เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย – ตอนที่ 4 เด็กหนุ่มผู้อ่อนแอที่สุดในปฐพี (3)

และแล้ว หนึ่งสัปดาห์ให้หลัง

บัสเคิลเบียร์ซึ่งเข้าสู่ช่วงงานเทศกาลเก็บเกี่ยวที่หนึ่งปีจะมีครั้งนั้นดูครึกครื้นสุดๆไปเลยทีเดียว

แต่เดิมงานเทศกาลเก็บเกี่ยวของบัสเคิลเบียร์ที่มีประชากรอาศัยอยู่เยอะมันก็ดูครึกครื้นอยู่ตลอดทุกปีนั่นแหละ แต่ปีนี้มีจำนวนคนที่มาเข้าร่วมงานเยอะแยะกว่าปีอื่นๆหลายเท่าตัวเลย

มนุษย์ เอลฟ์ ดวาร์ฟ ดราโกนิวท์ แล้วก็มนุษย์อสูรอีกมาก….เผ่าพันธุ์มากมายหลากหลายต่างก็มาสุมหัวรวมตัวกันอยู่ที่ถนนใหญ่เนืองแน่นไปหมด รูปทรงคล้ายมนุษย์จัดจนแยกไม่ออกก็จริง แต่น่าจะมีพวกคนที่เป็นฮาล์ฟฟุ๊ตหรือแวมไพร์ปะปนอยู่เยอะเลยเหมือนกันนั่นแหละ  

ผู้คนในเมืองเริ่มจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นมาเรื่อยๆตั้งแต่เมื่อราว 2 สัปดาห์ก่อน ตอนนี้เลยมองเห็นคนที่ดูน่าจะมียศธาบรรดาศักดิ์สูงส่ง กับคนที่น่าจะเป็นนักผจญภัยมือฉมังอยู่ตามเมืองได้บ่อยกว่าตอนปกติ ยิ่งทำให้เห็นถึงความผิดปกติของงานเทศกาลครั้งนี้เด่นชัดมากเข้าไปใหญ่

จำนวนผู้คนทีมากมายเหลือล้นไปหมด กับบรรยากาศคึกคักตื่นตัวที่ยิ่งกว่างานเทศกาลธรรมดาๆนี่แหละ ที่เป็นตัวทำให้ “เรื่องนั้น” ที่ถูกเล่าลือกันอยู่ภายในเมืองมาซักพักแล้วยิ่งฟังดูเข้าเค้ามากขึ้นเรื่อยๆ

เรื่องที่ว่า คนคนนั้น ที่ถูกเรียกขานว่าเป็นผู้สืบสายเลือดของผู้กล้าได้เข้ามาลงทะเบียนเข้าศึกษาในโรงเรียนนักผจญภัยอัลเมเรียในเช้าวันนี้……โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อตามหาคนที่เหมาะสมคู่ควรจะมาเป็นคู่ชีวิตให้กับตนเองนั่นน่ะ

 

(จนถึงตอนนี้ก็ยังทำใจให้เชื่อไม่ลงเลย ว่าคนที่ช่วยหมู่บ้านของผมเอาไว้คนนั้น เค้าจะเดินทางมาถึงเมืองนี้แล้วจริงๆ……)

 

แต่เค้ามาจริงๆด้วยสินะเนี่ย

ความตื่นตัวของเทศกาลเอย ความคาดหวังที่ในที่สุดก็จะได้รับ <<คลาส>> ซะทีเอย

ปัจจัยหลายๆอย่างมันประสานสอดคล้องกัน ทำให้เท้าของผมที่เดินแล่นไปตามถนนเส้นทางสลับซับซ้อนรู้สึกเบาหวิวขึ้นมาซะอย่างนั้น

 

 

ก็ตามนั้นแหละ หลังจากเกาะกลุ่มกันเดินผ่านเมืองอันครึกครื้นเฮฮามาได้ซักระยะ พวกผมกลุ่มเด็กจากสถานกำพร้าก็มาถึงสถานที่จัดพิธีประทาน <<คลาส>> ในที่สุด

สถานที่ดังกล่าวนั่นก็คือลานประลองทรงกลมขนาดใหญ่ยักษ์ที่มีเพียงหยิบมือเดียวในบัสเคิลเบียร์

ระหว่างที่เหล่าเด็กในเมืองซึ่งจะมีอายุครบ 14 ในปีนี้กับพวกผมกลุ่มเด็กจากสถานกำพร้ากำลังตั้งแถวยืนเรียงกันอยู่เหนือลานเวทีที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้แล้วอย่างพร้อมเพรียง ทางที่นั่งคนดูซึ่งจะมองต่ำลงมาสังเกตสภาพของพวกเรานั้นก็มีคนแน่นเอี๊ยดจัดซะถึงระดับที่มีบางคนต้องยืนดูเขย่งดูกันเลยทีเดียว ไม่รู้หรอกนะว่าจำนวนแน่ๆน่ะมันเท่าไหร่ แต่น่าจะถึงหลักหลายหมื่นคนได้เลยมั้งนั้นมาดูกัน

พิธีประทาน <<คลาส>> นี่จะมีผู้มาเยี่ยมชมเยอะทุกปีอยู่แล้ว

มาเพื่อชักชวนว่าที่นักผจญภัยที่ดูเก่งมีความสามารถตั้งแต่เนิ่นๆบ้าง มาเพื่อจองตัวว่าที่ช่างฝีมือที่น่าจะมีแววเป็นเลิศบ้าง….มีพวกผู้คนในเมืองกับเหล่านักผจญภัยมาสุมกันวิเคราะห์ราคาของพวกเราเต็มไปหมด

แต่ตามปกติแล้วผู้มาเยี่ยมชมก็ไม่ได้เยอะเนืองแน่นซะขนาดนี้นะ เยอะสุดก็น่าจะซักราวพันกว่าคนเท่านั้น ไอ้สภาพแบบคนล้นลานประลองทรงกลมแบบนี้น่ะตามเดิมแล้วไม่มีทางเป็นไปได้เลย

หนำซ้ำ พิธีประทานของปีก่อนๆนั้นยังจัดขึ้นโดยใช้ลานกว้างหน้าโบสถ์เป็นสถานที่จัดงานอีกต่างหาก ตั้งแต่ผมมาอาศัยอยู่ในเมืองนี้ ก็เพิ่งจะเคยเห็นเค้าจัดพิธีประทานขึ้นในสถานที่ขนาดใหญ่แบบนี้เป็นครั้งแรกนี่แหละ แถมยังมีคนระดับขุนนางปะปนอยู่ในกลุ่มคนดูด้วยอีกนี่ ตามปกติแล้วไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน

ไอ้ความตื่นตัวที่ยังอยู่จนถึงเมื่อตะกี้นี้มันหายไปไหนหมดแล้วนะ

แววตาอันมากล้นนับไม่ถ้วนถูกยิงส่งตรงลงมาจากเหนือหัวเบื้องบน ทำเอาผมหวั่นใจจนตัวจะหดหมดแล้ว

 

“ ว่าไปแล้ว พวกเรานี่เป็นแค่ตัวแถมโดยสมบูรณ์เลยเนอะ ก็พิธีประทานในวันนี้จะมีตัวเอกคือ……. ”

 

เป็นในฉับพลันที่เด็กคนหนึ่งจากสถานกำพร้า—ซึ่งยืนอยู่ข้างๆผมที่กำลังช็อกกับจำนวนคนดูอยู่—พึมพำออกมาเช่นนั้นเอง

 

[ขอความกรุณาทุกท่านโปรดเงียบด้วยค่ะ]

 

ที่เสียงอันถูกขยายยกระดับความดังขึ้นมาด้วยสกิลของผู้ใช้เวทด้านเสียง พลันดังก้องสะท้านไปทั่วทั้งลานประลองทรงกลม

 

[จะขอเปิดพิธีประทาน <<คลาส>> ประจำเทศกาลเก็บเกี่ยวตั้งแต่บัดนี้ แต่ก่อนหน้าจะเริ่มต้นพิธี ขอเรียนเชิญท่านผู้อำนวยการโรงเรียนนักผจญภัยอัลเมเรีย ท่านซาริเอร่า คุ๊กโจว์ ขึ้นสู่ยอดเสาค่ะ]

 

สิ้นคำของผู้ใช้เวทด้านเสียงที่เป็นพิธีกร สตรีนางหนึ่งก็พลันก้าวขึ้นไปบนแท่นสูงที่ถูกสร้างขึ้นโดยการนำหินมาผ่าตัดแยกออกมา

เป็นผู้หญิงเผ่าฮิวแมนที่สวมผ้าคลุมหุ้มร่างเอาไว้ ความสาวและรูปโฉมงดงามของเธอนั้นมากล้นระดับที่ดูไม่ออกเลยว่าอายุปาเข้าไป 30 กว่าๆแล้ว  

เธอคนนี้นี่แหละคือผู้รับผิดชอบสูงสุดของโรงเรียนนักผจญภัยอัลเมเรีย ผู้อำนวยการซาริเอร่า คุ๊กโจว์

คุณผู้อำนวยการเค้าคือหนึ่งในนักผจญภัยระดับ A ที่แม้แต่ภายในอาณาจักรอัลเมเรียซึ่งขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นประเทศระดับท๊อปของทวีปก็ยังมีเพียงไม่กี่สิบคน นอกจากนี้ยังเป็นคล้ายๆเจ้าเมืองคอยบริหารพื้นที่ในละแวกนี้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นคนใหญ่คนโตโคตรๆเลยแหละนะ

พอผู้อำนวยการซาริเอร่าขึ้นไปยืนอยู่เหนือแท่นสูงด้วยสีหน้าท่าทางไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใดแล้ว เธอก็อ้าปากขึ้นพูดโดยอาศัยสกิลของผู้ใช้เวทด้านเสียงซึ่งประจำการอยู่เคียงข้าง

 

[ฉันคือผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการของโรงเรียนนักผจญภัยอัลเมเรีย ซาริเอร่า คุ๊กโจว์—ปีนี้ก็ยังคงรู้สึกปลื้มปริ่มยินดีเป็นอย่างยิ่งเลยที่เลี้ยงดูฝึกฝนเหล่าคนหนุ่มคนสาวที่กำลังจะได้รับพรจากสวรรค์มาได้ถึงขั้นนี้….<<คลาส>> ที่พวกเธอจะได้รับหลังจากนี้นั้นอาจจะเป็นไปตามที่พวกเธอคาดหวังวาดฝันเอาไว้ก็เป็นได้ อาจจะไม่ใช่ก็เป็นได้ แต่จะขอกล่าวเอาไว้ว่า <<คลาส>> นั้นคือเครื่องนำทางจากสวรรค์ ที่มีอยู่เพื่อเช็คความถนัดและคุณสมบัติของตัวพวกเราเอง เป็นตัวช่วยชี้แจงไม่ให้พวกเราทุ่มเทความพยายามไปในด้านที่ผิด ฉะนั้นต่อให้ได้รับ <<คลาส>> แบบใดไป มันก็จะต้องเป็นตัวช่วยที่ทำให้ชีวิตของพวกเธอมีสีสันและสมบูรณ์ได้มากขึ้นอย่างแน่นอนเลย]

 

ผู้อำนวยการกล่าวขึ้นด้วยวาจาน้ำเสียงที่ไร้ซึ่งความหวั่นเกรงต่อสิ่งใด

ถ้าเป็นตามปกติ ผู้อำนวยการซาริเอร่าเค้าจะมีพูดยืดยาวไปเรื่อยต่อจากนี้อีกซักพักนึง…..แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้จะต่างออกไปแฮะ

 

[……..เอาล่ะ ตามปกติแล้วต่อจากนี้ ฉันคงจะต้องมีพูดจานอกเรื่องให้ยืดยาวไปอีกซักพักนึงก็จริงอยู่ แต่ปีนี้เห็นทีคงจะมามัวพูดเอาสนุกอยู่แบบนั้นไม่ได้]

 

หลังกล่าวเช่นนั้น ผู้อำนวยการซาริเอร่าก็หันหน้ามองไปรอบที่นั่งคนดูซึ่งเต็มเอี๊ยด

 

[พวกเธอเองก็คงไม่ได้ถ่อมาเพื่อฟังคำพูดเกริ่นเปิดงานที่ซ้ำๆซากๆ เหมือนเดิมทุกปีของฉันหรอกใช่ไหมล่ะ ฉะนั้นจะขอส่งต่อหน้าที่พูดเปิดงานให้กับคนผู้นี้แทนก็แล้วกัน——-ให้กับผู้สืบสายเลือดของผู้กล้า คุณเอลิเซีย ราฟาแกลิออน คนนี้น่ะ]

“ ……..ฮึก ”

 

พริบตานั้น หยั่งกับว่าผมหลอนเห็นเหมือนเวลารอบตัวมันหยุดนิ่งกับที่เลยงั้นแหละ

ตุบ ตุบ

ผู้ที่ปรากฎตัวออกมาจากทางเดินของลานประลอง พร้อมก้าวขึ้นไปยังแท่นสูงด้วยท่วงท่าการเดินที่สุขุมนั่น ก็คือนักดาบที่ปล่อยผมสีเงินบริสุทธิ์แสนงดงามปลิวไสว—-คนคนนั้นที่สวมชุดเกราะบางๆห่อหุ้มรอบแขนขากับสะเอวเอาไว้ พลันเข้ามาสลับตำแหน่งกับผู้อำนวยซาริเอร่า ยืนหยัดอยู่เคียงข้างผู้ใช้เวทด้านเสียงอย่างไม่ยำเกรงต่อสิ่งใด

คิดว่าผมคงต้อง….จ้องมองขึ้นไปยังรูปโฉมอันเยือกเย็นของคนคนนั้น….ด้วยหน้าตาที่เซ่อซ่าสุดๆไปเลยเป็นแน่

แต่มันช่วยไม่ได้นี่นา

ก็ เด็กผู้หญิง ที่ผมเฝ้าหลงใหลศรัทธาที่สุดมาตลอดเวลา 4 ปีนี้ เค้าเติบโตขึ้นมาจนงดงามมากยิ่งกว่าแต่ก่อนซะอีก แล้วก็กำลังยืนอยู่ตรงหน้าไม่ห่างออกไปมากมายอะไรเลยนี่นา

 

[ตามที่ท่านผู้อำนวยการได้กล่าวแนะนำไป ดิฉันคือ เอลิเซีย ราฟาแกลิออนค่ะ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้มากล่าวคำพูดเล็กๆน้อยๆ ณ ที่แห่งนี้]

 

พริบตาที่คุณเอลิเซียกล่าวแนะนำตัวด้วยเสียงอันไพเราะราวกับกระดิ่ง ลานประลองที่เงียบฉี่มาตลอดจนถึงตอนนี้ก็พลันส่งเสียงโหวกเหวกตกอกตกใจกันขึ้นมา และต้นเหตุหลักๆเลยก็คงอยู่ที่—-เพศสภาพของคุณเอลิเซียนั่นแหละ

 

“ แม่สาวงามหยาดเหยิ้มคนนั้นมันอะไรกันน่ะ….!? ผู้สืบสายเลือดของผู้กล้าเป็นหญิงหรอกเรอะ!? ”

“ อ้าว นี่นายไม่รู้หรอกเรอะ? ”

“ ก็แบบจะว่าไงดีอะ แนวคิดโบราณมันฝังหัวอะไรงี้มั้ง แบบ พูดถึงผู้กล้าแล้วเราก็นึกภาพเป็นผู้ชายกันใช่มั้ยล่ะ มันก็อารมณ์ทำนองนั้นแหละ….. ”

 

ดูเหมือนจะมีคนที่ไม่รู้ว่าผู้สืบสายเลือดของผู้กล้านั้นคือผู้หญิงอยู่เยอะพอสมควร จำนวนคนที่ตกใจก็เลยมากพอดู มีตั้งแต่ในหมู่เด็กจากสถานกำพร้าไปยันเหล่านักผจญภัยที่อยู่บนที่นั่งคนดูเลย

ระหว่างที่คุณเอลิเซียพูดดำเนินงานต่อไป ก็เริ่มจะมีเสียงว่า “ เด็กหน้าตาน่ารักแบบนั้นเป็นผู้สืบสายเลือดของผู้กล้าจริงๆน่ะเหรอ? ” ดังขึ้นมาจากภายในหมู่ฝูงชน

และในฉับพลันนั้นแหละ

 

“ อ๊าาาา!? นังหนูตัวกระจ้อยร่อยอย่างแกเป็นลูกหลานของผู้กล้าจริงเหรอวะ!? ”

 

จู่ๆก็มีชายร่างยักษ์คนนึงกระโดดลงมาจากที่นั่งคนดู ชายคนนั้นชักเอาดาบเล่มใหญ่ออกมาเตรียมไว้ ก่อนจะกระโจนขึ้นไปยังแท่นสูง

เจอกับการบุกเข้ามาขัดจังหวะของชายเถื่อนที่สะบัดดาบยักษ์อย่างบ้าคลั่งราวกับจะข่มขู่คู่ต่อสู้แบบนี้แล้ว บรรยากาศตึงเครียดชวนอึดอัดก็พลันห่อหุ้มปกคลุมไปทั่วทั้งสถานที่จัดงาน แต่ก็เพียงแค่ชั่วขณะนึงเท่านั้นแหละ

สาเหตุนั้นเป็นเพราะเสียงต่ำทุ้มของชายเถื่อนมันฟังดูเหมือนคนอ่านสคริปต์เสียงทื่อๆ หนำซ้ำชายเถื่อนคนนั้นยังไม่ใช่ใครที่ไหนอื่นไกล—-เขาคือนักดาบชั้นสูงที่เป็นอาจารย์สอนวิชาให้กับพวกผมเนี่ยแหละ

สรุปแล้วก็คือ นี่คงเป็นโชว์แสดงความสามารถให้เหล่าผู้คนที่ดูถูกคุณเอลิเซียจากรูปลักษณ์ภายนอกและเพศสภาพได้เห็นกันนั่นเอง

และเหมือนกับเป็นตัวยืนยันว่าสิ่งที่ผมคิดนั้นถูกต้อง อาจารย์นักดาบชั้นสูงเขาฟาดดาบเล่มใหญ่ลงมากระแทกเปรี้ยงทำลายแท่นสูงด้วยเสียงอันดังสนั่น แสดงความแข็งแกร่งของตนและพิสูจน์ให้เห็นชัดๆเต็มตาว่าดาบเล่มใหญ่นี่คือของจริงเสร็จสรรพ ก่อนจะค่อยก้าวเข้าไปใกล้คุณเอลิเซีย

จากนั้นจึงฟาดดาบเล่มใหญ่นั่นอัดเข้าใส่คุณเอลิเซียด้วยเรี่ยวแรงกับความเร็วมหาศาล——ทว่า

 

“ เอ๊ะ!? ”

“ เฮ้ย เดี๋ยว นั่น—–!? ”

 

เสียงอันตกตะลึงหลุดออกมาจากปากของผม ส่วนทางฝั่งที่นั่งคนดูก็มีเสียงกรีดร้องดังก้องขึ้นมา

สาเหตุนั่นก็เพราะคุณเอลิเซียไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะหลบหรือตั้งท่ารับดาบเล่มใหญ่เลยซักนิด ไม่แม้แต่แสดงท่าทีเหมือนจะชักดาบออกมาเลยด้วยซ้ำ เอาแต่ยืนเหม่ออยู่กับที่อย่างเดียวเลย

และพริบตาให้หลัง ดาบเล่มใหญ่ที่ไม่ว่าใครก็หยุดไม่ทัน มันก็พลันถูกเหวี่ยงจนลอยอัดเข้ากลางใบหน้าอันงดงามของคุณเอลิเซีย

แต่ผลลัพธ์กลับผิดไปจากที่ทุกคนในสถานที่แห่งนี้คาดการณ์เอาไว้——-สิ่งที่ถูกทำลายนั้นหาได้เป็นใบหน้าของคุณเอลิเซียไม่

 

“ “ “ ห้ะ!? ” ” ”

 

ในจังหวะที่สัมผัสกับหน้าของคุณเอลิเซีย ดาบเล่มมหึมาก็พลันแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ—-ไม่สิ ดูจากร่องรอยของเศษๆที่คมกริบแล้ว ดาบถูกสะบั้นจนแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยต่างหาก ถูกฟาดฟันจนลดลงมาเป็นเศษๆทรงสี่เหลี่ยมที่ขนาดใหญ่พอๆกับนิ้วก้อย

ฉับพลันให้หลัง ก็เกิดเป็นเสียงโลหะกระทบกันดัง ชิ้งชิ้งชิ้งชิ้งชิ้งชิ้งชิ้ง! ขึ้นนับไม่ถ้วน พร้อมกับเสียงดาบถูกกระแทกกลับเข้าไปในฝักดังแช๊ะ! —-นั่นแหละคือ วังวนแห่งเสียงที่ดังก้องไม่ยอมหยุดโดยมีคุณเอลิเซียอยู่ตรงศูนย์กลาง

เมื่อสิ้นเสียงเหล่านั้นแล้ว ทั่วทั้งลานประลองก็ถึงกับเงียบกริบไปราวกับว่าเวลาถูกหยุดเลยยังไงยังงั้น

แต่สองสามวินาทีให้หลัง ผู้คนที่เข้าใจในที่สุดว่าเกิดอะไรขึ้น—–เข้าใจในที่สุดว่าคุณเอลิเซียสะบั้นฟาดฟันดาบเล่มมหึมาจนแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยความเร็วระดับที่ตามองตามไม่ทัน ก็พากันโห่ร้องออกมาดังสนั่นราวกับว่าเกิดการระเบิด

 

“ โคตรเจ๋งอะ! นั่นน่ะเรอะลูกหลานของวีรบุรุษที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์….เด็กที่ไต่ขึ้นไปถึงอาชีพระดับสูงสุดของคลาสสาย <<นักดาบ>> ได้ทั้งๆที่ยังมีอายุแค่ 16 ปี….! ”

“ อาชีพระดับสูงสุด!? เฮ้ยนี่หรือว่าเด็กคนนั้น อายุแค่ 16 ปีเองแท้ๆ แต่เป็นนักผจญภัยระดับ A เหมือนกับซาริเอร่า คุ๊กโจว์เลยงั้นเหรอ!? ”

“ อาชีพสูงสุดเลยเหรอวะ เขาพูดกันว่าขนาดไอ้พวกที่มีพรสวรรค์ยังต้องใช้เวลาฝึกฝนหลายสิบปีหลังจากที่ได้รับ <<คลาส>> กว่าจะไปถึงระดับนั้นได้ไม่ใช่เรอะ! ”

“ คือแบบนี้…..เค้าลือกันว่าหนูผู้กล้าของยุคนี้เค้าได้รับ <<คลาส>> ตอนที่ยังมีอายุแค่ 5 ขวบแน่ะ…. ”

“ ได้ตั้งกะตอนเด็กแบบนั้นเลยเรอะเกินขีดที่จะเรียกว่าได้รับก่อนเวลาไปไกลโขเลยนะเว้ยนั่นน่ะ!? แถมยังไต่ขึ้นมาถึงอาชีพระดับสูงสุดได้ภายในสิบปีนิดๆอีกตะหาก เชื่อไม่ลงจริงๆว่าเป็นมนุษย์เหมือนกับพวกเรา…….แต่ถ้าเล่นแสดงวีรกรรมขั้นเทพให้เห็นจะๆกะตาแบบนั้นแล้วก็สงสัยไม่ลงอีก…… ”

 

เสียงตกตะลึง สรรเสริญ หวาดหวั่น….ระหว่างที่คุณเอลิเซียซึ่งสะบั้นดาบเล่มมหึมาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกล่าวคำพูดเปิดงานต่อไปโดยไม่สนใจปฎิกิริยาของฝูงชน ความตื่นเต้นร้อนแรงของเหล่าปวงประชาก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ

 

“ อย่างโหดอะ……ถ้าสร้างผลงานจนมีชื่อเสียงในเมืองนี้ได้ จะได้เป็นสามีของเด็กที่ทั้งเก่งทั้งน่ารักคนนั้นสินะ!? ”

“ ชักมีกะใจขึ้นมาแล้วโว้ย! ”

“ ……..เฮอะ ไอ้พวกผู้ชายงี่เง่าเอ้ย คนจะมาเป็นสามีผู้กล้าได้นี่ ถ้าไม่ใช่พวกขุนนางหรือลูกหลานวีรบุรุษที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ล้ำเลิศอยู่บ่อยๆ ก็คงจะต้องคัดเลือกเอาจากนักผจญภัยที่แข็งแกร่งเป็นบ้าเป็นหลังหยั่งกะสัตว์ประหลาดเอาเท่านั้นแหละว่ะ อย่างงั้นแหละถึงจะเรียกกันว่าประเพณี ”

 

จิเซลถ่มคำพูดออกมาอย่างเพลียๆ ใส่กลุ่มเด็กกำพร้าที่เหลิงมโนไปไกล กับนักผจญภัยเพศชายที่มาดูงาน

———ท่ามกลางสนามประลองที่เปี่ยมล้นไปด้วยเสียงอึกทึกนับไม่ถ้วนเช่นนั้น

 

(สุดยอด…..คุณเอลิเซียสุดยอดอย่างที่ผมคิดเอาไว้เลยจริงๆด้วย….!)

 

ไม่ได้ยินเสียงเซ็งแซ่จากบริเวณโดยรอบเลยซักนิดเดียว

คำพูดกล่าวเปิดงานของคุณเอลิเซียฟังดูแปร่งๆเหมือนมีคนยัดโพยให้แล้วต้องฝืนใจพูดไปตามบทยังไงชอบกล แต่ผมในตอนนั้นไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจใดๆเลยแม้แต่น้อยนิด

ผมเอาแต่จ้องมองขึ้นไปยังเธอคนนั้นที่ส่องประกายเจิดจ้าราวกับดาบอันแสนเลอค่าหนึ่งเล่ม เหม่อลอยมองตาค้างอยู่หยั่งกับคนบ้าแน่ะ

มองสาวน้อยที่ผมเคารพและชื่นชมจากใจ สาวน้อยที่อยู่ห่างออกไปไกลแสนไกลราวกับดวงดาวที่ส่องประกายอยู่เหนือท้องฟ้าคนนั้น

อีกไม่นานตัวผมเองก็จะได้รับ <<คลาส>> และเป็นอย่างเธอคนนั้นได้แล้ว——ความรู้สึกตื่นเต้นอดรนทนอยู่ไม่ไหวมันพองตัวเต็มไปหมดอยู่ในใจ

 

 

พอคุณเอลิเซียพูดเปิดงานจบ และกลับเข้าไปในห้องข้างในของลานประลองแล้ว พิธีประทาน <<คลาส>> ก็เริ่มต้นขึ้นในทันที

ถึงจะเรียกว่าพิธี แต่ก็ไม่ใช่งานทางการที่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมายหรอก ภาพภายในงานก็คล้ายๆผลัดกันต่อแถวรอให้ถึงคิวตัวเองนี่แหละ

ก็ต้องมอบ <<คลาส>> ให้กับเด็กในเมืองที่มีอายุครบ 14 ในปีนี้หมดทุกคนเลยนี่นา ถ้ามามัวโอ้เอ้อยู่ก็ไม่เป็นอันจบกันพอดี

ทำการตั้งแถวหน้ากระดานสิบกว่าแถวอยู่เบื้องหน้าแท่นที่พวกคุณนักบวชนำมาตั้งเอาไว้ให้ โดยคนที่อยู่หัวแถวจะได้รับการตรวจว่าเหมาะสมกับคลาสแบบใดบ้างพร้อมๆกันเลย

ตามปกติแล้วทุกคนที่ได้รับการตรวจ จะมีคลาสต่อสู้ หรือคลาสการผลิตปรากฎขึ้นมาอยู่บนสเตตัสเพลทซัก 2-3 คลาสได้ ขั้นตอนของพิธีก็คือเราต้องทำการเลือกคลาสที่ต้องการจากภายใน 2-3 อย่างที่มีขึ้นมานั่น แล้วจากนั้นก็ทำการรับ <<คลาส>> ดังกล่าวอย่างเป็นทางการแน่ะ

เพราะแบบนี้เอง ข้างๆของแท่นที่ใช้ในการตรวจสอบวัดความถนัดจึงมีพื้นที่สำหรับใช้ปรึกษาถูกสร้างติดเอาไว้อยู่ด้วย พวกเด็กๆในเมืองจะสามารถปรึกษาพ่อแม่ได้ ส่วนกลุ่มเด็กจากสถานกำพร้าก็จะสามารถปรึกษาขอคำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกคลาสจากเหล่านักผจญภัยรุ่นพี่ ไม่ก็พนักงานของทางกิลด์ได้

ในกรณีหายากที่แท่นตรวจจับคลาสที่เหมาะสมได้เพียงแค่คลาสเดียวเท่านั้น เห็นว่าผู้เข้าตรวจจะได้รับ <<คลาส>> โดยอัตโนมัติในทันทีที่ผลตรวจสอบความถนัดออกมาเลย แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเจอเคสแบบนั้นกันซักคน คิวก็ค่อยๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆอย่างไม่มีอะไรล่าช้า

ตอนนี้เด็กๆกว่าครึ่งก็เข้ารับการตรวจวัดหาคลาสที่เหมาะสมกันไปเรียบร้อยแล้ว เริ่มจะมีเสียงสารพัดรูปแบบดังขึ้นมาจากทั่วบริเวณ

 

“ มาว้อยย! ได้ <<คลาส>> สายอัศวินแหละ! ”

“ เห้ย ได้สกิล <<หมอยา (ฝึกหัด)>> มาตั้ง 2 สกิลแน่ะ!? อื~ม อยากจะเป็นนักผจญภัยอยู่หรอกนะ แต่ถ้าเลือก <<หมอยา>> อาจจะตั้งตัวได้ดีแล้วก็ปลอดภัยกว่าก็ได้แฮะ…… ”

“ โหย นี่เอ็ง ได้ผู้ใช้เวทสองชั้นที่ใช้ได้ทั้งเวทธาตุไฟกับเวทธาตุน้ำเลยนี่หว่า น่าอิจฉาเป็นบ้า ”

“ อื~ม แต่เค้าว่าถ้าเลือกผู้ใช้เวทที่ถนัดชี้เฉพาะไปยังธาตุใดทางนึงอย่างเดียวเลยแบบนั้นมันจะเติบโตได้เร็วกว่าอะนะ เอาไงดีหว่า….. ”

 

ฯลฯ เสียงร้องทั้งยินดีทั้งโศกเศร้าดังก้องขึ้นไม่หยุดหย่อน

 

(อุก…ชักจะเกร็งขึ้นมาซะแล้ว……)

 

ต่างกับตะกี้ที่ในหัวมีแต่คุณเอลิเซียเพียงอย่างเดียว ตอนนี้ผมได้ยินเสียงต่างๆนาๆจากรอบตัวแล้ว แล้วก็ต้องจ้องมองดูคิวของตัวเองค่อยๆเข้ามาใกล้ขึ้นๆท่ามกลางสภาพแวดล้อมแบบเนี้ย หัวใจนี่คือเต้นตึ๊กตั๊กๆซะหยั่งกับว่าจะฉีกขาดเลย

เป็นในตอนนั้นแหละ

 

“ เฮ้ยยยยยยยย!? โคตรสุดยอด! เฮ้ยจิเซล นี่มันอะไรเนี่ย!? ”

 

ที่มีเสียงเฮฮาดังลั่นสนั่นขึ้นมาจากกลุ่มเด็กจากสถานกำพร้าที่เข้ารับการตรวจวัดความถนัดก่อนหน้าผม

 

“ มีสกิลเริ่มต้นโผล่มารวดเดียวตั้ง 10 อัน……มีแววขนาดนี้เล็งเป็นนักผจญภัยระดับ A ได้เลยนะเนี่ย!? ”

“ เฮอะ มันก็ต้องแหงอยู่แล้ว ”

 

จิเซลที่เป็นจุดศูนย์กลางของเสียงเฮฮานั้นไม่แม้แต่จะหยุดรับคำพูดใดๆจากพื้นที่ให้คำปรึกษาเลยซักนิด คุณเธอเดินตรงดิ่งไปเข้ารับ <<คลาส>> อย่างเป็นทางการด้วยใบหน้าสดชื่น

จิเซลที่ถูกคุณนักบวชนำทางขึ้นไปยังแท่นนั้นถูกแสงสว่างห่อหุ้มทั่วร่าง แล้วทีนี้ก็

 

ชื่อประจำตัว : จิเซล สตริงก์  เผ่าพันธุ์ : ฮิวแมน อายุ : 14

คลาส : นักรบทำลายล้าง (ฝึกหัด)

เลเวล : 15

จำนวนสกิล : 10

 

สเตตัสแบบพื้นๆของจิเซลพลันถูกฉายขึ้นมาบนเมจิคไอเท็มซึ่งดูเหมือนผ้าขนาดใหญ่ที่ถูกแขวนเอาไว้ติดกับลานประลอง และบนนั้นก็มีระบุถึงผลลัพธ์อันแสนเหลือเชื่อ ว่าจิเซลได้รับสกิลเริ่มต้นทีเดียวถึง 10 อันรวดอยู่จริงๆซะด้วย

ตามปกติแล้ว ความสามารถส่วนตัว——-โดยเฉพาะนักผจญภัยเนี่ย จะมีกฎเหล็กว่าห้ามเอาข้อมูลเรื่องความสามารถไปบอกใคร เนื่องจากความสามารถของคลาสต่อสู้นี่ หากถูกล่วงรู้จะมีผลถึงชีวิตเลยทีเดียว แต่ก็มีที่แห่งนี้ ในทันทีให้หลังที่ได้รับ <<คลาส>> นี่แหละที่เป็นข้อยกเว้น

จะมีการแสดงสเตตัสแบบง่ายๆให้เห็นกันได้แบบโจ่งแจ้ง เพื่อที่จะรวมตัวสร้างปาร์ตี้ลุยงานครั้งแรกในฐานะนักผจญภัยได้อย่างไม่ติดขัด แล้วก็เพื่อที่นักผจญภัยรุ่นพี่จะได้เข้ามาทาบทามได้ง่ายยิ่งขึ้นแน่ะ ได้ผลไหมก็ลองดูปฎิกิริยาเอา

 

“ สกิลเริ่มต้นรวดเดียว 10 อัน!? มีแววระดับเดียวกับพวกที่ได้รับคลาสเร็วก่อนเวลาเลยนี่…..! ”

“ เฮ้ย จำหน้าเด็กคนนั้นเอาไว้นะ! จบพิธีประทานแล้วเราต้องรีบไปทาบทามมาด่วนๆเลย! ”

 

ตามนั้นเลย เหล่าผู้ชมที่ได้เห็นผลลัพธ์การได้คลาสของจิเซลนั้นต่างก็พากันส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาในคราเดียว

 

“ สกิลเริ่มต้นรวดเดียว 10 อัน…..แถมยังเป็นนักรบทำลายล้างอีก…..!? ”

 

พอเห็น <<คลาส>> ที่จิเซลได้รับมาอย่างสง่าแล้ว ผมก็ถึงกับเผลอตัวหลุดปากออกมาอย่างตกตะลึง

<<คลาส>> ที่ถูกเรียกกันโดยทั่วไปว่า “แข็งแกร่ง” นั้น จะเป็นคลาสประเภทที่เน้นจุดเด่นไปยังด้านใดด้านนึงเพียงอย่างเดียวซะมาก

สายนักรบทำลายล้างที่จิเซลได้รับไปนั่น ถือเป็นคลาสต่อสู้ระยะประชิดที่มีจุดแข็งเด่นอยู่ที่พลังการโจมตี ถ้าเป็นด้านพลังโจมตีแล้วละก็ถือเป็นคลาสตัวท็อปของกลุ่มแนวหน้าเลย

ถือเป็น <<คลาส>> ที่ทำเอาผู้ชายทุกคนที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักผจญภัยมาเห็นแล้วต้องอิจฉาตาร้อนผ่าว

แน่นอน ตัวผมเองก็อิจฉาสุดๆไปเลย ว่าตามตรงแล้ว นักรบทำลายล้างเนี่ยคือหนึ่งใน <<คลาส>> ที่ผมหวังอยากจะได้เลยล่ะ

 

“ ………ขึก ผมเองก็ต้องไม่น้อยหน้าสิ……! ”

 

แม้จะอิจฉาในสิ่งที่จิเซลได้รับไปสุดขีด แต่ผมก็พึมพำเรียกขวัญกำลังใจให้ตัวเองพลางก้าวไปข้างหน้า  

ในที่สุดก็มาถึงคิวของผมแล้วซะที

กลุ่มเด็กจากสถานกำพร้าที่เห็นผมกำลังมุ่งตรงดิ่งไปเข้ารับการตรวจวัดความถนัด ถึงกับส่งเสียงหัวเราะดังคิกคักขึ้นมาโดยพลัน

 

“ เฮ้ยดูนั่นดิ ถึงตาไอ้ครอส 0 ตลอดศกแล้วว่ะ หมอนั่นจะได้ <<คลาส>> แบบไหนนะ ”

“ ดีสุดก็คงเป็นได้แค่ <<ชาวนา>> แหละม้าง? รู้แค่ถึงยังไงก็คงไม่ได้คลาสต่อสู้แน่ๆล่ะ ”

(…..ขึก! คอยดูเถอะ ผมจะรับ <<คลาส>> ที่ทำให้ทุกคนต้องตกใจอ้าปากค้างมาให้ได้เลย……!)

 

ได้แต่เห่าทำเก่งแบบนั้นอยู่ภายในใจ พลางก้าวขึ้นไปบนแก่นตรวจวัดความถนัด…….แต่ลึกๆแล้วนี่คือกลุ้มเครียดเอามากๆ กลัวจัดจนทนดูผลการตรวจตรงๆไม่ได้ ถึงกับต้องหลับตาปี๋ภาวนาวิงวอนต่อพระเจ้าเลย

 

(ขอร้องล่ะครับขอร้องล่ะครับ! ขอคลาสต่อสู้ระยะประชิด! จะเป็นอะไรก็ได้ครับขอคลาสต่อสู้ระยะประชิดให้ผมทีเถอะ! หรือถ้าไม่ได้อย่างน้อยก็เอาคลาสเวทมนตร์……ไม่ก็คลาสนักบวชที่เด่นในด้านการช่วยเหลือคนอื่นก็ยังดี…….!)

 

เอาเป็นว่าขอ <<คลาส>> อะไรก็ได้ที่จะทำให้มีชีวิตในฐานะนักผจญภัยไหว เฝ้าร้องขอต่อสวรรค์เช่นนั้นไม่หยุด

แต่มันเป็นในช่วงจังหวะนั้นน่ะเอง

 

“ ………ฮึก? ”

 

ที่เหมือนกับว่าร่างกายของผมถูกห่อหุ้มด้วยความอบอุ่นอย่างประหลาด เกิดความรู้สึกราวกับมีอะไรบางอย่างเอ่อล้นขึ้นมาจากแกนกลางของร่างกาย เอ๊ะ? อ้าว? อย่าบอกนะว่านี่….คือความรู้สึกตอนที่ได้รับ <<คลาส>> อย่างเป็นทางการ…..!?

 

“ ………..? เฮ้ย ดูนั่นดิ ”

“ อื๋อ~? ถ้าผลลัพธ์มันฉายขึ้นมาจากตรงนั้น ก็แสดงว่าตรวจหาคลาสที่เหมาะสมเจอได้แค่คลาสเดียวงั้นสินะ? แปลกดีแฮะ……อ้าว เอ๊ะ? ”

 

พอผมที่หลับตาปี๋กำลังมึนๆงงๆอยู่ เสียงของคนที่มึนงงหนักมากยิ่งกว่าผมซะอีกก็พลันดังขึ้นมาจากรอบบริเวณ

แต่ไม่นานนักรอบๆตัวผมก็พลันเงียบกันกริบ ความเงียบสงัดนั่นค่อยๆแผ่กระจายขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ

ท่ามกลางความเงียบงันอันผิดปกตินั่นเอง

 

“ ………สุดยอด…….เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกนี่แหละ……. ”

“ มีอยู่จริงๆด้วยเหรอวะเนี่ย…..นั่นมัน <<คลาส>> โคตรของโคตรแรร์ที่ว่ากันว่าในหลายสิบล้านคนจะมีโผล่มาแค่คนเดียว…….! ”

 

ที่มีเสียงกระซิบซึ่งดูราวกับหวาดหวั่นขวัญผวาดังก้องขึ้นมา

ในหมู่นั้นยังมีเสียงของจิเซลพูดว่า “ เอาจริงดิเฮ้ยไอ้เจ้านั่น….. ” ดังปะปนมาอีกด้วย

 

(เอ๊ะ เอ๊ะ มันอะไรกันน่ะ…..)

 

รู้สึกแล้วว่าเกิดอะไรบางอย่างที่พิลึกพิลั่นสุดๆขึ้น ผมจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างกล้าๆกลัวๆ

 

“ อิ๊!? ”

 

พริบตานั้น สิ่งที่พบเจอมันเกินกว่าที่คิดไว้มากจนเผลอหลุดเสียงประหลาดๆออกมาเลย

ที่น่าตกใจก็คือ ดวงตาทุกคู่ภายในสถานที่จัดงานนั้นต่างก็จับจ้องมองตรงมายังผม แม้แต่คุณนักบวชคนอื่นๆที่กำลังง่วนอยู่กับการตรวจวัดความถนัดก็ยังถึงกับหยุดมือหันมองมาทางผมตาเป็นมันกันอย่างตกตะลึง

มองมาที่ผม….หรือถ้าจะพูดให้ถูก มองมายังผลลัพธ์ของ <<คลาส>> ที่ได้ซึ่งแสดงอยู่ข้างหลังผมนี่

 

“ ระ หรือว่า……! ”

 

หรือว่าจะได้ <<คลาส>> ที่สุดยอดมากๆมาจริงๆ!? ไม่ก็ได้สกิลเริ่มต้นรวดเดียวเยอะยิ่งกว่าจิเซลซะอีกรึเปล่า!?

ผมตื่นเต้นดีอกดีใจพลางหันขวับไป แล้วก็สบตาเข้ากับสิ่งที่แสดงหราอยู่ตรงนั้น

ชื่อประจำตัว : ครอส อาราเกาท์  เผ่าพันธุ์ : ฮิวแมน  อายุ : 14 ——-แล้วก็

 

คลาส : ไร้อาชีพ

จำนวนสกิล : 0

 

“ ………..เอ๊ะ? ”

 

หัวหยุดทำงานไปเลย เผลอตัวเปล่งเสียงแปลกๆหลุดออกมาจากปาก ไม่เข้าใจเลยซักนิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ผมได้แต่ยืนอึ้งอยู่ท่าเดียว ลานประลองก็เงียบกริบซะจนไม่อยากจะเชื่อว่ามีผู้คนรวมตัวอัดกันอยู่ถึงหลักหลายหมื่นคน

เป็นตอนนั้นแหละ ที่มีเสียงหวาดๆของใครคนหนึ่งพลันดังก้องขึ้นอีกครั้ง

 

“ เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก…….นั่นมันคือ คลาสที่ฝึกให้ตายยังไงเลเวลก็ไม่ขึ้น พยายามเรียนสกิลอย่างคนอื่นเขาก็ไม่ได้ คลาสโคตรกากโคตรกระจอกที่สุดในปฐพีที่ในหลายสิบล้านคนจะมีโผล่มาแค่คนเดียว…….! ”

“ หวาย…..เด็กคนนั้น ต่อจากนี้ไปจะมีชีวิตอยู่ยังไงเนี่ย…..? ”

“ ……….เอ๊ะ? ”

 

ใช่

ความเงียบสงัดที่อัดแน่นไปทั่วทั้งลานประลองนั้น หาได้เป็นความเงียบสงัดที่เกิดขึ้นเพราะพบเห็นสิ่งที่สุดยอดมากๆจนอึ้งตะลึงงันแต่อย่างใดไม่

แต่เป็นเพราะ เห็นสิ่งที่น่าสงสารจับใจ ขนาดที่จะหัวเราะเยาะก็ยังทำไม่ลง สุดท้ายเลยได้แต่นิ่งเฉยไม่แสดงปฎิกิริยาอย่างเดียว ความเงียบสงัดที่กำเนิดเกิดขึ้นมาจากความเวทนา

เป็นการแสดงความเห็นใจขั้นสูงสุด—-ที่มีต่อไอ้กากเดนสวะที่ถูกพิสูจน์ชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว ว่าไม่ใช่แค่นักผจญภัย ขนาดจะมีชีวิตอยู่อย่างปกติเหมือนคนธรรมดาเขาก็ยังจะลำบากเลย

 

“ …………เอ่อ นี่มัน เกิดผิดพลาดอะไรบางอย่างใช่มั้ยครับ….? ”

 

เจอกับคำถามของผมที่หันหน้ากลับไปถามด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทิ้มแล้ว คุณนักบวชหญิงที่รับหน้าที่ตรวจวัดความถนัดให้ก็

 

“ ……………… ”

 

เบือนหน้าหนีผมไปโดยไม่ยอมกล่าวอะไรเลยซักคำ 

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ยกาลครั้งนึงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไหร่ ได้มีวีรสตรี 3 คนที่ถูกกล่าวขานล่ำลือกันว่าเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในโลกอยู่ครับ ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับเหนือมนุษย์เลยเชียว คนนึงสามารถต่อยขุนเขาให้แหลกกระจุยได้ด้วยหมัดเปล่า คนนึงสามารถเป่าร่างของพลทหารนับหมื่นนายให้ลอยปลิวหายไปได้ด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงพิลึกพิลั่นที่เอาเวทฟื้นฟูกับเวทสนับสนุนมาใช้ฆ่าคนได้ เลยกลายเป็นตัวตนที่ถูกหวาดกลัวไปตามระเบียบ แค่เพียงคนเดียวก็โหดพอจะทำให้ประเทศหนึ่งถึงการล่มสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว ยิ่งถ้าเหล่าวีรสตรี 3 คนนั้นมาสุมหัวรวมตัวไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วนี่คงอาจต้องเรียกว่าเป็นภัยพิบัติเดินได้ การหวนคืนชีพของเทพมาร หรือในบางพื้นที่ก็อาจจะระบุตัวตนของพวกเธอเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันเลยก็เป็นได้…..หากอาศัยใช้งานความแข็งแกร่งนั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อมิอะไรก็คงบันดาลให้เป็นดั่งที่ใจพวกเธอต้องการได้เกือบทั้งหมดเลยกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งที่แม้แต่สามคนนั้นเอง ก็ยังไม่อาจได้มาครอบครองอยู่ครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset