เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ – ตอนที่ 6: ฤดูที่ฝนตก

ฤดูที่ฝนตก

 

กล้อง DSLR vs Mirrorless ถึงแม้ว่าในใจของผมให้ผลของการเปรียบเทียบนี้อยู่ที่ 5 – 4 แต่ผมจะบอกไว้เลยนะ ผมอยากจะบอกออกไปดังๆเลย ว่ามือสมัครเล่นน่ะเค้าสนใจแค่มันใช้งานได้ง่ายซะยิ่งไปกว่าคุณภาพของรูปเว้ย แล้วคุณแม่ก็เป็นแบบนั้นนั่นล่ะ ยกตัวอย่างให้นะ ก็คือเวลาเธอต้องการที่จะเก็บภาพที่ละลึกของลูกๆตัวเองนั่นไง! (ก็นะถึงมันค่อนไปทางรูปของพี่สาวไปซะมากกว่าใช่ไหมล่ะ? แต่ก็ช่วยไม่ได้ ก็พี่เค้าสวยนี่นา ผมแน่ใจว่าเธอคงจะไม่มาสนใจอะไรกับผมหรอก) แล้วเธอก็เลยดันตัดสินใจที่จะซื้อกล้อง DSLR แบบ Full Size ไปซะอย่างงั้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา

 

ขอเคลียร์ให้ชัดเจนเลยนะ มันโครตจะหนักเลย ไหนจะต้องรวมเลนส์เข้าไปอีก นี่มันกี่กิโลฯกันล่ะเนี่ย? ผมไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไม่เลือกกล้องที่ใช้ชิป APS-C กันนะ หรือทำไมเธอถึงไม่เปลี่ยนไปเลือกเป็นกล้อง Mirrorless ที่มันเบากว่านี้ตั้งเยอะ กลับเลือกไอ้ Full Size DSLR ตัวนี้เอาซะนี่ ซึ่งมันก็เลยทำให้เธอพกพาไปไหนมาไหนไม่ได้บ่อยนัก แล้วท้ายสุดก็ไม่ค่อยจะได้ใช้ มันจึงกลายมาเป็นสมบัติที่ถูกเข้ากรุอยู่ในบ้านของผมตอนนี้ เพิ่มเติมคือ เธอมีเลนส์อีกห้าตัว รวมถึงเลนส์ fix อีกอันนึง นี่มันช่างสิ้นเปลืองเงินโดยใช่เหตุชัดๆ

 

“แม่จะเริ่มต้นทำงานจากที่บ้านแล้วล่ะ แม่จะไปออฟฟิตแค่ครั้งหรือสองครั้งในหนึ่งสัปดาห์ ดังนั้นแม่จะมีเวลาอยู่บ้านมากขึ้นแล้วล่ะนะ” (แม่)

 

เธอยิ้มออกมาในแบบที่หาได้ยากและดูอารมณ์ดี นั่นก็คือสิ่งที่แม่ ซากุระฮานะ โคโคโนเอะ บอกให้ผมฟัง ส่วนผมไม่รู้ว่าจะตอบสนองกลับไปยังไงถึงจะถูกต้อง ดังนั้นก็เลยทำได้แค่เพียงพยักหน้าให้กับเธอ

 

 

“แม่ที่ใจมากเลยที่ปริมาณงานนั้นได้ลดลงไปเยอะแล้วและจะได้มีเวลาอยู่กับพวกลูกๆมากขึ้นแล้วล่ะ” (แม่)

 

“จริงเหรอคะ? เยี่ยมไปเลย งี้แม่ก็จะกลับมาทำข้าวกลางวันให้พวกเราได้แล้วใช่ไหมคะ?” (ยูริ)

 

“จ้า และแม่ต้องขอโทษด้วยนะที่ปล่อยให้ช่วยเหลือตัวเองกันก่อนหน้านี้น่ะ” (แม่)

 

“ก็แม่ทำงานนี่นา ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นไปหรอกค่ะ” (ยูริ)

 

ผมนั่งฟังอย่างตั้งใจกับการสนทนาระหว่างแม่กับพี่สาว หืมมม? ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนราวกับถูกพี่สาวแย่งคำพูดที่ควรจะออกจากปากผมเพื่อพูดกับแม่ไปกันล่ะเนี่ย แต่ผมคงจะคิดไปเองมั้ง? ในครอบครัวของเรานี้ ผมน่ะเป็นคนที่มีหน้าที่ในการทำข้าวกลางวันนี่นา ไม่ใช่เธอสักหน่อย ไม่ใช่ว่าต้องเป็นผมที่ควรจะพูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอก” กับแม่ผมรึไงเนี่ย?

 

ยังไงก็ตาม ผมมันก็ไม่ใช่คนที่จะต้องไปก่อดราม่าอะไรแบบนั้นซักกะหน่อย ผมน่ะใจกว้างราวกับทะเลเซโตะไนไกเลยล่ะ แล้วถ้าผมจะต้องทิ้งงานบ้านให้กับพี่สาว มันก็ไม่มีอะไรนอกจากความน่าผิดหวังเท่านั้นแหล่ะ แต่ผมก็ยังคงมีความหวังอยู่ว่าเธอนั้นจะมีโอกาศได้เรียนรู้งานบ้านบ้างล่ะนะ มันเป็นสิ่งที่ภรรยาควรจะต้องมี แต่พี่สาวของผมนั้นออกจะสวย ดังนั้นผมคิดว่าเธอไม่น่าจะมีปัญหาในการหาใครสักคนที่จะเข้ามารับตัวเธอไปหรอก

 

มีเพียงสิ่งเดียวที่ผมพอจะทำได้เต็มที่ก็คือ ผมดูแลบ้านอย่างลับๆไม่ให้ถูกจับได้ และเมื่อเธอนั้นอยู่บ้านบ่อยมากขึ้น ผมคงจะต้องสละเวลาตัวเองไปเพื่อฝึกหมีในสวนสัตว์ล่ะ (คำเปรียบเทียบกระทบ ยูริ)

 

——————————————————————————————————————–

 

วันนี้นั้นเป็นวันเสาร์ ที่พวกเรานั้นควรจะได้มีเวลาพูดคุยกัน แต่ว่าผมกำลังเดินทางกลับบ้านจากร้านขายอุปกรณ์อิเลคโทรนิค ที่ทำให้ผมนั้นต้องประหลาดใจกับสิ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นของกล้อง Mirrorless SLR อยู่เพลิน จนกระทั่งผมไม่ได้คาดคิดว่าจะได้เจอเข้ากับพายุฝน ไม่เห็นจะมีบอกเลยนะว่าจะต้องมาเจอกับพายุฝนในวันนี้น่ะ! ในขณะที่ผมกำลังบ่นให้กับการพยากรอากาศ ผมก็เจอเข้ากับผู้หญิงคนนึงที่ดูกำลังมีปัญหากับการย้ายของอยู่หน้าอพาร์ทเม้นของผม

 

“มีปัญหาอะไรอยู่รึครับ?” (ยูกิโตะ)

 

เพราะว่าจู่ๆฝนก็ตกลงมา ดังนั้นมันก็เลยเป็นธรรมดาที่ผมจะต้องเปียก แต่กับการย้ายของออกจากทางเดินที่ขวางทางไปอพาร์ทเม้นของผมอยู่ทำให้ไปไม่ได้ เธอเป็นผู้หญิงแปลกหน้าที่ดูมีมารยาทเรียบร้อย คิดว่าน่าจะมีอายุประมาณเดียวกับแม่ของผม แต่ผมก็ไม่เคยเห็นมาก่อน

 

“นี่เธอเป็นใครหรือจ๊ะ” (ผู้หญิง)

 

“ผมเป็นคนที่อาศัยในอพาร์ทเม้นนี้ครับ นี่คุณกำลังเจอปัญหาอยู่รึเปล่าครับเนี่ย?” (ยูกิโตะ)

 

“โอ้ จริงเหรอจ๊ะ? งั้นพวกเราก็เป็นเพื่อนบ้านกันแล้วล่ะตอนนี้” (ผู้หญิง)

 

“คุณหมายความว่ายังไงที่ว่า……ตอนนี้” (ยูกิโตะ)

 

“ก็ฉันเพิ่งจะย้ายมาอยู่นี่นา ฉันมิซากิ ฮิมิยามะ นะ ยินดีที่ได้รู้จักจ๊ะ” (มิซากิ)

 

“ผมชื่อว่า ยูกิโตะ โคโคโนเอะ แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นรึครับ?” (ยูกิโตะ)

 

ที่จริงไม่ต้องถามก็ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น นี่น่ะมันสามารถรู้ได้เลยจากที่ได้เห็นไอ้ของที่อยู่ตรงหน้าเธอนี่ล่ะ แต่มันเป็นมารยาทตามปกติล่ะนะที่จะต้องถามออกไป นี่เป็นวิธีที่จะทำให้การสนทนานั้นเป็นไปได้อย่างราบรื่นไงล่ะ แล้วก็จะได้ไม่ถูกดูถูกเอาด้วย แล้วทันใดนั้นตัวเธอก็กระตุกก่อนจะได้ยิ้มออกมาให้ผมอย่างอ่อนโยน ก็ไม่รู้นะว่าเธอจะมองเจตนาของผมออกรึเปล่า

 

“งั้นผมช่วยยกให้นะครับ” (ยูกิโตะ)

 

“ฉันก็ดีใจมากเลยล่ะนะ แต่ว่าฝนก็ยังตกอยู่และเธอก็คงอยากจะกลับบ้านแล้วใช่ไหมล่ะ ถึงยังไงก็ขอบคุณนะจ๊ะ” (มิซากิ)

 

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ นี่น่ะมันก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของวิธีการสนทนากันอย่างราบรื่นยังไงล่ะครับ”(ยูกิโตะ)

 

“นี่เธอพูดอะไรกันน่ะจ๊ะ? แต่ว่าจะดีจริงๆเหรอ?” (มิซากิ)

 

“แน่นอนครับ” (ยูกิโตะ)

 

“แหม แหม แหม นี่เธอไปรู้จักวิธีการพูดแบบโบราณๆนี้ได้ยังไงล่ะเนี่ย” (มิซากิ)

 

“เอาจริง? ผมมันก็แค่เด็ก JK เท่านั้นเองนา” (ยูกิโตะ)

 

“JK นี่มันน่าหมายถึงนักเรียนมัธยมปลายหญิงนะจ๊ะ” (มิซากิ)

 

ในขณะที่พวกเรากับลังพูดคุยกันก็ได้ทำให้ผมนึกถึงเรื่องปัญหาเรื่องช่องว่างระหว่างวัยขึ้นมา แล้วในตอนนั้นก็ได้มาถึงห้องของ ฮิมิยามะซัง มันเป็นห้องอพาร์ทเม้นท์สำหรับอยู่คนเดียวที่อยู่ฝั่งปีกขวาของบ้านผม

 

“ฉันขอโทษด้วยนะ นี่น่ะทำให้เธอต้องเปียกไปหมดแบบนี้ เดี๋ยวจะเอาผ้าเช็ดตัวให้เดี๋ยวนี้ล่ะ” (มิซากิ)

 

“ไม่ ไม่ต้องต้องก็ได้ครับ” (ยูกิโตะ)

 

“ไม่ได้หรอกจ๊ะ เธอช่วยเข้ามาที่นี่จะได้ไหม?” (มิซากิ)

 

แล้วผมก็ตกประหม่าขึ้นมาในทันทีที่ได้ถูกเชื้อเชิญให้เข้าไปในห้องของผู้หญิงที่อาศัยอยู่คนเดียวแบบนี้น่ะ แต่ด้วยความที่บ้านของฮิมิยามะซัง นั้นเต็มไปด้วยลังกระดาษ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าเธอนั้นเพิ่งจะย้ายมาจริงๆซะด้วย ดังนั้นจึงไม่ได้มีความรู้สึกประหม่าอะไรมากมายนัก กลับรู้สึกโล่งใจขึ้นด้วยซ้ำ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นซะทีเดียว ยังไงก็ตามผมก็จะอยู่ในห้องนี้กับผู้หญิงที่โตเต็มตัวแล้วไม่ได้หรอก นั่นน่ะเป็นอ้างของผมล่ะ

 

“ขอโทษด้วยนะจ๊ะ พอดีฉันยังไม่ได้เสร็จจากการแกะของออกมาเลย สนใจอยากจะได้กาแฟหรือชาสักแก้วไหม?” (มิซากิ)

 

“ขอบคุณมากครับ ผมอยากได้เป็นกาแฟหากเป็นไปได้ แล้วนี่คุณเพิ่งย้ายมาอาทิตย์นี้งั้นเหรอครับ ฮิมิยามะซัง?” (ยูกิโตะ)

 

“จ๊ะ ใช่แล้ว ฉันน่ะกังวลมากเลยนะเนื่องจากฉันน่ะไม่รู้จักใครที่นี่เลย แต่ดูเหมือนจะโชคดีที่ได้เจอเธอเข้าซะก่อนน่ะ” (มิซากิ)

 

แล้วทำไมเธอจะต้องมานั่งข้างๆผมด้วยล่ะเนี่ย? ไม่ใช่ว่าปกติแล้วคนทั่วไปเค้าจะต้องมานั่งตรงข้ามกันหรอกเหรอ? กลิ่นหอมหวานที่ลอยมาแตะจมูกให้ชวนจั๊กจี๊นี่ หรือมันคือสิ่งที่เรียกว่ากลิ่นของฟีโรโมนของสาวเต็มวัยที่เขาว่ากันใช่มะ? ถึงแม้จะรู้ว่าฮิมิยามะซังจะแก่กว่าผมหลายปีมาก แต่เธอก็ยังดูเป็นสาวสวยอยู่เลย ยังไงก็ตามด้วยจิตใจอันแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้าของผมนั้นก็ไม่ยอมหวันไหวกับอะไรแบบนี้เลยสักนิด ฉันนี่มันสุดยอดเลยจริงๆ

 

“นี่คุณจะมาอาศัยอยู่ตัวคนเดียวเหรอครับ?” (ยูกิโตะ)

 

“ฉันเคยมีคู่หมั้นนะ แต่ว่าด้วยการที่ฉันไม่ประสบความสำเร็จในการรับการรักษาการเจริญพันธุ์ แล้วเขาเองก็เป็นทายาทของโรงแรมขนาดเล็ก ดังนั้นพ่อแม่ของเขาก็เลยไม่ไม่ยินยอม แม้ว่าฉันเองก็อยากจะมีลูกให้ได้จริงๆก็เถอะนะ……….” (มิซากิ)

 

เอ๋? แล้วทำไมผู้หญิงคนนี้อยู่ๆก็พูดถึงเรื่องส่วนตัวออกมาง่ายๆยังงี้กันล่ะ? ผมไม่เคยเจอเธอมาก่อนเลยนะ หรือนี่มันจะเป็นอะไรบางอย่างที่เรียกว่าออร่าแปล่งออกมาจากตัวผมกันน่ะ? ก็มาลองๆคิดๆดูแล้ว เมื่อไม่นานนี้ ไอ้เรื่องแบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นกับรุ่นพี่เทพธิดานี่นา (แต่ผมลืมชื่อไปแล้วแฮะ) ……… หรือนี่ก็คือพลังพิเศษของคนที่ไม่มีดวงเรื่องผู้หญิงงั้นเรอะ? ผมหมายถึงนี่ผมกำลังจะติดกับดักสวีทแทรปของ อามาซอนเนสเข้าให้แล้วใช่มะ?

 

“บางทีถ้าหากว่าฉันสามารถที่จะอุ้มเด็กให้ได้ ฉันก็คงไม่ต้องมาอยู่คนเดียวแบบนี้” (มิซากิ)

 

(เสียงราบเรียบ) “โอ จริงเหรอครับ?” (ยูกิโตะ)

 

ผมไม่สามารถที่จะออกเสียงตามแบบคาตาคานะได้อีกแล้ว เหงื่อเย็นๆไหลออกมาที่ด้านหลังของผม นี่มันสัญญาณเตือนอันตราย ที่ผมไม่เคยได้ประสบมาก่อนในชีวิต มันกำลังร้องเตือนอย่างดัง บอกว่าผมนั้นกำลังจะตกที่นั่งลำบากเข้าให้แล้ว แล้วถ้าผมไม่ออกไปจากที่นี่ตอนนี้ ผมคงต้องซี้แหง ไม่สิต้องสูญเสียความบริสุทธิ์ของผมเป็นแน่แท้!

 

“ถ้าเธอไม่รังเกียจละก็ จากนี้พวกเรามาเป็นเพื่อนกันจะได้ไหมจ๊ะ?” (มิซากิ)

 

“ครับ แน่นอน……ตกลงครับ”(ยูกิโตะ)

 

ผมตอบกลับไปอย่างกระอักกระอ่วน แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้สังเกตุอะไรนะ คู่ต่อสู้ของผมนี้เป็นผู้ที่เจนศึกที่ผ่านสนามรบมาแล้วอย่างโชกโชน ผมยังไม่เคยมีความสัมพันธ์อะไรแบบนี้มาก่อน ดังนั้นผมจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอเลย แล้วตัวเธอก็มีกลิ่นหอมดีซะด้วย แล้วทำไมเธอต้องมาคุยกับผมในระยะใกล้ขนาดนี้กันล่ะเนี่ย? นี่เธอชอบผมงั้นเรอะ? นี่มันทำให้ผมประหม่านะ!

 

“แล้วฉันจะขอไปสวัสดีกับทุกคนทีหลังนะจ๊ะ” (มิซากิ)

 

“คุณก็รู้นี่ ว่าเมืองนั้นถูกเรียกว่าป่าคอนกรีต มันไม่เหมือนกับบ้านนอก มีอยู่หลายครั้งที่คนเรานั้นก็ต่างที่จะไม่รู้จักเพื่อนบ้านกันและกัน มีเพียงแค่ปฏิสัมพันธ์กันแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นนะ” (ยูกิโตะ)

 

“นี่มันเชื่อไม่ลงเลยนะเนี่ย นี่เธอไม่ใช่ว่าเธอเคยใช้วิธีสนทนาอย่างราบรื่นมาก่อนแล้วอย่างนั้นหรือเนี่ย?” (มิซากิ)

 

“ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรหรอกนะครับ” (ยูกิโตะ)

 

“งั้นเดี๋ยวฉันจะไปเอาโซบะให้นะจ๊ะ” (มิซากิ)

 

“โอเคครับ…” (ยูกิโตะ)

 

ผมน่ะดูท่าจะแพ้ทางผู้หญิงที่แก่กว่าแฮะ

เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ

เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะผมไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงอยากจะมาบอกกับผมในเรื่องนี้ บางทีเธอคงจะคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของเพื่อนสมัยเด็กละนะ แล้วผมก็อ่านความคิดของอื่นไม่ได้ซะด้วยสิ ในทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้นของเธอมันก็ได้ทำร้ายผมไปมากกว่าสิ่งที่เคยผ่านมาทั้งหมดเสียอีก ผมจำไม่ได้นะว่าพวกเราเคยไปสัญญาว่าจะแต่งงานอะไรกันไว้รึเปล่า ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นให้เห็นได้บ่อยๆกับหลายๆคนที่เป็นเพื่อนสมัยเด็ก แต่ยังไงเธอนั้นก็พิเศษสำหรับผม เธอคงมีเหตุผลนั่นแหล่ะ แล้วผมก็ถูกผลักให้ตกอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของผมเลย

Comment

Options

not work with dark mode
Reset