเทอม กลุ่มนักเรียนห้องเก้าพากันรวมตัวเล่นเกมด้วยกันทุกวัน

ปกติแล้วในทุกรอบจะมีห้าคน สามคนในนั้นจะมีการ์ดเทพคนละใบ ทั้งห้าคนในกลุ่มนี้ห้ามบอกให้ผู้เล่นกลุ่มใหม่รู้ รวมถึงภายในกลุ่มเองก็ยากที่จะรู้เช่นกัน ไม่นานมานี้ ในกระทู้ได้มีการพูดคุยกันว่าทำไมการ์ดเทพถึงเจออย่างง่ายดาย แต่สำหรับคนอื่นแล้วการ์ดเทพยังคงยากยิ่งนัก!

ฉินหร่านวางสายโทรศัพท์ แล้วหยิบคอมพิวเตอร์บนโซฟาออกมาวางไว้บนโต๊ะ

ในขณะเดียวกัน เฉิงเวินหรูเพิ่งมาถึง เฉิงมู่เปิดประตูออกมาอย่างไม่แปลกใจ กล่าวทักทายอย่างสุภาพ “คุณหนูใหญ่”

“อืม” เฉิงเวินหรูตอบกลับ แล้ววางกระเป๋าถือลงบนโต๊ะด้วยท่าทีสบายๆ

มองเห็นฉินหร่านนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ที่มือกดลงบนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว ไม่เหมือนกำลังเล่นเกมอยู่ อย่างกับว่ากำลังพิมพ์ตัวอักษร ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “หร่านหร่าน วันนี้ไม่ซ้อมไวโอลินเหรอ?”

“เธอกำลังกรอกใบสมัคร” เฉิงเจวี้ยนนั่งลงตรงข้ามนายท่านเฉิง เอนหลังพิงโซฟาอย่างเกียจคร้าน พูดอย่างสบายๆ

“กรอกใบสมัคร?” ถ้าไม่ใช่เพราะเฉิงเจวี้ยนพูดย้ำ เฉิงเวินหรูเกือบจะลืมไปแล้วว่าฉินหร่านคือผู้สมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีนี้

แต่มันแปลกนิดหน่อย สมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ใช่ว่าต้องไปกรอกที่โรงเรียนหรอกเหรอ?

อย่าว่าแต่พูดถึงที่ฉินหร่านไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนเลย ตอนนี้เธออยู่ในตัวเมืองหลวง จะไปกรอกได้อย่างไร?

“หร่านหร่าน เธอกรอกของโรงเรียนอะไร?” เธอเดินไปที่ด้านข้างของฉินหร่านแล้วถาม

มือของฉินหร่านกดเข้าที่โค้ดรหัสทันที

ปกติแล้วการกรอกใบสมัครเข้ามหาวิทยาลัยจะต้องเข้าไปที่ระบบทางการศึกษามัธยมตอนปลายของแต่ละโรงเรียน แต่สำหรับฉิหร่านแล้ว มันกินเวลาไปแค่ 1-2 นาที

เมื่อเฉิงเวินหรูมาถึง เธอก็จัดการกดปุ่ม ‘enter’

ระบบทางการศึกษาลำดับหนึ่งของโรงเรียนมัธยมเหิงชวนปรากฏขึ้น

ที่ด้านบนคือหน้าการประกาศสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัย

“นี่กรอกใบสมัครเข้าได้จริงงั้นเหรอ” เฉิงเวินหรูเหลือบมองอย่างแปลกใจ

ฉินหร่านป้อนรหัสนักศึกษาของตัวเอง หมายเลขสอบและหมายเลขประจำตัวประชาชนเพื่อเข้าสู่ระบบ ตอบด้วยสีหน้านิ่ง “อื้อ ระบบจัดการการศึกษาของโรงเรียนเราสามารถเข้าถึงเมื่ออยู่ข้างนอกได้”

เฉิงมู่ที่กำลังรินน้ำใส่แก้วได้ยินดังนั้น “…”

เฉิงเวินหรูพยักหน้า “ก็ดี ตอนแรกระบบการศึกษาของมหาวิทยาลัยของเราจะสามารถเข้าสู่ระบบได้จากภายในเขตการศึกษาเท่านั้น”

เธอเหลือบมองชื่อมหาวิทยาลัยที่ฉินหร่านเขียนลงไป

ฉินหร่านมุ่งเน้นไปที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวงเป็นอันดับบรรทัดแรก

ส่วนการสมัครลำดับที่สองและสาม…เธอไม่ได้กรอกลงไป

เฉิงเวินหรูยังไม่รู้ว่ามหาวิทยาลัย Aและมหาวิทยาลัยเมืองหลวงกำลังต่อสู้กันเพื่อตัวฉินหร่าน “…”

เมื่อถูกสายตาของเฉิงเวินหรูมองจ้อง ทำเอาฉินหร่านปวดหัว ใบสมัครของหลินซือหรานยังไม่ทันได้กรอก เธอก็ปิดคอมพิวเตอร์ แล้วถือมันขึ้นมาและยืนขึ้น “ฉันจะขึ้นไปฝึกไวโอลิน”

เฉิงเวินหรูและนายท่านเฉิงมองตามฉินหร่านเดินขึ้นไปแล้วจึงละสายตากลับมา

“นั่งสิ” นายท่านเฉิงแสดงท่าทางเชื้อเชิญให้เฉิงเวินหรูนั่งลง ก่อนจะพูดถึงเรื่องที่พูดไว้ต่อ “ตอนค่ำพี่คนโตของพวกเธอจะพาโอวหยางเวยมาที่ตระกูลเฉิงสินะ”

ได้ยินชื่อโอวหยางเวย เฉิงมู่ที่กำลังก้มดูโทรศัพท์อยู่หยุดชะงักลงเล็กน้อย

นึกขึ้นมาได้ว่าโอวหยางเวยไม่ได้ถามถึงเขาเป็นเวลานานมากแล้ว

“พี่ใหญ่?” เฉิงเจวี้ยนอดหรี่ตาลงไม่ได้ เมื่อได้ยินสองชื่อนี้ “มาหาทำไม?”

“เรื่องของยาขวดสุดท้าย” พ่อบ้านเฉิงยืนอยู่ข้างนายท่านเฉิงตอบเฉิงเจวี้ยน “และนายท่านเฉิงยังมอบหยกโบราณให้คุณโอวหยางด้วย”

“มอบหยกโบราณให้?” เฉิงเวินหรูขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่เห็นจำเป็นเลยนี่”

พ่อบ้านเฉิงยิ้ม “คุณหนูใหญ่ นี่ไม่ใช่แค่ยาขวดสุดท้าย แต่ยังเป็นการแสดงถึงความปรารถนาดี ถ้าหากคุณโอวหยางสามารถหาผู้ขายในงานประมูลได้ ก็จะมีค่ามากกว่าหยกโบราณหลายเท่าตัวเลย”

เฉิงเวินหรูลุกขึ้นยืน เดินตรงไปที่โต๊ะแล้วหยิบกระเป๋าของตัวเอง รูดซิปเปิดแล้วหยิบเอาขวดใบเล็กสองขวดขึ้นมา “ไม่เห็นจำเป็น! ฉันมีแล้ว!”

พ่อบ้านเฉิงและนายท่านเฉิงมีท่าทีตกใจ “คุณหนูใหญ่ ท่านไปเอามาจากไหน?”

ถึงแม้ในปกติทุกเดือนจะมีถึงสิบขวด เฉิงเวินหรูก็ยังสามารถนำกลับมาได้แค่ขวดเดียว

“หร่านหร่าน” เฉิงเวินหรูตอบกลับ

นายท่านเฉิงไม่รู้จะพูดอะไร เขามองไปที่เฉิงเจวี้ยน

เฉิงเจวี้ยนเอนหลังพูดอย่างช้าๆ “เธอเองก็ต้องการสิ่งนี้”

หลินซือหรานมอบให้กับฉินหร่านในตอนแรก ก็เพราะมักจะเห็นไฟในห้องของฉินหร่านเปิดอยู่ในตอนเที่ยงคืนเป็นประจำ เพื่อจะรักษาอาการนอนไม่หลับของฉินหร่าน

“ถ้าอย่างนั้นก็ว่าไม่ได้” นายท่านเฉิงขมวดคิ้ว

เสียงของพ่อบ้านเฉิงค่อนข้างดัง จนเฉิงมู่อดเงยหน้าขึ้นมองไม่ได้

สายตาเหลือบมองไปเห็นขวดใบเล็กสองขวดในมือของเฉิงเวินหรู ของส่วนใหญ่ของฉินหร่านที่ถูกจัดแจงโดยเขาถูกรับช่วงต่อโดยหลินซือหราน เขาคุ้นเคยกับลักษณะของขวดเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นดังนั้น ก็ตอบอย่างใจเย็น “นายท่าน รับไว้สิครับ คุณหนูฉินก็ให้ผมมาด้วย”

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ
Status: Ongoing
ด้วยว่าพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ยังเล็ก และ ฉินหร่าน ไม่ใช่เด็กประพฤติดี นอกจากจะไม่ตั้งใจเรียนจนผลการเรียนย่ำแย่แล้ว เธอยังหัวรั้นและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจนโดนพักการเรียนไปเป็นปี แตกต่างจาก ฉินอวี่ น้องสาวที่เป็นนักเรียนดีเด่นผู้แสนเพียบพร้อมราวฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงเลือกพาน้องสาวไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียวและทิ้งฉินหร่านเอาไว้ท่ามกลางชนบท ปล่อยให้เธอเติบโตเพียงลำพังในความดูแลของคุณยายวัยชรา สองยายหลานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบสองปี จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายเกิดป่วยหนักอาการโคม่าต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง ครอบครัวฉินจึงได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อคุณยายไม่สามารถดูแลฉินหร่านด้วยตัวเองได้ต่อไปได้อีก แม่ของเธอจึงอาสารับเลี้ยงเธอไว้แทน กระนั้นก็ยังไม่วายเหน็บแนมหญิงสาวอยู่ตลอดว่าอย่าทำตัวน่าขายหน้า ให้เอาอย่างฉินอวี่ผู้เป็นน้องบ้าง กระนั้นกลับไม่มีใครล่วงรู้เลยว่านอกจากฉินหร่านจะมีใบหน้างดงามเกินเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งตัวตนปริศนาที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ เพราะใครกันล่ะที่ทำข้อสอบกากบาททุกข้อแล้วผลคะแนนสอบจะออกมาได้เท่ากับศูนย์ในทุกๆ วิชา เธอโง่จริงๆ หรือว่าตั้งใจกันแน่… เช่นเดียวกับ เฉิงเจวี้ยน หมอหนุ่มประจำโรงเรียนที่แสนธรรมดาคนนั้น ทว่า…เขาเป็นแค่หมอประจำโรงเรียนจริงหรือ เมื่อโชคชะตานำพาให้คนสองคนที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้มาพบกัน หน้ากากของใครจะถูกกระชากออกมาก่อนนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset