เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ – ตอนที่ 3: หัวใจของพี่สาวที่น้องชายไม่รู้จัก

หัวใจของพี่สาวที่น้องชายไม่รู้จัก

 

ขออภัยที่การข้ามการเดินทางของผมกลับมาโผล่ที่บ้านเลยอ่ะนะ แต่ว่าผมที่ได้กลับมาถึงบ้านแล้วก็ได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยและได้ถูกสอบสวนในทันที่ ผมยูกิโตะ โคโคโนเอะ (อายุ 16ปี)

 

“ทำไมถึงได้พูดแบบนั้นออกไปกันเนี่ย?” (ยูริ)

 

วันนี้ก็เป็นอีกวันนึงที่ตึงเครียดบนโตะอาหาร แต่ไอ้การมองเข้าไปดูในตาของเธอแล้วยิ่งน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมซะอีก คนที่กำลังนั่งอยู่ตรงข้ามผมตอนนี้ พูดให้เป๊ะก็คือนี่น่ะพี่สาวของผม ยูริ โคโคโนเอะ ไม่ว่าคุณจะมองดูเธอยังไง เธอก็อารมณ์บูดอยู่ชัดๆ มันดูเหมือนกับว่าผมกำลังจะถูกส่งตัวไปจองจำในคุกโดยปราศจาการไต่สวนเลยสักนิด ใครก็ได้ช่วยทำอะไรที

 

“ฉันไม่นึกออกเลยนะว่ามันเกิดอะไรขึ้นน่ะ……..” (ยูริ)

 

พี่สาวของผมนี้เป็นคนที่สวยจริงๆนะ เหมือนกับแม่ของผม แม้แต่ในดวงตา เธอก็ยังดูเหมือนกับเทพธิดา เธอนั้นมีผมสีดำสลวยที่ยาวลงไปถึงเอว และตากับจมูกนั้นก็ต่างจัดวางได้อย่างหมดจด แต่ในตอนนี้คงต้องทำการสักการะเธอซะก่อน ผมทำให้กับเธออย่างน้อยสามครั้งในวันนึง ผมนั้นน่ะโชคดีที่ได้พี่สาวที่เปรียบเป็นดังกับการเปิดกาชาแล้วได้ Ultra Super Rare ถึงแม้ว่าผมจะใช้โชคทั้งหมดที่มีในชีวิตของชาติก่อนไปจนเกลี้ยงแล้วก็เถอะนะ

 

เธอนั้นแก่กว่าผม 1ปี และเป็นนักเรียนปีสองในโรงเรียนมัธยมปลายเดียวกัน ผมได้ยินข่าวลือของเธอมาว่า เธอน่าจะได้เป็นประธานกรรมการนักเรียนคนต่อไปด้วย และด้วยความที่เธอนั้นเป็นคนดูดี เธอจึงเป็นคนนึงที่ป๊อปปุล่ามากที่สุดในโรงเรียน (ไอ้ผมก็ไม่ได้รู้อะไรมากเกี่ยวกับเธอหรอกนะ) ผมน่ะภูมิใจที่เธอน่ะเป็นพี่สาวของผมนะ แต่มันก็ยากสำหรับผมที่จะถูกยอมรับจากพี่สาว เพราะว่ามันมีความแตกต่างในสถานะทางสังคมเป็นอย่างมากของพวกเราในโรงเรียน

 

โดยทั่วไปแล้ว แม่ผม พี่สาวผม และผม ต่างก็ถือว่าเป็นคนละคนกัน แล้วผมนั้นก็นึกสงสัยจนนำไปถึงการพบทฤษฏีที่ว่าผมน่าจะถูกเก็บมาจากใต้สะพานรึเปล่า แล้วเอาไปเล่าให้แม่ฟัง เธอนั้นก็ได้ร้องไห้ออกมาอย่างกับทารก เป็นการตอบสนองกับสิ่งที่ผมเล่าออกมาเลยล่ะ ดังนั้นนี่จึงเป็นหัวข้อต้องห้ามสำหรับผมไปในทันที

 

“แล้วตกลงนายหาเพื่อนได้รึยัง?” (ยูริ)

 

พอพี่สาวนั้นเริ่มพูดกับผม วงแหวนเรื่องแสงก็สาดส่องออกมาให้รู้สึกว่ากำลังสั่นไหว และเศร้าใจ ผมเองมันก็แค่คนตัวเล็กๆที่อยู่ในภาวะวิตก ผมไม่สามารถที่จะมองเธอตรงๆได้เลย เวลาที่เธอจ้องลงมาที่ผมด้วยตาดวงโตคู่นั้น และก็ช่วยไม่ได้ที่ผมจะต้องเบือนหน้าหนี

 

“พะ….. เพื่อน….คืออะไรเหรอ?” (ยูกิโตะ)

 

“ฉันกลัวที่จะถามคำถามเพิ่มแล้วล่ะ หยุดเลย” (ยูริ)

 

ผมสงสัยว่าเธอนั้นน่ะอาจจะอยากรู้จริงๆว่านี่น่ะเป็นน้องชายของเธอรึเปล่า ผู้ที่เอาแต่ประสพความล้มเหลว ที่น่าจะกำลังได้ไปมีชีวิตที่ดีในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง แต่ถ้าหากว่าผมมีชื่อเสียงที่ไม่ดีก็อาจจะส่งผลกระทบถึงเธอได้เช่นกัน โอ้ ให้ตายเถอะผมคงต้องระวังตัวตั้งแต่นี้ต่อไปซะแล้วล่ะ

 

“แล้วนายคนที่ชื่อว่า โคยูกิซัง เนี่ยไม่ใช่เพื่อนนายรึไงกัน?” (ยูริ)

 

“ยูริซัง คุณรู้จักโคยูกิซังด้วยเหรอ?”

 

ผมประหลาดใจที่ชื่อของเจ้าหน้าใสรูปหล่ออยู่ๆก็โผล่ออกมาจากปากของพี่สาว นี่เขาดังขนาดนั้นเลยเรอะ? แน่นอนว่าเขานั้นมีใบหน้าที่ดูดีเป็นกันเอง แต่ก็ไม่เข้าใจว่าอะไรที่ทำให้เป็นแบบนั้นได้

 

“นายชอบเขาไหม?” (ยูริ)

 

“อะไรน๊ะ?” (ยูกิโตะ)

 

ผมคิดว่าเกือบจะต้องตายจากการจ้องของเธอแล้วนะเนี่ย ด้วยสายตาเย็นชาที่จับจ้องมานี่ ผมเกือบจะถูกโน้มน้าวให้คิดไปแล้วว่าได้ทำอะไรผิดเข้าให้ซะแล้วสิ ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นแล้วจ้องไปที่หน้าของเธอ แต่เธอก็ยังคงจ้องมาที่ผม ดูเหมือนผมจะไปเหยียบกับระเบิดเข้าให้ซะแล้วสิ การจ้องของยูริ! ส่งผลให้การป้องกันของ ยูกิโตะ ลดลง!

 

“ไม่มีอะไร!” (ยูกิโตะ)

 

ผมโครตจะกลัวเลย สัญชาตญาณของผมมันบอกว่า ถ้าผมทำให้เธอโกรธขึ้นมาล่ะก็ ซี๊แหงแน่ๆ

 

“แล้วทำไมนายถึงแนะนำตัวแบบนั้นออกไปกัน?” (ยูริ)

 

“ก่อนที่ผมจะตอบ บอกได้ไหมว่าทำไมคุณถึงสนใจ—-“

 

“ตอบคำถามมา” (ยูริ)

 

“โอเค” (ยูกิโตะ)

 

แหงล่ะน้องชายตัวน้อยผู้ที่ไม่มีปัญญาจะต่อต้านพี่สาวได้อยู่แล้ว ผมมั่นใจว่าเธอนั้นจะต้องเฝ้าระวังสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องเรียนอยู่แน่ๆ ผมไม่แน่ใจนะว่ามีสายลับนั้นแผงตัวอยู่ในห้องของผมเรียบร้อยแล้วรึเปล่าด้วยสิ

 

“มันเป็นเพราะ ซูซุริคาว่าซัง กับ คามิชิโระซัง ใช่ไม๊?” (ยูริ)

 

“ไม่……ผมไม่มีอะไรจะพูดเรื่องนี้” (ยูกิโตะ)

 

“มีความผิด โทษประหาร” (ยูริ)

 

“นี่ไม่ได้โกหกนะ นี่เรื่องจริง” (ยูกิโตะ)

 

ระบบการพิพากษาที่แปลกประหลาดใช้การตัดสินโดยพละการนี่มันอะไรกันเนี่ย

 

“หา? แต่ว่า ยูริซัง รู้จักคามิชิโระซังด้วยเหรอ?” (ยูกิโตะ)

 

“ฉันแน่ใจว่านายก็รู้นะ ว่าทำไม” (ยูริ)

 

นี่มันอะไรกัน…..มันเป็นงี้ไปได้ไง! นี่มันกลายเป็นเซอร์ไพรส์ใหญ่ที่สุดในรอบร้อยปีเลยนะมันน่าจะมีแค่เฉพาะเมษาสิ(เมษาโง่) เป็นอีแบบนี้แล้วผมไม่สามารถจะจินตนาการได้เลยว่าจะมีอะไรรออยู่ในอนาคตอีกน่ะ ผมมั่นใจว่าพวกคุณคงเข้าใจผมนะ บางทีนี่คงเป็นเรื่องของช่วงเวลาสำหรับผู้หญิงที่ฉลาดแบบเธอ ที่ผมนั่นไม่สามารถที่จะเทียบเคียงได้

 

แต่ถึงงั้นก็เถอะ ผมก็ตกใจจริงๆนะที่เธอรู้จัก คามิชิโระซังน่ะ ผมคิดว่าเธอทั้งคู่ไม่น่าที่จะติดต่อซึ่งกันและกันได้เลย แต่ผมรู้สึกราวกับถูกบีบหัวใจที่ได้ยินเธอเอ่ยชื่อทั้งคู่นั้นออกมา

 

“ผมขอโทษนะ ยูริซัง ผมต้องไปอ่านหนังสือแล้ว” (ยูกิโตะ)

 

ผมรีบลุกจัดการเก็บกวาดจานและออกจากห้องครัวไปแบบแทบจะวิ่ง หัวผมจะกุดเอาถ้าไม่ทำแบบนี้ แรงกระตุ้นที่บอกว่าอย่าอยู่ตรงนี้ต่อไป มันมากกว่าที่จะให้อยู่ต่อแล้วล่ะ

 

“ยูกิโตะ นายแน่ใจนะ? ว่านาย–” (ยูริ)

 

“ครับ ผมสบายดี” (ยูกิโตะ)

 

ผมขัดจังหวะคำพูดของพี่สาว ผมน่ะรู้สึกโกรธกับตัวเองมากที่รีบตอบส่งๆอย่างหยาบคายออกไป แล้วผมขอโทษด้วยที่ต้องทำให้เธอนั้นรำคาญใจ

 

ผมเองก็สงสัยเหมือนกันนะว่าเธอกำลังจะพูดว่าอะไร? มันจะเป็นไปได้ไม๊ว่าเธอกำลังเป็นห่วงผม? ไม่หรอกมันเป็นไปไม่ได้

 

–ก็เพราะว่าเธอนั้นเกลียดผมน่ะสิ

 

—————————————————————————

 

(มุมมองของพี่สาว)

 

“ทำไมฉันต้องมาเจอเรื่องอะไรทั้งหมดนี้แบบนี้้เนี่ย……?”  (ยูริ)

 

โอ้……พระเจ้า! ฉันขยุ้มหัวของตัวเองอย่างหงุดหงิด ฉันคิดว่าสถาณะการณ์มันจะจะดีขึ้นกว่านี้เมื่อขึ้นมัธยมปลาย แต่ที่จริงแล้วมันกลับแย่กว่าเดิม ฉันเกลียดเพื่อนร่วมห้องจอมปลอมนั่นของเขาซะจริงๆ

 

ฉันขบฟันแน่น ในขณะที่น้องชายของฉันตรงกลับไปยังห้องเขา ฉันรู้สึกสิ้นหวัง จากที่ฉันนั้นไม่สามารถที่จะพูดอะไรให้กับเขาได้เลย ฉันคงทำให้เขาโกรธเข้าซะแล้ว จากที่ดันไปพูดแตะหัวข้อที่เขาไม่ต้องการจะพูดถึงอย่างไม่รู้ตัวซะนี่ ทำไมฉันถึงเป็นคนงี่เง่าอย่างนี้น๊ะ?

 

น้องชายของฉัน แม่ของฉัน และตัวฉันอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นด้วยกัน เป็นครอบครัวสามคน พ่อกับแม่ได้หย่ากันไปนานมากแล้ว โชคยังดีที่พวกเรามีเงินมากพอและแม่ของฉันก็ยังคงมีรายได้ที่ดีอยู่ มันก็เลยไม่มีปัญหาใดๆ ในการจัดการดูแลสิ่งต่างๆ อย่างไรก็ตามมันก็มีเรื่องต่างๆที่เพิ่มมากขึ้นในมือ

 

พวกเรานั้นต่างก็เฝ้ารอเห็นวันที่เขาจะเข้าโรงเรียนนี้ แต่แล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนเลย! ฉันอยากที่จะให้น้องชายของฉันนั้นมีชีวิตที่สดใจและสนุกไปกับชีวิตในโรงเรียนมัธยมปลาย อย่างไรซะในตอนนี้……..มันกลับกลายเป็นความกังวลมากที่สุดที่ไม่รู้จะบรรยายออกมายังไง เมื่อฉันได้พบว่ามีใครที่ได้อยู่ในห้องเรียนเดียวกันกับน้องชาย ความรู้สึกของฉันพลันกลายเป็นขมขื่น มันเป็นส่วนผสมที่แย่ที่สุดเท่าที่จะคิดออกมาได้

 

ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดีแล้ว

 

ผู้หญิงงี่เง่าที่ทรยศ และทอดทิ้งน้องชายของฉัน แม้จะเคยคิดว่าเธอรักเขาก็เถอะ กับนังสารเลวนั่นผู้ที่พังทุกสิ่งทุกอย่างของเขา ฉันจะไม่ยอมยกโทษให้กับพวกเธอแน่ ฉันไม่ต้องการแม้แต่จะให้เข้ามาใกล้กับน้องชายฉันอีกต่อไป

 

แต่นี่มันก็แย่มากที่เขาถูกจับไปอยู่ร่วมห้องกับทั้งสองนั่น ทั้งที่มีคนอื่นอีกตั้งมากมายหลายคน ฉันอยากรู้ว่าพอจะมีอะไรบ้างไหมที่จะช่วยเขาได้บ้าง แต่มันก็ไม่มีเลย ฉันทำอะไรไม่ได้จนกว่าพวกเขาจะเปลี่ยนชั้นเรียนและย้ายห้องไป

 

ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากจะมาหัวเราะเยาะเย้ยตัวเองแบบนี้

 

ฉันเกลียดสองคนนั่น

 

แล้วฉันก็ยังเกลียดตัวเองด้วย มันก็คงปกติที่จะเกลียดตัวเองอยู่แล้วล่ะนะ ก็เพราะฉันเองก็ได้ทำให้เขาเจ็บปวดมาก่อนในอดีตด้วยเหมือนกัน

 

ฉันยังนึกใบหน้าของน้องช่ายก่อนจะเดินออกจากห้องนี้ไปได้ดีเลย

 

แล้วตอนนี้ยังก็ยังคงทำให้น้องตัวเองต้องเจ็บอีกแล้ว มันไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ตอนนั้น

 

สิ่งที่น้องชายมองมาที่ฉันมันคือความหวาดกลัว ฉันบอกได้ทันทีเลยหลังเพียงแค่เหลือบตามองว่าเขาคิดอะไรกับฉัน จากวิธีที่เขาหลบตาฉันไปอย่างรวดเร็ว

 

ราวกับเขาเดินอยู่บนเปลือกไข่ที่บอบบางรอบๆตัวฉันและไม่พูดกับฉันจนกว่าจะจำเป็นจริงๆ นี่มันไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพี่สาวและน้องชายเอาซะเลย…….. แต่ก็เป็นฉันเองนั่นแหล่ะที่เป็นคนทำให้เป็นแบบนั้น ฉันหวังไว้ว่าเวลาที่ผ่านไปน่าจะช่วยแก้ไขเยียวยาลดระยะห่างระหว่างพวกเราได้ แต่แทนที่จะแก้ไขมันกลับแย่ลง ด้วยความจริงที่ว่าแผนของฉันมันได้ล้มแหลวไปแล้วและมีแค่เพียงการสร้างความเจ็บปวด ความน่าเวทนาให้มันมากขึ้นเท่านั้น

 

นับจากวันนั้น น้องชายของฉันก็เรียกฉันว่า ยูริซัง

 

เขาไม่เคยเรียกฉันว่า พี่สาวอีกเลย

 

ในฐานะพี่สาวแล้วฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะไปพูดแบบนั้นกับเขาอีกแล้ว

 

–เพราะว่าน้องชายนั้นเกลียดฉันน่ะสิ

 

———————————————————————————–

 

 

“กลับมาบ้านแล้วจ้า” (แม่)

 

ตอนนี้เวลาก็เลย 8:00PM ไปแล้ว แม่ ซากุราฮานะ โคโคโนเอะ ก็กลับมาถึงบ้านแล้ว เธอยังคงยุ่งอยู่เสมอ เธอนั้นมักจะกลับมาบ้านในเวลานี้ประจำ และพอเป็นแบบนี้แล้ว ผมก็มักจะได้รับหน้าที่ในการเตรียมมื้อค่ำอยู่เสมอ พี่สาวของผมไม่ค่อยเก่งในเรื่อง……งานบ้านอ่ะนะ บางทีพระเจ้าคงไม่ได้มอบสิ่งที่ดีเกินหนึ่งอย่างให้กับคนคนเดียวหรอกเนอะ แต่ก็เป็นส่วนนั้นของเธอที่มีเสนห์ในทางกลับกันนั่นล่ะ ดังนั้นผู้หญิงที่สวยงามจึงดูมีภาษีกว่า

 

“ยินดีต้อนรับกลับครับ” (ยูกิโตะ)

 

“โอ้ ใช่ ต้องขอโทษด้วยน้าที่ไม่ได้ทำมื้อค่ำให้น่ะ” (แม่)

 

“ไม่ครับ ไม่เป็นไร” (ยูกิโตะ)

 

ผมไม่คิดว่าจะต้องอับอายอะไรหรอกนะถ้าจะต้องให้คุณแม่มาทำความสะอาดหรือทำอาหารให้น่ะ แต่มันก็ไม่ใช่ทางที่ผมเลือกเลย เพราะโดยพื้นฐานของตัวผมแล้ว ผมต้องการทำเองมากกว่า ผมไม่รังเกียจหรอกนะถ้าผมจะต้องทำอะไรมากกว่านี้ในบ้านน่ะ แต่ไม่ใช่กับพี่สามของผม ผมคิดว่าพี่สาวของผมนั้นจะต้องทำอะไรแตกหักไปในตอนที่เธอทำความสะอาดแน่นอน และไม่ควรที่จะให้มาทำอะไรแบบนี้อีก เพราะมันจะต้องทำให้ผมกลับมาทำซ้ำน่ะสิ มันสำคัญจริงๆนะ แต่ว่าแม่น่ะไม่มีทางรู้หรอกว่าพี่สาวของผมนั้นน่ะดูแลบ้านได้แย่ขนาดไหน

 

“แล้ว…..ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้างล่ะจ๊ะ ยูกิโตะ?” (แม่)

 

“ผมคิดว่าก็ไม่เป็นไรนะครับ” (ยูกิโตะ)

 

“โอ งั้นก็ดีจ๊ะ” (แม่)

 

“………..” (ยูกิโตะ)

 

ความเงียบที่น่าอึดอัดเล็กน้อยได้ออกมาปกคลมไปทั่วบริเวณ สาเหตุน่ะเหรอก็มาจากที่ทั้งแม่และพี่สาวพยายามจะถามเกี่ยวกับเรื่องในโรงเรียนของผมน่ะสิ คงเพราะพวกเขากำลังกังวลว่าผมจะไปก่อปัญหาเข้าให้อีกรึเปล่าสินะ

 

ผมคงบอกได้เลยว่าพวกเขาน่ะไม่ไว้ใจผมสักเท่าไหร่หรอก แต่มันก็เป็นเพราะตัวผมนั่นแล่ะที่ผิด เมื่อลองดูจากสิ่งที่ผมสร้างปัญหาเอาไว้มากมายในอดีต

 

“ผมไม่ทำอะไรที่จะทำให้เกิดปัญหาหรอกครับ บางทีนะ ผมก็จะแค่อยู่อย่างเงียบๆไป” (ยูกิโตะ)

 

“ไม่ แม่ไม่ได้หมายถึงแบบ–” (แม่)

 

“ผมทำมื้อค่ำไว้แล้วครับ หากว่าถูกใจแม่ก็เอาไปอุ่นได้เลยนะครับ ผมจะกลับไปที่ห้องแล้วครับ” (ยูกิโตะ)

 

“อือ” (แม่)

 

เขาค่อมไหล่ลงด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้ในขณะที่เดินกลับไปยังห้องของตัวเอง

เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ

เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะผมไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงอยากจะมาบอกกับผมในเรื่องนี้ บางทีเธอคงจะคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของเพื่อนสมัยเด็กละนะ แล้วผมก็อ่านความคิดของอื่นไม่ได้ซะด้วยสิ ในทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้นของเธอมันก็ได้ทำร้ายผมไปมากกว่าสิ่งที่เคยผ่านมาทั้งหมดเสียอีก ผมจำไม่ได้นะว่าพวกเราเคยไปสัญญาว่าจะแต่งงานอะไรกันไว้รึเปล่า ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นให้เห็นได้บ่อยๆกับหลายๆคนที่เป็นเพื่อนสมัยเด็ก แต่ยังไงเธอนั้นก็พิเศษสำหรับผม เธอคงมีเหตุผลนั่นแหล่ะ แล้วผมก็ถูกผลักให้ตกอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของผมเลย

Comment

Options

not work with dark mode
Reset