เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ – ตอนที่ 78 รูปกระทู้เทียปา

 

 

“เขาไม่รู้จัก…” อาจารย์ใหญ่สวีมองสายตาที่ลู่จ้าวอิ่งและคนอื่นๆ ในห้องมองมา พลันรู้สึกตัวขึ้นมา ชะงักแล้วพูดว่า “ไม่รู้อาการของตัวเองตอนนี้เหรอ”

 

 

“ไม่เป็นไรค่ะ ยังใช้งานได้” เฉินหร่านเอามืออีกข้างเท้าคาง แล้ววางปลายนิ้วไว้ริมริมฝีปาก

 

 

อาจารย์ใหญ่สวีเป็นคนสุขุมสง่า มีเหตุผลและควบคุมตัวเองเป็น นี่คือครั้งแรกที่พวกเฉิงเจวี้ยนได้ยินอาจารย์ใหญ่สวีพูดกระโชก

 

 

เฉิงเจวี้ยนเอาผงยาทาบนแผลของฉินหร่านอย่างระมัดระวัง ระหว่างทำแผลก็เงยหน้ามองอาจารย์ใหญ่สวีไปด้วย

 

 

สายตาของอาจารย์ใหญ่สวีมีเพียงความนิ่งสงบ

 

 

แต่ลู่จ้าวอิ่งไม่ได้นิ่งสงบเหมือนอาจารย์ใหญ่สวี เขามองหน้าฉินหร่านและอาจารย์ใหญ่สวีสลับกันไปมาอย่างมึนงง สองคนนี้ไม่ได้มีเพียงช่องว่างระหว่างวัย แม้แต่สถานภาพก็ยังมีความแตกต่างอีกด้วย

 

 

ตระกูลสวีสู้ตระกูลสามอันดับแรกของจิงเฉิงไม่ได้ แต่ท่านสวีมีตำแหน่งสำคัญในจิงเฉิง ดังนั้น ตระกูลสวีจึงสามารถจัดอันดับอยู่หลังของพวกเขาได้

 

 

จิงเฉิงต้องการทำความรู้จักกับท่านสวี และยังมีคนอีกมากมายที่ต้องการใกล้ชิดกับท่านสวี

 

 

แต่เขาคิดไม่ถึงว่า นอกจากอาจารย์ใหญ่สวีจะรู้จักฉินหร่านแล้ว ยังดูท่าว่าจะสนิทสนมกันอีกด้วย

 

 

พอหันศีรษะไป ชีเฉิงจวินซึ่งงุนงงในตอนแรกกลับเรียบเฉยไปอย่างสิ้นเชิงในตอนนี้ ทำเอาลู่จ้าวอิ่งอดไม่ได้ที่จะถามเขา

 

 

“นี่มันแปลกมากเหรอ” ชีเฉิงจวินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ละสายตาจากฉินหร่าน ก่อนจะพูดว่า “ความผิดปกติของท่านเจวี้ยนฉันยังรับได้ นับประสาอะไรกับอาจารย์ใหญ่สวี”

 

 

สมกับเป็นทนายความจริงๆ เขาพูดได้ตรงจุดและตรงประเด็น

 

 

ลู่จ้าวอิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง คราวนี้เขาได้สติขึ้นมา เหมือนจะเป็นอย่างนี้จริง ๆ

 

 

ว่าแต่เพราะอะไรอาจารย์ใหญ่สวีถึง…อย่าบอกว่าเป็นเพราะหล่อนสวย ดูสบายตา

 

 

อาจารย์ใหญ่สวีคุยกับเฉิงเจวี้ยนและฉินหร่านอีกไม่กี่ประโยคแล้วก็เดินออกจากห้องพยาบาลไป

 

 

พนักงานโรงแรมนำอาหารมาเสิร์ฟแล้ว อาหารเย็นวันนี้คือกุ้งมังกร

 

 

ตอนแรกฉินหร่านตั้งหน้าตั้งตารอ แต่พอเห็นกระเทียมขาวๆ ที่ทาอยู่บนกุ้งมังกรแล้ว : “…”

 

 

ลู่จ้าวอิ่งและชีเฉิงจวินเปิดเบียร์ดื่มหนึ่งกระป๋อง ฉินหร่านก็เอากระป๋องเบียร์มาเปิดแล้วเสียบหลอดดูด แต่ยังไม่ทันได้ดื่มก็ถูกเฉิงเจวี้ยนเอาไป

 

 

“อาหารหลักวันนี้คือกุ้ง” เขาเอานมวางไว้ตรงหน้าของหล่อน จิ้มนิ้วลงบนโต๊ะ แต่ไม่ได้ดื่ม

 

 

ฉินหร่านหยิบตะเกียบมาคีบข้าวและเงยหน้าขึ้นมองเขา “ต้องรสหม่าล่าถึงจะอร่อย”

 

 

เฉิงเจวี้ยนมองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าแกะเปลือกกุ้ง เขาไม่ได้ชำนาญเท่าไหร่ แต่พิถีพิถันมาก เนื่องจากเขาเป็นหัวหน้าแพทย์ผ่าตัด จึงแกะเปลือกได้เป็นระเบียบเรียบร้อย

 

 

เอากุ้งที่มีเนื้อเยอะและฉ่ำไปใส่ในถ้วยของเธอ เฉิงเจวี้ยนหยิบทิชชูมาแผ่นหนึ่งและเช็ดปลายนิ้วที่เรียวของเขา “ลองทานดู”

 

 

มือชีเฉิงจวินหยุดชะงักด้วยความรู้สึกประหลาดใจ

 

 

“เห็นไหม เป็นแบบนี้แหละ” เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนลดเสียงพูดกับลู่จ้าวอิ่ง

 

 

เมื่อเทียบกับตอนนี้ ปฏิกิริยาของอาจารย์ใหญ่สวีเทียบไม่ได้เลย

 

 

นายสามารถหาคนที่ท่านเจวี้ยนยอมก้มหัวให้ในจิงเฉิงได้เหรอ

 

 

ลู่จ้าวอิ่งไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ แค่นั่งไขว่ห้างแล้วหันไปถามฉินหร่าน “ฉินเสี่ยวหร่าน เธอรู้จักกับอาจารย์ใหญ่สวีได้อย่างไร”

 

 

“อาจารย์ใหญ่สวีเคยมาที่เมืองของเราเพื่อช่วยเหลือคนยากจน เขาเป็นคนให้จดหมายแนะนำมาเรียนโรงเรียนนี้กับฉัน” ฉินหร่านพูดในขณะทานกุ้งคำเล็กๆ

 

 

บนใบหน้ามองไม่เห็นถึงความผิดปกติอื่น ๆ

 

 

ลู่จ้าวอิ่งได้แต่เกาหัว รู้สึกว่านี่ฟังดูเว่อร์ไป กำลังจะอ้าปากถามอะไรอีก แต่เฉิงเจวี้ยนปรายตามองเขา ลู่จ้าวอิ่งก็เลยรูดปากทันที

 

 

เฉิงเจวี้ยนหลุบตาลง ใบหน้าหล่อเหลานิ่งสงบ แต่ในใจเขาไม่ได้สงบเหมือนกับที่แสดงออก

 

 

เด็กตรงหน้าคนนี้เป็นใครกันแน่

 

 

เธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีใหญ่ของ 712 และหลักฐานถูกปกปิดไปครึ่งหนึ่ง เฟิงโหลวเฉิงยังช่วยเธอหาคดี129 แม้แต่อาจารย์ใหญ่สวีก็ปกป้องเธอ แถมตรรกะความคิดของเธอดีจนทำให้รู้สึกกลัว

 

 

เป็นคนลึกลับคนหนึ่ง

 

 

 

 

ในเวลาเดียวกัน

 

 

ชุมชนเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ชานเมือง

 

 

“อู๋เหยียน ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษเธอ ฉันไม่คิดว่าแม้แต่คำพูดของสวีเส่าเฉียวเซิงก็ไม่ฟังแล้ว เลยทำให้เธอ…” ฉินอวี่เปิดประตูเข้าไปในห้องของอู๋เหยียน

 

 

อู๋เหยียนที่นั่งอยู่บนเตียงของตนเอง พอได้ยินก็ตอบกลับว่า “มันไม่เกี่ยวกับเธอ เฉียวเซิงไม่ได้เป็นคนทำ”

 

 

เสียงเธอแหบแห้ง ก้มหน้าก้มตา

 

 

โทรศัพท์สีขาวถูกเธอโยนไปอีกฟากหนึ่ง หน้าจอโทรศัพท์ค้างไว้ที่เว็บไซต์กระทู้เทียปา

 

 

แทบทุกโพสต์บนกระทู้เทียปากำลังถกเถียงและประณามเธอ ตอนนี้อู๋เหยียนไม่กล้าเปิดดู

 

 

“ไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใครที่สามารถเอาวิดีโอจากกล้องวงจรปิดไปได้อีก” ฉินอวี่มองหน้าอู๋เหยียน ถามอย่างประหลาดใจ

 

 

“จะมีใครอีกเหรอ…” อู๋เหยียนยิ้มอย่างแปลก ๆ ไม่รู้ว่าคิดอะไรขึ้นมาได้ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรเธอก็เงียบแล้วเปลี่ยนประเด็นไปทั้งอย่างนั้น “พ่อกับแม่ฉันเตรียมให้ฉันย้ายโรงเรียนเทอมหน้า”

 

 

ฉินอวี่ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แต่ก็แค่ชั่ววูบเดียวแล้วหายไป “ถ้าเธอมีเรื่องอะไรก็บอกฉันได้เลยนะ ถ้าฉันช่วยได้รับรองว่าฉันช่วยแน่นอน”

 

 

อู๋เหยียนพยักหน้าอย่างไม่ได้ใส่ใจมากนัก รอให้ฉินอวี่จากไปจนมองไม่เห็นแล้ว

 

 

เธอค่อยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วเปิดอัลบั้มรูป แวบเดียวก็เห็นรูปใบนั้นที่เธออยากเห็นทันที

 

 

เธอกำมือไว้ ทั้งเย็นชาและดุร้าย ในดวงตามีแต่ความบ้าคลั่ง

 

 

 

 

วันถัดมา ซึ่งเป็นวันเสาร์

 

 

ฉินหร่านไม่ได้ไปโรงพยาบาล แต่ไปบ้านหนิงเวยตอนกลางวันหลังจากโทรศัพท์หาเฉินซูหลานแล้ว

 

 

วันนี้หนิงเวยพักผ่อน

 

 

ตอนที่ฉินหร่านไปถึง กลิ่นอาหารหอมอบอวลไปทั่วบ้าน และหนิงเวยกำลังยุ่งอยู่ในห้องครัว

 

 

“พี่สาว มาแล้วเหรอ” มู่หยิงเปิดประตูให้ฉินหร่านเข้ามา

 

 

หลังฉินหร่านเดินเข้ามา ก็เห็นฉินอวี่กับหนิงฉิงนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก

 

 

นับตั้งแต่ที่ทะเลาะกันอย่างหนัก และหนิงฉิงถูกเฉินซูหลานตำหนิเมื่อครั้งก่อน นี่เป็นแรกที่หนิงฉิงเจอฉินหร่าน เธอยกน้ำชาบนโต๊ะขึ้นมาอย่างทำอะไรไม่ถูก

 

 

“หรานหร่าน มือของเธอ…”

 

 

เธอมองมือขวาของฉินหร่าน พลางนึกถึงคำพูดของเฉินซูหลาน อ้าปากอยากถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับมือขวาของเธอ นี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่เธอหนักใจในช่วงเวลานี้เช่นกัน

 

 

แต่ยังพูดไม่จบประโยค ฉินหร่านก็เดินไปหาหนิงเวยในครัว

 

 

มือของหนิงฉิงแข็งกระด้าง เธอรับเอาแก้วชาที่มู่หยิงรินให้ เพื่อปิดบังอาการอึดอัด

 

 

“พี่รอง ดื่มชาค่ะ” มู่หยิงเอาชาอีกแก้วหนึ่งให้ฉินอวี่

 

 

ฉินอวี่รับแก้วชามา แต่กลับวางไว้บนโต๊ะแทนที่จะยกดื่ม ไม่รู้ว่ามีใครบ้างที่เคยใช้แก้วใบนี้ บ้านหนิงเวยไม่มีแม้แต่ตู้ยาฆ่าเชื้อ

 

 

มู่หยิงไม่ได้เข้าครัวช่วยหนิงเวยกับฉินหร่าน แต่นั่งอยู่ข้างๆ ฉินอวี่ เธอมองฉินอวี่ที่ก้มหน้าดูโทรศัพท์ หัวเราะได้น่ารักมาก “นาฬิกาพี่สวยดีนะ”

 

 

เห็นฉินอวี่กำลังเลื่อนดูหน้ากระทู้ของโรงเรียน มู่หยิงอดไม่ได้ที่เอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูบ้าง “พี่รอง เธอดูกระทู้ของโรงเรียนไปทำไมเหรอ”

 

 

กดเข้าไปด้วยความเคยชิน

 

 

เลื่อนดูโพสต์ไปเรื่อย ๆ ก่อนไปเจอหัวข้อ “ดาวโรงเรียน” ที่มีความคิดเห็นกว่าหนึ่งพันข้อความ รู้ได้ทันทีว่านี่กำลังพูดถึงฉินหร่าน เธออดไม่ได้ที่จะกดเข้าไปอ่าน

 

 

เพียงแวบแรกเธอก็เห็นรูปเด็ด และหัวข้อที่ถูกบังไว้ครึ่งหนึ่งด้านหลัง ดวงตาของเธอเบิกกว้าง นิ้วก็แข็งทื่อ เธอรู้สึกไม่น่าเชื่อเลย

 

 

เวลานี้เอง ฉินอวี่เก็บโทรศัพท์แล้วหันข้างเล็กน้อย ถามมู่หยิงอย่างสงสัยว่า “มู่หยิง เธอเป็นอะไรไป”

 

 

สายตาของหนิงฉิงก็มองมาเช่นกัน

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ด้วยว่าพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ยังเล็ก และ ฉินหร่าน ไม่ใช่เด็กประพฤติดี นอกจากจะไม่ตั้งใจเรียนจนผลการเรียนย่ำแย่แล้ว เธอยังหัวรั้นและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจนโดนพักการเรียนไปเป็นปี แตกต่างจาก ฉินอวี่ น้องสาวที่เป็นนักเรียนดีเด่นผู้แสนเพียบพร้อมราวฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงเลือกพาน้องสาวไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียวและทิ้งฉินหร่านเอาไว้ท่ามกลางชนบท ปล่อยให้เธอเติบโตเพียงลำพังในความดูแลของคุณยายวัยชรา สองยายหลานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบสองปี จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายเกิดป่วยหนักอาการโคม่าต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง ครอบครัวฉินจึงได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อคุณยายไม่สามารถดูแลฉินหร่านด้วยตัวเองได้ต่อไปได้อีก แม่ของเธอจึงอาสารับเลี้ยงเธอไว้แทน กระนั้นก็ยังไม่วายเหน็บแนมหญิงสาวอยู่ตลอดว่าอย่าทำตัวน่าขายหน้า ให้เอาอย่างฉินอวี่ผู้เป็นน้องบ้าง กระนั้นกลับไม่มีใครล่วงรู้เลยว่านอกจากฉินหร่านจะมีใบหน้างดงามเกินเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งตัวตนปริศนาที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ เพราะใครกันล่ะที่ทำข้อสอบกากบาททุกข้อแล้วผลคะแนนสอบจะออกมาได้เท่ากับศูนย์ในทุกๆ วิชา เธอโง่จริงๆ หรือว่าตั้งใจกันแน่… เช่นเดียวกับ เฉิงเจวี้ยน หมอหนุ่มประจำโรงเรียนที่แสนธรรมดาคนนั้น ทว่า…เขาเป็นแค่หมอประจำโรงเรียนจริงหรือ เมื่อโชคชะตานำพาให้คนสองคนที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้มาพบกัน หน้ากากของใครจะถูกกระชากออกมาก่อนนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset