เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) – ตอนที่ 68 โต้ตอบจริงๆ แล้ว

บทที่ 68 โต้ตอบจริงๆ แล้ว…

ทุกคนฟังแล้วก็แปลกใจ ด้านตาอ้วนหลิวใบหน้าก็ฉายความงุนงง

ที่จริงเขาได้ยินคำพูดของครูฝึกตั้งแต่อยู่ในกล่อง ด้านในไม่ได้กันเสียง เขาไม่มีโอกาสฝึกแต่ก็ไม่ได้ผิดหวังมากมาย ในเมื่อเขามาที่นี่ได้ ใช่ว่าจะไม่รู้อะไรเลย ตอนนี้เขาอายุห้าสิบกว่าแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะเหมือนเด็กๆ อายุสิบเจ็ดสิบแปดที่จะทนรับไม่ได้กับเรื่องเล็กน้อย

เขาอึ้งเพราะไม่รู้ว่า ‘สิทธิ์เข้าเรียน VIP ของคลาสเศรษฐี’ คืออะไร

แต่ไม่นานเขาก็เข้าใจ เพราะเมื่อครูฝึกสวี่ปรบมืออีกครั้ง เจ้าหน้าที่ต้อนรับก็เดินเข้ามา

เจ้าหน้าที่ต้อนรับคนนี้เอ่ยขึ้น “คุณหลิว ตอนนี้คุณเลือกไปห้องส่วนตัวเข้าเรียนระยะไกลได้ ที่นั่นมีอุปกรณ์ครบถ้วน สามารถดูได้ชัดเจน เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ภาพ เสียง และสภาพแวดล้อมที่หรูหรา คุณสามารถกินดื่มและพักผ่อนได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องกังวลว่าจะพลาดเนื้อหาใดๆ เรามีระดับราคาห้องส่วนตัวทั้งหมดสามระดับ หนึ่งคือระดับประหยัด 8,888 หยวนต่อวัน ระดับมงกุฎที่ 88,888 หยวนต่อวัน และระดับพรีเมี่ยมคือ 888,888 หยวน”

ตาอ้วนหลิวปาดเหงื่อ ขูดรีดขูดเนื้อกันจริงๆ ค่าสมาชิกรายปีเพิ่งจะจ่ายไป 8,888,888 หยวน ห้องส่วนตัวระดับพรีเมี่ยมหนึ่งวัน 888,888 หยวน ฉันต้องเรียนสองสัปดาห์แพงยิ่งกว่าค่าสมาชิกเสียอีก

แต่ว่า ในเมื่ออยู่ต่อหน้าคนจำนวนมากขนาดนี้จะให้เลือกระดับประหยัดได้อย่างไรกัน เลือกห้องวันละแปดหมื่น หนึ่งปี 12 สัปดาห์ก็พอๆ กับค่าเรียนอีกเท่าหนึ่ง

“ฉันอยากจะคุยกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ ก่อน เดี๋ยวค่อยเลือกนะ” แน่นอนว่าตาอ้วนหลิวชาญฉลาดพอ เขาคิดแผนการได้อย่างรวดเร็ว

เจ้าหน้าที่ต้อนรับค่อนข้างผิดหวัง แต่ยังคงส่งยิ้มไมตรีจิตให้ตาอ้วนหลิวแล้วเดินออกไปนอกห้องเรียน ราวกับรอคอยอยู่ด้านนอกตลอดเวลา

ครูฝึกสวี่ยิ้มบางให้ตาอ้วนหลิว ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย “โอเค คุณหลิวกลับไปนั่งที่เถอะ เรามาดูกันว่าคนต่อไปคือใคร”

ใช้เวลาคนละสองสามนาทีไม่เร็วแต่ก็ไม่ช้า

หลายคนเริ่มไม่แปลกใจกับการทดสอบอีกแล้ว ขณะเดียวกันก็เข้าใจว่าทำไมครูฝึกสวี่ถึงเอาแต่พูดเรื่องที่ให้พวกเขาหาเงินอย่างสบายใจ

การทดสอบผ่านไปแล้ว 17 คน มีแค่คนเดียวที่ระดับความอ่อนไหวต่อพลังชีวิตอยู่ที่ระดับ E แต่ระดับอัตราความเร็วการเข้าออกของพลังชีวิตกลับอยู่ต่ำกว่าระดับ F คนนี้ยังคงไม่ผ่าน คนอื่นๆ ส่วนใหญ่คล้ายกับตาอ้วนหลิว ดีหน่อยก็อยู่ที่ระดับ F เท่านั้น

ครูฝึกสวี่ยังคงพูดจาไม่ค่อยเข้าหู

“ถึงการสอนพวกคุณจะเป็นเรื่องน่าเบื่อ แต่ที่เจ๊ไห่พูดก็ถูก ยังมีข้อดีอยู่บ้าง อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลมาก ส่วนเจ๊ไห่ต้องมีผมหงอกเพิ่มขึ้นหลายเส้นแน่ สาวโสดนี่จะขึ้นคานอยู่แล้ว”

บางทีครูฝึกสวี่คงจะเบื่อมากจริงๆ ครั้งนี้จึงเรียกหนึ่งในสามคนที่ในประวัติสมาชิกรอบนี้มีความสามารถพิเศษ เขาคนนั้นเป็นชายหนุ่มที่สูงถึง 1.90 เมตร

ชายคนนี้เป็นคนที่รูปร่างสูงที่สุดในกลุ่มเศรษฐีและรู้จักคนน้อยที่สุด ตั้งแต่เข้ามาก็นั่งอยู่ที่ด้านหลังสุดคนเดียวไม่พูดจากับใคร จนถึงตอนนี้ที่แม้ว่าคนอื่นจะทยอยไปนั่งข้างหน้าเพื่อดูหน้าจอแล้ว เขาก็ยังคงไม่เคลื่อนไหว

“เว่ยเซี่ย คุณคือคนต่อไป”

ชายหนุ่มค่อยๆ ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินขึ้นไปยังกล่องบนเวทีด้วยท่าทางนวยนาด จนทุกคนอยากจะขึ้นไปผลักเขาให้เดินไปข้างหน้าเร็วๆ

ครูฝึกสวี่ก็ไม่เอ่ยปากเร่ง เพียงแต่เสยแต่งผมทรงไถเรียบ…

ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งปรากฏขึ้นที่ด้านหลังเว่ยเซี่ย หลังจากนั้นเขาก็ลอยพุ่งตรงเข้าไปกระแทกกล่องทั้งตัว

หลังจากเกิดเสียงดัง ‘ปัง’ คนที่มีอายุหลายคนต่างสงสารเด็กคนนี้ มีเพียงคนรุ่นราวคราวเดียวกันที่สะใจซ้ำเติม

แน่นอนว่าคนหนุ่มพวกนี้ไม่นับรวมฟางหนิง เขาไม่ได้ไร้สาระขนาดนั้น

“คิดจะเสแสร้งกับฉันเหรอ น่าเบื่อชะมัด” ครูฝึกสวี่ดึงประตูปิดทันที

ผ่านไปสองนาที สีหน้าครูฝึกสวี่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เอาล่ะ ในที่สุดก็มีคนที่น่าสนใจบ้างแล้ว”

ทุกคนต่างมองด้วยความประหลาดใจ หน้าจอแสดงข้อความ “การประเมินระดับความอ่อนไหวของพลังชีวิต: ระดับ C และการประเมินอัตราความเร็วการเข้าออกพลังชีวิต: ระดับ C+”

“นักเรียนท่านนี้ยินดีด้วย ตอนนี้คุณต้องเผชิญกับทางเลือกที่ยากลำบาก นั่นคือเลือกฝึกบำเพ็ญ วันใดฝึกมากเกินไปจนเสียสติ หาเงินต่อไปเหมือนเดิมจะดีกว่าหรือเปล่า”

เว่ยเซี่ยสีหน้านิ่งขรึมเดินออกมา ใบหน้าปูดบวม เมื่อครู่ถูกเหวี่ยงแรงมากแต่เขายังคงเก็บอารมณ์ไว้ได้เอ่ยเสียงเรียบ “แน่นอนว่าเลือกฝึกบำเพ็ญ จะต้องมีสักวันที่ฉันจะเหวี่ยงคุณได้เหมือนเมื่อกี้ ไม่มีทางจ่ายเงินจ้างใครมาทำแทน”

“ยินดีๆ ดูท่าอย่างน้อยตอนนี้ฉันก็ช่วยสร้างแรงจูงใจแล้ว ไม่เลว ใช้ได้จริงๆ บางทีต่อไปพวกเราอาจจะเป็นหินลับคมผู้แข็งแกร่งในอนาคต ถือได้ว่าเป็นประโยชน์กับเสินโจว ดูอย่างนี้แล้ว การทดสอบจิตใจขั้นที่สองคงจะไม่มีปัญหาแรงจูงใจแล้ว” ครูฝึกสวี่พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ

“หึ” คราวนี้เว่ยเซี่ยก้าวเท้าเร็วขึ้นแล้วเดินกลับไปนั่งที่แถวหลังสุด

ต่อจากนั้น ครูฝึกสวี่ไม่พูดอะไรอีก แต่กวาดตามองใบหน้าคนสองคนไปมา

ทุกคนมองตามสายตาของเขา เขามองคนหนุ่มที่รูปร่างไม่สูง หน้าตาหล่อเหลา แต่งตัวมีรสนิยมสูง ดูเหมือนจะถูกชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ พามา คาดว่าคงจะเป็นทายาทเศรษฐี แต่ทั้งสองหน้าตาไม่เหมือนกันเลยสักนิด คาดว่าอาจจะเป็นญาติห่างๆ กัน

อีกคนหนึ่งเป็นชายวัยกลางคนท่าทางสง่างามสวมแว่นตากรอบทองอายุราวสี่สิบกว่า เขาคนนั้นก็คือคนที่ช่วยทุกคนพูดแต่ถูกครูฝึกสั่งสอนนั่นเอง

“ช่างเถอะ ฟางหนิงคุณเป็นคนหนุ่ม ขึ้นมาก่อนแล้วกัน ฉันไม่อยากเก็บเซอร์ไพรส์ไว้ท้ายสุด” เขาเอ่ยขึ้น

ฟางหนิงได้ยินก็ลุกขึ้นทันที ใบหน้าเปี่ยมด้วยความมั่นใจ เขาเก็บตัวมาหลายวัน ตอนนี้ถึงเวลาเล่นใหญ่แล้ว!

เขาคิดว่าช่วงไม่กี่เดือนมานี้ระบบได้เพิ่มกระดูกรากฐานจำนวนมากและยังกินอาหารที่มียาบำรุงมานาน คุณสมบัติการฝึกฝนน่าจะดีขึ้นมากเช่นกัน นอกจากนี้พลังสมองของเขายังพัฒนาขึ้นมากจนแทบจะคิดไม่ออกเลยว่ามีเหตุผลอะไรที่เขาจะด้อยกว่าเว่ยเซี่ย

ฟางหนิงเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ลุกขึ้นยืนแล้วเดินขึ้นไปบนเวที

แม้ว่าจังหวะฝีก้าวของเขาจะไม่ช้า แต่ประธานจ้าวที่คอยจ้องมองตามแผ่นหลังของเขาตลอดเวลาก็อดกังวลไม่ได้ ใครจะไปรู้ว่าครูฝึกขี้หงุดหงิดนั่นจะทำอะไร

ฟางหนิงเพิ่งเดินได้ไม่กี่ก้าว ด้านหลังก็ปรากฏฝ่ามือใหญ่ขึ้นแล้ว…

ท่าทางครูฝึกสวี่คงอยากจะประหยัดเวลา จึงยกมือขึ้นเสยผมอีกครั้ง

ทว่าครั้งนี้ ขณะที่ฝ่ามือยักษ์นั้นผลักไปทางด้านหลังของฟางหนิงและทุกคนต่างก็เป็นกังวล จู่ๆ ก็มีปราณขาวยาวสามเมตรระเบิดออกมาจากตัวฟางหนิง เมื่อปะทะเข้ากับมือยักษ์ มือยักษ์ก็สลายหายไป

ไม่ใช่เพียงเท่านี้ ตัวครูฝึกสวี่กลับถูกค้อนยักษ์ทุบทันที ร่างกายโซเซแทบจะยืนไม่อยู่ จากนั้นเขาก็คำรามออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปาก

“หึ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีพลังปราณคุ้มร่าง! เจ้าหน้าที่ต้อนรับ เข้ามาเปิดวิดีโอการสอน ฉันมีธุระต้องออกไปก่อน”

หลังจากพูดจบ ครูฝึกสวี่ก็กุมหน้าอกแล้วเร่งรีบเดินออกไปทันที

ทันใดนั้นทั้งห้องเรียนก็เกิดเสียงดังฮือฮา หลายคนระงับอารมณ์ที่เก็บกดก่อนหน้าเอาไว้ไม่ได้ต่างพากันระเบิดออกมา

“ฮ่าๆ หมอนั่นเจอของแข็งเข้าแล้ว”

“สะใจจัง!”

“อย่าเพิ่งสนใจเลย ถามเขาก่อน ‘พลังปราณคุ้มร่าง’ คืออะไรกันแน่”

“ใช่ๆ”

เจ๋งมาก ฟางหนิงโต้กลับได้เยี่ยมยอด แต่ในสายตาของทุกคนเขากลับกลายเป็นที่นิยม ไม่มีทางที่จะไม่โดดเด่นเลย

เพียงครู่เดียวก็มีคนจำนวนมากเข้ามารายล้อม เว้นแต่คนหนุ่มที่มีกำลังความสามารถมากพอไม่ได้กรูเข้ามาด้วย คนอายุน้อยหน่อยหลายคนเข้ามาซักถามไม่หยุดหย่อน พลังนั่นไม่ต่างอะไรกับนักข่าวขอสัมภาษณ์

“ลุงป้าน้าอาทุกท่าน ต้องขอโทษด้วยที่ผมไม่รู้เรื่องเลยว่าอะไรคือพลังปราณคุ้มร่าง อาจจะเกี่ยวกับที่ผมมีความสามารถพิเศษ แน่นอนว่าไม่ต้องฟังผมคาดเดาหรอก ทุกคนรอครูฝึกกลับมาอธิบายจะดีกว่า ในเมื่อเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ”

ในเวลาคับขัน ฟางหนิงรีบพูดมั่วๆ ออกไปด้วยท่าทีจริงจัง

ผู้มีความสามารถพิเศษไม่ใช่ข่าวน่าแปลกใจอะไรตั้งนานแล้ว เพราะเรื่องพวกนี้แพร่ไปทั่วในแวดวงเศรษฐี

พอได้ยินว่าอาจเป็นเพราะความสามารถพิเศษของอีกฝ่าย ชัดเจนว่าไม่มีทางเรียนได้ อีกอย่างฟางหนิงก็มีเหตุผล ครูฝึกสวี่ปากร้าย แต่ความรู้อาชีพไม่แย่ ทุกคนต่างมีสถานะใหญ่โต สุดท้ายจึงพากันสงบสติอารมณ์แล้วแยกย้าย แน่นอนว่าก่อนไปก็ได้ให้นามบัตรแก่ฟางหนิงเผื่อติดต่อกันภายหลัง

ประธานจ้าวรอกระทั่งฟางหนิงกลับมานั่ง ก็ถามออกมา “เพราะฝึกฝนนั่นถึงได้มีพลังปราณคุ้มร่างอะไรนี่ใช่ไหม”

ฟางหนิงตอบ “อาจจะเกี่ยวข้องบ้าง แต่ไม่แน่ว่าจะใช่จริงๆ”

ที่จริงเขาเข้าใจดีกว่าใครเพราะการแจ้งเตือนระบบเขียนชัดเจน

โฮสต์ถูก ‘มหามุทรา’ ของสวี่เว่ยหวาโจมตี ระบบเลือกใช้วิธีป้องกัน ‘ลมปราณคุ้มร่าง’ ขณะเดียวกันก็เลือกใช้พลังปราณบางส่วน

‘ลมปราณคุ้มร่าง’ พัฒนาเป็น ‘พลังปราณคุ้มร่าง’ โจมตีกลับ!

สวี่เว่ยหวาถูกพลังปราณแว้งกัด!

สวี่เว่ยหวาได้รับบาดเจ็บ 70 คะแนน

สวี่เว่ยหวาได้รับบาดเจ็บภายในร่างกายต่อเนื่อง

ภายในพื้นที่ระบบ

ฟางหนิง “ฉันไม่ได้เตือน แต่แกกลับฉลาดมาก ครั้งนี้ไม่ได้ใช้วิธีมังกรเพลิงอะไรพวกนั้นตบเขากลับไป”

ระบบ “ฉลาดอะไรเหรอ โฮสต์บอกเองนี่ว่าให้ปกปิดตัวตนแล้วตอบโต้กลับ ระบบแค่เปิดใช้งานปราณแท้เพื่อป้องกัน แต่ครั้งแรกที่เจอกับวิธีการโจมตีประเภทนี้ เพื่อเห็นแก่ความปลอดภัย จึงเพิ่มพลังปราณขึ้น มันจึงพัฒนาเป็น ‘พลังปราณคุ้มร่าง’W

ฟางหนิง “ถือว่าทำได้ตามเป้าหมายโดยไม่ได้ตั้งใจ ฉันบอกให้โต้กลับแกก็ทำจริงๆ สถานะจริงไม่อาจใช้วรยุทธ์อะไรพวกนั้นได้ ใช้ ‘พลังปราณคุ้มร่าง’ ก็ดีแล้ว แต่ฉันยังมีวิธีหลอกล่ออื่นอีก”

เวลานี้เจ้าหน้าที่ต้อนรับก็เดินเข้ามา หลังจากจัดเตรียมเรียบร้อยแล้วก็เปิดวิดีโอการสอนให้ทุกคนดู

เสียงพูดคุยค่อยๆ เงียบลง ฟางหนิงเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับคนอื่นๆ

…………

ขณะเดียวกันสวี่เว่ยหวาอยู่กับเฉียวจื่อซาน

“ครั้งนี้ถือว่าฉันดวงซวยเจอเข้ากับของแข็ง จื่อซาน แกฝึกพลังปราณมาตั้งแต่เด็ก มีประสบการณ์มากที่สุด รีบดูหน่อยเร็วเพราะพลังปราณแว้งกัดถึงได้บาดเจ็บภายใน จัดการให้ดีๆ หน่อยเถอะ ฉันไม่อยากทิ้งปัญหาไว้ในวันหน้า ฉันรู้อานุภาพของพลังปราณแกดีมาก แกก็รู้ว่าอาของแกยังไม่ได้แต่งเมีย” ครูฝึกสวี่เวลานี้ไม่มีความเฉื่อยช้าและท่าทางเบื่อหน่ายเหมือนตอนอยู่ในห้องเรียนแม้แต่นิดเดียว ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมมาก

เฉียวจื่อซานพอได้ฟังก็หน้าเปลี่ยนสี รีบจับมือขวาของเขา ปราณขาวไหลออกมาจากมือแล้วไหลตรงเข้าไปในมือขวาของครูฝึกสวี่

………………………………………..

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)

SBTS, 我被系统托管了
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2017 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)จู่ๆ ก็มีดาวตกพุ่งลงมาที่โลก ทำเอาพื้นดินถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นกลับทำให้ 'ฟางหนิง' หัวโขกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์จนสลบไป ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเขามีระบบ ขณะที่กำลังจะดีใจว่าในที่สุดก็มีขาทองคำมาให้เกาะ เจ้าระบบนั่นกลับประเมินว่าเขาเป็นโรคขี้เกียจระยะสุดท้าย ปล่อยไว้ไม่มีทางเจริญก้าวหน้า และทำการยึดครองร่างของเขาซะงั้น!? ... จากหนุ่มโอตาคุผู้แสนจะขี้เกียจที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ กลับต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมตนเองเป็นฮีโร่คอยปราบปรามเหล่าปีศาจร้าย ปกป้องเมืองที่ตนอยู่อาศัย และฝึกวิทยายุทธ์เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดนิ้วทองคำของระบบ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset