เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย – ตอนที่ 13 เริ่มต้นการฝึก! (4)

ท้ายที่สุดแล้ว ผมที่มาฝึกฝนอยู่ภายในสภาพแวดล้อมที่เป็นราวกับแดนสวรรค์เช่นนี้ จะไหว (ในหลายๆความหมาย) จริงๆน่ะเหรอ…….แม้จะคิดเช่นนั้นอยู่เป็นพักๆ แต่พอลองปักใจเชื่อพวกคุณลีโอเน่ แล้วทุ่มเทสุดกำลังไปกับการฝึกฝนได้ราว 3 วัน ก็เป็นในจังหวะนั้นเอง  

ที่ผลลัพธ์อันเห็นได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งเริ่มที่จะปรากฎโผล่ขึ้นมา

 

 

“ เออแบบนั้นแหละ! เอ้านี่ ลองรับนี่ดูซิ! ”

“ ครับ! ”

 

ในวันนั้น เราก็ยังคงทำการฝึกเพื่อให้ [รู้สึกสนุกกับการต่อยตีวิวาท] ต่อเนื่องเหมือนกับวันแรก

ต่างตรงที่วันนี้เริ่มยกขั้นตอนการฝึกขึ้นมา คุณลีโอเน่ไม่ได้เอาแต่รอรับการโจมตีของผมอยู่เฉยๆอีกต่อไป เค้าเริ่มที่จะมีเอี้ยวตัวหลบหลีก กับใช้ดาบจำลองตีสวนเข้ามาบ้างแล้ว

หากมองจากสายตาคนอื่นแล้ว การเคลื่อนไหวของไอ้กากที่มีค่าสเตตัสเป็น 0 หมดทุกช่องอย่างผมคงจะดูอืดอาดชักช้าสุดๆไปเลยเป็นแน่  

แต่ถึงอย่างนั้นคุณลีโอเน่เค้าก็อุตส่าห์ออมมือลดระดับตัวเองลงมาเพื่อให้เข้าคู่แมชท์กันกับผมได้ ศึกชิงรุกชิงรับของเราสองคนมันเป็นไปอย่างสนุกสนานราวกับการเต้นรำเลยก็มิปาน ทำให้ตัวผมติดลมไม่เห็นอะไรอื่นในสายตา อยู่ภายในสภาวะเพ่งสมาธิจดจ่อได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน

แม้กระทั่งความเจ็บปวดที่เกิดจากการโจมตีของคุณลีโอเน่ก็ยังพาลทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมา สัมผัสที่เหมือนกับว่าสมาธิใจจดจ่อมันผสานรวมตัวเข้ากับความตื่นเต้นร้อนแรงพลันพุ่งทะลวงขึ้นสู่ขีดสุด——เป็นในฉับพลันนั้นเอง

 

“ …………..? ”

 

ความเหนื่อยล้าที่สั่งสมขึ้นมาเนื่องจากอยู่ในสภาวะจดจ่อสมาธิเป็นเวลานาน—-มันค่อยๆเหือดหายไป……ไม่สิ ยิ่งกว่านั้นอีก

ร่างกายมันเบาหวิวขึ้นมา เรี่ยวแรงเอ่อล้นเข้ามาภายในแขนข้างที่กำดาบสั้นเอาไว้ ความเจ็บปวดที่ได้รับจากการโจมตีของคุณลีโอเน่ดูอ่อนลง

ความผิดปกติมันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น รู้สึกได้ว่าภายในร่าง—–รู้สึกได้ว่ามีอะไรร้อนๆกำลังพุ่งทะยานไหลเวียนไปทั่วอยู่ภายในร่าง

นี่คือ……..พลังเวท……..?

เทียบกับสัมผัสที่คุณลูด์มิร่าส่งเข้ามาในร่างแล้ว เจ้าเค้าลางที่ผมกำลังรับรู้อยู่นี่มันอ่อนแอแล้วก็เจือจางมากกว่าสุดๆไปเลย แต่ถึงอย่างนั้น นี่ก็เป็นสัมผัสแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นมาในตอนที่ผมถูกนวดพัฒนาพลังเวทอยู่เป็นกิจวัตรประจำวันนั่นไม่ผิดแน่

ถ้าเกิด ลองเหวี่ยงดาบให้ประสานเข้าคู่กับสัมผัสนี้ดูละก็——

 

“ ……….ฮึก ย่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา! ”

 

ฉับพลันที่สัญชาติญาณส่งเสียงบอกให้ทำเช่นนั้น ผมก็ทุ่มกำลังทั้งหมดทั้งมวลฟาดอัดตรงเข้าใส่คุณลีโอเน่  

แคร้ง! ดาบกับดาบปะทะชนกัน ก่อให้เกิดเป็นเสียงที่ดังที่สุดตั้งแต่เริ่มฝึกมา

 

“ โอ๊ะ? ”

 

คุณลีโอเน่เบิกตาออกกว้าง ก่อนจะ

 

“ เฮ้ยครอส เปิดสเตตัสเพลทให้ดูหน่อยดิ้ ”

“ ขะ ครับ! ”

 

ราวกับเชื่อมั่นว่าต้องใช่แน่ๆ คุณลีโอเน่พูดยังไม่ทันจบเลยผมก็ควักเอาสเตตัสเพลทขึ้นมากดแสดงผลแล้ว จากนั้นผม คุณลีโอเน่ แล้วก็คุณเทโลเมียร์ที่วิ่งเข้ามาร่วมวงด้วยก็พลันจ้องมองเข้าไปยังสิ่งที่ปรากฎขึ้นมาพร้อมๆกัน สิ่งที่อยู่ตรงนั้นมันก็คือ……

 

ชื่อประจำตัว : ครอส อาราเกาท์  เผ่าพันธุ์ : ฮิวแมน อายุ : 14

คลาส : ไร้อาชีพ

เลเวล : 0

กำลัง : 0  ป้องกัน : 0  ป้องกันเวท : 0  ความว่องไว  : 0

(พลังเวทโจมตี : 0  พลังเวทพิเศษ : 0  พลังเวทแปรรูป : 0  ความฉลาด : 0)

สกิล <<เสริมกำลัง Lv1  (+5)>>   <<เสริมป้องกัน Lv1  (+5)>>  <<เสริมความว่องไว Lv1  (+5)>>

<<ฟันแหวก Lv1>>

 

เลเวลกับสเตตัสยังคงเป็น 0 เหมือนเคย

แต่พอเห็นช่องใหม่ที่ปรากฎขึ้นมาอย่างอัตโนมัติบนเพลทที่เชื่อมต่ออยู่กับสรวงสวรรค์ด้วยอำนาจศักดิ์สิทธิ์ ดวงตาของผมก็ถึงกับเบิกโพลง

ร่างกายแข็งทื่อไปหลายวินาที ก่อนจะอ้าปากพูดขึ้นมาด้วยเสียงอันสั่นเครือระดับที่แม้แต่ตัวเองก็ยังอดขำไม่ได้

 

“ ขะ คุณลีโอเน่ครับ…….คุณเทโลเมียร์ครับ…….นะ นี่มันคือ สกิลรึเปล่า……? ”

“ โอ้วเยี่ยมไปเลยนี่นา! แถมยังมี <<ฟันแหวก>> มาด้วยเรอะ อานุภาพมันออกจะเบาหน่อยก็จริง แต่ก็เป็นสกิลอเนกประสงค์แบบนึงแน่ะ จะทำให้สามารถส่งพลังเวทเข้าไปเสริมอยู่เหนือการโจมตีด้วยดาบทุกชนิดทุกประเภทได้โดยไม่เกี่ยงว่าต้องเป็นดาบแบบไหน ทำให้อานุภาพของการโจมตีรุงแรงมากยิ่งขึ้นอะนะ ถือว่าเป็นสกิลแรกที่ไม่เลวเลย นอกจากนั้นแล้ว…..เหอะ เป็นไปอย่างที่เล็งเอาไว้เป๊ะ ”

“ เน้ออ ได้สกิลเสริมสเตตัสแบบทำงานตลอดเวลามาตั้ง 3 อันพร้อมกันเลยแน่ะ ครอสคุงสุดยอดไปเล้ยย  ♥ ”

 

คุณลีโอเน่เค้าลูบหัวผมอย่างรุนแรง ส่วนคุณเทโลเมียร์ก็จับมือผมแล้วยกขึ้นทำท่าฉลอง

สิ่งที่ทั้งสองซึ่งตื่นเต้นดีใจกันหยั่งกับว่าเป็นเรื่องของตัวเองกำลังจับจ้องให้ความสนใจเป็นพิเศษอยู่นั่น ก็คือตรงพวกช่องที่แสดงขึ้นมาว่า <<เสริมกำลัง>> หรือที่คนเราเรียกกันทั่วไปแบบง่ายๆว่า สกิลเสริมสเตตัส นั่นแหละ

 

“ ไอ้เจ้าสกิลเสริมสเตตัสเนี่ยอะนะ มันจะทำงานอยู่ตลอดเวลาเพื่อช่วยยกระดับสเตตัสของเราขึ้นมาให้แหละ ไม่เหมือนกับพวก <<บัฟสมรรถภาพร่างกาย>> หรือ <<บัฟเวทมนตร์>> ที่จะทำงานชั่วคราวเฉพาะเมื่อเรียกใช้อะไรนั่น….นั่นไง เห็น (+5) ที่อยู่ข้างหลัง Lv นั่นใช่มะ? เจ้านี่น่ะนะ สรุปง่ายๆก็คือ เป็นตัวบ่งชี้ว่าสเตตัสของแกที่มีแค่ 0 มันถูกเสริมให้ขึ้นมาเป็น 5 แล้วยังไงล่ะ ”

 

คุณลีโอเน่ทำการอธิบายให้ฟังอย่างประณีต พลางแย้มยิ้มอย่างดุดันไปด้วย

 

“ แล้วทีนี้นะ เจ้าสกิลเนี่ยตามปกติแล้ว มันจะโผล่ขึ้นมาแค่ 2-3 แบบเท่านั้นตามสาย <<คลาส>> อย่างถ้าเป็นสายจอมขมังเวทก็จะได้เสริมพลังเวทโจมตี สายนักรบก็จะได้เสริมกำลัง อะไรแบบนี้ ”

“ แต่ <<ไร้อาชีพ>> อย่างครอสคุงน่ะสามารถเรียนสกิลพื้นฐานของทุกๆสาย <<คลาส>> ได้ทั้งหมดเลย ฉะนั้นเราก็เลยคิดกันอยู่ว่าน่าจะเรียนสกิลเสริมสเตตัสได้หมดทุกรูปแบบเลยน่ะน้าาา ต่อให้เรียนสกิลได้หลายแบบแต่ถ้าสเตตัสเป็น 0 คงเดิมหมดก็ป่วยการ เราก็เลยคิดว่าจะลองใช้สกิลเสริมสเตตัสเนี่ยแหละช่วยถัวคืนเอาแทนน่ะ เอะเฮะเฮะ ปรากฎขึ้นมาจริงอย่างที่เล็งเอาไว้แบบนี้ค่อยดีหน่อยยย ”

“ ………..ฮึก ”

 

ในระหว่างที่รับฟังคำพูดของทั้งสองคน ผมก็ลองเหวี่ยงดาบเพื่อทดสอบเอฟเฟคของสกิลที่ปรากฎขึ้นมาดู

ไม่ได้คิดไปเอง ทั้งแรงที่จับดาบ ทั้งความเร็ว ทั้งความเจ็บปวดหลังจากที่ลองหยิกแก้มตัวเองเพื่อดูว่านี่เป็นความฝันรึเปล่า…..ทั้งหมดมันแตกต่างไปจากที่เป็นอยู่เมื่อตะกี้นี้สุดๆไปเลย

ตีเป็นตัวเลขแล้วอาจมีแค่ 5 ก็จริง แต่สเตตัสที่ไม่ได้เป็น 0 อีกต่อไปแล้วนี้—–มันทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายผมถูกเปลี่ยนแปลงใหม่ให้กลายเป็นอีกสิ่งที่อยู่คนละขั้วมิติไปแล้วเลยยังไงยังงั้น

ไม่รู้ว่านี่คือข้อกำหนดของสกิลเสริมสเตตัสหรือไง สเตตัสของผมที่ถูกแสดงอยู่บนเพลทก็เลยยังคงเป็น 0 หมดทุกช่องอยู่ตามเดิม……..แต่อะไรพรรค์นั้นจะเป็นยังไงก็ช่างหัวมันแล้ว

ผมก้มหัวลงด้วยสีหน้าที่เหมือนกับจะร้องไห้

 

“ ขะ ขอบคุณ มากๆเลยครับ…….ทั้งหมดนี่เป็นเพราะได้พวกคุณลีโอเน่ช่วยเอาไว้แท้ๆเลย……. ”

“ ฮะฮะ ก็นะ ”

 

คุณลีโอเน่หัวเราะอย่างมั่นใจ  “ แต่ว่านะ ”  ก่อนที่จะจับมือของผมขึ้นมาอย่างแผ่วเบา  

 

“ ที่สกิลมันโผล่มาเร็วขนาดนี้ แถมยังโผล่มาทีเดียว 4 อันรวดเนี่ย คิดว่ามันคงเป็นเพราะแกนั่นแหละ แกที่ทุ่มเทกำลังฝึกฝนพยายามมาตลอด ตั้งแต่ก่อนจะได้มาเจอกับพวกฉันซะอีกนั่นน่ะนะ ”

 

แล้วจากนั้นคุณลีโอเน่ก็ลูบตุ่มใสที่อยู่บนฝ่ามือของผมอย่างอ่อนโยน พร้อมกับ

 

“ พวกฉันน่ะสุดยอดจริงอย่างที่ว่าแหละ แต่แกเองก็สุดยอดไม่แพ้กันหรอกนะ ”

 

ลูบลูบ ทำการลูบหัวผมแรงมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมอีก

 

“ ……..ครับ! ”

 

คิดว่านี่คงไม่ใช่เวลาที่จะมาถ่อมตัวดูถูกตัวเองอยู่หรอก——ผมที่ได้รับคำชื่นชมจากคุณลีโอเน่ พลันขานรับตอบกลับไปด้วยใจจริง

 

“ เอ้อ แต่ก็จะขอพูดให้ฟังเอาไว้ก่อนแล้วกัน จะได้ไม่ดีใจเก้อ ”

 

ว่าแล้ว คุณลีโอเน่ที่ยกเอาดาบจำลองสำหรับใช้ในการฝึกขึ้นมาพาดบ่า ก็พลันจับจ้องมองตรงมายังผมที่กำลังตื่นเต้นใจโลดโผนเนื่องจากมีสกิลปรากฎขึ้น

 

“ สกิลเสริมสเตตัสน่ะมันจะเติบโตเร็วไปจนถึงช่วงประมาณ Lv4 เท่านั้นแหละ หลังจากนั้นนี่คงต้องค่อยๆยกระดับทีละนิดทีละหน่อยผ่านการต่อสู้จริงเอาอย่างเดียว เพราะมันไม่ใช่สกิลที่จะทำงานเฉพาะเมื่อเราเรียกใช้นี่แหละนะ ทำให้ต่างจากสกิลปกติตรงที่ไม่อาจเน้นใช้บ่อยๆ เพื่อตะบี้ตะบันฝึกฝนตามใจอยากได้ ”

 

เพราะแบบนั้นเอง สเตตัสของผมที่ต้องอาศัยพึ่งพาสกิลเสริม มันก็เลยจะเติบโตช้ามากกว่าคนปกติธรรมดาทั่วไปหลายเท่าตัวนัก

คุณลีโอเน่กล่าวเตือนเช่นนั้น แต่ก็ยังพูดต่อออกมาว่าเช่นนี้ด้วย

 

“ เอ้อ แต่ไอ้พวกนี้น่ะเก็บเอาไว้ค่อยคิดทีหลังก็ได้ เอาเป็นว่าตอนนี้ได้สกิลต่อสู้มาหนึ่งอันแล้วเนาะ ตั้งแต่วันนี้ไปจะเริ่มฝึกโดยเน้นยกระดับสกิลนั่นก่อนก็แล้วกัน! ”

“ ครับ! ”

 

ความก้าวหน้าที่เห็นได้ชัดเจนมันช่วยยกระดับกะใจสอน & ฝึกของอาจารย์และลูกศิษย์ได้ทั้งคู่

ดวงอาทิตย์เริ่มจะตกดินแล้วก็จริง แต่การฝึกวิชาในวันนั้นมันก็เป็นอะไรที่ดุเดือดเข้มข้นมากๆไปจนนาทีสุดท้ายเลย

 

 

“ ——–แล้วทีนี้พอมองลงไปในสเตตัสเพลท ก็เห็นชื่อของสกิลที่ได้ถูกสลักขึ้นมาอยู่บนนั้นเองเฉยเลยครับ!  ——<<คลาส>> ที่สวรรค์ประทานลงมาให้นี่มันก็มีชื่อกำกับมาตั้งแต่แรกแล้วเหมือนกันนั่นแหละนะ แต่พอเห็นแบบนี้จะๆกะตาแล้ว ผมก็ซาบซึ้งตราตึงใจขึ้นมาจริงๆอีกคราเลยครับ! ว่าเป็นอย่างที่พวกคนในโบสถ์เค้าพูดจริงๆด้วย อำนาจลี้ลับมหึมาที่คอยปกครองอยู่เหนือโลกใบนี้มันมีตัวตนอยู่จริงๆด้วย! แล้ว หลังจากนั้นเราก็มุ่งฝึกซ้อมสกิลมาตลอดเลยครับ! เพราะได้สกิลเสริมสเตตัสมา ก็เลยทำให้ประลองฝีมือกับคุณลีโอเน่ได้สนุกที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลย! รู้สึกเหมือนว่าโลกทั้งใบเหลือแค่ผมกับคุณลีโอเน่อยู่แค่สองคนเลยอย่างงั้นแหละ……..เอาเป็นว่าตั้งแต่ได้สกิลมา สมาธิมันก็ยิ่งดีเลิศมากขึ้นกว่าเดิมอีกครับ…….เป็นผลจากการพัฒนาพลังเวทของคุณลูด์มิร่าแท้ๆเลยนะครับเนี่ย! ”

 

คืนวันนั้น ผมที่กินข้าวเสร็จก็ถูกคุณลูด์มิร่าจูงมือพามายังห้องนวดพัฒนาพลังเวทเหมือนเคย

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต่างออกไปจากปกติ นั่นก็คือผมซิบปากแตกจ้ออะไรต่อมิอะไรให้คุณลูด์มิร่าฟังไม่ยอมหยุดเลยน่ะแหละ

ถ้าเป็นปกติคงจะถูกความอับอายที่ต้องปลดเปลื้องเสื้อผ้าให้เหลือแค่กางเกงในตัวเดียวทำพิษจนหวั่นไหวเขินอายสุดๆไปแล้ว แต่ตัวผมในวันนี้ที่ได้สกิลซึ่งโหยหาอยู่เสมอมาครองแล้วนั้น กลับตื่นเต้นใจโลดโผน พ่นคำพูดซาบซึ้งในพระคุณของคุณลูด์มิร่าออกมารัวๆเป็นปืนกลเลย

 

“ …………งั้นรึ ได้ผลลัพธ์เร็วกว่าที่คาดเอาไว้มากเลย ยินดีด้วยนะ จริงอย่างที่ลีโอเน่ว่านั่นล่ะ คงเป็นผลมาจากผลึกแห่งความพยายามที่เธอเป็นผู้สั่งสมก่อสร้างขึ้นด้วยตนเองนั่นแหละ คิดถูกแล้วจริงๆที่ให้ลีโอเน่เป็นอาจารย์สอนหลักคนแรกสุด ”

 

คุณลูด์มิร่าที่ตระเตรียมเครื่องมือการนวดไปพลางรับฟังคำพูดของผมไปด้วย พลันกล่าวแสดงความยินดีออกมาด้วยวาจาน้ำเสียงที่สุขุมเยือกเย็น

ทว่าจู่ๆมือข้างนั้นก็พลันหยุดกึก  “ แต่ว่า…… ”  พร้อมกับที่น้ำเสียงนั่นฟังดูแข็งกร้าวขึ้นมา

 

“ ลีโอเน่ที่เป็นดราโกเนียเอง ก็คงมีขั้นตอนการฝึกพิเศษที่อยากจะเก็บเอาไว้เป็นความลับอยู่เช่นกัน เธอจะดีใจที่ได้สกิลมามันก็ไม่เป็นไรหรอก แต่นำเอาเหตุการณ์ตอนฝึกหรือผลลัพธ์ที่ได้จากการฝึกมาบอกเล่าให้ผู้อื่นล่วงรู้โดยง่ายเช่นนี้มันคงไม่ดีเท่าไหร่หรอกกระมัง ”

“ ……….ฮึก! อ๊ะ ขะ ขอโทษครับ…….. ”

 

จริงอย่างที่เค้าว่านั่นแหละ หากเป็นขั้นตอนการฝึกของเหล่าคนพวกนี้ที่ถูกเรียกขานว่าเป็นเผ่าพันธุ์สุดแกร่งสามขั้วของโลกแล้วละก็ จะมีเคล็ดลับพิเศษที่จะยอมให้ถูกล่วงรู้ไปจนถึงหูบุคคลภายนอกไม่ได้อยู่มากมายก็ไม่แปลกเลย

การฝึกกับคุณลีโอเน่ในตอนนี้มีคุณเทโลเมียร์มานั่งดูอยู่ด้วย ฉะนั้นเล่าเนื้อหาการฝึกในปัจจุบันให้ฟังไปก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรหรอกก็จริง……..แต่นี่เค้าคงจงใจพูดเตือนขึ้นมา เพื่อที่ผมจะได้ไม่เผลอพลั้งปากบอกอะไรสำคัญๆในภายภาคหน้าออกมาง่ายๆงั้นสินะ

อารมณ์ตื่นเต้นดี๊ด๊าตลอดมาจนถึงเมื่อกี้พลันตลบพลิกกลับ 180 องศา ผมที่ถูกคุณลูด์มิร่าเอ็ดเอาอย่างอ่อนโยนถึงกับ  “ สงสัยจะลิงโลดเกินไปหน่อยแฮะผม….. ”  หงอยเหงาเศร้าสร้อยขึ้นมาเลย

 

“ ………..? แปลกจริง ควรจะยินดีปรีดาร่วมไปกับครอสแท้ๆ ไม่ได้คิดกะจะพูดอะไรที่ชวนให้บรรยากาศหม่นหมองเช่นนี้เลยแท้ๆ……..แต่ไม่รู้ทำไม พอได้ยินครอสบรรยายเล่าถึงเหตุการณ์ระหว่างตอนที่ฝึกอยู่กับลีโอเน่แล้ว ใจมันก็รู้สึกหงุดหงิดจิตงุ่นง่านขึ้นมา……..มะ ไม่ได้การ ฉันนี่จริงๆเลยดันไปทำให้ครอสซึมถึงขนาดนี้เสียได้…….ต้องหาทางพลิกสถานการณ์ให้ได้โดยไว…….. ” 

 

จู่ๆคุณลูด์มิร่าเค้าก็แสดงท่าทีเหมือนแตกตื่นลนลานนิดๆ ก่อนที่จะ

 

“ จะ จริงสิ วันนี้ก่อนจะทำการนวด มาเฉลิมฉลองเนื่องในวาระที่สกิลปรากฎขึ้นมากันเสียหน่อยไหม อื้ม ถึงแม้จะมีกำหนดแผนว่าจะให้เธอเริ่มต้นดื่มเจ้าสิ่งนี้ในทันทีที่สกิลปรากฎขึ้นมาอยู่ตั้งแต่แรกแล้วก็เถอะนะ…… ”

 

พูดจบปุ๊บคุณลูด์มิร่าก็เดินออกจากห้องไป แล้วเมื่อผ่านไปซักพัก เค้าก็กลับมาโดยถือถ้วยไม้ติดมือมาด้วย 2 ถ้วย

 

“ นะ นี่มันคืออะไรเหรอครับ…….? ”

 

พอเจอกับสีและกลิ่นของวัตถุเหลวบางอย่างที่ส่องประกายแสงแวววาวอยู่ภายในถ้วยที่ถูกส่งมาให้นั่น ผมก็ถึงกับเผลอตัวเบ้หน้าขึ้นมาเลย

 

“ หึหึหึ เจ้าสิ่งนี้น่ะนะ มันคือเหล้ายาที่มีสรรพคุณแตกต่างกันไปอย่างละแบบน่ะ สีเขียวจะช่วยเร่งเร้าการเติบโตของพลังเวทที่หมดไปหลังใช้สกิล ส่วนสีม่วงจะช่วยขยายอัตราการเติบโตของสกิลเสริมสเตตัสได้ ”

“ เอ๊ะ!? ”

“ สกิลเสริมโดยปกตินั้น หากเป็น Lv 1 ก็จะ (+5)  หากเป็น Lv 2 ก็จะ (+10)  ….ยิ่งระดับความชำนาญ หรือ Lv เพิ่มสูงมากขึ้น สเตตัสก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทีละ 5  —ทว่า หากดื่มเหล้ายานี้อย่างต่อเนื่องแล้วละก็ มันก็จะช่วยในการยกระดับอัตราการเติบโตขึ้นมาได้ ยกตัวอย่างเช่นขยายให้ Lv 2 (+12) , Lv 3 (+19)  แบบนี้เป็นต้น ”

“ มะ มีอะไรแบบนั้นอยู่ด้วยเหรอครับ!? ยาที่ช่วยเพิ่มจำนวนพลังเวทนั่นยังพอว่า แต่มันมียาที่ช่วยยกระดับค่าตัวเลขของสเตตัสที่ถูกเสริมด้วยสกิลได้ด้วยเหรอ………!? ”

“ เธอไม่รู้ก็ไม่แปลกหรอก เหล้ายาเพิ่มจำนวนพลังเวทนี้ฉันได้มาจากสูตรลับจากประเทศของเหล่าเอลฟ์ ส่วนเหล้ายาที่ช่วยยกระดับสกิลเสริมนี่ก็เป็นสูตรลับจากประเทศของเหล่ามนุษย์ที่เผอิญช่วยเอาไว้ในอดีต หนำซ้ำยาทั้งสองนี่ยังต้องนำวัตถุดิบที่ล่าได้เฉพาะจากมอนสเตอร์ริสก์ 8 ขึ้นไปมาให้หมอยาระดับสูงช่วยปรุงแต่งรังสรรค์ให้อีกต่างหากกว่าจะได้มาครอง ”

 

ทะ ที่ว่านั่นมัน…ถึงจะไม่ใช่ของระดับสมบัติลับสุดยอดที่ช่วยให้อายุยืนยาวอะไรนั่นตามที่พวกคุณลูด์มิร่าเค้าพูดเล่นอยู่ก่อนหน้านี้ก็เถอะ แต่มันก็เป็นยาระดับสมบัติประเทศชาติดีๆเลยไม่ใช่เหรอนั่น……..!?

 

“ หึหึหึ ได้ดื่มยาสูตรลับระดับนี้ตั้งแต่ยังเล็กๆเช่นเธอนี่ แม้แต่ลูกคนโตจากตระกูลราชวงศ์หรือขุนนางก็ยังยากจะทำได้เลยนะ อื้ม แต่มันก็ช่วยได้แค่ขยายอัตราการเติบโตจากการฝึกเพียงเท่านั้น เนื่องจากเป็นยาที่หากไม่เริ่มดื่มตั้งแต่เนิ่นๆก็จะไร้ความหมาย จึงยากที่จะเรียกว่าเป็น [ยาสูตรลับ] ได้เต็มปากอยู่กระมัง……แต่ถึงอย่างนั้น มันก็จะมีผลต่อสภาวะในอีก 5 ปีข้างหน้า 10 ปีข้างหน้าอย่างใหญ่หลวงเลยอยู่ดี เอาล่ะ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวาระที่สกิลปรากฎขึ้นมาแล้ว เชิญเธอดื่มให้หมดในอึดใจเดียวเลยเถอะ ”

 

หากมีกำลังระดับฉันแล้ว การจะเก็บรวบรวมวัตถุดิบก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรด้วยละนะ……ถูกคุณลูด์มิร่าที่หัวเราะเล็กๆเช่นนั้นยุ จนผมก้มหน้ามองลงมายังถ้วย…….แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ก็ทำใจยกถ้วยขึ้นมากระดกดื่มลงคอไปไม่ได้

ก็มัน ก็ของแบบนี้มัน……

 

“ มุ………? เป็นอะไรไปหรือ? ”

“ คือว่า ผมควรพูดยังไงดี……. ”

 

คุณลูด์มิร่าจ้องมองเข้ามาด้วยท่าทางงุนงง และแล้วผมก็กล่าวขึ้นกับเธอผู้นั้น——กล่าวบรรยายความรู้สึกจากใจจริงออกมา พลางส่งสายตามองไปยังเหล้ายาที่ไอ้กระจอกงอกง่อยอย่างผมไม่น่าจะมีปัญญาได้เห็นของจริงไปตลอดชีวิตแท้ๆ

 

“ รู้สึกเหมือนผมเอารัดเอาเปรียบน่ะครับ ทุกๆคนช่วยทำดีกับผมมากถึงขนาดนี้ อย่างวันนี้ก็ช่วยฝึกให้ <<ไร้อาชีพ>> ที่ถูกไล่ออกจากโรงเรียนอย่างผมได้สกิลมาครองเลยอีกด้วย……ดีใจอยู่หรอกนะครับ แต่ก็รู้สึกว่ามันดีเกินกว่าที่ผมสมควรได้รับอยู่อีกเหมือนกัน อาหารที่ให้กินทุกๆวันนั่นก็ด้วย ยาสูตรลับนี่ก็ด้วย มันเหมือนกับว่ามีผมที่เล่นโกงอยู่คนเดียวเลยงั้นแหละ……. ”

“ ………..ฮื่ม เป็นยาสูตรลับที่จะมีผลก็ต่อเมื่อเข้ารับการฝึกอันเหมาะสมเท่านั้น ฉะนั้นจึงไม่ถือว่าโกงแต่อย่างใดเลยแม้แต่นิด ทว่าดูจากท่าทางแล้ว ที่เธออยากจะสื่อถึงคงไม่ใช่เรื่องนั้นสินะ ”

 

พอคุณลูด์มิร่านั่งลงเคียงข้างผมที่พูดออกมาอย่างชักช้าอืดอาด เค้าก็เอ่ยคำพูดขึ้นต่อราวกับเป็นการปลอบประโลม

 

“ มันก็จริงอยู่ หากดูจากภูมิหลังและนิสัยของเธอแล้ว การจะยอมรับสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์พร้อมเช่นนี้มันคงเป็นอะไรที่ยากยิ่งเลย แต่อยากให้เธอรู้เช่นนี้นะ—–ว่าที่พวกเราทุกคนตกลงปลงใจรับเธอเป็นศิษย์นั้น เป็นเพราะตัดสินแล้วว่าเธอคือคนที่เหมาะสมคู่ควรกับสภาพแวดล้อมนี้น่ะ ”

 

คุณลูด์มิร่ากล่าวให้ฟังด้วยวาจาคำพูดอ่อนหวาน ราวกับจะรับความรู้สึกของผมให้ทั้งหมด

 

“ ที่พวกเรากำลังทำกับเธออยู่ในตอนนี้ ไม่ใช่การคัดสรรทดสอบแต่เป็นการฝึกฝนเลี้ยงดู ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้มงวดเกินเหตุเลยแม้แต่น้อยนิด อะไรที่จำเป็นต่อการเติบโตของเธอเราก็จะไปหามารวมเอาไว้ อะไรที่ไม่ใช่เราก็จะกำจัดทิ้ง นั่นล่ะคือการฝึกฝนเลี้ยงดู และผลลัพธ์ของการทำเช่นนั้นมันก็คือสภาพแวดล้อมที่เธอออกปากเรียกว่าเป็น “การโกง” อย่างในตอนนี้เท่านั้นล่ะ ”

 

และแล้วคุณลูด์มิร่าก็จ้องมองเข้ามาที่หน้าของผมด้วยดวงตาสีทองอันงดงามซึ่งดูราวกับว่ามองทะลุทุกสรรพสิ่ง ก่อนจะพูดขึ้นต่อ

 

“ ………พอคิดดูแล้ว ในตอนที่เริ่มต้นความเป็นอยู่ที่นี่ เธอคงจะเตรียมใจเอาไว้อย่างแน่นหนาเลยถูกต้องไหม ว่าต่อให้เป็นการฝึกที่ทรหดถึงเพียงใดก็จะก้าวข้ามฝ่าไปให้จงได้ น่ะ ”

“ เอ๊ะ…….. ”

 

 

พอผมที่ถูกแทงใจดำทำตาแป๋วอยู่ คุณลูด์มิร่าก็ผงกหัว  “ ว่าแล้วเชียว ”  ก่อนจะเอ่ยขึ้นต่อ

 

“ การเตรียมใจของเธอนั่นถือเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก ทว่าหากมีความเด็ดขาดมากถึงเช่นนั้น ก็ลองทำในเชิงกลับกันดูบ้างดีไหม? ลองเตรียมใจอย่างแน่นหนาว่าจะยอมรับสภาพแวดล้อมที่เพียบพร้อมและฟุ่มเฟือยมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลกนี้น่ะ ”

“ เตรียมใจที่จะยอมรับ…….. ”

“ ถูกต้อง สำหรับเธอแล้ว สิ่งนั้นมันอาจจะเป็นอะไรที่ยากลำบากมากเสียยิ่งกว่าการผจญกับการฝึกแสนทรหดอีกก็เป็นได้ แต่คิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกสภาพจิตก็แล้วกัน อยากจะเป็นนักผจญภัยที่แข็งแกร่ง—-อยากจะเป็นนักผจญภัยที่ปกป้องผู้คนได้ใช่ไหม? ถ้าเช่นนั้นแล้วเธอก็ไม่น่าจะมีเวลามามัวลังเลเลือกวิธีการอยู่ได้นะ ต่อให้วิธีการนั้นมันจะเป็นวิธีที่ฟุ่มเฟือยสุดขีดไปเลยก็ตามทีเถอะ ”

“ …………..ฮึก! ”

 

เออถูกอย่างที่เค้าว่านั่นแหละ มัวเข้าใจผิดอะไรอยู่เนี่ยผมน่ะ

เป้าหมายของผมไม่ใช่การทำร้ายทารุณตัวเองซะหน่อย แต่คือการเป็นแบบคุณเอลิเซีย คือการเป็นนักผจญภัยที่ปกป้องผู้คนได้ ฉะนั้นต่อให้เป็นการฝึกที่แสนทรหดขนาดไหน………ต่อให้เป็นทางเลือกที่ฟุ่มเฟือยจนชวนน่าหงุดหงิดใจถึงเพียงใด แต่ผมก็จำเป็นต้องยอมรับมันเอาไว้สถานเดียวเท่านั้น

เพราะถ้าหาก <<ไร้อาชีพ>> อย่างผมอยากจะเก่งขึ้นมาให้ได้ ก็ไม่มีปัญญาจะมามัวเลือกวิธีการอยู่แบบไหนทั้งนั้นแหละ

 

“ ……….คุณลูด์มิร่าครับ ”

 

ผมมองตรงไปยังดวงตาของอาจารย์อย่างไม่หวั่น ก่อนจะ

 

“ ทานแล้วนะครับ! ”

 

ดื่มเหล้ายาที่มีรสชาติพิลึกสุดยอดหมดเกลี้ยงในอึกเดียว

 

“ ความลังเลเลือนหายไปแล้วสินะ หึหึหึ แบบนั้นแหละดีแล้ว ………แล้วก็จงเติบโตขึ้นมาเป็นชายที่เหมาะสมคู่ควรกับฉันผู้นี้เสียเถอะนะ ” 

 

เพิ่งจะมาหน้าแดงเอาป่านนี้กับรอยยิ้มของคุณลูด์มิร่าที่พยักหน้าอย่างพอใจ และแล้วผมก็หมอบตัวลงอยู่เหนือโต๊ะเพื่อรับการนวดต่อ

………..ถึงจะบอกว่ายอมรับความฟุ่มเฟือยแล้วก็เหอะ แต่นี่มันก็ยังน่าอายสุดๆไปเลยอยู่ดีนั่นแหละนะ

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ยกาลครั้งนึงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไหร่ ได้มีวีรสตรี 3 คนที่ถูกกล่าวขานล่ำลือกันว่าเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในโลกอยู่ครับ ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับเหนือมนุษย์เลยเชียว คนนึงสามารถต่อยขุนเขาให้แหลกกระจุยได้ด้วยหมัดเปล่า คนนึงสามารถเป่าร่างของพลทหารนับหมื่นนายให้ลอยปลิวหายไปได้ด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงพิลึกพิลั่นที่เอาเวทฟื้นฟูกับเวทสนับสนุนมาใช้ฆ่าคนได้ เลยกลายเป็นตัวตนที่ถูกหวาดกลัวไปตามระเบียบ แค่เพียงคนเดียวก็โหดพอจะทำให้ประเทศหนึ่งถึงการล่มสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว ยิ่งถ้าเหล่าวีรสตรี 3 คนนั้นมาสุมหัวรวมตัวไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วนี่คงอาจต้องเรียกว่าเป็นภัยพิบัติเดินได้ การหวนคืนชีพของเทพมาร หรือในบางพื้นที่ก็อาจจะระบุตัวตนของพวกเธอเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันเลยก็เป็นได้…..หากอาศัยใช้งานความแข็งแกร่งนั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อมิอะไรก็คงบันดาลให้เป็นดั่งที่ใจพวกเธอต้องการได้เกือบทั้งหมดเลยกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งที่แม้แต่สามคนนั้นเอง ก็ยังไม่อาจได้มาครอบครองอยู่ครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset