เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) – ตอนที่ 9 งั้นก็เปิดอีกอัน

ฟางหนิงกำลังจะเค้นความคิดอีกครั้งเพื่อจัดการกับเจ้าระบบนั่น

เขาไตร่ตรองอย่างละเอียด รสชาติของอาหารที่ระบบทำยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่แปลกเลยที่จะดึงดูดผู้คนได้มากมายในช่วงเวลาสั้นๆ

แต่ขั้นตอนการทำไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย ส่วนผสมก็ไม่ได้เลิศหรูด้วย แม้ว่าทักษะการทำอาหารจะยอดเยี่ยม ควบคุมความร้อนได้แม่นยำ แต่นั่นไม่ใช่ปัจจัยหลัก เพราะเชฟชั้นนำบางคนก็ทำได้เหมือนกัน

ปัจจัยสำคัญที่สุดคือมันมีทักษะกำหนดค่าเครื่องปรุงรสต่างๆ ได้ยอดเยี่ยมมาก การผสมผสานของซอสถั่วเหลือง ผงชูรส น้ำส้มสายชู เกลือ ไวน์สำหรับทำอาหารรวมถึงเครื่องเทศต่างๆ เข้าด้วยกันยอดเยี่ยมขั้นเทพ เค็มขึ้นหนึ่งส่วน จืดลงหนึ่งส่วน ไม่มากไป ไม่น้อยไป

นี่สิคือสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถควบคุมได้ คุณไม่สามารถสั่งให้มาสเตอร์เชฟคำนวณได้แม่นยำเท่ากับระบบแน่นอน และแม้เจ้าระบบนั่นจะเป็นระบบด้านศิลปะการต่อสู้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังได้ชื่อว่าเป็นระบบ ความแม่นยำจึงไม่ธรรมดา

ตอนนั้นเอง ฟางหนิงก็เกิดความคิดใหม่ขึ้นมา

“นายท่านระบบขอรับ กระผมเข้าใจแล้ว ที่อาหารของท่านอร่อย ก็เพราะส่วนใหญ่อยู่ที่เครื่องปรุง ถึงในช่วงสำคัญจำเป็นจะต้องใช้หลายอย่าง แต่เรื่องความร้อนก็ไม่ได้มีผลมาก แกทำเครื่องปรุงตั้งไว้หลายๆ อย่างได้ไหม ถ้าเป็นแบบนี้เราก็จะสามารถจ้างเชฟสองสามคนได้ แล้วสอนวิธีทำให้พวกเขา แน่ล่ะว่าผลที่ได้ต้องไม่ดีเท่าเดิม แต่เราไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบกับตัวเองในอดีตนี่ ตราบใดที่เรายังดีกว่าร้านอื่น ลูกค้าก็จะยังกลับมากินร้านเรา”

หลังจากฟางหนิงพูดจบ ระบบก็ใช้เวลาอยู่นานถึงจะพูดออกมา

“ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ สองสัปดาห์ที่เสียไปจะถูกหักจากเวลาปล่อยตัวของโฮสต์ในอนาคต”

“ได้ขอรับนายท่าน ได้เลย”

ฟางหนิงพูดพลางคิด ‘ถ้าฉันไม่สังเกตอาหารที่แกทำ ฉันจะรู้ได้ไงเล่า เจ้าระบบคร่ำครึนี่ไม่มีทางคิดได้เองหรอก

จะหักเวลาปล่อยตัวก็หักไปเถอะ ยังไงตอนนี้เราก็มีอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ให้เล่นแล้ว ถึงจะทำได้แค่แอบโหลดนิยายไว้ตอนช่วงปล่อยตัวหรือโหลดเกมมาเล่น แต่ก็ยังดีกว่าตอนแรกๆ’

‘อีกอย่างจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องทำในเวลาปล่อยตัวอยู่ดี แม้ว่าจะมีสิ่งหนึ่งที่เราพลาดไปนานแล้วตั้งแต่ระบบปรากฏขึ้น แต่ดูๆ แล้ว ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา’

ด้วยแผนของฟางหนิง ระบบจึงทำเครื่องปรุงต่างๆ ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงจ้างพ่อครัวมาลองทำอาหาร ปรากฏว่า ผลลัพธ์ออกมาดีเกินคาด แม้จะเทียบกับสูตรดั้งเดิมไม่ได้ แต่ก็แซงหน้าคู่แข่งรายอื่นได้แล้ว

ตั้งแต่นั้นมามีเพียงฟางหนิงเท่านั้นที่ได้ลิ้มลองอาหารเลิศรสที่ระบบทำ ในขณะที่คนอื่นๆ ได้กินเฉพาะของเลียนแบบ ฟางหนิงพอใจกับสิ่งนี้ ระบบก็เช่นกัน พวกเขาต่างได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่

ด้านหนึ่งลูกค้าขาประจำที่เคยกินอาหารรสฝีมือดั้งเดิมก็เริ่มเกิดความไม่พอใจเช่นกัน บางคนโมโหจนไม่มาเหยียบที่ร้านอีก พร้อมทั้งสาดคำพูดลงบนโลกออนไลน์ว่าร้านของฟางหนิงคุณภาพตกต่ำเร็วมาก

แต่กลุ่มลูกค้าใหม่ที่ไม่รู้อะไรเลยก็ยังชื่นชอบ…

มีเพียงสาวสวยจ้าวอิ๋งเท่านั้นที่ฟางหนิงคาดไม่ถึง

หลังจากทั้งสองแบ่งเงินในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้วก็ร่ำรวยขึ้นมากทีเดียว อนาคตไม่ต้องกังวลเรื่องเงินแน่นอน ตอนนี้ทั้งคู่จึงย้ายออกจากบ้านเช่าแออัดหลังเดิม และเช่าบ้านหรูตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ครบครันใกล้ร้านอาหารเช้าแทน ใช้ชีวิตอย่างอิสระโดยไม่ถูกใครรบกวนอีก

แต่ทันทีที่อาหารในร้านรสชาติเปลี่ยนไป และจ้าวอิ๋งไม่ได้กินอาหารเลิศรสฉบับดั้งเดิมอีก เธอก็ทิ้งบ้านเช่าสุดหรูของตนเองแล้ววิ่งไปกินข้าวที่บ้านฟางหนิงอย่างหน้าไม่อาย

หากระบบไม่ยืนยันว่าชายหญิงควรอยู่ห่างกันและไม่อนุญาตให้เธอย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันแล้ว (ซึ่งฟางหนิงเองก็คัดค้าน) ทั้งสองคงจะยังอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกันต่อไปแน่นอน

แต่ถึงอย่างนั้นเพื่อปากท้องและเป้าหมายบางอย่าง สุดท้ายจ้าวอิ๋งจึงออกจากบ้านหลังนั้นแล้วมาเช่าบ้านอีกหลังตรงข้ามบ้านใหม่ของฟางหนิงแทน

คนขี้เกียจที่เอาแต่เล่นอย่างฟางหนิงมีพลังต่อต้านของสวยๆ งามๆ ต่ำเตี้ยนัก

แต่เขาก็มีข้อดีอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือรู้จักรักษามิตรภาพ ถึงอย่างไรจ้าวอิ๋งก็เป็นคนคุ้นเคย แม้จะชอบตกเหยื่อไปบ้าง แต่เธอก็นิสัยดีมาก จรรยาบรรณในการทำงานยอดเยี่ยม แล้วยังเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถไล่ตะเพิดเธอออกไปได้

ส่วนเรื่องที่อาจถูกจับได้ ฟางหนิงหัวเราะ ถ้าแม้แต่หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ ยังซ่อนไม่ได้ แล้วพวกยอดฝีมือที่ต้องเผชิญในอนาคตจะทำอย่างไรล่ะ

………………

หลังจากนั้นหนึ่งเดือน ฟางหนิงก็ปรับเปลี่ยนจากร้านอาหารเช้าเป็นร้านอาหารที่เปิดให้บริการตลอดทั้งวันและขยายสาขาแฟรนไชส์ถึงแปดแห่งอย่างรวดเร็ว ทุกร้านตั้งอยู่ในเขตที่เจริญที่สุดของเมือง เถ้าแก่แต่ละร้านล้วนมีเส้นสาย แต่กลับเป็นฝ่ายมาขอร่วมมือถึงหน้าประตู อีกทั้งแผนการที่เสนอให้ยังใจกว้างมาก ไม่มีการบังคับร่วมมือใดๆ…

ฟางหนิงเองก็ไม่ได้แสร้งทำตัวสูงส่งปฏิเสธแผนการร่วมมือของอีกฝ่าย ตอนนี้พวกเขาพร้อมใจกันเปลี่ยนป้ายโฆษณาร้านที่มีชื่อว่า ‘รสชาติของฟางซื่อ’

ส่วนฟางหนิงก็ไม่ต้องทำอะไรเลยแม้แต่น้อย ไม่ต้องจัดการอะไร แค่จัดหาเครื่องปรุงที่ทำโดยระบบส่งให้ เท่านั้นเขาก็ได้ส่วนแบ่งแล้ว แน่นอนว่าหลังจากใช้เครื่องปรุงนี้ ผลประกอบการย่อมเพิ่มขึ้น ผลประกอบการที่ร้านพวกเขาทำได้ตั้งแต่แรกยังคงต้องเก็บไว้ ไม่สามารถแบ่งให้เขาได้

แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว บัญชีเดือนแรก ทั้งแปดสาขายุ่งมาก รวมกันทั้งหมด 16 ล้านหุ้น… แฟรนไชส์รุ่งเรือง พนักงานมีความสุข ลูกค้ามีความสุข ระบบก็มีความสุข ทุกคนต่างมีความสุข…

แต่มูลค่าของที่ระบบได้จากการผดุงคุณธรรมทุกวันมีเพียง 50,000 หยวนเท่านั้น หากคำนวณเวลาการลงทุนของทั้งสองฝ่าย ที่ฟางหนิงเคยบอกว่าประสิทธิภาพในการหาเงินจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่าพันเท่านั้นไม่ผิดเลยสักนิด

ฟางหนิงไม่แปลกใจเลย ประวัติศาสตร์พิสูจน์มานานแล้วว่าการขโมยเงินไม่ใช่วิธีที่เข้าท่า การผูกขาดการค้าต่างหากที่เร็วกว่า

ตอนนี้ระบบมีส่วนร่วมในการค้าแบบผูกขาดซึ่งทำกำไรได้มากกว่าแล้ว แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายไร้กะจิตกะใจในการขยายธุรกิจ

ก่อนหน้านี้ระบบถูกฟางหนิงหลอกให้ทำงานหนักสองชั่วโมงในตอนเช้า แต่ตอนนี้ในเวลาพักผ่อนมันทำเครื่องปรุงแค่ครึ่งชั่วโมงและเวลาที่เหลือจึงอยากเก็บตัวฝึกพลังมากกว่าออกไปใช้ชีวิต…

และด้วยปริมาณเครื่องปรุงที่ระบบทำเป็นข้อจำกัดในการรักษาอุปทานของร้านแฟรนไชส์แปดแห่ง

โชคดีที่ฟางหนิงมีนิสัยพอเพียงเป็นทุนเดิม เงินมากมายที่ได้มาทุกเดือนจึงเพียงพอต่อความต้องการของเขาแล้ว

อีกอย่างระบบเองก็ไม่อยากทำมากไปกว่านี้แล้ว กล่าวคือ สำหรับระบบแหล่งทำเงินเพียงเท่านี้ก็เพียงพอต่อความต้องการของมันแล้วเช่นกัน

ส่วนระบบจะเอาเงินไปทำอะไร เห็นได้จากวัตถุดิบในพื้นที่ระบบที่เพิ่มขึ้น ไม้คุณภาพสูง หนังคุณภาพสูง เหล็กคุณภาพสูง ยาสมุนไพรจีนล้ำค่าต่างๆ… ทั้งหมดนี้ก็บอกทิศทางที่เงินไหลไปได้อย่างชัดเจนแล้ว แต่ว่าทั้งหมดก็ซื้อมาอย่างถูกกฎหมาย หากถูกใครพบเจอเข้าก็ทำอะไรไม่ได้ ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้กำลังเปลี่ยนไป ในฐานะเศรษฐีหน้าใหม่ การจะตระเตรียมของไว้ล่วงหน้าก็เป็นเรื่องที่ทำได้นี่

อีกอย่าง ข่าวดีพวกนี้ก็ทำให้ฟางหนิงไม่เรียกร้องอะไรจากระบบอีก

เนื่องจากความกังวลเรื่องการปิดบังตัวตนจริงได้รับการแก้ไขแล้ว รวมทั้งตัวเลขในบัญชีก็เพิ่มขึ้นทุกวัน ระบบที่ครองร่างฟางหนิงจึงไม่ได้พูดอะไร มันอยู่ในพื้นที่ระบบเงียบๆ โดยใช้ค่าประสบการณ์ที่ได้รับในช่วงหลายวันนี้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในโลกความจริงให้ฟางหนิง

แต่ระบบก็ยังบอกเขาด้วยว่าฟังก์ชันนี้ต้องใช้ค่าประสบการณ์แลกทุกวัน แถมราคาก็มหาศาลเช่นกัน…

ฟางหนิงพยักหน้าขณะท่องอินเทอร์เน็ต เขารู้ว่าระบบกระจายงานได้ดีมาก และเขาจะเสนอแนวคิดที่ดีเพื่อช่วยระบบแก้ปัญหาต่อไป

หลังจากสลัดระบบออกไปได้ ฟางหนิงก็แอบเปิดเกมออนไลน์ เขามองหน้าจออันคุ้นเคยแล้วถอนหายใจด้วยความ โล่งอก

“ในที่สุดฉันก็ได้เล่นอย่างมีความสุขสักที ไม่ ไม่สิ คิดแผนให้ระบบน่าจะดีกว่า เฮ้อ ทำไมหาข้อมูลยากจังนะ ต้องไปหาเว็บต่างประเทศดู แล้วก็ดูสถานการณ์ที่ต่างประเทศไปด้วยเลย ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องเรียนภาษาอังกฤษใหม่น่ะสิ (แถมยังไม่ต้องรอเวอร์ชั่นภาษาจีนเวลามีเกมออกใหม่ด้วย)” ฟางหนิงหลุดปาก เขาแทบตะครุบปากตนเองเอาไว้ไม่ทัน

เขาเตือนตัวเองไม่ให้พูดตามอำเภอใจอีก แม้ว่าระบบกากๆ นี่จะหลอกง่าย แต่ก็ไม่สามารถหลอกมันอย่างโจ่งแจ้งได้

โชคดีที่ระบบยังยุ่งอยู่กับการเก็บกวาดปีศาจจึงไม่ได้สนใจคำพูดของเขา ไม่อย่างนั้นฟางหนิงคงต้องใช้ชีวิตแบบออฟไลน์ไปตลอดชีวิตแน่นอน ความโหดเหี้ยมของระบบใช่ย่อยที่ไหนล่ะ เจ้านั่นทุ่มเทให้การใช้ชีวิตเป็นอันดับหนึ่งและไม่เสียเวลาพัฒนาตัวเองเลยแม้แต่นาทีเดียว ใครประเมินมันต่ำไปก็โง่แล้ว

……………………………………………………..

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)

SBTS, 我被系统托管了
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2017 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)จู่ๆ ก็มีดาวตกพุ่งลงมาที่โลก ทำเอาพื้นดินถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นกลับทำให้ 'ฟางหนิง' หัวโขกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์จนสลบไป ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเขามีระบบ ขณะที่กำลังจะดีใจว่าในที่สุดก็มีขาทองคำมาให้เกาะ เจ้าระบบนั่นกลับประเมินว่าเขาเป็นโรคขี้เกียจระยะสุดท้าย ปล่อยไว้ไม่มีทางเจริญก้าวหน้า และทำการยึดครองร่างของเขาซะงั้น!? ... จากหนุ่มโอตาคุผู้แสนจะขี้เกียจที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ กลับต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมตนเองเป็นฮีโร่คอยปราบปรามเหล่าปีศาจร้าย ปกป้องเมืองที่ตนอยู่อาศัย และฝึกวิทยายุทธ์เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดนิ้วทองคำของระบบ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset