เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย – ตอนที่ 28 ไร้อาชีพแผลงฤทธิ์ (8)

——–นักผจญภัยนั้นจะต้องพบเจอกับสิ่งที่ไม่คาดฝันอยู่เป็นปกติ ฉะนั้นฝึกให้ชินเอาไว้แต่เนิ่นๆซะจะดีกว่า

แม้จะพร่ำดิบดีเอาไว้แบบนั้นในตอนที่ฝึกสอนลูกศิษย์ แต่เหล่านักผจญภัยระดับ S ทั้ง 3 คนที่นำโดยลีโอเน่นั่นกลับกำลังร้อนรนแตกตื่นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยทีเดียว

ทุกคนต่างก็หน้าซีดเผือด มุ่งหน้าตรงดิ่งไปยังป่าทิศตะวันตกด้วยความเร็วที่เหนือล้ำสูงกว่าตอนที่รับมือกับพ๊อยซั่นสไลม์ฮีโดร่านั่นซะอีก

ป่าทิศตะวันตกตั้งอยู่ในจุดที่ใกล้กับเมืองพอสมควร

แต่หากประเมินถึงความเร็วการเคลื่อนไหวของเหล่านักผจญภัยระดับต่ำที่มาร้องขอความช่วยเหลือแล้ว ก็สามารถยืนยันฟันธงได้เลยว่าเวลาน่าจะผ่านมาพอประมาณแล้วหลังจากที่ครอสเจอกับริสก์ 4 เข้า ต่อให้ทุ่มสุดกำลังไปกับการวิ่งหนี แต่โอกาสที่ครอสจะรอดปลอดภัยดีมันก็มีน้อยมาก

ในระหว่างที่มุ่งหน้าตรงไปยังป่าเต็มกำลัง ก็มีลีโอเน่นี่แหละที่แสดงสีหน้าร้อนรนตะลีตะลานมากเป็นพิเศษ

 

(บัดซบ! ถ้าอยู่ในป่ากับนังเด็กที่ชื่อจิเซลนั่น ก็แสดงว่าโดนล่อเข้ามาเพื่อสะสางความแค้นงั้นสินะ……!?)

 

ในตอนที่สอบชิงสิทธิ ลีโอเน่ก็คาดการณ์เอาไว้แล้วว่าเจ้าลิงจ่าฝูงของสถานกำพร้านั่นมันต้องคิดวางแผนล้างแค้นเอาคืนอยู่แน่ๆ แต่เพราะเห็นว่าน่าจะเป็นบททดสอบดีๆให้กับครอสได้ก็เลยเพิกเฉยทิ้งเอาไว้แบบนั้น ไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่ามันจะลากยาวกลายมาเป็นเรื่องงามหน้าใหญ่โตระดับนี้ได้

แม้การคาดเดาสถานการณ์นี้ล่วงหน้ามันจะใกล้เคียงกับคำว่าเป็นไปไม่ได้เลยก็ตามที แต่พอทราบว่าแนวทางการฝึกของตนก่อให้เกิดเหตุวิบัติครั้งใหญ่ขึ้นแล้วลีโอเน่ก็ถึงกับเหงือแตกพลั่ก และเมื่อพุ่งเข้ามาเกือบๆถึงขอบเขตของป่าทิศตะวันตกปุ๊บ คุณเธอก็พลันแผดเสียงร้องตะโกนก้องดังออกมาสุดกำลังทันที

 

“ เอาเลยลูด์มิร่า! ใช้เวทลมเป่าทั้งป่าไปพร้อมๆกับริสก์ 4 เลย! ยกทุกสรรพสิ่งที่โดนอัดเข้าให้ลอยค้างขึ้นมาอยู่กลางอากาศซะ เจ้าครอสมันจะได้ไม่ตาย! ”

“ ต่อให้บาดเจ็บเป็นแผลฉกรรจ์นิดๆหน่อยๆก็ไม่ต้องกังวล รักษาให้หายดีเหมือนใหม่ได้ในทันทีเลย ฉะนั้นเอาแบบเน้นไปที่ความเร็ว เวทจะรุนแรงหน่อยก็ไม่เป็นไรไม่ต้องห่วงหรอกน้าา! ”

“ ใจเย็นๆก่อนสินังพวกบ้า! หากการทำอะไรส่งๆเช่นนั้นมันกลายเป็นการดับลมหายใจของครอสขึ้นมาจะทำยังไงเล่า! ”

 

ลูด์มิร่าตะคอกเข้าใส่ทั้งสองที่ดูยังไงก็สูญเสียความเยือกเย็นไปโดยสมบูรณ์ ทว่าตัวเธอเองก็  “แต่ฉันก็ไม่มีสิทธิไปว่าใครอื่นได้อีกเหมือนกันนั่นแหละ…..”  เอามือกุมหัวแตกตื่นไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากันเลย  

 

(เพราะลนลานก็เลยรีบมุ่งตรงมา แต่พอคิดดูดีๆแล้วการจะตามหาตัวครอสด้วยแค่กำลังของพวกเราเท่านั้นมันไม่ใช่อะไรที่ง่ายดายเลย แม้จะกินเวลาพอประมาณแต่ก็น่าจะไปหาตัว <<เรนเจอร์>> หรือ <<ธีฟ>> ฝีมือดีของบัสเคิลเบียร์แล้วลักพาตัว….ไม่สิข่มขู่……เอ้ยจ้างให้ติดตามมาด้วยเสียจะดีมากยิ่งกว่า)

 

แต่คนที่มากฝีมือระดับสามารถตรวจหาเป้าหมายภายในป่าอันกว้างไกลขนาดนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นมันก็คงมีไม่เยอะนักหรอก ไม่มีทางหาตัวเจอได้ในทันทีแน่นอน ยังไงก็ต้องเสียเวลาไปมหาศาลเลยเป็นแน่…..ลูด์มิร่าที่คิดได้เช่นนั้นพลันสับเปลี่ยนแผน หันมาเริ่มใช้ <<ตรวจจับพลังเวทนอกร่าง>> ที่ฝึกปรือไปจนถึงขีดสุดทำการขุดคุ้ยค้นหาเค้าลางของครอส

แต่ในท้ายที่สุดแล้ว <<คลาส>> ของลูด์มิร่าก็เป็นได้แค่สายจอมขมังเวท การจะตามหาครอสภายในป่าแห่งนี้ที่มีขนาดกว้างยิ่งกว่าบัสเคิลเบียร์ถึงเท่าตัวเลยนี่มันจะกินเวลามากเท่าไหร่ก็ไม่รู้…….เป็นในฉับพลันที่ยิ่งรู้สึกแตกตื่นลนลานหนักมากเข้าไปอีกนั่นเอง

 

“ ……….มุ!? ”

 

ไม่จำเป็นต้องใช้ตรวจจับพลังเวทด้วยซ้ำ เพราะสายตาตรวจพบเงาคนที่ปรากฎออกมาจากปากทางเข้าป่าพอดิบพอดี

 

““ อ๊ะ! ””

 

และดูเหมือนว่าลีโอเน่กับเทโลเมียร์ก็จะสังเกตเห็นเงาคนนั่นด้วยในฉับพลันเดียวกัน ทั้งสามจึงบึ่งทะยานสุดแรงเกิด ตรงดิ่งไปยังปากทางเข้าของป่าในทันที

 

 

 

ปากทางเข้าป่า ณ ขอบเขตที่เชื่อมระหว่างทางวิบากกับทางเดินเท้าเข้าด้วยกันนั่น…..มีครอสกับจิเซลกำลังนั่งลงนิ่งอยู่กับที่

สารรูปนี่คือยับเยินไปหมด เหนื่อยล้าอ่อนเปลี้ยเพลียแรงหนักมากยิ่งกว่านาทีหลังจากที่ปราบร็อกลิซาร์ด วอริเออร์ลงได้ซะอีก เห็นได้ชัดเจนว่าถึงขีดจำกัดทางด้านพลังกายแล้วทั้งคู่

หลังจากนั้นมา จิเซลที่ดื้อแพ่งไม่ยอมให้ครอสแตะต้องสัมผัสตัวอีกเลย ก็เอาบัสตาร์ดซอร์ดมาใช้เป็นไม้เท้าลากขาเดินทะลุป่ามาได้โดยไม่ต้องให้ครอสช่วยพยุงซักนิด…..ส่วนครอสก็ถูกจิเซลที่พูดว่า  “นั่นมันคือผลงานแก”  แล้วไม่ยอมรับเครดิตเลยซักนิด บีบบังคับให้ต้องแบก <<หัวกิ้งก่าหิน>> เดินโซซัดโซเซออกมาจากป่า……ทั้งสองต่างก็หมดแรงข้าวต้มเอาตรงปากทางเข้า ได้แต่รอคอยให้มีคนมาช่วยอย่างเดียว

และแล้วก็พลันมีเงา 3 เงาพุ่งกระชั้นชิดด้วยความเร็วมหาศาลเข้ามาใกล้ทั้งสองคนที่เยินไปหมดทั้งตัว

เหล่าสุดแกร่งทั้ง 3 ของโลกพลันวิ่งรี่เข้าไปหาครอส โดยเมินไม่แม้แต่จะชายตามองจิเซลที่ตกอกตกใจลั่นว่า  “อะ อะไรวะ!?”  เลยซักนิด

 

“ ครอส! ไหวรึเปล่าเนี่ยเฮ้ย! น่วมไปทั้งตัวเลยนี่นา! ”

“ จะรักษาให้หายดีเดี๋ยวนี้แหละน้าา…….! ”

“ ……..!? เดี๋ยวก่อนนะ นั่นมันคือวัตถุดิบของร็อกลิซาร์ด วอริเออร์หรือ!? นี่เธอปราบมันลงได้งั้นหรือ!? ”

 

ลีโอเน่วิตกกังวลมากจัดจนลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่สุข เทโลเมียร์โผเข้าโอบร่างของครอสก่อนจะร่ายเวทฟื้นฟูระดับที่ชวนให้รู้สึกสยองอัดเข้าใส่ และลูด์มิร่าที่กระชากเอาตัวครอสหลุดออกมาก็เอ่ยถามเช่นนั้นอย่างตกตะลึง

อลหม่านกันใหญ่หลวงเลยทีเดียว

แต่การมาถึงของทั้งสาม คงจะทำให้เด็กหนุ่มโล่งอกสบายใจได้โดยสมบูรณ์ละมั้ง

 

“ อาจารย์ครับ……ขอบคุณที่มาช่วยนะครับ……ผมไม่ได้เป็นอะไรมากมายหรอก ฉะนั้นช่วย…รักษาจิเซลก่อนทีเถอะครับ…….. ”

 

ครอสที่ทะลุขีดจำกัดของพลังกายและกำลังใจไปตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว พลันกล่าวทิ้งท้ายเช่นนั้น ก่อนที่จะหมดสติไปโดยสมบูรณ์

เจอท่าทางที่เหมือนกับตายแล้วแบบนั้นเข้า เหล่านักผจญภัยสุดแกร่งของโลกก็ถึงกับลนลานสติแตกกันไปเลยทีเดียว

 

“ ดะ ได้ไงอ่าาา!? ก็น่าจะรักษาดีแล้วนี่นาแต่ไหงถึงนิ่งไปเฉยเลยล่าา! ”

“ ลองโพชั่นดูด้วยไหม!? หากไม่มีแผลภายนอกที่เด่นชัดงั้นฉันก็จะส่งยาให้ทางปากเอง…..! ”

“ อีนังเด็กเปรต! เพราะหล่อนคิดล้างแค้นโง่ๆโคตรจะอ้อมค้อมอย่างเรียกพวกรุมในป่าแท้ๆเชียวมันถึงได้เป็นแบบนี้…….! ”

 

เทโลเมียร์กับลูด์มิร่าลนลานพยายามจะทำการรักษาเพิ่มเติม ส่วนลีโอเน่ที่ทำอะไรให้ครอสไม่ได้ก็เอาความผิดของตัวเองเก็บขึ้นหิ้งโดยสมบูรณ์หันมาหาเรื่องด่าจิเซลแทน

 

“ อิ๊!? ”

 

ที่สัมผัสได้นั่นคือแรงกดดัน และความหวาดผวากลัวตายที่เหนือล้ำมากยิ่งกว่าตอนที่เผชิญหน้าต่อกรอยู่กับร็อกลิซาร์ด วอริเออร์ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ถึงจิเซลจะเป็นผู้นำที่คอยจัดระเบียบปกครองอยู่เหนือแก๊งนักเลงหัวไม้ก็เถอะ แต่ต้องมาประสบพบเจอกับอะไรแบบนี้ในทันทีหลังจากที่รอดตายมาได้หวุดหวิดนี่มันก็เกินทานทนเหมือนกัน

 

“ อ๊าา!? อีนังนี่ทำมาเป็นช็อกหมดสติเฉยเลย!? …….เฮ้ยเทโลเมียร์ ดูดเอาชีวิตของนังเด็กเปรตนี่ไปใช้คืนชีพครอสกลับมาไม่ได้เรอะ!? ”

“ แง้ ครอสคุงไม่ยอมลืมตากลับมาเลยอ่าา ทำไงดีตายแน่เลยอ่าา ”

“ เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งท้อ อย่าเอาแต่อัดเวทฟื้นฟูอย่างเดียว ลองใช้ <<โอนถ่ายพลังกาย>> , <<โอนถ่ายกำลังใจ>> , <<โอนถ่ายพลังเวท>> ดูด้วย…… ”

 

 

——–หลังจากนั้น ความอลหม่านครั้งยิ่งใหญ่ก็ดำเนินไปต่อหน้าครอสที่แค่เป็นลมหมดสติไปเฉยๆ ซักระยะนึงเลยทีเดียว

และแล้วด้วยความช่วยเหลือของเหล่านักผจญภัยระดับ S ที่ทวงคืนเอาความเยือกเย็นกลับมาได้ ครอสกับจิเซล ก็สามารถหวนคืนกลับมายังบัสเคิลเบียร์ได้อย่างปลอดภัยดีในที่สุด

 

 

“ ………..อื๋อ? ”

 

พอครอสลืมตาขึ้น ก็พบว่าตนเองกำลังอยู่ในห้องประจำตัวอันกว้างใหญ่ในคฤหาสน์ที่เห็นจนชินตา

แต่ที่ต่างออกไปจากการตื่นนอนในทุกๆที ก็คือคราวนี้มีเหล่าสาวงาม 3 คนกำลังจ้องจดจ่อมองหน้าเขาอยู่จากขอบเตียงด้วยนี่แหละ

 

“ เฮ้ย! ตื่นแล้วแหละ! ”

“ ครอส ค่อยๆพูดก็ได้นะ มีรู้สึกแปลกประหลาดตรงไหนบ้างหรือเปล่า? ”

“ แง้ ดีจังเลยอ่าาครอสคุง~ ”

“ วะ วะวะ หวาาาาาาาาาาา!? ”

 

แม้จะอยู่ด้วยกันมาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว แต่ทุกคนก็เป็นสาวงามล่มเมืองกันหมดเลยไง

ถูกลีโอเน่กับลูด์มิร่าเอาหน้าเข้ามาชิดใกล้จากสองฝั่งซ้ายขวา แถมเทโลเมียร์ยังพุ่งเข้ามากอดราวกับว่าจะเอาตัวกดทับอีกต่างหาก ครอสลืมตาตื่นปุ๊บก็ถึงกับหน้าแดงแผดเสียงร้องลั่นทันที

ซักระยะหลังจากนั้น ครอสที่เริ่มทำใจให้สงบได้เพราะลีโอเน่ช่วยกระชากตัวเทโลเมียร์ออกให้ ก็รับรู้ได้ในที่สุดว่าตัวเองรอดพ้นกลับออกมาจากป่าได้อย่างปลอดภัย และแล้ว

 

“ อ๊ะ จิเซล……จิเซลเป็นอะไรรึเปล่าครับ!? ”

 

คำพูดแรกสุดเลยก็คือการสอบถามอาการของสาวน้อยที่ร่วมฟันฝ่าอุปสรรคมาด้วยกัน

เมื่อเจอคำถามนั่นของครอสแล้ว ทั้งสามก็หันหน้ามาสบตากัน ก่อนจะ

 

“ ……..แกนี่มันจริงๆเลยน้า ตั้งแต่ตอนที่เจอหน้ากันแล้ว เอาแต่ห่วงคนอื่นอยู่นั่นแหละ ”

 

ลีโอเน่ยิ้มออกมาอย่างกึ่งๆเพลีย กึ่งๆดีใจ

และแล้วทั้งสามก็ทำการเล่าบทสรุปของเรื่องทั้งหมดให้ครอสฟังแบบย่อๆ

จิเซลได้เทโลเมียร์ช่วยรักษาให้จนหายดีเป็นปลิดทิ้ง แล้วจึงถูกส่งกลับไปยังสถานกำพร้า (หลังจากโดนทั้งสามสอบถามเรื่องราวความเป็นมาแบบเบ๊~าเบานู๊~มนุ่มอ่อนโยนแล้วอะนะ) เท่าที่ฟังจากทีมปราบปรามและสอบสวนซึ่งถูกส่งเข้าไปในป่าทิศตะวันตกแล้ว เห็นว่าไม่มีมอนสเตอร์อย่างเช่นร็อกลิซาร์ด วอริเออร์ตัวอื่นๆอยู่อีกเลย เหล่าเด็กกำพร้าที่มีส่วนร่วมในแผนชำระแค้นก็เดินทางกลับมาได้อย่างปลอดภัยครบหมดทุกคน

 

“ งั้นเหรอครับ…..ค่อยยังชั่ว…… ”

 

ครอสที่ได้ยินเรื่องราวเช่นนั้นแล้ว พลันรู้สึกโล่งอกขึ้นมาในทันใด

หลังจากนั้นลูด์มิร่ากับเทโลเมียร์ก็ทำการสอบถามอาการของครอสซักพัก แล้วจึงได้ข้อสรุปว่าไม่มีปัญหาต่อสุขภาพใดๆ

พอเห็นว่าครอสหายดีสมบูรณ์ทั้งโดยทางกายและทางใจแล้ว ลูด์มิร่าก็หยิบเอาอะไรบางอย่างออกมาราวกับว่านี่แหละคือ “ประเด็นหลัก” ที่อยากจะพูด

 

“ ครอส ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าต่อกรกับเจ้าสิ่งนี้สินะ ”

 

สิ่งนั้นคือ <<หัวกิ้งก่าหิน>> ที่ครอสแบกเอากลับมาด้วยตามคำสั่งของจิเซล

เป็นหลักฐานอันมั่นคงว่าเด็กหนุ่มเข้าท้าทายกับริสก์ 4 อย่างบ้าระห่ำ แต่ก็น่าเหลือเชื่อตรงที่สามารถโค่นล้มเด็ดหัวมันกลับมาได้อีกต่างหาก

พิจารณาจากคำให้การอันกำกวมของจิเซลแล้ว คาดว่าคงได้พลังของ <<ซินเดอเรลล่าเกรย์>> ช่วยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดจนเบิกทางแหวกฝ่าความตายมาได้นั่นแหละ แต่ประสบการณ์นี้จะต้องนำไปสู่ความหลงตัวเองหรือมั่นในในตัวเองเกินกว่าเหตุอย่างแน่นอน….ทั้งสามที่คิดเช่นนั้นจึงตัดสินใจที่จะอธิบายรายละเอียดของยูนีคสกิลนั่นให้ครอสฟังน่ะเอง

แล้วที่เอา <<หัวกิ้งก่าหิน>> ออกมาก็เพื่อจุดประเด็นลากเข้าหัวข้อสนทนาแบบจริงจัง……แต่ลูด์มิร่ายังไม่ทันได้อ้าปากพูดเข้าเรื่องเลย ครอสที่เห็น <<หัวกิ้งก่าหิน>> เข้าก็ถึงกับหน้าตาแจ่มใสขึ้นมาก่อนแล้ว

 

“ อ๊ะ จริงด้วย! ทุกคนครับช่วยฟังผมหน่อยนะ! ”

 

ว่าแล้ว เด็กหนุ่มก็พูดขึ้นต่อด้วยท่าทางตื่นเต้นสุดขีดราวกับเพิ่งนึกออกได้เมื่อตะกี้ พร้อมกับปั้นรอยยิ้มแก้มปริที่ดูเจิดจ้ามากที่สุดเท่าที่พวกลีโอเน่เคยเห็นออกมา

 

“ ถึงจะต้องขอให้จิเซลร่วมมือช่วยด้วยก็เถอะ…….แต่ผม ชนะมอนสเตอร์ริสก์ 4 ได้ด้วยแหละครับ!! พอเคลื่อนไหวไปตามคำสอนของทุกคนแล้วไม่รู้ทำไมแต่สกิลมันก็เติบโตขึ้นพรวดๆเลย หนำซ้ำยังมีสกิลที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนปรากฎขึ้นมาอีกด้วย…….! ”

 

แล้วหลังจากนั้นครอสก็ทำหน้าตาเหมือนกับหมาน้อยแสนเชื่อง ส่งแววตาที่เป็นประกายเหมือนกับว่าค่าความชอบ ค่าความนับถือ ค่าความซาบซึ้ง และค่าความสนิทสนมกลมเกลียวทะลุหลอดไปแล้วตรงมาให้ทั้งสาม

 

“ พวกอาจารย์สุดยอดไปเลยจริงๆนั่นแหละครับ! ที่คนกระจอกอย่างผมสามารถเอาชนะริสก์ 4 ได้แบบนี้…….เป็นเพราะได้ทุกๆคนช่วยเอาไว้โดยแท้เลยครับ! นักผจญภัยระดับหนึ่งของโลกนี่นอกจากจะเก่งแล้ว ยังเป็นครูฝึกวิชามือหนึ่งอีกด้วยสินะครับเนี่ย!! ”

 

แววตาที่ล้นเต็มเปี่ยมไปด้วยค่าความชอบไม่มีมัวหมองแม้ซักนิดพลันเสียดแทงเข้าไปยังดวงตาของทั้งสามคน

 

“““ ………ขึก ”””

 

และแล้ว ทั้งสามที่คิดจะแจ้งถึงตัวตนของยูนีคสกิลให้ครอสทราบ พร้อมกับปรามอย่างจริงจังว่า “อย่าจองหองหลงตัวเองขึ้นมาเชียวนะ” อยู่จนถึงเมื่อครู่นี้ก็——

 

“ ………..กะ ก็นะ! ”

“ ………..อืม มุ่งหน้าฝึกปรือตนเองต่อไปให้ได้เช่นนี้เรื่อยๆนะ ”

“ ………..เอะเฮะเฮ้~ จะชมให้มากกว่านี้ก็ได้น้าา ”

 

เปลี่ยนแนวทางโดยฉับพลัน

แม้ความรู้สึกที่เห็นจำเป็นว่าต้องอธิบายเกี่ยวกับ <<ซินเดอเรลล่าเกรย์>> ให้ฟังนั้นจะยังไม่ได้เลือนหายไปโดยสมบูรณ์ แต่ก็

 

(((…………………………….น่ารักขนาดนี้ช่างหัวมันแล้วกัน)))

 

เจ้าตัวก็ดันคิดว่าทุกอย่างเป็นเพราะอาจารย์ ไม่มีหลงตัวเองเลยซักนิดด้วยนี่นะ…..

สุดท้ายก็จบแค่ย้ำเตือนอย่างหนักว่า “อย่าฝืนตัวเองมากนัก” แค่นั้น และแล้วหลังจากนั้น ศิษย์รักที่สร้างวีรกรรมโค่นยักษ์ใหญ่แบบผิดสามัญสำนึกลงได้ ก็ไม่วายถูกเหล่าอาจารย์รุมประคบประหงมตามใจอย่างเต็มที่เหมือนเคย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ยกาลครั้งนึงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไหร่ ได้มีวีรสตรี 3 คนที่ถูกกล่าวขานล่ำลือกันว่าเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในโลกอยู่ครับ ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับเหนือมนุษย์เลยเชียว คนนึงสามารถต่อยขุนเขาให้แหลกกระจุยได้ด้วยหมัดเปล่า คนนึงสามารถเป่าร่างของพลทหารนับหมื่นนายให้ลอยปลิวหายไปได้ด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงพิลึกพิลั่นที่เอาเวทฟื้นฟูกับเวทสนับสนุนมาใช้ฆ่าคนได้ เลยกลายเป็นตัวตนที่ถูกหวาดกลัวไปตามระเบียบ แค่เพียงคนเดียวก็โหดพอจะทำให้ประเทศหนึ่งถึงการล่มสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว ยิ่งถ้าเหล่าวีรสตรี 3 คนนั้นมาสุมหัวรวมตัวไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วนี่คงอาจต้องเรียกว่าเป็นภัยพิบัติเดินได้ การหวนคืนชีพของเทพมาร หรือในบางพื้นที่ก็อาจจะระบุตัวตนของพวกเธอเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันเลยก็เป็นได้…..หากอาศัยใช้งานความแข็งแกร่งนั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อมิอะไรก็คงบันดาลให้เป็นดั่งที่ใจพวกเธอต้องการได้เกือบทั้งหมดเลยกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งที่แม้แต่สามคนนั้นเอง ก็ยังไม่อาจได้มาครอบครองอยู่ครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset