เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ – ตอนที่ 315 ลูกไก่ในกำมือ

คณบดีเจียงไม่ทันได้วางตะเกียบลง ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นเสี่ยวเถาผู้สอนภาควิชาฟิสิกส์ปีหนึ่งปีนี้

“คณบดีเจียง!”

หูแทบระเบิด คณบดีเจียงรีบถือโทรศัพท์ออกห่างทันที

“มีอะไร ตกใจหมด” คนบนโต๊ะกินข้าวต่างรู้จักกันหมด คณบดีเจียงไม่ได้เจาะจงที่จะปิดบัง พูดขึ้นนิ่งๆ

เสี่ยวเถาที่อยู่ฝั่งนั้นสงบสติไม่อยู่ โวยวายต่อ “คนทางตระกูลเฉิงตกหลุมรักฉินหร่านนักเรียนปีนี้ของพวกเราแล้ว!”

คณบดีเจียงมือกระตุก ซี่โครงที่เพิ่งใช้ตะเกียบคีบขึ้นมาตกลงบนโต๊ะหมด

“อะไรนะ!” คณบดีเจียงดีดตัว ผึง ลุกขึ้น ใบหน้าประหม่า “คุณนำช่องทางการติดต่อมาให้ฉัน ฉันจะจัดการเรื่องนี้”

เขาวางสาย แล้วรีบลุกจากเก้าอี้ออกไป ข้าวเพิ่งกินไปได้เพียงครึ่งเดียว

โจวอิ่งมองตามหลังเขา พูดขึ้นช้าๆ “คณบดีเจียง คุณไม่กินแล้วเหรอ”

“กินอะไรขนาดนั้น!” คณบดีเจียงหันข้าง เขาหันหน้ามองโจวอิ่ง พูดขึ้นอย่างเหนื่อยใจมาก “ถ้ายังกินอีก หวังจวินซวิ่นนักเรียนใหม่ปีนี้อาจจะไปไม่กลับมาแล้ว!”

คณบดีเจียงพูดจบ เดินไปทางบันไดอย่างรวดเร็ว

เขาเจอเรื่องลำบากแล้ว…

**

เฉิงชิงอวี่ยังอยู่กับชายวัยกลางคน ชายวัยกลางคนโทรศัพท์สองครั้ง และรับสายหนึ่งครั้ง

หลังจากรับสายเสร็จ ใบหน้าค่อนข้างแปลกไป

“เป็นยังไงบ้าง” เฉิงชิงอวี่รอเป็นเวลานาน จึงนั่งลงที่เก้าอี้ว่างในสำนักงาน ถอดหมวกออก พูดเสียงต่ำ

ได้ยินเฉิงชิงอวี่พูดจบ ในที่สุดชายวัยกลางคนก็ได้สติกลับมา เขาเหลือบมองเฉิงชิงอวี่ หยิบตะเกียบกินข้าวต่อ “เป็นยังไงได้ล่ะ คุณรู้ไหมว่าคนนี้เป็นใคร”

“ใคร พรสวรรค์ของเธอไม่เลว แต่ใจร้อน” เฉิงชิงอวี่หรี่ตาลง หรือว่านายท่านเฉิงจะโทรมา

ฉินหร่านเป็นเด็กที่เก่งจริงๆ มิฉะนั้นเฉิงชิงอวี่คงไม่ได้มาที่นี่โดยเฉพาะ

“ราชาน้องใหม่ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงปีนี้ จอหงวนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแห่งชาติที่ ผู้อำนวยการโจวเฟ้นหาอย่างยากลำบาก” ชายวัยกลางคนกินข้าวคำหนึ่ง เงยหน้าขึ้น “คุณคิดว่ามหาวิทยาลัยเมืองหลวงจะปล่อยไปเหรอ เลิกคิด กลับไปหานักเรียนใหม่เถอะ”

“จอหงวนการสอบเข้ามหาวิทยาลัย?” เฉิงชิงอวี่ชะงัก

คนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยเมืองหลวงได้ล้วนยอดเยี่ยม ตอนที่รู้จักคนอย่างฉินหร่าน เฉิงชิงอวี่ก็รู้แล้วว่าผลคะแนนของอีกฝ่ายคงไม่แย่นัก

แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะดีได้ขนาดนี้!

ผลคะแนนแบบนี้ มหาวิทยาลัยเมืองหลวงไม่ปล่อยไปแน่นอน…

เฉิงชิงอวี่คิดเสียใจ แต่ก็ไม่ได้ข้องแวะอะไรอีก เพียงหยิบหมวกขึ้นมา ตอนที่จะเดินไป จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นได้ “ช่วงนี้หัวหน้าทีมใหญ่ได้พาคนใหม่ไปที่ฐานทัพหรือไม่ ฉันมีเรื่องยุ่งเรื่องหนึ่งอยากปรึกษาเขาสักหน่อย”

เกี่ยวกับซือลี่หมิงที่ช่วงนี้เลื่องลือในตระกูลเฉิง เฉิงชิงอวี่ชื่นชมจากใจ

ในที่นี้คือพลังการโน้มน้าวใจ

ข้อเสียอย่างเดียวที่ซือลี่หมิงมาที่นี่คือขาดความสามารถในการจัดการเล็กน้อย แต่ตัวเขาฉลาดมาก สองเดือนนี้ เขาไต่ถึงตำแหน่งหัวหน้าทีมย่อย แสดงให้เห็นว่าเขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

ตรงนี้ทำให้ผู้สูงอายุไม่น้อยต่างอยากขอคำแนะนำจากซือลี่หมิง ไม่เว้นกระทั่งเฉิงชิงอวี่

เพียงแต่ซือลี่หมิงเป็นคนชอบลงสนามจริง แทบจะไม่รับคำท้าทาย

เฉิงชิงอวี่ยังหาโอกาสไม่ได้ แม้แต่หน้าของซือลี่หมิงยังแทบไม่เห็นเลย

“ไม่มี” ชายวัยกลางคนส่ายหัว “เขาน่าจะไม่พาคนใหม่มาแล้ว อย่าว่าแต่คุณเลย ฉันก็หาใครไม่เจอ”

“โอเค” เฉิงชิงอวี่พยักหน้า ค่อนข้างหดหู่ใจ ลงไปด้านล่างทันที

วันนี้ซือลี่หมิงไม่ได้ออกไปด้านนอก

ในมือถือกล่องข้าว รีบเดินไปทางห้องพักผ่อน

“หัวหน้าทีมใหญ่ วันนี้คุณไม่มีธุระเหรอ” เฉิงชิงอวี่เพิ่งลงมาจากสำนักงาน เขาค่อนข้างแปลกใจที่เห็นซือลี่หมิง

กระนั้นการปรากฏตัวของซือลี่หมิงมักไม่แน่นอน บางครั้งแม้แต่เจ้านายระดับสูงของซือลี่หมิงยังหาเขาได้ไม่ง่ายนัก

ซือลี่หมิงจำได้ดี เคยเจอเฉิงชิงอวี่ไม่กี่ครั้ง แต่จำเขาได้ รู้ว่าเขาเป็นคนของตระกูลเฉิงโดยตรงคนหนึ่ง ซือลี่หมิงจึงค่อนข้างสุภาพกับเขา

“ลาพักแล้ว” ซือลี่หมิงทักทายเฉิงชิงอวี่เล็กน้อย แล้วออกไป “ฉันยังมีธุระ”

เฉิงชิงอวี่สวมหมวกเข้าที่หัว พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก เดิมทีเขาอยากมาหาซือลี่หมิงเพื่อขอคำแนะนำ

แนวทางการรับมือของอีกฝ่ายแปลกมาก แต่ซือลี่หมิงก็เป็นพวกชอบลงสนามจริง เขายังหาโอกาสไม่ได้

**

ฝั่งนี้ ไม่นานซือลี่หมิงก็ถึงห้องพักผ่อน

หนานฮุ่ยเหยายังคงหลับอยู่ในห้องพักผ่อน

วันนี้เฉิงมู่ไม่มา แต่ซือลี่หมิงเรียนรู้มาจากเฉิงมู่ เขาจัดเตรียมอาหารเรียบร้อย ทั้งยังรินชาถ้วยหนึ่งให้ฉินหร่าน

ฉินหร่านปลุกหนานฮุ่ยเหยา

ทุกคนนั่งเรียบร้อย

หนานฮุ่ยเหยานั่งข้างฉินหร่าน หยิบตะเกียบกินข้าว ไม่กล้ามองเฉิงเจวี้ยน กลัวถูกเฉิงเจวี้ยนล้างสมอง

“ฉันดีขึ้นแล้ว ตอนบ่ายไปฝึกต่อได้แล้ว” หนานฮุ่ยเหยาดื่มซุปหนึ่งอึก ครุ่นคิด จึงพูดขอบคุณฉินหร่านและเฉิงเจวี้ยน

ตอนแรกเฉิงเจวี้ยนกินข้าวอย่างไม่ใส่ใจ ได้ยินเสียงของหนานฮุ่ยเหยา เขาเลิกคิ้ว ตอบเสียงนิ่ง “แน่ใจนะ?”

น่าแปลก มีความรู้สึกน่ากดดัน

หนานฮุ่ยเหยาสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นที่ด้านหลัง กัดฟันพูด “วันนี้มีแค่ยิงปืน ฉันทนได้ ขอบคุณ”

“อยากกลับไปฝึกต่อหรอ?” เฉิงเจวี้ยนไม่อยากพูดกับหนานฮุ่ยเหยา จึงหันไปมองฉินหร่านและถามเธอแทน

ฉินหร่านกินข้าว พลางเปิดโทรศัพท์ ไม่แม้แต่เงยหน้า “เธอบอกว่ากลับไปได้แล้วนี่ ยาของกู้ซีฉือไม่เลวเลย”

ยาที่เฉิงเจวี้ยนนำมาให้หนานฮุ่ยเหยาวันนี้เป็นของกู้ซีฉือ ฉินหร่านไม่แปลกใจในยาของกู้ซีฉือ

หนานฮุ่ยเหยาบอกว่าเธอไปฝึกได้ ไม่ได้โอ้อวดเกินจริงแน่นอน

“อ่า” น้ำเสียงของเฉิงเจวี้ยนฟังแล้วไม่ได้สนใจอะไร

ช่วงบ่ายนักเรียนใหม่นอกจากตอนกินข้าวแล้ว สามารถพักผ่อนได้หนึ่งชั่วโมง กระทั่งบ่ายโมงครึ่ง ฉินหร่านจึงหยิบหมวกไปที่สนาม

เฉิงเจวี้ยนพาเธอมาส่งที่ทางเข้าสนาม รอเธอเข้าร่วมทีมแล้วจึงออกไป

ไม่ไกลนัก เฉิงชิงอวี่และเจ้าหน้าที่ทหารสองสามคนเข้ามาพอดี บังเอิญพบเฉิงเจวี้ยนที่กำลังเดินกลับ

“นายท่านเจวี้ยน” ทุกคนยืนตรงทันที

ที่เมืองหลวงเฉิงเจวี้ยนเหมือนคนไม่ทำอะไร แต่ที่นี่กลับได้รับการนับถือจากใจของผู้คน ส่วนเหตุผลนั้น…

กลุ่มคนที่เคยฝึกพิเศษกับเขาไม่อยากจะนึกถึง

เฉิงเจวี้ยนเพิ่งหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋า ควันจางๆ ลอยขึ้น สายตาผ่านร่างเฉิงชิงอวี่ พูดอย่างไม่แยแส “สู้ๆ”

ทุกคนไม่มีใครกล้าเดิน รอจนเฉิงเจวี้ยนเดินไปไกล จึงถอนหายใจออกเฮือกหนึ่ง

“ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจู่ๆ นายท่านเจวี้ยนถึงมาที่นี่ ช่วงหลายปีนี้ให้เขาไปเป็นประธานผู้ฝึก แต่เขาก็เลือกไปอยู่โรงพยาบาลแล้วนี่นา” ผู้สอนคนหนึ่งบิดเปิดขวดน้ำในมือ

เฉิงชิงอวี่มองไปด้านหน้า ตอบสั้นๆ “มาเยี่ยมคน”

เยี่ยมใคร ผู้สอนอีกคนอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ติดอยู่ที่ปากไม่กล้าพูด

ทีมของพวกเขาไม่ใช่คนใหม่ ทุกปีอาจารย์ผู้สอนของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงและมหาวิทยาลัย A ล้วนถูกแบ่งตามข้อบังคับ ปีนี้มหาวิทยาลัยเมืองหลวงนั้นน่าแปลก ตระกูลเฉิงกำหนดทีมนี้ให้เฉิงชิงอวี่โดยเฉพาะ

ว่าตามตรง…

ความแข็งแกร่งนี้ของเฉิงชิงอวี่เพียงพอต่อการมาเป็นอาจารย์ฝึกพิเศษ การมาฝึกนักเรียนใหม่นั้น…

อย่างกับลูกไก่ในกำมือ

คนของฐานทัพต่างหวังที่จะได้ร่วมมือกับซือลี่หมิง เรียนรู้การจัดการของซือลี่หมิง ตอนแรกช่วงนี้ทีมของเฉิงชิงอวี่มีธุระ ยากที่จะมีโอกาสนี้…ใครจะไปรู้ว่าจะถูกให้มาดูแลนักเรียนชั่วคราว

ธุระและความร่วมมือนั่นมีสาเหตุจากความค้างคานี้

พวกลูกมือก็รับรู้ความหดหู่ของเฉิงชิงอวี่ จริงๆ แล้วพวกเขาเองก็กังวลสุดๆ อันที่จริงจากนี้ไปโอกาสนี้มีไม่มากแล้ว

จู่ๆ คนเหล่านี้ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนบ่ายมีเรื่องเกิดขึ้นในหมู่พวกอาจารย์ “จริงด้วย หัวหน้าทีมเฉิง แถวของคุณมีนักเรียนที่เก่งกาจมากใช่ไหม สิบวินาทีสิบนัดยิงเข้าวงสิบหรอ? เรื่องจริงรึเปล่า”

“ไม่จริง” เฉิงชิงอวี่มองเขา

คนพวกนั้นพยักหน้า “ฉันก็ว่าไม่น่ามีใครเก่งกาจขนาดนั้น”

“เธอยิงห้าวินาทีสิบนัดเข้าวงสิบ” เฉิงชิงอวี่พูดจบ เดินตรงไปทางทีมห้องหนึ่ง

คนที่เหลือยังคงยืนอยู่กับที่ “…”

**

วันแรกฝึกพิเศษยิงปืน

วันที่สองฝ่าอุปสรรคการปีนเขา

วันที่สามการบรรทุกของปีนขึ้นเขา

วันที่สี่ที่ห้า เป็นสองวันเรียนมวยที่ปกติตระกูลเฉิงไม่เปิดเผยสู่ภายนอก

ฝึกพิเศษมวยมีแค่เก้าวิธีสั้นๆ สอนสิ่งนี้กับนักเรียนใหม่ ส่วนหนึ่งก็เพื่อให้ภายหลังที่พวกเขาพบอันตรายจะป้องกันตัวเอง ดูแลตัวเองได้

นักเรียนกลุ่มนี้สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยเมืองหลวงได้มีความสามารถไม่เลว เพียงแต่ท้ายที่สุดก็เป็นนักเรียน ไม่มีพื้นฐาน ล้วนแต่ไม่เคยรู้จักมาก่อน

อ่อนแอ ไร้ซึ่งความแข็งแกร่ง

และได้เห็นการชกมวยของฉินหร่าน

เฉิงชิงอวี่กวาดสายตาไปรอบๆ สองวันนี้ความสนใจของเขาล้วนอยู่ที่ตัวฉินหร่าน ให้ฉินหร่านออกมาสาธิตให้กลุ่มนักเรียน

ที่ทางเข้า เฉิงเจวี้ยนกำลังเดินตรงมาทางนี้กับผู้ดูแล

“นายน้อยเฉิง ฝั่งนี้คือนักเรียนมหาวิทยาลัยเมืองหลวงปีนี้” ชายวัยกลางคนตามหลังเฉิงเจวี้ยน ห่างจากด้านหลังเขาสองก้าว น้ำเสียงเคารพอย่างมาก แนะนำเฉิงเจวี้ยน “ฝั่งนี้คือ…”

เฉิงเจวี้ยนยังคงสวมชุดไปรเวท สายตามองไปทั่ววงสนามฝึกซ้อม

ชั้นเรียนของฉินหร่านก็อยู่ที่สุดขอบสนาม ง่ายต่อการหาเจอ

ก้าวเท้าแล้วเดินไปทางนั้น

ตอนแรกชายวัยกลางคนต้องการจะแนะนำฝั่งนี้ให้เฉิงเจวี้ยน เห็นว่าเฉิงเจวี้ยนราวกับมีจุดประสงค์อื่น เขาชะงัก แต่กลับกลายเป็นว่าอันที่จริงแล้ว…นายน้อยเฉิงมีจุดประสงค์ส่วนตัว

ไม่แปลกใจที่จู่ๆ ปรากฏตัว

เฉิงเจวี้ยนและชายวัยกลางคนหยุดลง น้ำเสียงของผู้สอนก็ดังขึ้นมา

สายตาของนักเรียนคนอื่นต่างอดไม่ได้ที่จะมองมาทางนี้ ดูออกว่า สถานะของสองคนนี้ไม่ธรรมดา

“กลับทีม!” เฉิงชิงอวี่ให้ฉินหร่านกลับไปที่ทีมชั่วคราว จากนั้นหมุนตัวคำนับเฉิงเจวี้ยนและชายวัยกลางคน

เฉิงเจวี้ยนเหลือบมองเขา มือสองข้างกอดอกอย่างเกียจคร้าน ลดคิ้วลง “ฝึกสอนพิเศษมวยเป็นอย่างไร”

เฉิงชิงอวี่บอกว่าพอได้

“อา” เฉิงเจวี้ยนพยักหน้าเล็กน้อย ชี้ไปที่ฉินหร่าน “เธอ ออกมา”

ฉินหร่านเดินออกมาจากทีม

“สิ่งสำคัญที่สุดในการฝึกพิเศษมวยคือการสู้จริง” เฉิงเจวี้ยนวางมือลง เหลือบมองฉินหร่าน เหมือนจะยิ้มนิดหน่อย ใบหน้าชัดเจน “อาจารย์เฉิง คุณมาสู้กับเธอ ให้นักเรียนกลุ่มนี้รู้สึกได้ถึงพลังในการฝึกพิเศษมวยสักหน่อย”

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ
Status: Ongoing
ด้วยว่าพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ยังเล็ก และ ฉินหร่าน ไม่ใช่เด็กประพฤติดี นอกจากจะไม่ตั้งใจเรียนจนผลการเรียนย่ำแย่แล้ว เธอยังหัวรั้นและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจนโดนพักการเรียนไปเป็นปี แตกต่างจาก ฉินอวี่ น้องสาวที่เป็นนักเรียนดีเด่นผู้แสนเพียบพร้อมราวฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงเลือกพาน้องสาวไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียวและทิ้งฉินหร่านเอาไว้ท่ามกลางชนบท ปล่อยให้เธอเติบโตเพียงลำพังในความดูแลของคุณยายวัยชรา สองยายหลานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบสองปี จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายเกิดป่วยหนักอาการโคม่าต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง ครอบครัวฉินจึงได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อคุณยายไม่สามารถดูแลฉินหร่านด้วยตัวเองได้ต่อไปได้อีก แม่ของเธอจึงอาสารับเลี้ยงเธอไว้แทน กระนั้นก็ยังไม่วายเหน็บแนมหญิงสาวอยู่ตลอดว่าอย่าทำตัวน่าขายหน้า ให้เอาอย่างฉินอวี่ผู้เป็นน้องบ้าง กระนั้นกลับไม่มีใครล่วงรู้เลยว่านอกจากฉินหร่านจะมีใบหน้างดงามเกินเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งตัวตนปริศนาที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ เพราะใครกันล่ะที่ทำข้อสอบกากบาททุกข้อแล้วผลคะแนนสอบจะออกมาได้เท่ากับศูนย์ในทุกๆ วิชา เธอโง่จริงๆ หรือว่าตั้งใจกันแน่… เช่นเดียวกับ เฉิงเจวี้ยน หมอหนุ่มประจำโรงเรียนที่แสนธรรมดาคนนั้น ทว่า…เขาเป็นแค่หมอประจำโรงเรียนจริงหรือ เมื่อโชคชะตานำพาให้คนสองคนที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้มาพบกัน หน้ากากของใครจะถูกกระชากออกมาก่อนนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset