เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ – ตอนที่ 69: ภาพลวงตาในความยุติธรรม

ภาพลวงตาในความยุติธรรม

 

“สวัสดี วันนี้ก็เป็นอีกวันที่สดใสเนอะ” (ไคโดะ)

 

 ไม่มีร่องรอยของความขุ่นมัวในรอยยิ้มที่แสดงออกมาอย่างดีบนใบหน้าของเธอ

 

 ในเช้านี้ก็ยังคงร้อนอยู่เลย อย่างไรก็ตาม เมื่อลองวิเคราะห์แล้วว่าอุณหภูมิก็จะต้องสูงขึ้นไปกว่านี้ มันก็เลยมีช่วงเวลาที่เหมาะในการออกกำลังกายในช่วงฤดูร้อนนี้อย่างจำกัด

 

 และสำหรับผม ผมก็มักจะเลือกเป็นตอนเช้าหรือไม่ก็ตอนเย็น แต่ว่าในบางครั้งในช่วงเย็น ก็ไม่อาจทำได้ เพราะอาจมีฝนกองโจรคอยซุ่มเล่นงานอยู่

 

 ผมยังคงรักษาจังหวะไว้ให้คงที่ ที่พื้นที่รอบพระราชวังอิมพีเรียลมีชื่อเสียงในฐานะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับนักวิ่ง และผมเองก็อยากจะลองไปวิ่งที่นั่น ดังนั้นผมก็จึงได้ไปเรียกคนที่มาวิ่งเป็นเพื่อนข้างๆผม

 

“แล้วนี่คือเหตุผลที่คุณถามผมในเรื่องการจับเวลากับผมใช่หรือเปล่า?” (ยูกิ)

 

“ไม่นะ ฉันแค่พยายามจับเวลาไปงั้นแหละ เพราะว่าปกติฉันเองก็วิ่งบ่อยอยู่เหมือนกัน ถึงแม้จะทำเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว และฉันก็มักจะทำอยู่คนเดียวเสมอ แต่ก็ดีใจนะที่ได้มีคนมาชวนคุยด้วย ใช่ไหมล่ะ?” (ไคโดะ)

 

“แต่สำหรับผมน่ะ กลับที่จะต้องเป็นกังวลน่ะสิ” (ยูกิ)

 

“นายนี่ตลกดีนะ” (ไคโดะ)

 

 อ้อ แล้วก็อีกอย่าง ตอนนี้ผมก็ได้โทรศัพท์ใหม่แล้ว

 

แล้วก็เพราะเมื่อคืนก่อนที่ผ่านมา รุ่นพี่ไคโดะ ได้ติดต่อผมมาที่โทรศัพท์เครื่องใหม่ของผม เธอนั้นเคยเห็นผมออกไปวิ่งสองสามครั้ง เธอก็เลยมาขอให้ผมนั้นไปวิ่งกับเธอ

 

ก็มันไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องปฏิเสธอ่ะนะ แล้วก็รุ่นพี่เคโดะ ที่มักใช้คำพูดและแสดงกระทำที่ละเมิดกฎอยู่เป็นประจำทุกวัน ยังสามารถเป็นประธานสภานักเรียนของโรงเรียนของเราได้อีกนี่ ดูท่าโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้คงจะจบสิ้นแล้ว

 

แต่ดูเหมือนว่าผมนั้นจะเป็นคนเดียวที่คิดอย่างนั้น เพราะว่าคนรอบข้างต่างก็ดูจะมีความคิดเห็นที่ค่อยไม่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับเรื่องของ ไคโดะ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่สมเหตุสมผล แต่ว่าเธอนั้นก็เป็นคนที่อันตรายในความคิดของผม…….

 

หลังจากที่ผ่านไปประมาณ 5 กิโลเมตร ผมก็ได้เปลี่ยนจากการวิ่งมาเป็นการเดินเพื่อควบคุมการหายใจ และหลังจากเติมน้ำให้กับตัวเองด้วยเครื่องดื่มเกลือแร่ ผมก็ออกเดินต่อ และไปได้อีกสักพัก ในที่สุดก็หยุดเพื่อสูดหายใจ

 

“แล้วนี่ปกติคุณจะวิ่งมากแค่ไหนกันล่ะ?” (ยูกิ)

 

“ก็คิดไล่เลี่ยกันกับนี่แหล่ะ แต่ว่าช่วงนี้อากาศมันร้อนน่ะ ฉันก็ตัดมันให้สั้นหน่อยเพื่อที่จะไม่ได้หนักเกินไป” (ไคโดะ)

 

“นี่ผมทำให้คุณต้องวิ่งนานกว่าปกติไปหรือเปล่านี่?” (ยูกิ)

 

 ถ้าหากเป็นกรณีนี้ ผมต้องได้ทำอะไรผิดไปแน่ มันเป็นจังหวะที่ไม่ดีตรงเรื่องความร้อน

 

“ไม่มันไม่หรอก มันเป็นระยะที่ดูเหมาะสมแล้ว และฉันก็สบายดี ที่สำคัญกว่านั้น ถ้าหากนายเหงื่อออกมากเกินไปในขณะที่วิ่งกันล่ะก็ ฉันน่ะมีเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนให้นายที่บ้านด้วยนะ ไม่ต้องกังวลไป” (ไคโดะ)

 

“ผมคงไม่อยากจะทำแบบนั้นหรอก เพราะว่ามันจะไปทำให้ผมต้องไปรู้สึกกังวลในอีกอย่างหนึ่งแทนน่ะสิ” (ยูกิ)

 

“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่! ฉันน่ะอยากให้นายมานะ!” (ไคโดะ)

 

“ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงได้ดื้อดึงนักนะ งั้นผมก็จะไม่ไปวิ่งกับคุณอีกแล้ว” (ยูกิ)

 

“ไม่เอานะ?!” (ไคโดะ)

 

 ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้ต้องตกใจ ในสิ่งที่ผมเพิ่งพูดมันไป

 

“ก็ รุ่นพี่  ทำไมจู่ๆ ถึงต้องมาชวนผมไปกันด้วยล่ะ?” (ยูกิ)

 

“ฮ่าๆๆๆ มันก็ไม่ได้มีหมายความอะไรสักกะนิ๊ด ฉันก็แค่อยากจะโชว์อวดกะเปาะหน้าท้องของฉันไง” (ไคโดะ)

 

“ผู้หญิงคนนี้…” (ยูกิ)

 

และในขณะที่เธอพูดไปแบบนี้ ไคโดะก็ได้เปิดเสื้อโชว์หน้าท้องของเธอให้ผมดู หน้าท้องของเธอนั้นมีรูปทรงที่สวยงาม เธอนั้นเป็นผู้หญิงที่มีกล้ามหน้าท้อง เป็นกล้ามเนื้อที่อ่อนนุ่มของเธอ ที่เปล่งประกายด้วยเหงื่อที่สะท้อนแสง

 

“มันออกจะสวยงามใช่ม๊า? เอาเลย มาลูบไล้ไปให้หนำใจไปเลยสิ พวกผู้หญิงก็มักจะไม่ค่อยเข้าใจความโรแม้นซ์ของมัน นี่มันก็เลยค่อนข้างออกจะเหงาน่ะ” (ไคโดะ)

 

“เอ๊ะ นี่คุณเรียกผมมาที่นี่เพื่อเรื่องนี้จริงๆ เหรอ?” (ยูกิ)

 

พรืด พรืด พรืด พรืด พรืด (มือถูไปกับหน้าท้อง)

 

“ฉันเองก็ชอบที่นายจะมาสัมผัสฉันโดยไม่ลังเลนะ แต่ก็นั่นแหล่ะ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ นายมีแผนที่อยากจะเข้าร่วมสภานักเรียนในขณะที่นายเรียนอยู่บ้างไหมล่ะ?” (ไคโดะ)

 

“สภานักเรียน? นี่ผ่านไปยังไม่ทันถึงปีดีเลยนะ นี่ผมคิดว่าผมคงจะได้ยินบางอย่างที่ไม่ควรนะ…….ตอนนี้?

 

 ในขณะที่ผมกำลังหมกมุ่นอยู่กับมัน ผมก็ได้ถูกเลือกเพื่อชักชวนเข้าสู่คณะสภานักเรียน

 

“ยูริ นั้นก็คงจะได้เป็นประธานสภานักเรียนในปีหน้าอยู่ดี ซึ่งก็ดูจากหน้าตาแล้ว เธอนั้นก็น่าจะต้องมาพานายเข้าไปในสภานักเรียนอย่างแน่นอนเลยล่ะ” (ไคโดะ)

 

“มันก็เป็นไปได้” (ยูกิ)

 

พรืด พรืด

 

ก็อาจเป็นไปได้ว่ามันจะเป็นกรณีแบบนี้ พอลองพิจารณาดูว่าเธอนั้นก็เป็นประธานนักเรียนในโรงเรียนมัธยมต้น และกำตำแหน่งไว้ได้อย่างมั้นคงจนครบปีการศึกษาที่โรงเรียนมัธยมต้น ถึงแม้ว่าเธอนั้นจะมีชื่อเสียงในเรื่องความเย่อหยิ่งบ้างก็ตาม ผมเองก็อยากที่จะเห็นการประชันกันในเรื่องนี้นะ ว่าแต่มันมีคู่แข่งในชั้นปีสองด้วยหรือเปล่าหว่า?

 

ในชั้นปีสองนั้น คนเดียวที่ผมนั้นนึกออกก็มีแค่รุ่นพี่เทพธิดา แต่ว่าเธอก็เป็นคนโดดเดี๋ยว ผมเองก็ไม่คิดว่าเธอนั้นจะเป็นที่นิยมในหมู่ผู้คน และการอ้างตัวของเธอไว้ว่า มีเพื่อนมากมายก็ทำให้ผมถึงกับน้ำตาจะไหล

 

“มันเป็นเรื่องดีนะ ที่จะได้รับประสบการณ์ในแบบที่เรากำลังทำน่ะ นายเห็นด้วยไหม? นายน่ะ ไม่จำเป็นต้องตอบทันทีหรอก ขอแค่เก็บไปคิดเรื่องมันดีๆ ยูมิ เองก็น่าจะยินดีที่จะได้มีนายไปอยู่ที่นั่น แต่ยังไงก็ตาม ตำแหน่งทีว่านี้น่ะก็คือเลขาของฉัน” (ไคโดะ)

 

“ผมไม่อยากที่จะไปอยู่ในตำแหน่งนั้นหรอกนะ” (ยูกิ)

 

พรืด พรืด

 

อืมม……. ฉันกำลังมีปัญหาซะแล้วสิ เพราะนอกจากรุ่นพี่แล้ว ถ้าหากว่าปีหน้าผมได้รับคำสั่งให้ไปอยู่กับพี่สาวล่ะก็ ผมเองก็คงจะไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่ผมเองมันก็คนที่ไม่ใช่ประเภทที่จะอยากไปทำแบบนั้นหรอกนะ

 

พรืด พรืด

 

“ฟุฟุฟุ นี่ดูเหมือนว่านายจะชอบหน้าท้องของฉันนะนี่ ไปที่บ้านของฉันกันเถอะ นายจะได้สามารถสัมผัสฉันไปเรื่อยๆจนกว่านายจะพอใจเลยล่ะ แต่ฉันเองกังวลเกี่ยวกับกลิ่นเหงื่ออยู่นิดหน่อยด้วยนะ งั้นเราก็ต้องไปอาบน้ำกันก่อนเนอะ?” (ไคโดะ)

 

“นี่ผมควรจะต้องยินดีกับเรื่องนั้นไหมเนี่ย?!” (ยูกิ)

 

เธอนั้นก็ได้ดึงผมไปอย่างแรง แต่ผมนั้นก็สามารถต้านทานไว้ได้ ความแกร่งของเธอนั้นดูแข็งแรงราวกับว่าเธอนั้นทำการฝึกฝนมันเป็นอย่างดีประจำทุกวัน และความแข็งแกร่งของเรานั้นดูท่าจะเท่ากัน

 

 ทันใดนั้น เสียงของเคโดะก็มืดมนลงและสีหน้าถูกย้อมไปด้วยเงามืด

 

“นี่ทำไมนายถึงไม่ได้ต้องการอะไรจากฉันบ้าง? มันไม่มีอะไรที่ฉันจะสามารถตอบแทนคืนให้นายได้บ้างเลยเหรอ?” (ไคโดะ)

 

“นี่คุณยังใส่ใจเรื่องนั้น? ก็ผมบอกไปแล้วนี่ ว่าผมน่ะยกโทษให้คุณไปแล้ว” (ยูกิ)

 

“แต่ว่าสิ่งที่ฉันได้ทำมันลงไปไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถอภัยได้ด้วยเพียงแค่คำขอโทษนี่ และฉันคิดว่านายก็น่าจะเข้าใจในสิ่งนั้นดีกว่าใครๆนะ” (ไคโดะ)

 

คำพูดที่ออกมานั้นเต็มไปด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง แต่ว่าพวกมันก็เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ บางสิ่งนั้นสามารถให้อภัยได้ด้วยการขอโทษ แต่บางอย่างก็ไม่เพียงพอ ยังมีบางสิ่งในโลกนี้ที่ไม่สามารถถูกปฏิเสธให้หายไปได้

 

ถึงแม้ว่าจะใครบางคนจะไปลงมือฆ่าใครซักคนและได้รับการให้อภัย แต่คนนั้นก็จะไม่มีวันฟื้นกลับมา แล้วการกลั่นแกล้งที่ผู้ถูกกระทำได้รับการขอโทษจากจากผู้กระทำผิด จะได้รับการให้อภัยแล้วหรือไม่? ไม่ ผมไม่คิดอย่างนั้น

 

บาดแผลในใจมันจะไม่มีวันจางหาย ไม่ว่าคำพูดที่ว่างเปล่าแบบนั้นจะมาซ้อนทับกับการกระทำสักเท่าไร คำขอโทษไม่ว่าจะจริงใจแค่ไหนหรือมันจะแค่เพียงผิวเผินเพียงใด มันก็ไม่ได้สร้างความแตกต่าง นั่นเลยคือเหตุผลที่อาชญากรรมที่ได้ข้ามเส้นไปแล้วบางประเภท ถึงถูกเปลี่ยนเป็นการจำคุกหรือค่าชดเชยค่าเสียหาย

 

ผมคิดว่าพวกคุณเองคงจะสามารถเรียกมันได้ว่ามันเหมือนเป็นการครอบงำ แล้วความความหมกมุ่นนี้ที่รุ่นพี่นั้นแสดงให้ผมได้เห็นมันก็ดูคล้ายกัน

 

“ฉันน่ะ แค่ต้องการจะรู้ในเรื่องเดียว นายน่ะยังยินดีที่จะเข้าไปช่วยยูมิ อยู่อีกหรือเปล่า?” (ไคโดะ)

 

“รุ่นพี่มิกุโมะ ก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับผมแล้วนี่ แต่ว่าถ้าเป็นคนอื่นกำลังเผชิญปัญหาเดียวกัน ผมจะปล่อยพวกเขาไป” (ยูกิ)

 

“…… ตัวฉันคงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะแย้งนายได้ในเรื่องนั้น” (ไคโดะ)

 

“มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณเลย รุ่นพี่” (ยูกิ)

 

“แต่ฉันไม่เข้าใจ! นี่ฉันควรจะทำอย่างไร? นายต้องการให้ฉันทำอะไรบ้างล่ะ?” (ไคโดะ)

 

 ผมนั้นคิดว่ารุ่นพี่เคโดะ กำลังเข้าใจผมผิดอยู่ และผมก็รู้สึกว่าเธอนั้นประเมินรุ่นพี่ มิกุโมะ ต่ำไป

 

“รุ่นพี่ ผมน่ะเคยเกือบจะถูกพรากออกไปจากครอบครัวแล้วนะ ผมเองก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าทำไม มันเกิดขึ้นมาอย่างกระทันหันจริงๆ ตอนนั้นผมน่ะคิดว่า โลกนี้มันช่างไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย มันเต็มไปด้วยศัตรู และมีแต่สิ่งไร้สาระอยู่เสมอ ดังนั้นคนเพียงเดียวที่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ได้ มันก็มีแค่ตัวของตัวเองนะ” (ยูกิ)

 

“เดี๋ยวนะ! นี่นายถูกพาตัวไป? เมื่อไหร่กัน?” (ไคโดะ)

 

“มันก็นานมากแล้วน่ะ มันนานจนอธิบายได้ไม่ถูก แต่บางทีมันคงอาจจะดีกว่าถ้าหากมันเป็นไปเลยแบบนั้นเข้าจริงๆน่ะ” (ยูกิ)

 

 แล้วผมก็หัวเราะ ตอนนี้ผมไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าที่จริงแล้วอะไรคือคำตอบที่ถูกต้องที่ควรบอก

 

มันก็เป็นเช่นเดียวกันกับเรื่องอุบัติเหตุและการเจ็บป่วย มันก็เป็นเหมือนกันกับการที่มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสิ่งแวดล้อม เรามักเผชิญกับความไร้เหตุผลเช่นนี้อยู่เสมอ แต่ก็สงสัยนะว่าทำไมตัวผมถึงตกเป็นเป้าหมายได้

 

มันคงอาจจะมีใครสักคนที่จะเข้ามาช่วยผมเอาไว้ได้ แต่ว่าถ้าหากว่าผมนั้นไม่ยอมทำอะไรไปก่อน แล้วเพียงแค่ไปหลงเชื่อในภาพลวงตาเหล่านั้น มันก็คงจะไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนสถาณะการณ์แบบนั้นได้ มันก็เลยมีเพียงตัวของตัวเองเท่านั้นที่จะต้องกล้า ที่จะต้องทำไปแบบนั้น

 

“รุ่นพี่มิกุโมะ มักจะขอความช่วยเหลือจากคุณใช่ไหม? ตั้งแต่นี้ไปเธอนั้นจะต้องก้าวออกไปอีกขั้นโดยขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างในตอนที่เกิดเรื่องแบบนั้น คุณน่ะไม่ควรที่จะคาดหวังให้ใครสักคนที่เป็นดูเป็นนามธรรมมาช่วยคุณในเมื่อตัวคุณเองนั้นก็ไม่ยอมทำอะไรเลย และนั่นล่ะก็คือความเห็นของผม” (ยูกิ)

 

 แล้วผมก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกหดหู่ ดังนั้นผมจึงพูดออกไปอย่างร่าเริงเพื่อที่จะเปลี่ยนบรรยากาศ

 

“อืม ผมคงต้องกลับบ้านแล้วล่ะ ช่วยระวังแดดด้วยนะรุ่นพี่! แล้วขอให้ผมได้สัมผัสหน้าท้องของคุณอีกในครั้งหน้าก็แล้วกัน แล้วพบกันใหม่ครับ” (ยูกิ)

 

“ด-ได้ ยินดีให้สัมผัสได้เสมอ” (ไคโดะ)

 

 

ในขณะที่แผ่นหลังของเขานั้นกำลังห่างออกมากขึ้นเรื่อยๆ ความทรงจำของเธอก็ได้ค่อยๆไหลย้อนกลับไป แล้วทันใดนั้นร่างกายของเธอก็เริ่มสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวราวกับว่าตัวเขานั้นกำลังจะหายตัวไปต่อหน้าต่อตาของเธออีกครั้ง

 

“มันเป็นเรื่องโกหก…… เด็กผู้ชายในครั้งนั้น…… ฉัน… เป็นฉัน …… อีกครั้ง……” (ไคโดะ)

 

 แล้วแววตาของเธอได้ดับแสงมืดลงไป ในขณะเดียวกันกับที่เธอนั้นรู้สึกเหมือนราวกับว่า พื้นดินนั้นกำลังแตกและพังทลายลง

 

เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ

เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะผมไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงอยากจะมาบอกกับผมในเรื่องนี้ บางทีเธอคงจะคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของเพื่อนสมัยเด็กละนะ แล้วผมก็อ่านความคิดของอื่นไม่ได้ซะด้วยสิ ในทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้นของเธอมันก็ได้ทำร้ายผมไปมากกว่าสิ่งที่เคยผ่านมาทั้งหมดเสียอีก ผมจำไม่ได้นะว่าพวกเราเคยไปสัญญาว่าจะแต่งงานอะไรกันไว้รึเปล่า ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นให้เห็นได้บ่อยๆกับหลายๆคนที่เป็นเพื่อนสมัยเด็ก แต่ยังไงเธอนั้นก็พิเศษสำหรับผม เธอคงมีเหตุผลนั่นแหล่ะ แล้วผมก็ถูกผลักให้ตกอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของผมเลย

Comment

Options

not work with dark mode
Reset