เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ – ตอนที่ 336 ตั๋วเชิญของหนานฮุ่ยเหยา เล่นเกมกับกลุ่มห้องเก้า

ณ หอพักหญิงมหาวิทยาลัยเมืองหลวง

เมื่อหยางอี๋ออกมาจากห้องน้ำ ฉินหร่านก็ไม่อยู่ที่โต๊ะแล้ว

“เธอไปห้องสมุดอีกแล้วเหรอ?” หยางอี๋กดเสียงต่ำถาม นี่มันเสี่ยงเกินไปแล้ว

นอกจากกลับมานอน ดูเหมือนว่าทั้งวันก็ไม่เห็นเงาของเธอเลย

หนานฮุ่ยเหยาที่กำลังอ่านหนังสืออยู่พลันเงยหน้าพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเล็กน้อย “อืม กลางภาคนี้เธอต้องสอบภาควิชาวิศวกรรมอัตโนมัติ การเรียนควบสองเอกวิชาเป็นเรื่องยากมาก”

ตัวข้อสอบของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงยากเป็นทุนเดิม การสอบวิชาเอกเพียงตัวเดียวให้ได้คะแนนดีก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย แน่นอนว่าการสอบควบสองวิชาต้องทุ่มเทความขยันมากกว่าคนทั่วไป

อีกด้านหนึ่ง เหลิ่งเพ่ยซานจัดการกับหนังสือตัวเองเรียบร้อยแล้ว กำลังนั่งใส่ต่างหูอยู่หน้ากระจก เมื่อได้ยินดังนั้น จึงหันหน้าถามขึ้น “เธอยังไม่ยอมแพ้เรื่องสอบสองวิชาอีกเหรอ?”

“เปล่า” หนานฮุ่ยเหยาดูนาฬิกาข้อมือ ก่อนลุกขึ้นหยิบหนังสือเพื่อเข้าชั้นเรียนในช่วงเย็น

ทันใดนั้นหนานฮุ่ยเหยาก็นึกเรื่องหนึ่งออก เธอหันกลับไปมองเหลิ่งเพ่ยซาน “เพ่ยซาน เธอมีตั๋วไหม? พอดีหัวหน้าห้องของพวกเราอยากได้”

“หัวหน้าห้องพวกเธอ?” เหลิ่งเพ่ยซานใส่ต่างหูเสร็จก็หยิบลิปสติกขึ้นมาทาต่อ

“ฉู่หังน่ะ” มือของหนานฮุ่ยเหยายันอยู่บนเก้าอี้

เหลิ่งเพ่ยซานที่ถือลิปสติกก็พลันชะงักไป

ดูเหมือนมหาวิทยาลัยเมืองหลวงเป็นสถานที่ที่รวบรวมบุคคลอัจฉริยะทั่วทั้งประเทศ ระหว่างนั้นหากเด็กนักเรียนใหม่อยากเป็นที่จดจำคงไม่ใช่คงเรื่องง่าย นอกจากดูดีเหมือนฉินหร่าน ที่เป็นทั้งที่หน้ามองของคนทั่วไป อีกทั้งยังมีชื่อเสียงด้านการฝึกทหาร

ส่วนนักศึกษาใหม่คนอื่นๆ นั้น…นับว่าโดดเด่นไม่มาก ทว่าเหลิ่งเพ่ยซานกลับรู้ว่าฉู่หังผู้นี้คือคนที่สอบได้อันดับสูงสุดของวิทยาลัยท้องถิ่นในเมืองหลวง มีคะแนนสอบถึง728คะแนน ตอนที่คะแนนสอบเข้ามหาลัยออก ก็เพิ่งรู้ข่าวใหม่เมื่อไม่กี่วันก่อน

เหลิ่งเพ่ยซานทาปากเสร็จเรียบร้อย ก่อนหยิบหนังสือเล่มหนึ่ง พลางมองหนานฮุ่ยเหยา “พอดีฉันไม่มีเรียนคาบเย็นงั้นไปเรียนกับพวกเธอเลยละกัน”

**

ขณะที่ประธานนักเรียนกับรองประธานของแต่ละภาควิชากำลังเปิดประชุมกันอยู่ในห้องทำงานสมาพันธ์นักเรียนมหาวิทยาลัยเมืองหลวง

ประตูใหญ่ของห้องก็มีเสียงเคาะดังขึ้นสองครั้ง

หงเทาเปิดประตูเข้ามาด้วยความเร่งรีบ ทั้งที่เป็นช่วงเย็น แต่เขายังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อคลุมของห้องปฏิบัติการออก

ประธานนักศึกษาจึงเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน “ประธานครับ คุณมาไงครับเนี่ย?”

หงเทามีตำแหน่งเป็นประธานสมาคมนักศึกษา เขามองทุกคนในห้องพลางถาม “ตั๋วของผมยังมีอยู่ไหม?”

การที่นักศึกษาในสมาคมมหาวิทยาลัยเมืองหลวงล้วนมีตั๋วของซ่งลี่ว์ถิงได้นั้น เป็นเพราะหงเทาทั้งสิ้น

“ยังมีครับ” ประธานสภารีบพูดจบการประชุม เขาลุกขึ้นพาหงเทาไปที่ห้องทำงาน ก่อนดึงลิ้นชักเก็บตั๋วออกมา “มีเหลืออีกสี่ใบครับ”

หงเทามองที่ตั๋วใบที่สอง เขายื่นมือไปหยิบ “ได้อยู่”

เขาถือตั๋วไว้ในมือพลางพูดกับประธานนักเรียนไม่กี่คำ ก่อนก้มหน้าเปิดข้อความในโทรศัพท์ ซึ่งเป็นที่อยู่หอพักของฉินหร่านที่เขาจดไว้

ณ เวลานี้อีกไม่กี่นาทีก็เกือบสามทุ่มแล้ว ดวงไฟในเขตมหาลัยค่อยๆ เปิดสว่าง มือของหงเทาวางอยู่บนเบรกจักรยาน ส่วนอีกข้างโทรหาฉินหร่านถามว่าเธออยู่ไหน

เมื่อฉินหร่านรับโทรศัพท์ก็รู้ว่ายังอยู่ห้องสมุด

ในห้องสมุดมีคนอยู่ค่อนข้างมาก หากปกติจองที่ไว้เกินยี่สิบนาทีจะมีป้าในห้องสมุดเก็บของออกไป

ฉินหร่านจึงยังไม่ลงไปหาหงเทาทันที

เธอวางปากกา ก่อนหยิบโทรศัพท์เดินออกไปตรงระเบียงด้านนอก โทรหาหนานฮุ่ยเหยา พลางยืนพิงกำแพงด้วยท่าทีเกียจคร้าน “อยู่ไหน?”

หนานฮุ่ยเหยาบอกที่อยู่ไป

ในหัวของเธอกำลังนึกถึงแผนที่ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงที่ใกล้ที่สุด พลางลูบคางตอบ “เธอรอแป๊ปนึงนะ เดี๋ยวฉันจะให้รุ่นพี่เอาของไปให้”

**

หนานฮุ่ยเหยาที่ถือสายอยู่อีกฟากเพิ่งออกมาจากตึกคณิตศาสตร์

สิงไคที่อยู่ในห้องพักกำลังสนทนาอยู่กับเหลิ่งเพ่ยซานอย่างออกรสออกชาติ “เธอเรียนภาควิชาคอมพิวเตอร์แท้ๆ ยังมีตั๋วถึงสองใบเลยเหรอ ขนาดตั๋วของรุ่นพี่ภาควิชาฟิสิกส์ยังไม่ให้นักศึกษาใหม่สักใบเลย”

“พอดีมีรุ่นพี่ที่รู้จักเขาเป็นประธานอยู่สังกัดนึงน่ะ” เหลิ่งเพ่ยซานยิ้มตอบอย่างใจเย็น ดวงตาของเธอหรี่ลงเล็กน้อยพลางเหลือบมองฉู่หังที่เดินตามหลัง

“หนานฮุ่ยเหยาไม่พูดถึงฉินหร่านเลย เหลิงเพ่ยซาน เธอรู้ไหมว่าแต่ละวันฉินหร่านทำอะไรอยู่บ้าง?” สำหรับเหลิ่งเพ่ยซานพวกผู้ชายในห้องสิงไคมีท่าทีกังวลเกี่ยวกับฉินหร่านกว่ามาก

มุมปากของเหลิ่งเพ่ยซานยังคงยิ้มดังเดิม “น่าจะไปหาแฟนมั้ง เหมือนแฟนของเธอจะเรียนจบไปนานแล้วนะ ตอนนี้ทำงานแล้ว เลยไม่ค่อยเจอในมหาลัยน่ะ”

“แฟนเหรอ?” เมทของสิงไคพลันร้องทุบออกฟูมฟาย ผ่านไปครู่ใหญ่จึงได้สติ ก่อนถอนหายใจ “ที่แท้สาวงามล้วนมีเจ้าของหมดแล้ว”

เหลิ้งเพ่ยซานยังคงยิ้มไม่พูดอะไร

หนานฮุ่ยเหยาที่เดินนำหน้าวางสายโทรศัพท์ ก่อนพูดอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษทีนะ ฉันต้องรอรุ่นพี่ของหร่านหร่านก่อน พวกเธอกลับหอก่อนก็ได้”

“ไม่เป็นไร นานเท่าไหร่ก็รอได้” สิงไครีบตอบตกลงโดยพลัน

สิงไคมองฉู่หังแวบหนึ่ง ฉู่หังพยักหน้าเล็กน้อย พวกเขารออยู่ที่เดิมเพื่อรอรุ่นพี่ของหร่านหร่าน

ผ่านไปไม่กี่นาที หงเทาก็เจอหนานฮุ่ยเหยา

เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนขาสั้น มีใบหน้าราวกับตุ๊กตา ผิวสะอาดผุดผ่อง เขามองเพียงปราดเดียวก็จำได้ทันที

เมื่อดึงเบรกมือแล้ว เท้าก็ก้าวลงพื้น “เมทของฉินหร่านใช่ไหมครับ?”

“ใช่ค่ะ สวัสดีค่ะรุ่นพี่” หนานฮุ่ยเหยาทักทายหงเทาอย่างสุภาพ

ในฐานะที่เหลิ่งเพ่ยซานเป็นสมาชิกของสภานักศึกษา จึงเคยเห็นรูปกลุ่มในห้องทำงานสภานักเรียนมาก่อน ก่อนนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายเป็นอดีตคนดังของสภานักศึกษา “รุ่นพี่หงคะ”

หงเทามองเหลิ่งเพ่ยซานแวบหนึ่ง แต่ในหัวกลับไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับคนตรงหน้า จึงพยักหน้าอย่างขอไปที “หวัดดี”

“อันนี้เป็นของที่รุ่นน้องซ่งส่งให้น้องฉิน” จากนั้นหยิบตั๋วไม่กี่ใบในกระเป๋าเสื้อโค้ตส่งให้หนานฮุ่ยเหยา “พี่มีธุระอื่น ขอตัวกลับก่อนนะ”

คนที่สามารถเข้าห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา ถึงแม้ว่าเทียบกับซ่งลี่ว์ถิงแล้วหงเทาจะธรรมดากว่ามาก แต่หากเทียบกลับคนอื่น หงเทาคือคนที่ยอดเยี่ยมกว่าหลายระดับ เป็นถึงประธานสมาพันธ์นักศึกษา และเป็นสมาชิกของห้องปฏิบัติการ เขาย่อมมีความหยิ่งยโสเป็นทุนเดิม

นอกจากฉินหร่านแต่งตั้งให้หนานฮุ่ยเหยาเป็นรุ่นน้อง หงเทาก็คร้านที่จะทักทายกับคนอื่น หลังจากแลกเบอร์โทรศัพท์กับหนานฮุ่ยเหยาแล้ว ก็ขี่จักรยานกลับไป

เขา…จะรีบกลับไปนอน

ชายเสื้อด้านนอกมีโลโก้ของห้องปฏิบัติการติดไว้อย่างชัดเจน

ในหัวข้อการสนทนาของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง ห้องปฏิบัติการนับว่าเป็นสถานที่ในฝันของคนในมหาลัยมากมายนับไม่ถ้วน

เมื่อหนานฮุ่ยเหยาได้ยินหงเทาพูดถึงรุ่นน้องซ่ง ก็พอรู้อยู่ว่ารุ่นน้องซ่งคนนั้นคือซ่งลี่ว์ถิง ดังนั้นเมื่อรับตั๋วมาเเล้วเธอจึงไม่แสดงท่าทีอะไร

เธออ่านข้อความที่ฉินหร่านส่งมาในวีแชท จากนั้นหันไปหาฉู่หัง “หร่านหร่านมีตั๋วอยู่สี่ใบ แต่ว่าเธอไม่ไป จึงให้พวกนายก็แล้วกัน”

ระหว่างที่นักศึกษาชายห้องหนึ่งสาขาวิศวกรรมอัตโนมัติอยู่ในช่วงฝึกทหาร ได้ดูแลนักศึกษาหญิงทั้งสองคนอย่างดี พวกเขาจึงคุ้นเคยกันมากอยู่แล้ว หนานฮุ่ยเหยาจึงไม่ได้เกรงใจพวกเขา

เมื่อสิงไคเห็นหงเทาจากไปแล้ว จึงถามหนานฮุ่ยเหยาเพื่อความแน่ใจ “หนานฮุ่ยเหยา เมื่อกี้นี้คือรุ่นพี่ของห้องปฏิบัติการจริงๆ เหรอ?”

“ก็ใช่นะสิ” หนานฮุ่ยเหยาตอบอย่างใจเย็น

เหลิ่งเพ่ยซานละสายตา ในใจรู้สึกสับสันอย่างมาก

เรื่องคอมพิวเตอร์ของอวิ๋นกวงกรุ๊ปก่อนหน้านี้ เธอคิดว่าแฟนที่ “เข้าสู่วัยทำงาน” คนนั้นของฉินหร่านคือคนที่ช่วยเธอ แต่หงเทาล่ะ…

เหลิ่งเพ่ยซานพลันเม้มปาก วิธีการของฉินหร่านไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

**

ฉินหร่านไม่ได้เข้าฟังสุนทรพจน์ของซ่งลี่ว์ถิง ช่วงเวลานี้เธออยู่แต่ห้องสมุดกับห้องเรียนวิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ นอกจากนอนแล้วหนานฮุ่ยเหยาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอ

วันเสาร์

ไม่มีคาบเรียนและวิชาเลือก ทั้งห้องสมุดก็ปิด ในหอพักจึงมีหยางอี๋และหนานฮุ่ยเหยาที่อยู่

หนานฮุ่ยเหยาเห็นฉินหร่านยุ่งทั้งวัน ทุกๆ วันคิดอยากจะลากฉินหร่านมาเล่นเกมด้วย

นอกจากหนานฮุ่ยเหยา ยังมีกลุ่มห้องเก้าอีกด้วย

ฉินหร่านเงยหน้าขึ้นมาจากแผ่นเพลง เปิดปากพูดอย่างปวดหัวว่า “เธอรอแป๊บนะ ฉันจะดึงเธอเข้ากลุ่มเกม”

หนานฮุ่ยเหยาพยักหน้าด้วยความเสียใจ เธอถูกลากเข้ากลุ่มมาเยอะถูกลากเข้าอีกสักกลุ่มก็ไม่เห็นว่าจะเป็นอะไร “เอาเถอะ เธอดึงเข้าละกัน”

ฉินหร่านค้นหากลุ่มที่เฉียวเซิงและห้องเก้าสร้าง ก่อนดึงหนานฮุ่ยเหยาเข้ากลุ่ม พลางแชทส่วนตัวหาเฉียวเซิงให้เขาตรวจสอบ

อีกฝั่งหนึ่งเฉียวเซิงได้รับข้อความจากฉินหร่าน

เมื่อรู้ว่าหนานฮุ่ยเหยาคือเมทของฉินหร่าน ทั้งยังดึงเข้ากลุ่มนี้ได้ เขาจึงรีบตรวจสอบให้ผ่านทันที

จากนั้นเมนชั่นหาหนานฮุ่ยเหยา เมื่อคนในกลุ่มเห็นคำเชิญจากฉินหร่าน ก็แทบจะเรียงแถวกันต้อนรับ ทั้งยังนัดเวลาเล่นเกมด้วยกันกับหนานฮุ่ยเหยา

บรรยากาศในกลุ่มคึกคัก ขณะที่หนานฮุ่ยเหยาถูกเชิญเข้าอย่างกะทันหัน เมื่อเห็นทุกคนต่างตื่นเต้น เธอจึงรู้สึกไม่ค่อยชิน หลังจากพูดคุยกันไม่กี่ประโยค จึงเปิดดูข้อมูลของคนในกลุ่มดู กลุ่มนี้มีชื่อว่า “วันนี้ก็คือวันไหว้เจ๊หร่าน”

เธอหัวเราะ ก่อนปิดกลุ่มไป

หลังจากที่ฉินหร่านดึงหนานฮุ่ยเหยาเข้ากลุ่มแล้ว จึงถ่ายรูปโน้ตเพลงที่เขียนเสร็จแผ่นสุดท้าย ก่อนคลิกไปที่รูปโปรไฟล์เหยียนซีเพื่อส่งให้อีกฝ่ายเริ่มดู

“วันนี้จะไปห้องสมุดอีกเหรอ?” หยางอี๋ปีนลงมาจากเตียงด้านบน

ฉินหร่านถือกระเป๋าเป้ ก่อนตอบ “เปล่าน่ะ ฉันจะไปข้างนอก”

มืออีกข้างหนึ่งของเธอรูดซิป อีกข้างถือโทรศัพท์ส่งข้อความหาเฉิงเจวี้ยน ก่อนหันมาพูดกับหนานฮุ่ยเหยาประโยคหนึ่งแล้วเดินออกจากห้องพัก

ในห้องมีเพียงเหลิ่งเพ่ยซานที่ปิดปากเงียบมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้เธอกับคนของสมาพันธ์นักศึกษามักติดต่อกันเสมอ สองวันมานี้ เธอจึงรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของหนานฮุ่ยเหยาและฉู่หังในช่วงหลังนับว่าไม่เลว ทั้งที่อยู่แต่ในห้อง ทว่าหนานฮุ่ยเหยา ฉู่หังและสิงไคเองก็ไม่ได้ติดต่อกัน เธอเสียเวลาไปหลายวันแต่ความสัมพันธ์กลับไม่มีความคืบหน้า

หลังจากฉินหร่านไปแล้ว เธอจึงหยิบโทรศัพท์เปิดบัญชีผู้ใช้ของโอวหยางเวย

[พี่คะ พี่ให้หนูยืมบัญชีเกมท่องยุทธภพหน่อยได้ไหมคะ?]

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ
Status: Ongoing
ด้วยว่าพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ยังเล็ก และ ฉินหร่าน ไม่ใช่เด็กประพฤติดี นอกจากจะไม่ตั้งใจเรียนจนผลการเรียนย่ำแย่แล้ว เธอยังหัวรั้นและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจนโดนพักการเรียนไปเป็นปี แตกต่างจาก ฉินอวี่ น้องสาวที่เป็นนักเรียนดีเด่นผู้แสนเพียบพร้อมราวฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงเลือกพาน้องสาวไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียวและทิ้งฉินหร่านเอาไว้ท่ามกลางชนบท ปล่อยให้เธอเติบโตเพียงลำพังในความดูแลของคุณยายวัยชรา สองยายหลานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบสองปี จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายเกิดป่วยหนักอาการโคม่าต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง ครอบครัวฉินจึงได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อคุณยายไม่สามารถดูแลฉินหร่านด้วยตัวเองได้ต่อไปได้อีก แม่ของเธอจึงอาสารับเลี้ยงเธอไว้แทน กระนั้นก็ยังไม่วายเหน็บแนมหญิงสาวอยู่ตลอดว่าอย่าทำตัวน่าขายหน้า ให้เอาอย่างฉินอวี่ผู้เป็นน้องบ้าง กระนั้นกลับไม่มีใครล่วงรู้เลยว่านอกจากฉินหร่านจะมีใบหน้างดงามเกินเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งตัวตนปริศนาที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ เพราะใครกันล่ะที่ทำข้อสอบกากบาททุกข้อแล้วผลคะแนนสอบจะออกมาได้เท่ากับศูนย์ในทุกๆ วิชา เธอโง่จริงๆ หรือว่าตั้งใจกันแน่… เช่นเดียวกับ เฉิงเจวี้ยน หมอหนุ่มประจำโรงเรียนที่แสนธรรมดาคนนั้น ทว่า…เขาเป็นแค่หมอประจำโรงเรียนจริงหรือ เมื่อโชคชะตานำพาให้คนสองคนที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้มาพบกัน หน้ากากของใครจะถูกกระชากออกมาก่อนนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset