เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ – ตอนที่ 345 นักศึกษาใหม่ปีนี้โหดเกินไปแล้ว!

มีคนรู้เรื่องฉินหร่านเรียนควบสองเอกวิชาอยู่ไม่น้อย

ส่วนใหญ่รู้ว่าวิชาเอกของฉินหร่านคือวิศวกรรมนิวเคลียร์ ส่วนวิศวกรรมอัตโนมัติไม่ได้เข้าเรียนสักคาบ โดยปกติจะเรียนด้วยตัวเองที่ห้องสมุด

เมื่อได้ยินเหลิ่งเพ่ยซานพูดขึ้น หนานฮุ่ยเหยาเพียงมุ่ยหัวคิ้วไม่ตอบอะไร

หยางอี๋เปิดฝาถ้วยบะหมี่ ก่อนหยิบส้อมเริ่มกิน พลางก้มหน้าก้มตากินไปตอบคำถามเหลิ่งเพ่ยซานไป “ยังไงก็สอบเข้ามหา’ลัยได้อันดับหนึ่ง แม้จะสอบได้ไม่ดีก็คงไม่แย่ไปกว่าพวกเราหรอก จริงมะ?”

เธอหันหน้ามองหนานฮุ่ยเหยา พลางถามเธอด้วยประโยคสุดท้ายอย่างชัดเจน

หนานฮุ่ยเหยาคิดว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนฉินหร่านยังถามเธอเรื่องเนื้อหาการเรียนของวิศวกรรมอัตโนมัติปีหนึ่งอยู่เลย ก่อนก้มหัวตอบด้วยน้ำเสียงคลุมเครือ: “ใช่”

แน่นอoว่าเหลิ่งเพ่ยซานฟังน้ำเสียงของหนานฮุ่ยเหยาที่ตอบอย่างไม่เต็มปากเต็มคำออก เธอวางลิปลงมองหนานฮุ่ยเหยา หัวเราะอย่างไม่เข้าใจ

เรื่องระดับความยากของข้อสอบกลางภาคสาขาวิศวกรรมอัตโนมัติมีการเปลี่ยนแปลงเป็นที่พูดถึงอย่างมากในเว็บบอร์ด เหลิ่งเพ่ยซานที่เรียนคณะคอมพิวเตอร์ก็ได้ยินเรื่องราวมาทั้งหมดแล้ว ว่าฉินหร่านเลือกจับปลาสองมือ แม้แต่คาบเรียนวิชาวิศวกรรมอัตโนมัติ เธอก็ไม่เรียนสักคาบ แต่ยังรีบกลับมาสอบอีก? โทรศัพท์ของเหลิ่งเพ่ยซานดังขึ้น เป็นประธานปีสองโทรมา เธอรีบรับโทรศัพท์ “ห้องคอมเหรอคะ? ได้ค่ะ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”

เธอเพิ่งมาถึงห้อง ก็รีบออกไปอีกครั้ง

เมื่อเธอออกไปแล้ว บรรยากาศในหอพักก็ดีขึ้นมา หยางอี๋กินบะหมี่ไปคุยกับหนานฮุ่ยเหยาไป “คำว่า‘ใช่’ของเธอเมื่อกี้ดูเหมือนไม่มั่นใจเลยนะ”

คนที่สอบเข้ามหาลัยมหาวิทยาลัยเมืองหลวงได้ จะฉลาดน้อยแค่ไหนเชียว

หนานฮุ่ยเหยานวดขมับของตัวเอง “ก่อนหน้าที่จะสอบหร่านหร่านถามฉันเรื่องหนึ่ง”

“ว่ามา” หยางอี๋กินบะหมี่ต่ออยู่เงียบๆ

“เธอถามว่าวิศวกรรมอัตโนมัติเรียนอะไรบ้าง”

“แค่ก แค่ก……” หยางอี๋สำลัก เธอวางส้อมลงทันที ก่อนดึงกระดาษทิชชูออกมา

**

อีกด้าน ณ คอนโดถิงหลาน

ผู้อาวุโสเฉิงนั่งอยู่บนโซฟา เขาหันข้างมองเฉิงเจวี้ยนที่เล่นโทรศัพท์อยู่ด้วยท่าทางเกียจคร้าน: “ทำไมแกไม่ไปที่เมือง C ?”

“ไม่มีอะไรน่าสนใจ” เฉิงเจวี้ยนนั่งพิงอยู่บนโซฟา สีหน้าเย็นชาตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นและไร้อารมณ์

“ตอนนี้ฉันยังไม่ได้ส่งคนไปที่เมือง C ภายในห้าวันถ้าหากแกเปลี่ยนใจก็มาหาฉัน” ผู้อาวุโสเฉิงเหลือบมองเขาทีหนึ่ง

เฉิงเจวี้ยนวางเท้าอย่างสบายใจ “วางใจเถอะครับ ผมไม่ไปหาพ่อแน่นอน”

ขณะเดียวกันก็มีเสียงดังมาจากระเบียง ฉินหร่านหิ้วกระเป๋ากลับมาแล้ว ก่อนนั่งยองเปลี่ยนรองเท้า

ผู้อาวุโสเก็บท่าทางเคร่งขรึมเมื่อครู่ทิ้งไป

เฉิงเจวี้ยนยืนขึ้น ใบหน้าผ่อนคลายลง “ทำไมกลับมาเร็วละ?”

เขาเคยถามเธอแล้วว่ายังมีสอบวิชาอื่น

ฉินหร่านเปลี่ยนมาใส่รองเท้าแตะ เธอทักทายผู้อาวุโสเฉิงก่อนตอบคำถามเฉิงเจวี้ยน “ทางคณะให้หยุดล่วงหน้า”

“ได้ยินเฉิงมู่บอกว่าวันนี้มหาวิทยาลัยเมืองหลวงมีสอบกลางภาค แล้วเธอสอบเป็นยังไงบ้าง?” เมื่อเห็นฉินหร่าน ใบหน้าของผู้อาวุโสเฉิงก็พลันมีรอยิ้มปรากฏขึ้น “เดี๋ยวจะให้พ่อครัวทำอาหารอร่อยๆ มาให้ ยังไงข้อสอบของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงก็นับว่ายากอยู่แล้ว”

“พอได้ค่ะ” ฉินหร่านไม่ได้ขึ้นชั้นบนทันที เธอวางกระเป๋าเป้ลง เมื่อสอบกลางภาคเสร็จ เธอก็เริ่มครุ่นคิดถึงเรื่องที่อาจารย์ใหญ่สวีพูดกับเธอ

ผู้อาวุโสเฉิงรู้ว่าฉินหร่านเป็นคนฉลาด ปีนี้เธอสอบได้ที่หนึ่งของการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทั้งมหาวิทยาลัยเมืองหลวงและมหาวิทยาลัย A ต่างก็แย่งชิงเธอ จึงไม่กังวลเรื่องการสอบของเธอแม้แต่น้อย

เพียงเคาะมืออยู่บนเข่า มองดูเจ้าตัวพึมพำอยู่นาน ก่อนพูดขึ้น: “มั่นใจได้เลยว่าหลังจากสองปีนี้อาจารย์ใหญ่โจวต้องให้เธอเข้าร่วมกับห้องวิจัยแน่ ห้องวิจัยพัวพันถึงอำนาจและบ้านสกุลต่างๆ ทางผู้อำนวยการของฝั่งหน่วยวิจัยเองก็มีอำนาจจัดการเพียงคนเดียว……”

พ่อบ้านเฉิงได้ฟังคำพูดของผู้อาวุโสเฉิงขณะถือกาน้ำชาเข้ามา “ตอนนี้ท่านจะพูดเรื่องนี้กับคุณหนูฉินทำไมครับ?”

“ก็จริง ยังเร็วเกินไป” ผู้อาวุโสเฉิงพยักหน้า จึงไม่พูดกดดันฉินหร่านเพิ่มเติมอีก

ขณะที่ผู้อาวุโสเฉิงและพ่อบ้านเฉิงพูดคุยกันอยู่นั้น เฉิงเจวี้ยนก็เลิกคิ้วมองพวกเขา

“มีอะไร?” ผู้อาวุโสเฉิงส่งสายตามองแรง ช่วงนี้เขาไม่พอใจเฉิงเจวี้ยนอย่างมาก

“ไม่มีอะไร” เฉิงเจวี้ยนค่อยๆ ละสายตา “แค่อยากถามว่าช่วงนี้หัวใจเป็นยังไงบ้าง”

เมื่อไม่ได้พูดเรื่องประธานสวีกับผู้อาวุโสเฉิงแล้วก็ยังมีเรื่องประหลาดใจรอเขาอยู่

ผู้อาวุโสเฉิงรับน้ำชาจากพ่อบ้านเฉิง “ขอแค่แกยั่วโมโหพ่อให้น้อยลงหน่อย หัวใจของพ่อก็จะดีขึ้นมาก”

**

ด้านบน ฉินหร่านวางกระเป๋าเป้ไว้บนเตียง ก่อนนำเสื้อผ้าไปซักที่ห้องน้ำ

ต้นเดือนสิบเอ็ด นับว่าอากาศเริ่มเย็นลงแล้ว ห้องของเธอปรับอุณหภูมิอยู่ที่26องศาตลอด ไม่หนาวเกินไปไม่ร้อนเกินไป เธอยังไม่ได้เป่าผม เพียงใช้ผ้าขนหนูค่อยๆ เช็ดหัวให้แห้ง พลางเดินไปเปิดคอมที่โต๊ะ ก่อนกดปุ่มอยู่หลายปุ่ม

จากนั้นดึงเก้าอี้นั่งลง

ในเวลานี้เอง ณ เมือง C ห้องนอนของฉินซิวเฉิน ฉินหลิงกำลังทำการบ้านอยู่บนโต๊ะ ส่วนผู้จัดการกับฉินซิวเฉินปรึกษากันเรื่องการเข้าร่วมของวันพรุ่งนี้

ทั้งสองนั่งอยู่บนโต๊ะเล็ก ในมือของผู้จัดการมีเอกสารสัญญาฉบับหนึ่ง “พรุ่งนี้ต้องขึ้นเขาแล้ว บนภูเขามีฐานที่พักอยู่ ผมทำได้แค่ดูอยู่ห่างๆ กับกลุ่มผู้กำกับเท่านั้น คุณกับฉินหลิงก็ระมัดระวังกันด้วย……”

ขณะที่เขากำลังพูดอยู่ คอมของฉินหลิงที่วางไว้บนโต๊ะมีแสงสว่างวาบขึ้น

ทำเอาผู้จัดการถึงกับกระโดดโหยง

จากนั้นใบหน้าเลือดเย็นปรากฏขึ้นบนหน้าจอ อีกฝ่ายสวมเสื้อยืดสีขาว กำลังนั่งไขว่ห้าง พร้อมผ้าขนหนูโพกผมไว้ ปรอยผมบนหน้าผากมีน้ำไหลลงมาถึงคาง

“ฉิน ฉินหร่าน?” ผู้จัดการอึ้งไปชั่วขณะ ไร้ซึ่งการตอบสนอง

ฉินหลิงที่กำลังถือปากกาเขียนข้อสอบอยู่นั้น เมื่อได้ยินเสียงของผู้จัดการ ก็รีบวางปากกามาที่หน้าคอมทันที “พี่”

ฉินหร่านไม่คิดว่าจะได้เจอกับฉินซิวเฉิน มือที่ถือผ้าขนหนูอยู่ก็หยุดชะงัก จากนั้นนั่งตัวตรง “คุณซุปตาร์ฉิน ฉันได้รับของแล้วนะคะ ขอบคุณมากค่ะ”

“ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอก” สีหน้าของฉินซิวเฉินอ่อนโยน น้ำเสียงฟังดูไม่คิดมาก

“พี่ครับ พี่เห็นรูปที่ผมส่งไปให้พี่รึยัง? ที่นั่นสนุกมากๆ ” ดวงตาของฉินหลิงเป็นประกาย อดไม่ไหวที่จะเล่าให้ฉินหร่านฟัง

การที่ฉินหร่านคอลวิดีโอหาฉินหลิง เนื่องจากประการแรกฉินซิวเฉินฝากของมาให้เธอ ประการที่สองเธออยากรู้ว่าฉินหลิงเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อมั่นใจว่าฉินหลิงอยู่ที่นั่นยังสบายดี ฉินหร่านก็ตัดสายไป

ฉินหลิงถือคอมเก็บกลับมา

ส่วนฉินซิวเฉินหยิบสัญญาไปหาผู้กำกับที่ห้องเพื่อปรึกษาเรื่องรายละเอียดปลีกย่อย

ผู้จัดการที่ไม่ได้ตามเขาไป ในที่สุดก็หาโอกาสถามฉินหลิงได้แล้ว “เสี่ยวหลิง เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าคอมปิดอยู่เหรอ?”

ทำไมจู่ๆ ถึงมีวิดีโอเด้งขึ้นมาได้เล่า?

ทั้งยัง……

ผู้จัดการมองหน้าจอบนคอมของฉินหลิง เขาไม่เห็นแอพวีแชทหรือรหัสระบบใดๆ เหมือนกับว่าวิดีโอนั้นเป็นช่องว่างที่ปรากฏออกมา…….

เสี่ยวหลิง: “……”

เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนอธิบายว่า: “ผมไม่ได้ปิดคอมครับ”

“งั้นรึ?” ดูเหมือนผู้จัดการไม่ได้เชื่อเท่าไหร่นัก

“ไม่อย่างนั้นล่ะครับ?” ฉินหลิงถามครับอย่างไร้อารมณ์

ผู้จัดการคิดไม่ออกว่ายังมีเหตุผลอื่นอีกหรือไม่ ทั้งแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่ฉินหลิงพูด “นายซื้อคอมนี้ที่ไหน ฉันจะไปซื้อมาใช้เครื่องนึง”

อยู่ด้วยกันมาหลายวัน ผู้จัดการเคยเห็นฉินหลิงเล่นเกม คอมของเขาเปิดเครื่องได้ในไม่กี่วินาที ระบบปฏิบัติการตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังไม่มีพวกโฆษณาเยอะแยะวุ่นวาย

“พี่ของผมเป็นคนให้” ฉินหลิงเงยหน้า

ผู้จัดการพยักหน้าด้วยความเคลือบแคลง เขาไม่สนิทกับฉินหร่านจึงไม่มีความคิดที่จะถามเธอว่าซื้อที่ไหน

**

มหาวิทยาลัยเมืองหลวง สาขาวิศวกรรมอัตโนมัติ

อาจารย์แต่ละวิชาได้รับข้อสอบกลางภาคเรียบร้อยแล้ว

การสอบกลางภาคไม่ได้เข้มงวดเหมือนปลายภาค อาจารย์แต่ละท่านจึงนำกลับไปตรวจที่คอนโด

อาจารย์สอนวิชาเลขขั้นสูงของวิศวกรรมอัตโนมัติไม่ใช่อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ เขาเป็นศาสตราจารย์สาขาวิชาคณิตศาสตร์ ปีนี้ถูกทางสาขาวิศวกรรมอัตโนมัติเรียกตัวมาเป็นพิเศษ

ตอนนี้เขากำลังใส่แว่น นั่งอยู่บนโต๊ะหนังสือเริ่มตรวจข้อสอบกลางภาค ปีนี้เขาตรวจในส่วนของนักศึกษาปีหนึ่งคณิตศาสตร์ประยุกต์ วิศวกรรมอัตโนมัติสาขาฟิสิกส์ รวมแล้วเป็นนักศึกษาสิบห้อง จึงมีข้อสอบอยู่กองหนึ่ง

“ศาสตราจารย์ครับ ข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์น่าจะหมดแล้วนะครับ” ด้านหลังอีกฝั่งของเขาเป็นนักศึกษาปริญญาโทชายสองคนส่งข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ให้ศาสตราจารย์

ตรวจข้อสอบมาสองวัน ข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ได้ตรวจครบหมดแล้ว ศาสตราจารย์คณิตศาสตร์จึงหยิบข้อสอบของวิศวกรรมอัตโนมัติให้พวกเขา

ผู้ชายทั้งสองพลิกหน้ากระดาษ พวกเขาในฐานะผู้เชี่ยวชาญวิชาคณิตศาสตร์ เมื่อเห็นเนื้อหาในข้อสอบก็ถึงกับตกตะลึง “นี่เป็นข้อสอบของวิศวกรรมอัตโนมัติเหรอครับ?”

ไม่ได้หยิบมาผิดใช่ไหม?

เมื่อเทียบการสอบสาขาวิชาเลขโดยเฉพาะของพวกเขา นี่ยังยากกว่า

“อาจารย์ฝึกสอนทางวิศวกรรมอัตโนมัติขอมา” ศาสตราจารย์ถือกระติกน้ำร้อนในมือ “พวกเขาสอบเป็นยังไงบ้าง?”

ชายทั้งสองคนไม่พูดอะไรเพียงส่ายหน้า ข้อสอบพวกนี้หากถึงมือสาขาวิชาเลขอย่างพวกเขาก็สอบออกมาได้ทุลักทุเล ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสาขาวิชาวิศวกรรมอัตโนมัติเลย

การตรวจข้อสอบของวิศวกรรมอัตโนมัติเร็วกว่าสาขาคณิตศาสตร์อย่างมาก ดูเหมือนว่ากระดาษข้อสอบหน้าสุดท้ายจะถามเกี่ยวกับสมการอนุพันธ์อันดับสี่อยู่ด้วย แม้แต่ผู้ชายทั้งสองคนเมื่อเห็นดังนั้นก็อ่านไม่รู้เรื่อง

ไม่ถึงยี่สิบนาที ผู้ชายทั้งสองคนก็ตรวจข้อสอบของสาขาวิศวกรรมอัตโนมัติไปเกือบครึ่ง

“ของนายมีตรวจจึง80คะแนนไหม?” นักศึกษาชายคนแรกถามขึ้น

นักศึกษาชายคนที่สองถือปากกาหลวมๆ “ขนาด70คะแนนก็ไม่มี”

นับว่าคะแนนสอบอยู่ในระดับต่ำกว่ามาตรฐาน

นักศึกษาคนที่หนึ่งวางข้อสอบลงด้านหนึ่ง ก่อนหยิบข้อสอบใหม่ขึ้นมาตรวจ

เมื่อตรวจถึงด้านหลัง ก็พลันตกตะลึง

ถึงแม้ข้อสุดท้ายจะเป็นคำถามเกี่ยวกับสมการอนุพันธ์ ทว่าการใช้ทฤษฎีโอเปอร์เรเตอร์ของอนุพันธ์ สามารถเขียนโครงการวิจัยวิทยานิพนธ์เล่มหนึ่งออกมาได้ ด้วยเหตุผลนี้เอง เมื่อเห็นข้อสอบกลางภาคของเด็กปีหนึ่งวิศวกรรมอัตโนมัติถึงได้ตกตะลึงพรึงเพริดขนาดนี้

คำถามยากแบบนี้ แม้แต่ศาสตราจารย์เองก็ไม่ได้เตรียมคำตอบ เพราะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบทางทฤษฎี เดิมนักศึกษาชายคิดว่าคำถามข้อนี้ใส่ให้พวกเด็กวิศวกรรมอัตโนมัติดูเฉยๆ คาดไม่ถึงว่ามีนักศึกษาใหม่ของวิศวกรรมอัตโนมัติเขียนออกมาจนจบจริงๆ

เขาเป็นบัณฑิตที่ทำวิจัยกับศาสตราจารย์ที่นั่งอยู่ด้านหลัง จึงมีความรู้ลึกซึ้งวิชาเลขอยู่พอตัว ย่อมมองออกว่าสิ่งที่นักศึกษาคนนี้เขียนไม่ได้เขียนไว้มั่ว ๆ

“ศาตร……ศาสตราจารย์ครับ……”

“มีไรรึ?” ศาสตราจารย์ถอดแว่นพลางเงยหน้า

“คุณดูข้อสอบชุดนี้หน่อยครับ……” เมื่อได้สติ เขาก็เดินเข้าไปยื่นข้อสอบให้ศาสตราจารย์

เมื่อศาสตราจารย์รับมาอ่านทีหนึ่ง

สีหน้าของเขาที่แต่เดิมไม่ได้สนใจอะไรกลับเคร่งขรึม

ลำตัวของเขาตั้งตรงโดยพลัน ก่อนอ่านข้อสอบชุดนั้นตั้งแต่ต้นจนจบอีกรอบหนึ่ง

พลางใช้ความคิดพิจารณาอย่างรอบคอบ อัจฉริยะที่ทำข้อสอบเลขได้ต่างจากคนทั่วไป อัจฉริยะผู้นี้เหมาะกับคณะเลขมากกว่ารึเปล่า? ทำไมถึงได้เผลอไปเรียนสาขาวิศวกรรมอัตโนมัติได้?

ศาสตราจารย์พลิกดูรายชื่อ

ฉินหร่าน

“ฉันก็เดาว่าเป็นเธอ” ศาสตราจารย์ไม่ได้วางข้อสอบ กลับยืนขึ้นหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างเร่งรีบ ไม่รู้ว่าตั้งใจทำอะไร

“ทำไมนักศึกษาใหม่ปีนี้ถึงโหดขนาดนี้?” นักศึกษาชายถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นมองแผ่นหลังของศาสตราจารย์ “ศาสตราจารย์จะไปไหนครับ?”

“ยังต้องถามอีก?” นักศึกษาชายคนที่สองละสายตา พูดอย่างมั่นใจ “ก็โทรหาอธิการบดีไง”

**

การสอบล่วงเลยมาสองวันแล้ว

คะแนนสอบกลางภาคของแต่ละคณะประกาศออกมาแล้ว

เหลือแต่วิศวกรรมอัตโนมัติ

ณ ห้องทำงานของสาขาฟิสิกส์ กลุ่มของอาจารย์ฝึกสอนได้รับคะแนนมาแล้ว กำลังบันทึกสถิติของวิชาสุดท้ายอยู่

คะแนนของคณะอื่นทำการรวบรวมสถิติเรียบร้อย เกรงว่านักศึกษาวิศวกรรมอัตโนมัติรอจนร้อนใจไม่ไหว เขาเข้าระบบ ส่งข้อความประโยคหนึ่งลงกลุ่ม

[ทุกคนอดทนรอหน่อยนะครับ คะแนนวิชาคณิตศาสตร์ใกล้รวมเสร็จแล้ว ตอนเที่ยงก็สามารถเข้าไปดูคะแนนได้]

สิงไคนักศึกษาวิศวกรรมอัตโนมัติห้อง1: อาจารย์ครับ พวกเราไม่รีบ ไม่รีบจริงๆ ครับ อาจารย์ค่อยๆ ทำเถอะครับ

วิศวกรรมอัตโนมัติห้อง2: ใช่ครับอาจารย์

วิศวกรรมอัตโนมัติห้อง3: พวกเราไม่อยากรู้เลยสักนิดครับ……

……

วันนี้เป็นวันเสาร์ ส่วนใหญ่ไม่มีเรียนวิชาหลัก นอกจากคนส่วนน้อยที่มีวิชาเลือกสองวิชา

เนื่องจากคะแนนออกช่วงเช้า บรรยากาศในมหาวิทยาลัยเมืองหลวงไม่ได้ดีเหมือนที่ผ่านมา

มหาวิทยาลัยเมืองหลวงมีชื่อเสียงเรื่องการออกข้อสอบยาก บนหน้าเว็บบอร์ดหลายคนมีความสุข และหลายคนก็ตกอยู่ในความทุกข์

ไม่แปลกใจเลยที่หัวข้อการสอบกลางภาคจะเป็นที่นิยมในการสนทนา ด้านล่างมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังร้องไห้คร่ำครวญ หลังจากมีคนบ่นเรื่องหัวข้อสอบที่เปลี่ยนไป ก็นึกถึงวิศวกรรมอัตโนมัติสาขาฟิสิกส์ขึ้นมาได้

สองวันมานี้มีคนนำข้อสอบสาขาฟิสิกส์โพสต์แปะหน้าเว็บ ขณะเดียวกันก็มีคนเข้ามาแสดงความนับถือข้อสอบวิศวกรรมอัตโนมัตินับไม่ถ้วน

สมาชิกN: พูดถึงวิศวกรรมอัตโนมัติ ไม่รู้ว่าดาวมหาลัยฉินเป็นยังไงบ้าง?

สมาชิกN+1: เธอเข้าเรียนวิศวกรรมนิวเคลียร์ตลอด ฉันรู้สึกว่ามันเสี่ยงไปหน่อยนะ……

สมาชิกN+2: What? เธอลืมเรื่องสอบเข้าแล้วเหรอ? ! เธอเป็นคนเดียวที่แม้แต่โหวเต๋อหลงออกข้อสอบก็สามารถทำคะแนนได้เต็มนะ! !

สมาชิกN+3: เปิดเทอมมาสองเดือน นอกจากฝึกทหารแล้ว ฉันไม่เคยเห็นฉินหร่านเข้าร่วมกิจกรรมอื่นเลยนะ ไม่ได้เข้าร่วมชมรม แล้วก็ไม่ได้รับรางวัลอะไรด้วย ไม่ได้ขี้โม้เกินไปหน่อยเหรอ?

สมาชิกN+4: ฉันเรียนสาขาเลขปีสอง โชคดีที่ตรวจข้อสอบด้วยตาเปล่าตอนปีหนึ่งฉันสอบได้79คะแนน

……

ข่าวลือของฉินหร่านถูกแพร่สะพัดไปทั่ว ส่วนใหญ่ยังคงรักษาท่าทีอยู่

ตอนนี้หัวข้อสนทนาในมหาวิทยาลัยเมืองหลวงล้วนเกี่ยวกับเรื่องคะแนนสอบของวิศวกรรมอัตโนมัติทั้งสิ้น

เที่ยงวัน เวลาสิบสองนาฬิกากว่า

คะแนนสอบทุกห้องของวิศวกรรมอัตโนมัติสาขาฟิสิกส์ออกมาแล้ว

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ
Status: Ongoing
ด้วยว่าพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ยังเล็ก และ ฉินหร่าน ไม่ใช่เด็กประพฤติดี นอกจากจะไม่ตั้งใจเรียนจนผลการเรียนย่ำแย่แล้ว เธอยังหัวรั้นและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจนโดนพักการเรียนไปเป็นปี แตกต่างจาก ฉินอวี่ น้องสาวที่เป็นนักเรียนดีเด่นผู้แสนเพียบพร้อมราวฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงเลือกพาน้องสาวไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียวและทิ้งฉินหร่านเอาไว้ท่ามกลางชนบท ปล่อยให้เธอเติบโตเพียงลำพังในความดูแลของคุณยายวัยชรา สองยายหลานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบสองปี จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายเกิดป่วยหนักอาการโคม่าต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง ครอบครัวฉินจึงได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อคุณยายไม่สามารถดูแลฉินหร่านด้วยตัวเองได้ต่อไปได้อีก แม่ของเธอจึงอาสารับเลี้ยงเธอไว้แทน กระนั้นก็ยังไม่วายเหน็บแนมหญิงสาวอยู่ตลอดว่าอย่าทำตัวน่าขายหน้า ให้เอาอย่างฉินอวี่ผู้เป็นน้องบ้าง กระนั้นกลับไม่มีใครล่วงรู้เลยว่านอกจากฉินหร่านจะมีใบหน้างดงามเกินเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งตัวตนปริศนาที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ เพราะใครกันล่ะที่ทำข้อสอบกากบาททุกข้อแล้วผลคะแนนสอบจะออกมาได้เท่ากับศูนย์ในทุกๆ วิชา เธอโง่จริงๆ หรือว่าตั้งใจกันแน่… เช่นเดียวกับ เฉิงเจวี้ยน หมอหนุ่มประจำโรงเรียนที่แสนธรรมดาคนนั้น ทว่า…เขาเป็นแค่หมอประจำโรงเรียนจริงหรือ เมื่อโชคชะตานำพาให้คนสองคนที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้มาพบกัน หน้ากากของใครจะถูกกระชากออกมาก่อนนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset