เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ – ตอนที่ 310 อาศัยอยู่มหาวิทยาลัย นายท่านเฉิงให้สิทธิพิเศษกับเธอ!

คำพูดของหนิงฉิงมีเค้าลางไม่ดี แต่ฉินฮั่นชิวไม่รู้จริงๆ…ว่าด้านในยังมีเรื่องภายในเช่นนี้ด้วย

อีกอย่าง…เขาแน่ใจ หนิงฉิงต้องไม่ช่วยฉินหร่านโดยไปขอร้องกับฉินอวี่แน่นอน

“เสี่ยวหลิง ฉัน…” ฉินฮั่นชิวไม่กล้าสบสายตาอันมืดมนและเย็นชาของฉินหลิงสักเท่าไหร่

“ไม่ต้องพูดขอโทษกับผม” ฉินหลิงละสายตากลับ เปิดเกม พูดขึ้นเสียงเรียบ “ถึงอย่างไรพ่อก็ไม่ได้ตาบอดแค่ครั้งสองครั้ง จำไว้ว่าหลังจากนี้มีเรื่องอะไรมาพูดกับผมก่อน ผมไม่อยากเข้าหน้าพ่อไม่ติดเพราะเรื่องนี้ไปจนแก่ตาย”

ฉินฮั่นชิวฟังจบ ปิดประตูของฉินหลิงลงอย่างละอาย

ก้มหน้ามองโทรศัพท์ หนิงฉิงรีบเร่งโทรศัพท์กลับมาอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ที่อวิ๋นเฉิง ฉินฮั่นชิวบล็อกเบอร์โทรศัพท์ของหนิงฉิงแล้ว ตอนนี้หนิงฉิงมาเมืองหลวงเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์แล้วจึงติดต่อมาได้

ฉินฮั่นชิวบล็อกหมายเลขโทรศัพท์เธออีกครั้ง เขากลับมาที่ห้องของตัวเอง สายตามองไปนอกหน้าต่างอย่างว่างเปล่า

**

ตอนนี้ฉินหร่านไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในเวยป๋อ

เธอแค่กำลังพูดคุยกับฉังหนิง

“จระเข้ยักษ์มีปัญหาอีกแล้ว” ตอนนี้ฉังหนิงอยู่ที่สำนักงานใหญ่ 129 ช่วยจระเข้ยักษ์ติดต่อฉินหร่าน “คุณสามารถ…”

ฉินหร่านถือโทรศัพท์ลงมาจากด้านบน หรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง ได้ยินประโยคนี้เธอก็รู้ทันที “ไม่ได้”

ฉังหนิงชะงัก

“ไม่ทำไมทั้งนั้น อย่าถามว่าทำไม” ฉินหร่านกดมือลงที่หน้าผาก ปวดหัวสุดๆ “ให้พวกเขาสู้กันเอง”

ทางฉังหนิงวางสายลง จากนั้นเปิดกลุ่ม

ฉังหนิง: @จระเข้ยักษ์ พวกคุณต่อสู้กันเอง (แยกเขี้ยว)

น้ำเสียงยังดูเย้ยหยัน

จระเข้ยักษ์: …??

ฉินหร่านวางสาย จากนั้นไปที่โซฟา เฉิงเจวี้ยนเห็นเธอมา หดขากลับ ตั้งใจไม่ให้ตัวเองแสดงออกถึงความโง่เขลาอย่างภาคภูมิใจ

กระนั้น…ฉินหร่านก็ไม่ได้มองเขา

เฉิงเจวี้ยนจึงเอื้อมมือวางคอมพิวเตอร์ไว้บนโต๊ะ ดวงตาสดใส “ก่อนหน้านี้คุณผมสั้น?”

ฉินหร่านพิงโซฟา เปิดเกม ไม่ได้เงยหน้า ตอบอย่างไม่แยแส “อือ”

“ตอนหลังทำไมไว้ยาวล่ะ”

“อา ก็…มีปีหนึ่งลืมตัด มันก็ยาวมาเอง” มือของฉินหร่านจิ้มโทรศัพท์ไม่หยุดลงสักนิด

เฉิงมู่พูดทันที “คุณฉิน นี่คุณลืมไปหมดแล้ว…”

พูดยังไม่จบประโยค เฉิงมู่ถูกสายตาของเฉิงเจวี้ยนกวาดมอง เขาปิดปากทันที

“คุณรู้จักซ่งลี่ว์ถิง? ชื่อนี้ฉันค่อนข้างคุ้นหู” เฉิงเจวี้ยนถือถ้วยชาไว้อยู่ เปลี่ยนเรื่องพูดอย่างสบายๆ

ฉินหร่านเลิกคิ้ว “คุ้นหูแน่นอน จอหงวนระดับประเทศปีที่แล้ว มหาวิทยาลัยเมืองหลวง ภาควิชาฟิสิกส์”

เฉิงเจวี้ยนดื่มน้ำเย็นหนึ่งอึก ไม่สนใจ “อ่อ”

“เฉิงจิน” เฉิงเจวี้ยนเงยหน้าขึ้น มองเฉิงจินที่เพิ่งขึ้นมาจากด้านล่าง “คุณมีเรื่องของเฉิงถู่จะบอกฉันรึเปล่า”

“ใช่” เฉิงจินไปที่ห้องหนังสือด้านบนกับเฉิงเจวี้ยนทันที

**

วันรุ่งขึ้น วันสุดท้ายของการลงทะเบียนนักศึกษาใหม่

ฉินหร่านถือกระเป๋าสีดำ กลับไปที่หอพักอย่างสบายใจ

ตอนที่เธอไปถึงหอพัก เตียงอื่นสามเตียงด้านในหอจัดเรียบร้อยหมดแล้ว

มีเพื่อนร่วมห้องสองคนพูดคุยกัน เห็นว่ามีคนเข้ามา ต่างก็หยุดพูด เปลี่ยนไปมองที่ฉินหร่าน ประมาณว่าตกใจกับการมาของฉินหร่าน ไม่มีสติไปพักหนึ่ง

หลังจากชะงักไป หญิงสาวใส่แว่นผมสั้นท่าทางอ่อนโยนยืนขึ้น แนะนำตัวเอง พูดขึ้นด้วยเสียงมีเอกลักษณ์ “สวัสดี ฉันคือหยางอี๋ สาขาวิชาวิศวกรรมอัตโนมัติ ภาควิชาฟิสิกส์…”

“ฉันชื่อหนานฮุ่ยเหยา วิศวกรรมอัตโนมัติเหมือนกัน” หญิงสาวหน้าตาหวานหยดพูดขึ้น ตัวเล็ก ผมสีดำสนิทสยายอยู่ด้านหลัง ดวงตาเป็นประกาย

ภาควิชาฟิสิกส์เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของสี่คณะหลักมหาวิทยาลัยเมืองหลวง ทุกปีรับสมัครเพียง 200 คน คนที่สามารถเข้าได้ ล้วนแต่เป็นสุดยอดในบรรดาสุดยอด ใน 200คนนั้นมีผู้หญิงน้อยมากๆ

ปีนี้ไม่ถึงสิบคน มีวิศวกรรมอัตโนมัติสามคน และถูกแบ่งให้อยู่ห้องพักหนึ่ง

หนานฮุ่ยเหยาพูดจบ พลางชี้ไปที่ตรงข้ามเตียงของฉินหร่าน พูดพร้อมรอยยิ้ม “รูมเมทพวกเราอีกคนคือเหลิ่งเพ่ยซาน เธอไม่ใช่นักเรียนสาขาวิศวกรรมอัตโนมัติ แต่เป็นสาขาคอมพิวเตอร์ ออกไปทานข้าวกับคนของสมาพันธ์นักเรียน เป็นคนเมืองหลวง”

ฉินหร่านถอดหูฟังอีกข้างหนึ่งออกวางลง พยักหน้าอย่างสุภาพมาก “ฉันชื่อฉินหร่าน สาขาวิศวกรรมอัตโนมัติ เป็นคนอวิ๋นเฉิง”

ตัวของเธอมักจะมีพลังงานที่เย็นชาและน่าอึดอัดแผ่กระจายออกมาเสมอ โดยทั่วไปคนที่ไม่คุ้นเคยเมื่อเห็นเธอต่างไม่กล้าที่จะพูดเสียงดังเท่าไหร่

หนานฮุ่ยเหยาที่รู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างเข้ากับคนได้ง่าย เมื่อเจอกับฉินหร่าน ยังนึกคำจะพูดไม่ออก

ฉินหร่านหยิบชุดนอนไปอาบน้ำที่ห้องน้ำ

ออกมาอีกครั้ง เหลิ่งเพ่ยซานก็กลับมาที่หอแล้ว เธอนำขนมมาให้รูมเมททั้งสองคนหมดแล้ว

เห็นฉินหร่านออกมา เธอชะงักไปพักหนึ่ง แม้ว่าจะได้ยินรูมเมททั้งสองคนพูดไปแต่แรกแล้วว่ารูมเมทคนสุดท้ายดูดีมาก แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะสวยถึงขนาดนี้

“นี่คือขนมที่ฉันเอากลับมา” เหลิ่งเพ่ยซานคิ้วเรียว ดวงตาสีแอปริคอท ใบหน้ารูปไข่แบบมาตรฐาน เธอยิ้ม นำกล่องที่บรรจุอย่างประณีตวางไว้บนโต๊ะฉินหร่าน

มือข้างหนึ่งของฉินหร่านถือผ้าขนหนูเช็ดผม เท้าเตะเก้าอี้ที่ข้างโต๊ะ นั่งลง “ขอบคุณ”

เธอพูดกับเหลิ่งเพ่ยซาน ค่อนข้างสุภาพ นั่นคือคนที่เธอไม่คุ้นเคย ทำให้รู้สึกได้ว่านายใหญ่คนนี้ทำท่าทางเย่อหยิ่งนัก

“เธออยู่ภาควิชาศิลปะเหรอ” เหลิ่งเพ่ยซานไม่แคร์ เพียงยิ้มเล็กน้อย

หนานฮุ่ยเหยากินขนมหนึ่งชิ้น ยิ้ม “ไม่ใช่ เธออยู่คณะเดียวกันกับฉัน และอยู่วิศวกรรมอัตโนมัติ”

วิศวกรรมอัตโนมัติ?

เหลิ่งเพ่ยซานชะงัก เป็นนักเรียนในสี่คณะหลักของมหาวิทยาลัยงั้นเหรอ

ตอนแรกเธอคิดว่าฉินหร่านดูดีขนาดนี้ จะเป็นภาควิชาศิลปะ

“คะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเธอสอบได้เท่าไหร่” เหลิ่งเพ่ยซานมองไปที่ฉินหร่าน

ฉินหร่านยังคงเช็ดผมอย่างสบายๆ น้ำเสียงไม่รีบร้อน “ธรรมดา”

“อ่อ” เหลิ่งเพ่ยซานพยักหน้า ในที่สุดก็ไม่พูดอีก

บอกว่าธรรมดา โดยพื้นฐานก็เพื่อระงับการเข้าถึง

หนานฮุ่ยเหยากัดเค้ก ซุบซิบกับฉินหร่าน “เพ่ยซานคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัย 713 ไม่มีคะแนนพิเศษใดๆ คะแนนหมวดความชำนาญด้านวัฒนธรรมเป็นอันดับสามของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเมืองหลวง”

สอบเข้าภาควิชาฟิสิกส์ในมหาวิทยาลัยเมืองหลวงได้ทั้งหมด คะแนนต้องไม่น้อยไปถึงขนาดนั้น แต่ในหมู่คนอัจฉริยะก็ยังมีความแตกต่างอยู่

คะแนน 680 กับ 713 คะแนนต่างกันไม่มาก แต่ช่องว่างมากมาย

ปีนี้ข้อสอบทั่วประเทศยากมาก สอบได้มากกว่า 700 คะแนน ล้วนเป็นพระเจ้า

ฉินหร่านพยักหน้า ดูแล้วค่อนข้างขอไปที

ยังไม่ทันเช็ดผมเสร็จ โทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้น เป็นเฉิงเจวี้ยน

เธอไปรับโทรศัพท์ที่ระเบียง

“ลองดูสิบวัน” เฉิงเจวี้ยนที่อยู่ฝั่งนั้นพูดกับเธอไม่กี่ประโยค หยิบบุหรี่ขึ้นมา “ถ้าไม่ชินกับการอยู่ห้องพัก กลับมาได้ ทางฝั่งมหาวิทยาลัยฉันจัดการได้”

ฉินหร่านมองด้านในห้องพัก มือวางบนระเบียง “พอได้ ทนได้อยู่”

เฉิงเจวี้ยน “…งั้นก็ดี รีบพักผ่อน”

ฉินหร่านคุยโทรศัพท์สิบนาที จึงกลับมา

“แฟน?” เหลิ่งเพ่ยซานไม่ใช่คนที่ชอบแอบฟังคนอื่น

แต่เธอไม่รู้ทำไม ถึงได้มักจะสนใจฉินหร่านเป็นพิเศษ เธอดูออกว่า ที่ฉินหร่านไปรับโทรศัพท์ คิ้วที่เย็นชาดูเหมือนจะอ่อนลง

ได้ยินประโยคนี้ มือที่ถือผ้าขนหนูของฉินหร่านหยุดลง เธอเหลือบมองเหลิ่งเพ่ยซาน ไม่ได้ตอบกลับ

หนานฮุ่ยเหยาหัวเราะออกมา ค่อนข้างสนใจ “ใช่ที่มหาวิทยาลัยพวกเราไหม”

“ไม่ใช่” ฉินหร่านกลับมานั่งเก้าอี้ หยิบคอมพิวเตอร์ในกระเป๋าเป้สีดำออกมา เงียบไปครู่หนึ่ง

คอมพิวเตอร์เป็นคอมพิวเตอร์สีดำเครื่องใหญ่ ไม่มีเครื่องหมาย เหมือนเป็นของมือสองที่โละมาจากตลาด

“หรือคือ…มหาวิทยาลัย A ฝั่งตรงข้าม?” เหลิ่งเพ่ยซานถามต่อ

สองมหาวิทยาลัยนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเมืองหลวง

ไม่ถึงวินาที คอมพิวเตอร์แสดงหน้าจอ ฉินหร่านขมวดคิ้ว อดทนต่อไป “ไม่ใช่ เขาจบนานแล้ว”

“อ่อ” เหลิ่งเพ่ยซานได้ยินคำนี้ พยักหน้า จบนานแล้ว งั้นอายุเท่าไหร่

เธอมองฉินหร่าน ไม่ได้สนใจ

หยางอี๋งับเค้กคำเล็ก กำลังอ่านหนังสือเล่มหนา หนานฮุ่ยเหยาอยู่แถวเดียวจากฉินหร่าน จึงนั่งลงข้างฉินหร่าน

เธอเขยิบเข้ามาอย่างสงสัย “ฉินหร่าน ทำไมคอมพิวเตอร์เธอบูทเร็วจัง”

“เพราะมันไม่ได้ปิดเครื่อง” ฉินหร่านกดลงที่แป้นพิมพ์ เปิด QQ เพิ่งเข้าสู่ระบบมีข้อความชุดหนึ่ง ตอบอย่างคุ้นชิน “เครื่องเริ่มทำงานไว้อยู่แล้ว”

“อ่อ” ในที่สุดหนานฮุ่ยเหยาก็เข้าใจ “เข้าใจเลย คอมพิวเตอร์ของเธอไม่ได้ดาวน์โหลดอะไรเลย เธอเล่นเกมไหม เคยได้ยินเกมท่องยุทธภพรึเปล่า มาเถอะ! ฉันสอนเธอเอง!”

เธอเป็นคนที่กระฉับกระเฉงที่สุดในหอพัก คุ้นเคยอย่างเป็นธรรมชาติมาก หยางอี๋ชัดเจนว่าเป็นเด็กเรียน ไม่เล่นเกม สองวันนี้เหลิ่งเพ่ยซานออกไปสานสัมพันธ์กับพวกรุ่นพี่

หนานฮุ่ยเหยาจึงชักชวนฉินหร่าน

ฉินหร่านกำลังส่งข่าวคราวกับเถียนเซียวเซียว ฝ่ายตรงข้ามส่งมีม ‘ชอบอกชอบใจ’ มา

ฉินหร่านตอบเครื่องหมายคำถามกลับ

ได้ยินคำพูดของหนานฮุ่ยเหยา เธอปิดกล่องโต้ตอบ เข้ากลุ่มชั้นเรียนห้องเก้า ส่ายหน้า “ไม่เล่นชั่วคราว รีบพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”

ช่วงปิดเทอม นอกจากไวโอลิน ก็เล่นแต่เกมท่องยุทธภพกับเพื่อนห้องเก้าเท่านั้น เล่นจนแทบอ้วก

ในกลุ่มห้องเก้า ค่อยๆ ทยอยเปิดเทอมทีละคน มีคนส่งรูปที่ถูกแดดเผาตอนที่ไปฝึกซ้อมด้วย

ได้ยินคำพูดของฉินหร่าน หนานฮุ่ยเหยาจึงไม่สนใจเกม นึกเรื่องน่ากลัวออกมาได้สองคำทันที

ฝึก! ทหาร!

ช่วงระยะสิบวัน ไม่รู้ต้องเจอกับอะไรน่ากลัวบ้าง

เหลิ่งเพ่ยซานละสายตากลับมามองคอมพิวเตอร์ของฉินหร่าน ไม่ค่อยสนใจ

ไม่ได้โหลดอะไร…เธอสงสัยจริงๆ ว่าฉินหร่านเป็นมือใหม่รึเปล่า ดาวน์โหลดอะไรไม่เป็น…

เธอหยิบผ้าเช็ดตัวไปห้องน้ำอาบน้ำ

**

ฉินหร่าน หนานฮุ่ยเหยาและหยางอี๋ต่างก็เรียนสาขาวิชาวิศวกรรมอัตโนมัติ แต่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน

หยางอี๋อยู่ห้องสอง ฉินหร่านและอีกคนอยู่ห้องหนึ่ง ทั้งสามคนไม่ได้ฝึกทักษะด้วยกัน

สนามถูกแบ่งคณะกับชั้นเรียนไว้อยู่แล้ว

หนานฮุ่ยเหยามามหาวิทยาลัยได้สองวัน รู้จักคนของห้องหนึ่งอยู่บ้าง สายตาเฉียบแหลมหาจนพบห้องหนึ่งที่จุดรวมตัว แล้วลากฉินหร่านเดินไปทางนั้น

ฉินหร่านดึงปลายหมวกสีฟ้าน้ำทะเลกดลง เดินตามหลังหนานฮุ่ยเหยาอย่างเกียจคร้าน อย่างกับยังนอนไม่ตื่น

กลุ่มนักเรียนชายห้องหนึ่งมารวมตัวกันเรียบร้อยนานแล้ว อาจารย์ผู้สอนยังไม่มา พวกเขาจึงพูดคุยถึงนักเรียนใหม่ของชั้นเรียน

“สาขาวิศวกรรมอัตโนมัติมีนักเรียนหญิงทั้งหมดสามคน ชั้นเรียนของพวกเรามีสองคน รวมกลุ่ม พวกเราจัดไป!” นักเรียนชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่พื้น ในมือถือหมวก น้ำเสียงตื่นเต้น

นักเรียนชายอีกคนก็นั่งลงด้วย พยักหน้า “ฉันเคยเห็นหนานฮุ่ยเหยา เป็นเด็กสาวน่ารักสุดๆ ไปเลยคนหนึ่ง หน้าตาดีไม่เบา ไม่รู้ว่าเด็กสาวอีกคนเป็นยังไง ทำไมถึงไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย”

มีทั้งหมดสามคน ห้องของพวกเขามีนักเรียนหญิงสองคน ทุกคนเป็นสมบัติล้ำค่า!

โชคดีสุดๆ ไปเลย

ในมือนักเรียนชายชื่อฉู่หังถือโทรศัพท์ พยักหน้าลวกๆ

ตอนที่กลุ่มคนพูดคุยกัน หนานฮุ่ยเหยาลากฉินหร่านมายังกลุ่มใหญ่

ใบหน้าของฉินหร่านปลายหมวกปิดไว้ครึ่งหนึ่ง จึงมองเห็นแค่คางอันงดงาม ขาวราวกับหยก

มือทั้งสองข้างสอดไว้ในกระเป๋าอย่างเกียจคร้าน ทั้งเย็นชาและป่าเถื่อน

ไม่ว่าจะบรรยากาศรอบตัวหรืออื่นๆ ล้วนโดดเด่นมาก

บทสนทนาคำพูดของพวกนักเรียนชายหยุดลงไปครู่หนึ่ง “ให้ตายสิ!”

“นี่คือภาควิชาฟิสิกส์ของชั้นเรียนพวกเรางั้นเหรอ ไม่ใช่ภาควิชาการแสดงด้านข้างเหรอ”

หลังจากกลุ่มคนเงียบลงไม่กี่วินาที ก็ตื่นกลับมา พูดคุยกันเสียงเบา ส่งสายตามองฉินหร่านเป็นระยะๆ คนต่างรู้จักหนานฮุ่ยเหยา คุ้นเคยมาตั้งแต่แรกแล้ว

ฉินหร่านกดหมวกลงอีก สีหน้าไร้อารมณ์

โชคดีที่ไม่ถึงสองนาที อาจารย์ผู้สอนเข้ามาแล้วเรียบร้อย

เสียงของกลุ่มคนวัยรุ่นหยุดลงกะทันหัน มหาวิทยาลัยเมืองหลวงฝึกฝนเข้มงวด ทุกคนต่างรู้ รีบเข้าแถว ทั้งยังให้นักเรียนหญิงทั้งสองคนอยู่แถวแรกอย่างโดดเด่นสุดๆ

อาจารย์ผู้สอนเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ใบหน้าของเขาเย็นชา ท่าทางเฉียบแหลม คิ้วของเขาเหี้ยมโหดจริงจัง เยือกเย็น ในมือยังถือใบรายชื่อห้องเรียนหนึ่งไว้ด้วย

“ฉันชื่อเฉิงชิงอวี๋ อาจารย์ผู้สอนของพวกคุณ” เฉิงชิงอวี๋พูดสั้นๆ น้ำเสียงเย็นชา

“สวัสดีอาจารย์เฉิง!” เสียงของกลุ่มผู้ชายสว่างจ้าสดใส

“เช็กชื่อ มาแล้วก็ขานรับด้วย” เฉิงชิงอวี๋พยักหน้า กวาดสายตาไปที่ทุกคนหนึ่งรอบ แล้วจึงหยิบใบรายชื่อ เริ่มเช็กชื่อ

“ฉู่หัง”

“มา!”

“สิงไค”

“มา!”

“…”

ตอนที่เห็นชื่อนี้ เฉิงชิงอวี๋หยุดลง สายตาเย็นชามองไปที่กลุ่มคน พูดขึ้นช้าๆ “ฉินหร่าน”

ฉินหร่านยกมือขึ้นอย่างเกียจคร้าน “มา”

เฉิงชิงอวี๋มองเธอเล็กน้อย แล้วอ่านต่อ

หลังเช็กชื่อเสร็จ เขาจึงกลับมามองใบรายชื่อ “สิบวันนี้ ฉันจะฝึกฝนพวกคุณตามหลักสูตรอย่างเข้มงวด ในตอนนี้ไม่มีใครพิเศษไปกว่าใคร ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชายผู้หญิง มีสถานะอย่างไร แม้ว่าจะได้รับการฝึกฝนมาแล้ว ก็ต้องฝึกกับฉันอย่างเต็มใจ”

“ตอนนี้ ทุกคนวิ่งรอบสนามสองรอบ”

ตอนที่พูดประโยคนี้ เขาจงใจมองไปทางด้านฉินหร่าน

เมื่อคืน นายท่านเฉิงรู้ว่าเขารับผิดชอบนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง จึงติดต่อหาผู้อำนวยการโจวให้เขาไปประจำภาควิชาวิศวกรรมอัตโนมัติห้องหนึ่งโดยเฉพาะ ให้เขาดูแลนักเรียนชื่อฉินหร่านเป็นพิเศษ อย่าให้พระอาทิตย์ส่องถึงเธอได้

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ
Status: Ongoing
ด้วยว่าพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ยังเล็ก และ ฉินหร่าน ไม่ใช่เด็กประพฤติดี นอกจากจะไม่ตั้งใจเรียนจนผลการเรียนย่ำแย่แล้ว เธอยังหัวรั้นและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจนโดนพักการเรียนไปเป็นปี แตกต่างจาก ฉินอวี่ น้องสาวที่เป็นนักเรียนดีเด่นผู้แสนเพียบพร้อมราวฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงเลือกพาน้องสาวไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียวและทิ้งฉินหร่านเอาไว้ท่ามกลางชนบท ปล่อยให้เธอเติบโตเพียงลำพังในความดูแลของคุณยายวัยชรา สองยายหลานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบสองปี จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายเกิดป่วยหนักอาการโคม่าต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง ครอบครัวฉินจึงได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อคุณยายไม่สามารถดูแลฉินหร่านด้วยตัวเองได้ต่อไปได้อีก แม่ของเธอจึงอาสารับเลี้ยงเธอไว้แทน กระนั้นก็ยังไม่วายเหน็บแนมหญิงสาวอยู่ตลอดว่าอย่าทำตัวน่าขายหน้า ให้เอาอย่างฉินอวี่ผู้เป็นน้องบ้าง กระนั้นกลับไม่มีใครล่วงรู้เลยว่านอกจากฉินหร่านจะมีใบหน้างดงามเกินเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งตัวตนปริศนาที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ เพราะใครกันล่ะที่ทำข้อสอบกากบาททุกข้อแล้วผลคะแนนสอบจะออกมาได้เท่ากับศูนย์ในทุกๆ วิชา เธอโง่จริงๆ หรือว่าตั้งใจกันแน่… เช่นเดียวกับ เฉิงเจวี้ยน หมอหนุ่มประจำโรงเรียนที่แสนธรรมดาคนนั้น ทว่า…เขาเป็นแค่หมอประจำโรงเรียนจริงหรือ เมื่อโชคชะตานำพาให้คนสองคนที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้มาพบกัน หน้ากากของใครจะถูกกระชากออกมาก่อนนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset