เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย – ตอนที่ 504 พวกเราสามารถเอาเด็กไปตรวจได้ / ตอนที่ 505 ฉันให้เธออยู่ ไม่ได้ให้มาพูดเรื่องเหลวไหล

ตอนที่ 504 พวกเราสามารถเอาเด็กไปตรวจได้  

 

 

ฉินเพ่ยหรงโกรธจนหน้าดำหน้าแดง “ไร้ยางอาย!”  

 

 

“ที่จริงยังมีอีกนะคะ…” พอเห็นเธอโมโหแบบนั้นแล้ว ก็ตัดสินใจใส่ไฟเข้าไปอีก  

 

 

“ยังมีอะไรอีก หนูรีบพูดมาเลย” ฉินเพ่ยหรงจ้องเขม็ง   

 

 

“ที่จริง ที่พี่ใหญ่จิ้นได้รับบาดเจ็บที่มือครั้งก่อนนี้ก็เป็นเพราะเฉียวซือมู่” เธอค่อยๆ เล่าออกมา  

 

 

ที่จริงแล้วอาการบาดเจ็บนั่นเกิดจากหร่วนเซียงเซียงต่างหาก และมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเฉียวซือมู่เลยแม้แต่น้อย แต่พอเธอพูดแบบนั้นออกมา ฉินเพ่ยหรงก็เชื่อมันในทันที  

 

 

นาทีนี้เธอโมโหจนพูดอะไรไม่ออก ตอนแรกเธอก็แค่รู้สึกไม่ชอบเฉียวซือมู่เฉยๆ แค่รู้สึกว่าเธอทำตัวสูงส่งเกินไป ไม่รู้จักที่จะเอาใจ แต่กับเรื่องอื่นๆ ก็ไม่ได้อะไร และไม่เคยที่จะคิดไปในเรื่องอื่นด้วย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าชีวิตของเธอมันจะเละเทะได้ขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ลูกชายของรักเธอมากขนาดนั้น แต่เธอก็ยังแอบไปหาชายอื่น  

 

 

ผู้หญิงสำส่อนไร้ยางอาย!  

 

 

ความรู้สึกเกลียดชังเฉียวซือมู่มันเพิ่มพูนขึ้นมาภายในเสี้ยวนาที ตนแทบอยากจะลุกขึ้นไปคิดบัญชีกับเธอเสียตั้งแต่ตอนนี้  

 

 

เจียงจื่อเซี๋ยนรีบดึงเอาไว้ “โอ๊ะ คุณน้าอย่าเพิ่งไปเลยค่ะ”  

 

 

ฉินเพ่ยหรงหันไปมองด้วยสีหน้าฉุนเฉียว “จะไม่ไปได้ยังไงกัน เธอกล้าทำเรื่องน่าขายหน้าแบบนี้แล้วน้าไม่มีสิทธิ์ไปถามหรือยังไง?”  

 

 

“หนูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ หนูแต่อยากจะบอกว่า นี่เป็นเรื่องในอดีตของเธอ พี่ใหญ่จิ้นเองก็รู้ แบบนี้ก็แสดงว่าพวกเขาไม่อยากจะให้ใครรู้ ถ้าคุณน้าทำแบบนี้แล้วไปทำให้พวกเขาไม่พอใจขึ้นมาจะทำยังไงละคะ?”  

 

 

ฉินเพ่ยหรงหน้าตาถมึงทึง ไม่อยากที่จะถอย แต่ลึกๆ ในตัวเองก็ยังมีความเป็นผู้หญิงยุคเก่าอยู่ สำหรับชายทั้งสองคนในตระกูล คนหนึ่งก็จิ้นเฮ่าสามีตัวเอง อีกคนก็จิ้นหยวนลูกชายตัวเอง ก็รักและเชื่อฟังมาโดยตลอด แต่ที่ยอมไม่ได้ก็คือ…  

 

 

ดังนั้นพอพูดแบบนั้น เธอเองก็ชะงักตัวเองเอาไว้ ไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะคิดอะไรนิดหน่อย “งั้นจะทำอย่างไรดีล่ะ หรือว่าน้าต้องทำเป็นไม่รู้อะไรต่อไปเหรอ?”  

 

 

เจียงจื่อเซี๋ยนปลอบ “เรื่องนี้ยังไงก็ต้องพูด แต่แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดค่ะ ให้ถึงเวลาก่อนค่อยว่ากันดีกว่า หรือไม่ก็รอให้เด็กคลอดออกมาก่อน?”  

 

 

“เด็กคลอดออกมาแล้วยังจะมีประโยชน์อะไรอีกล่ะ?” ฉินเพ่ยหรงพูดอย่างหงุดหงิด “ถึงตอนนั้นแล้วอาหยวนก็คงยิ่งปกป้องเธอเข้าไปอีก น้าพูดอะไรก็คงไม่สนใจแล้ว”  

 

 

“คุณน้าอย่าร้อนใจไปเลยค่ะ ความหมายของหนูคือ รอให้เด็กคลอดออกมาก่อน แล้วพวกเราก็ค่อยลองตรวจสอบดูก็ได้” แววตาของเธอเคลือบไปด้วยพิษร้าย  

 

 

ฉินเพ่ยหรงหรี่ตาลง “ตรวจสอบงั้นเหรอ? ตรวจอะไร? เด็กเกิดมายังไงทางโรงพยาบาลก็ต้องตรวจร่างกายอยู่แล้วนี่”  

 

 

เธอยังคงไม่ยอมคล้อยตาม แต่พอได้เห็นสายตาที่กำลังสื่อบางอย่างของเธอแล้วก็เข้าใจได้ในทันที  

 

 

เด็กที่เพิ่งเกิดใหม่ในโรงพยาบาลทุกคนต่างก็มีแพทย์คอยตรวจร่างกายให้ นี่เป็นสิ่งที่คนทั่วๆไปก็รู้กันอยู่แล้ว ดังนั้นในแวบแรกจึงไม่ทันได้คิด จนกระทั่งนึกขึ้นมาได้ ก็ตะลึงงันไปในทันที  

 

 

“ความหมายของหนูคือ…” เธอมองเจียงจื่อเซี๋ยนอย่างไม่เชื่อสายตา ในแววตามีแต่ความตกตะลึง “หนูกำลังจะบอกว่าเด็กในท้องของเธอก็อาจจะไม่ใช่ลูกของอาหยวนอย่างนั้นหรือ?”  

 

 

“หนูไม่ได้พูดแบบนั้นนะคะ” เจียงจื่อเซี๋ยนรีบปฏิเสธทันที “ก็แค่แสดงความคิดเห็นว่าให้ลองตรวจก็เท่านั้นค่ะ”  

 

 

คำพูดแบบนั้นจะพูดออกไปไม่ได้เด็ดขาด ที่จริงได้ยินมาแค่เรื่องที่เฉียวซือมู่สนิทสนมกับผ้ชายคนนั้น แต่ไม่ได้มีเรื่องเด็กที่อยู่ในท้องของเธอแม้แต่น้อย ถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกของจิ้นหยวนจริงๆ เธอก็คงโดนหักหน้าไปเลยไม่ใช่เหรอ?  

 

 

ดังนั้นตอนนี้เธอจึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรได้อย่างเต็มปากเต็มคำ เอาแค่เล็กๆ น้อยๆ พอให้ฉินเพ่ยหรงเข้าใจก็พอแล้ว  

 

 

ฉินเพ่ยหรงเองก็เข้าใจขึ้นมาในทันที ดูท่าเรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เสียแล้ว แถมยังเป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น ถ้าจะบุ่มบ่ามไปว่าเด็กในท้องของเฉียวซือมู่ว่าเป็นเด็กไม่มีพ่อ อย่าว่าแต่ตัวเลย ลูกชายของก็คงโกรธจนไล่เธอออกไปเหมือนกัน  

 

 

    

 

 

ตอนที่ 505 ฉันให้เธออยู่ ไม่ได้ให้มาพูดเรื่องเหลวไหล  

 

 

ดังนั้นตอนนี้เธอจะพูดอะไรไม่ได้เด็ดขาด  

 

 

เธอครุ่นคิด มันรู้สึกอึดอัดจนต้องถอนหายใจออกมา หันไปมองเจียงจื่อเซี๋ยนด้วยแววตาเรียบเฉย “หนูเองก็รู้อะไรมาเยอะเหมือนกันนะ”  

 

 

เจียงจื่อเซี๋ยนรีบอธิบายออกไป “ที่จริงหนูก็แค่ได้ยินมาน่ะค่ะ ส่วนที่เหลือหนูก็แค่ลองคาดเดาเท่านั้น แน่นอนว่าหนูเองก็หวังว่าเด็กในท้องของเธอจะเป็นลูกของพี่ใหญ่จิ้นจริงๆ แบบนั้นพวกคุณน้าจะได้อุ้มหลานของตัวเองได้เสียที ใช่ไหมล่ะคะ”  

 

 

ในใจของฉินเพ่ยหรงกำลังโมโหเป็นอย่างมาก อีกอย่างเจียงจื่อเซี๋ยนเองก็หวังดี จะพูดอะไรกับเธอมากไม่ได้อีก จึงหมุนตัวเดินกลับห้องตัวเองซะเลย ซีรีส์ที่ตัวเองชอบดูก็ไม่ดูอีก พอเดินกลับไปถึงห้องก็ปิดประตูใส่แรงๆ  

 

 

หลังจากที่เธอปิดประตูไปแล้ว เจียงจื่อเซี๋ยนก็ค่อยๆยกยิ้มมุมปากขึ้นมา ในใจมันรู้สึกสนุกไปหมด   

 

 

เฉียวซือมู่เอ๋ยเฉียวซือมู่ อย่าร้อนรนไปเลยหน่า ของน่ะมันต้องค่อยๆกิน จะพูดอะไรก็ต้องค่อยๆพูด ต้องมีสักวันแน่ที่ฉันจะทำให้เธอถูกเฉดหัวออกจากตระกูลจิ้น!  

 

 

แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่า ในขณะที่เธอกำลังได้อกได้ใจอยู่นั้น สีหน้าท่าทางของเธอมันถูกจิ้นเฮ่าเห็นทั้งหมดแล้ว  

 

 

เขาขมวดคิ้วเบาๆ ในใจเริ่มรู้สึกที่จะไม่ได้พอใจเธอขึ้นมาแล้ว  

 

 

ร่างกายของเขาไม่ค่อยแข็งแรง หลายปีที่ผ่านมานี้ นอกจากจะยกเรื่องทุกอย่างให้ลูกชายไปจัดการต่อแล้ว ช่วงนี้ภรรยาของเขาเองก็ช่วยอะไรได้มากทีเดียว พูดได้ว่าถ้าไม่มีภรรยาคอยสนับสนุนอยู่ข้างๆ คอยดูแลแบบนี้แล้วละก็ พูดได้ว่าชีวิตของเขาอาจไม่มีอยู่ถึงวันนี้เลยก็ได้  

 

 

ดังนั้นในใจของเขาจึงรู้สึกละอายใจต่อภรรยามาโดยตลอด ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะมีบางอย่างที่เขาไม่เห็นด้วยกับเธอ แต่ก็ไม่เคยที่จะไปแย้งอะไร พยายามจะไม่เข้าไปยุ่งให้มากที่สุดนั่นแหละ สำหรับเจียงจื่อเซี๋ยนเด็กสาวคนนี้ ตอนแรกเขาก็คิดว่าเป็นเด็กที่ดีคนหนึ่ง ให้เธอมาอยู่เป็นเพื่อนภรรยาก็ดีเหมือนกัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะรู้แล้วว่าความคิดของเด็กสาวคนนี้มันไม่ธรรมดาเลย  

 

 

เขาขมวดคิ้วเดินเข้าไป แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบนิ่ง “เธอทำอะไรอยู่?”  

 

 

เจียงจื่อเซี๋ยนตกใจสะดุ้ง หันกลับมาก็พบว่าเป็นเขา จึงรีบตอบออกมา “คือหนู…หนูกำลังจะกลับห้องน่ะค่ะ” พูดจบก็รีบก้มหัวเดินออกไปทันที  

 

 

จิ้นเฮ่าเอ่ยเรียกเธอออกไปเบาๆ “เธอจำเอาไว้นะ พวกเราให้เธอยู่ที่นี่ก็เพื่อให้อยู่เป็นเพื่อนกับเพ่ยหรง ไม่ใช่ให้มาพูดเรื่องเหลวไหวจนทำให้เธอไม่สบายใจ ได้ยินใช่ไหม?”   

 

 

เขาเองก็ได้ยินจากผู้ดูแลบ้านมาบ้างแล้ว แต่ไม่ได้รู้รายละเอียดอะไรมาก รู้แค่ว่าเธอไปพูดอะไรบางอย่างกับภรรยาของตน ภรรยาถึงได้ดูหงุดหงิดขนาดนั้น  

 

 

เจียงจื่อเซี๋ยนรู้สึกกลัวเขามาโดยตลอด ตั้งแต่แรกก็รู้แล้วถึงแม้ว่าจิ้นเฮ่าจะสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง แต่ในบางทีแววตาของเขาก็มีประกายบางอย่างออกมาจนทำให้รู้ได้ว่าจะต้องเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมมากแน่ๆ เป็นคนที่ไม่ควรมีเรื่องด้วยมากที่สุด  

 

 

เธอรีบพยักหน้า แล้วตอบกลับเสียงอ่อน “หนูเข้าใจค่ะ”  

 

 

จิ้นเฮ่าลอบมองเธออยู่ชั่วครู่ แล้วพยักหน้าให้เบาๆ “เข้าใจก็ดีแล้ว ไปเถอะ”  

 

 

เธอลนลาน รีบหมุนตัวเดินออกไปทันที  

 

 

จิ้นเฮ่ามองตามแผ่นหลังเธอไป แล้วถึงค่อยหมุนกลับไปเปิดประตูห้องออก  

 

 

กวาดตาไปก็พบว่าฉินเพ่ยหรงกำลังนั่งฮึดฮัดอยู่บนเตียง ตรงหน้ามีแท็บเล็ตวางอยู่ แต่แววตาดูก็รู้ว่าไม่ได้ดูอยู่ ไม่เพียงแต่ไม่ได้มองจอ แม้แต่เขาที่เดินเข้ามาก็ยังไม่หันมามองเลย  

 

 

“เป็นอะไรอีกล่ะ?” เขาเดินไปตรงหน้าเธอแล้วถาม  

 

 

ฉินเพ่ยหรงมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ลูกชายคุณหาภรรยาได้ดีจริงๆเลยนะ!”  

 

 

อารมณ์ที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงนั่นทำเอาสีหน้าจิ้นเฮ่าเครียดขึ้นมาทันที “พูดแบบนี้อีกแล้ว อะไรกันแน่ที่ทำให้คุณไม่ชอบเธอขนาดนั้น? จะว่าไปแล้วถ้าคุณไม่ชอบคุณก็ไม่ต้องไปหาเธอสิ เกิดทะเลาะด่ากันขึ้นมามันน่าฟังไหม?”  

 

 

ฉินเพ่ยหรงจ้องเขาเขม็ง “คุณเองก็ยังไม่ทันได้ฟังฉันจบก็มาว่ากันเลยนี่? คุณรู้ไหมว่าจริงๆเธอเป็นยังไง? อาหยวนแต่งงานกับเธอนี่ซวยไปทั้งชีวิตเลยนะ!”     

เเสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

เเสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

เฉียวซือมู่ คุณหนูตระกูลเฉียวดันจับพลัดจับผลูไปเสียครั้งแรกให้กับ จิ้นหยวน หนุ่มนักธุรกิจเพลย์บอยแห่งเขตซีเฉิง ผู้มีสโลแกนประจำตัวว่า ‘รักสนุกแต่ไม่ผูกพัน’ เธอขอให้เขาลืมเรื่องคืนนั้นไป ทั้งยังเสนอเช็คให้เขาอย่างไม่เจียมตัว แต่เมื่อเธอกลับถึงบ้าน ทุกอย่างกลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ บ้านของเธอล้มละลาย พ่อพาเมียน้อยหนีไปพร้อมกับทิ้งภาระหนี้สินทั้งหมดให้เธอและแม่ ยังเคราะห์ซ้ำกรรมซัดถูกแฟนหนุ่มทิ้งไปหาศัตรูหัวใจ ชีวิตของเธอตกต่ำอย่างถึงที่สุด แต่แล้วชายผู้เป็นครั้งแรกของเธอกลับมาเล่นสกปรกปล่อยข่าวฉาวเรื่องคืนนั้น เพียงเพราะเขาถอนเงินจากเช็คไม่ได้! “จะให้ผมปล่อยคุณไปก็ได้ แต่คุณต้องยอมรับข้อเสนอของผมข้อหนึ่ง” เฉียวซือมู่เงยหน้าถามว่า “ข้อเสนออะไร” “คบกับผม แล้วผมจะปล่อยคุณไป”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset