เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ – ตอนที่ 287 กำเนิดนักแสดงดราม่าทั้งสองคน! เปิดเผยชีวิตของผู้ชนะ

เถียนเซียวเซียวเพิ่งมาที่สมาคมได้ไม่นาน ก่อนหน้านี้จึงไม่เคยเห็นการแสดงของอาจารย์เว่ย  

 

 

อีกทั้งอาจารย์เว่ยมักจะเดินทางไปมารอบประเทศ  

 

 

เป็นเรื่องปกติที่เถียนเซียวเซียวจะไม่รู้จักเขา  

 

 

อาจารย์เว่ยพยักหน้าเล็กน้อยท่าทางอ่อนโยน “ฉันเป็นอาจารย์ของฉินหร่าน”  

 

 

“อ้อ” เถียนเซียวเซียวพยักหน้าตอบกลับ “สวัสดีค่ะ”  

 

 

“ช่วงนี้ฝึกซ้อมเป็นอย่างไรบ้าง” ในห้องฝึกซ้อมมีคนอยู่ไม่มาก อาจารย์เว่ยมองที่ฉินหร่าน พยักพเยิดมือเป็นเชิงบอกให้เธอไปพูดคุยทางฝั่งหน้าต่าง  

 

 

“ก็ดี” ฉินหร่านวางมือ ปล่อยทิ้งหนังสือวางไว้บนโต๊ะ เดินไปทางหน้าต่างหยิบไวโอลินขึ้นมาตัวหนึ่ง “แต่มีคำถามสองสามข้อ…”  

 

 

อาจารย์เว่ยวางตารางการฝึกซ้อมฉบับใหม่แยกไว้อีกทาง ฟังที่เธอพูด  

 

 

เพราะที่ห้องฝึกซ้อมยังมีคนอื่นอยู่ เสียงของทั้งสองคนจึงเบาลงเล็กน้อย  

 

 

ส่วนทางฝั่งนี้ วังจือเฟิงยังคงยืนอยู่กับที่ ไม่ขยับไปไหน  

 

 

“นายโอเครึเปล่า” เถียนเซียวเซียวไม่ได้เข้าไปรบกวนอาจารย์และศิษย์ เธอยกมือขึ้นลูบผมไปมา มองไปทางวังจือเฟิง  

 

 

เวลานี้วังจือเฟิงมือสั่น ท่าทางราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น  

 

 

เถียนเซียวเซียวไปที่ระหว่างชั้นหนังสือทั้งสองข้างมองหาหนังสือ  

 

 

วังจือเฟิงตามเข้ามา เธอขยับเข้าใกล้ ใช้เสียงพูดให้ได้ยินเพียงสองคน “ทำไมอาจารย์ของฉินหร่านถึงไม่ใช่ไต้หรานล่ะ”  

 

 

“ไต้หราน?” ได้ยินคำนี้ วังจือเฟิงได้สติกลับมา เขาเหลือบมองเถียนเซียวเซียว “เธอรู้ไหมว่าอาจารย์ของเธอเป็นใคร”  

 

 

เถียนเซียวเซียวดึงหนังสือออกมาเล่มหนึ่ง  

 

 

ในน้ำเสียงมีความเสียใจ  

 

 

วังจือเฟิงมองไปที่เธอด้วยสายตาท่าทางว่างเปล่า “อาจารย์เว่ย”  

 

 

“ใคร?”  

 

 

วังจือเฟิงพูดซ้ำ “อาจารย์เว่ย”  

 

 

“ห้ะ” หนังสือในมือเถียนเซียวเซียวร่วงลงบนพื้น  

 

 

ผ่านไปสักพัก ทั้งเถียนเซียวเซียวและวังจือเฟิงนั่งลงอยู่ข้างๆ อาจารย์เว่ย ฟังอาจารย์เว่ยสอนวิชา  

 

 

เมื่อใกล้เวลาเที่ยง อาจารย์เว่ยมีธุระที่ต้องจัดการ จึงมอบตารางการฝึกซ้อมฉบับใหม่ให้ฉินหร่าน เขายืนขึ้นพูดพลางถอนหายใจ “ก้าวหน้าเร็วมาก ไม่แน่ฉันอาจต้องมีแผนการใหม่ให้เธอ”  

 

 

ฉินหร่านยืนนิ่ง ก้มมองที่แผนการฝึกซ้อมฉบับใหม่ พูดน้ำเสียงสบายๆ “ยังไงก็ได้”  

 

 

อาจารย์เว่ยพยักหน้าเล็กน้อย มองไปที่ลูกศิษย์ของตน คิดในใจว่าที่จะให้เธอสอบผ่านระดับหกภายในสองเดือน ดูแล้วไม่น่ายาก  

 

 

รออาจารย์เว่ยออกไปแล้ว  

 

 

ทั้งเถียนเซียวเซียวและวังจือเฟิงมองไปที่ฉินหร่านไม่ละสายตา  

 

 

ฉินหร่านเก็บคู่มือการฝึกซ้อมลงอย่างใจเย็น เชิดคางไปทางทั้งสองคน พูดอย่างใจเย็น “ไปกินข้าวกัน”  

 

 

“แม้ว่าเรื่องนี้จะนับว่าเป็นเรื่องปกติ…” วังจือเฟิงเดินตามฉินหร่าน “ฉินหร่านเป็นกลุ่มนักเรียนใหม่ที่โดดเด่นที่สุด แน่นอนว่าต้องตกเป็นเป้าหมายในการแข่งขันของเหล่าอาจารย์”  

 

 

เพียงแต่เขาแค่นึกถึงว่าน่าจะเป็นไต้หราน และอาจารย์ท่านอื่นๆ ทุกคนในพรรค แต่ไม่เคยนึกถึงเลยว่าเป็นอาจารย์เว่ย เพราะอาจารย์เว่ยไม่เคยรับศิษย์มาก่อน…  

 

 

เถียนเซียวเซียวเดินรั้งท้ายตามทั้งสองคน หยิบโทรศัพท์ออกมาตั้งหน้าตั้งตาส่งข้อความหนึ่งฉบับหาผู้จัดการของเธอ  

 

 

[บอกตามตรง ฉันคือจักรพรรดิยุโรปตัวจริง!]  

 

 

ผู้จัดการของเธอเองก็ไม่ปรานี ตอบกลับอย่างรวดเร็วและกระชับใจความ…  

 

 

[อ่า]  

 

 

ทันทีหลังจากนั้น…  

 

 

[วันนี้คุณได้รับเลือกจากผู้กำกับแต่งตั้งให้เป็นนางเอกแล้วหรือยัง]  

 

 

[วันนี้คุณได้ไปถ่ายหนังกับคุณฉินแล้วหรือยัง]  

 

 

[วันนี้คุณมีแฟนคลับเป็นล้านแล้วหรือยัง]  

 

 

[คุณก็แค่เล่นเป็นวิญญาณของหญิงสาว n ในเว็บละคร //ยิ้ม]  

 

 

คำถามยิงรัวมาเป็นชุด  

 

 

เถียนเซียวเซียววางโทรศัพท์ลงเงียบๆ  

 

 

**  

 

 

กลุ่มของทั้งสามคนมาถึงโรงอาหารของสมาคมที่ชั้นสอง  

 

 

วังจือเฟิงสั่งอาหารอย่างชำนาญ  

 

 

ที่ด้านข้างเป็นกลุ่มของเถียนอี้อวิ๋น โต๊ะของกลุ่มเถียนอี้อวิ๋นนั้นค่อนข้างใหญ่ กำลังพูดคุยถึงเรื่องของอาจารย์ไต้หรานกันอย่างกระตือรือร้น  

 

 

“จริงเหรอ ที่เธอเห็นฉินอวี่คนนั้นตอนที่อยู่กับอาจารย์ไต้ เธอเก่งมากเลยใช่ไหม” ราวกับว่าตั้งใจส่งเสียงพูดให้เสียงดังขึ้นกว่าปกติ  

 

 

ที่โต๊ะฉินหร่านได้ยินอย่างชัดเจน  

 

 

รอยยิ้มบนใบหน้าตุ๊กตานั่นของเถียนอี้อวิ๋นปรากฏขึ้นเด่นชัด “อาจารย์ไต้กับรุ่นพี่ฉินอวี่ต่างก็ดูดีมาก…”  

 

 

เสียงดังขึ้นกว่าเดิมไปอีก  

 

 

ฉินหร่านเอนหลังพิงเก้าอี้ เลิกคิ้วขึ้น เหยียดขาออกเล็กน้อย นิ้วเคาะขึ้นลงไม่เป็นจังหวะ ราวกับกำลังรำคาญ  

 

 

คนที่อยู่โต๊ะถัดไปล้วนแต่เป็นคนของเถียนอี้อวิ๋น เมื่อเห็นฉินหร่านและพวกของเธอมา จึงจงใจพูดให้เสียงดังขึ้น  

 

 

ถ้าหากเป็นไม่กี่ชั่วโมงก่อน เถียนเซียวเซียวกับวังจือเฟิงต้องโกรธอยู่เป็นแน่  

 

 

เพียงแต่ตอนนี้…  

 

 

เถียนเซียวเซียวรินน้ำให้ฉินหร่านและตัวเองอย่างใจเย็น เธอยิ้มและมองไปที่วังจือเฟิง “วังจือเฟิง เรื่องเทคนิคที่อาจารย์เว่ยบอกวันนี้นายจำได้รึยัง”  

 

 

พูดด้วยน้ำเสียงไม่ปิดบัง  

 

 

“แน่นอน ฉันจดทุกอย่างที่อาจารย์เว่ยพูดไว้ในสมุดโน้ต กลับไปที่ห้องฝึกซ้อมแล้ว จะเอามาให้เธอ” วังจือเฟิงตอบกลับ หยิบมันขึ้นมา  

 

 

“ขอบคุณอาจารย์เว่ยที่ดูแลฉินหร่านแล้วยังไม่มองข้ามพวกเรา”  

 

 

“ถึงยังไงอาจารย์เว่ยก็เป็นอาจารย์ของฉินหร่าน”  

 

 

“ใช่แล้ว อาจารย์เว่ยเป็นคนดีจริงๆ”  

 

 

“…”  

 

 

ทั้งสองคนพูดคุยกันคนละประโยค แต่ละประโยคล้วนมีคำว่า ‘อาจารย์เว่ย’  

 

 

เสียงของคนที่อยู่โต๊ะถัดไปค่อยๆ หายไป  

 

 

ทั้งสองยังเอาแต่พูดว่า ‘อาจารย์เว่ย’ ‘ฉินหร่าน’ ราวกับคนอื่นไม่ได้ยินเสียอย่างนั้น  

 

 

ฉินหร่านที่ดูมีท่าทางรำคาญในตอนแรก เห็นทั้งสองคนทำแบบนี้ เธอผู้ที่ไม่เคยรู้จักคำว่า ‘เขินอาย’ เวลานี้ยังถึงกับอดไม่ได้  

 

 

“ไม่ต้อง” เธอตบมือลงบนโต๊ะ พิงพนักเก้าอี้ สบถออกมาด้วยรอยยิ้ม “พวกเธอทั้งสองคนพอได้แล้วน่า”  

 

 

“โอเค” เถียนเซียวเซียวเอื้อมมือขึ้นไปหวีผมหยิกของตัวเอง พยักหน้าหงึก พูดประโยคสุดท้ายด้วยสีหน้าเสียใจ “ฉินหร่าน ขอบพระคุณอาจารย์เว่ยของเธอจริงๆ”  

 

 

น้ำเสียงฟังดูแล้วจริงใจเอามากๆ  

 

 

ฉินหร่าน “…”  

 

 

สองคนนี้…คงไม่ได้มาจากสถาบันการแสดงหรอกนะ  

 

 

**  

 

 

รอทั้งสามคนกินข้าวเสร็จแล้วออกไป  

 

 

เถียนอี้อวิ๋นและพวกกลุ่มคนที่อยู่โต๊ะด้านข้างจึงได้สติกลับมา  

 

 

คนหนึ่งพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ฉันเหมือนได้ยินมาว่าอาจารย์เว่ยรับลูกศิษย์แล้วคนหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าจะเป็นฉินหร่าน ไม่แปลกใจเลยที่อาจารย์ไต้…”  

 

 

พูดถึงตรงนี้ อีกคนก็หยิกลงที่แขนของเขา  

 

 

เมื่อเธอคนนี้เหลือบเห็นท่าทางของเถียนอี้อวิ๋น ก็รีบถอนคำพูดจากปากออกทันที  

 

 

แม้ว่าไต้หรานจะเป็นรองมาจากอาจารย์เว่ย แต่ถึงจะมีไต้หรานสิบคนก็เทียบกับอาจารย์เว่ยคนเดียวไม่ได้ ของแบบนี้ไม่สามารถวัดด้วยปริมาณได้  

 

 

“พวกวังจือเฟิงช่างโชคดีจริงๆ ได้ยินว่าตอนที่อาจารย์เว่ยสอนฉินหร่าน พวกเขาสามารถฟังอยู่ข้างๆ ได้” ใครบางคนอดไม่ได้ที่จะพูด  

 

 

น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา  

 

 

เพียงแต่พอพูดถึงตรงนี้ คนเหล่านี้ต่างมองไปที่หลี่เสวี่ยโดยไม่รู้ตัว…  

 

 

ถึงอย่างไร หลี่เสวี่ยก็เป็นคนแรกที่ถูกจัดให้เข้าไปอยู่ในกลุ่มของฉินหร่าน…  

 

 

ท่าทางของหลี่เสวี่ยค่อนข้างแข็งทื่อ แต่การควบคุมการแสดงออกพอใช้ได้  

 

 

แต่ในใจตอนนี้ราวกับถูกมดกัดกินอย่างแน่นหนา  

 

 

ใบหน้าตุ๊กตาของเถียนอี้อวิ๋นราวกับมีเพียงรอยยิ้มปรากฏขึ้น “รุ่นพี่ของฉันอีกไม่กี่วันก็จะสอบผ่านไวโอลินระดับหกแล้ว”  

 

 

“จะสอบผ่านระดับหกเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ” กลุ่มคนบนโต๊ะมีกำลังใจกลับมาอย่างอิดออด แต่ถึงอย่างไรก็ไม่รู้สึกอยากกินอาหารมื้อนี้ต่อแล้ว  

 

 

“ความสามารถช่างน่ากลัวมาก ไม่ใช่ว่าเธอเพิ่งได้ระดับห้าเมื่อปลายปีที่แล้วอย่างนั้นเหรอ”  

 

 

“…”  

 

 

**  

 

 

ตอนเย็นหลังเลิกเรียน  

 

 

ทั้งสามเดินลงมาข้างล่างด้วยกัน วันนี้พวกเขาทั้งสามออกมาก่อนล่วงหน้าตอนบ่ายสาม  

 

 

ผู้จัดการของเถียนเซียวเซียวยังไม่มา ฉินหร่านเองก็ยังไม่ได้แจ้งกับเฉิงเจวี้ยนล่วงหน้า คาดว่าเขาน่าจะมาถึงในอีกครึ่งชั่วโมง  

 

 

อากาศข้างนอกค่อนข้างร้อน ทั้งสามคนจึงเตรียมตัวไปรอใครบางคนที่ร้านกาแฟฝั่งตรงข้าม  

 

 

ห่างจากสมาคมไวโอลินมาไม่ไกลนัก มีโรงถ่ายภาพยนตร์  

 

 

ในบางครั้งที่นี่อาจสามารถพบเจอเหล่าศิลปินที่ไม่ได้มีชื่อเสียงโดยทั่วไปได้  

 

 

ทั้งสามคนเพิ่งเข้ามา บังเอิญเจอคนเข้ากับใครบางคน  

 

 

ที่ตรงนั้นมีผู้ชายคนหนึ่ง เขาเหลือบมองเถียนเซียวเซียว แสร้งทำเป็นยิ้ม “คุณเถียนซูเปอร์สตาร์นี่เอง”  

 

 

แน่นอน เขาไม่มองวังจือเฟิงและพรรคพวกที่อยู่ข้างเถียนเซียวเซียว ที่รวมอยู่กับเถียนเซียวเซียวได้คงเพราะมีพรสวรรค์อะไรบางอย่าง ซึ่งเขาไม่สามารถคาดเดาได้  

 

 

เถียนเซียวเซียวมองตรงไปที่เขา “ขอบคุณ”  

 

 

“คุณช่างกล้าที่จะตอบจริงๆ” ชายคนนั้นหรี่ตามองเธอ โดยไม่ได้สนใจน้ำเสียงของเธอ เพียงพูดถากถางว่า “ฉันเพิ่งรู้มาว่าไม่สามารถพาเธอไปด้วยได้ แต่ถ้าไม่มีเธอ ทีมของพวกเราก็คง…”  

 

 

ฉินหร่านดันหมวกของตัวเอง เธอที่หยิ่งยโสอยู่เป็นประจำ ไม่รู้ว่าการรักษาน้ำใจหมายถึงอะไร “น่าคาญ ไปเถอะ”  

 

 

น้ำเสียงเกียจคร้านและกวนประสาท “สุนัขที่ดีไม่ขวางทางเท้า”  

 

 

คำพูดราวกับไม่เกรงใจ  

 

 

ชายคนนี้คงไม่เคยถูกใครพูดแบบนี้ใส่มาก่อน เขาดูมีท่าทางโกรธเคือง มองเถียนเซียวเซียวด้วยสายตาเย็นชา “เถียนเซียวเซียว ฉันคิดว่าคุณคงไม่อยากร่วมกับเราแล้ว!”  

 

 

เขามองเถียนเซียวเซียวและคนอื่นๆ อย่างหน้าดำหน้าแดง แล้วจึงหันหลังเดินออกไป  

 

 

เถียนเซียวเซียวดูอารมณ์ดีอีกครั้ง  

 

 

นั่งรอบนที่นั่งตรงริมหน้าต่าง พนักงานจึงนำกาแฟมาเสิร์ฟ เถียนเซียวเซียวคนกาแฟแล้วพูด “นั่นคือผู้จัดการของฉันคนก่อนหน้านี้”  

 

 

วังจือเฟิงเป็นคนตรงๆ “แล้วตอนนี้ล่ะ”  

 

 

“เขายกเลิกสัญญากับฉัน” เถียนเซียวเซียวถอดแว่นกันแดดออก ตอบอย่างไม่ใส่ใจ  

 

 

ฉินหร่านจิบกาแฟอย่างเอื่อยเฉื่อย เลิกคิ้วขึ้นพูด  

 

 

ผ่านไปไม่นานรถ baby-sitter คันหนึ่งจอดลงที่หน้าร้านกาแฟ  

 

 

ผู้จัดการของเถียนเซียวออกมาจากด้านใน เธอเหยียบรองเท้าส้นสูงเข้ามาในร้านกาแฟอย่างฉุนเฉียว กวาดสายตามองไปรอบๆ ไม่นานก็มองเห็นเถียนเซียวเซียว “เถียนเซียวเซียว เธอหาเรื่องให้ฉันอีกแล้วยัยตัวโชคร้ายหมื่นปี! เธอไม่รู้เหรอว่าไป๋เทียนเทียนกับผู้จัดการของหล่อนเซ็นสัญญากับคุณเจียงแล้ว! เธอยังทำให้ฉันวุ่นวายอีก เธอไม่อยากอยู่ในวงการบันเทิงแล้วงั้นเหรอ!”  

 

 

เสียงดังลั่น  

 

 

ฉินหร่านอุดหู  

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ
Status: Ongoing
ด้วยว่าพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ยังเล็ก และ ฉินหร่าน ไม่ใช่เด็กประพฤติดี นอกจากจะไม่ตั้งใจเรียนจนผลการเรียนย่ำแย่แล้ว เธอยังหัวรั้นและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจนโดนพักการเรียนไปเป็นปี แตกต่างจาก ฉินอวี่ น้องสาวที่เป็นนักเรียนดีเด่นผู้แสนเพียบพร้อมราวฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงเลือกพาน้องสาวไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียวและทิ้งฉินหร่านเอาไว้ท่ามกลางชนบท ปล่อยให้เธอเติบโตเพียงลำพังในความดูแลของคุณยายวัยชรา สองยายหลานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบสองปี จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายเกิดป่วยหนักอาการโคม่าต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง ครอบครัวฉินจึงได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อคุณยายไม่สามารถดูแลฉินหร่านด้วยตัวเองได้ต่อไปได้อีก แม่ของเธอจึงอาสารับเลี้ยงเธอไว้แทน กระนั้นก็ยังไม่วายเหน็บแนมหญิงสาวอยู่ตลอดว่าอย่าทำตัวน่าขายหน้า ให้เอาอย่างฉินอวี่ผู้เป็นน้องบ้าง กระนั้นกลับไม่มีใครล่วงรู้เลยว่านอกจากฉินหร่านจะมีใบหน้างดงามเกินเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งตัวตนปริศนาที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ เพราะใครกันล่ะที่ทำข้อสอบกากบาททุกข้อแล้วผลคะแนนสอบจะออกมาได้เท่ากับศูนย์ในทุกๆ วิชา เธอโง่จริงๆ หรือว่าตั้งใจกันแน่… เช่นเดียวกับ เฉิงเจวี้ยน หมอหนุ่มประจำโรงเรียนที่แสนธรรมดาคนนั้น ทว่า…เขาเป็นแค่หมอประจำโรงเรียนจริงหรือ เมื่อโชคชะตานำพาให้คนสองคนที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้มาพบกัน หน้ากากของใครจะถูกกระชากออกมาก่อนนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset