เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย – ตอนที่ 37 การแข่งปราบปราม (1)

“ กลับมาได้ซะทีเรอะ เฮ้ยครอส จะว่าไปแล้วนี่แก กำลังลำบากเรื่องเงินอยู่เรอะ? ”

 

หลังจากแยกกับคุณเอลิเซียแล้วกลับมายังห้องเล็คเชอร์ จิเซลที่ทำท่าทางเหมือนกับว่าดักรอคอยอยู่ก็พลันถามผมมาว่าแบบนั้น

 

“ เอ๊ะ!? ทะ ทำไมถึงรู้ได้ล่ะ……..? ”

 

พอผมตกใจถามกลับไปปุ๊บ

 

“ ที่แกพยายามจะเข้ารับเควสต์ถาวรของป่าทิศตะวันตกนั่น เป็นเพราะอยากจะได้เงินมาหมุนเร็วๆในรวดเดียวใช่มั้ยล่ะ? ได้ยินมาจากไอ้เจ้าพวกเนี้ยแล้ว ”

 

จิเซลก็ใช้นิ้วชี้ไปยังเหล่ากลุ่มเด็กกำพร้าที่เชื้อเชิญผมให้มาเข้าร่วมปาร์ตี้

อ๊ะ จริงด้วยสิ

จะว่าไปแล้วเรื่องที่กำลังขัดสนด้านการเงินนี่ ผมเล่าให้พวกเค้าฟัง (โดยอุบเงียบรายละเอียดหลายๆจุด) ไปในระหว่างที่กำลังมุ่งหน้าไปยังป่าทิศตะวันตกนี่นะ

นึกว่าจิเซลได้ยินที่ผมคุยอยู่กับคุณเอลิเซียซะอีก ทำเอาลนนิดๆเลยแฮะ

พอผมแตกตื่นลนลานไปเองแบบนั้น จิเซลก็ลดระดับเสียงลงพูดให้มีเพียงผมเท่านั้นที่ได้ยินว่า “แต่ว่านะเว้ย”

 

“ มันก็น่าแปลกไม่ใช่เหรอวะ แกถูกไอ้พวกสัตว์ประหลาดนั่นเลี้ยงดูอยู่แท้ๆแต่ไหงถึงขัดสนเดือดร้อนเรื่องเงินเฉยเลยเล่า เป็นไปได้ด้วยเรอะ ”

“ อ๋อ อือ ถ้าเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับพัฒนาร่างกายอย่างอาหารเนี่ยพวกเค้าก็ช่วยตระเตรียมให้อยู่หรอกนะ แต่ที่นอกเหนือจากนั้นแล้วเค้าจะตีเส้นกั้นพยายามไม่เข้ามาก้าวก่ายน่ะ ”

 

โดยเฉพาะเครื่องสวมใส่พวกนี้นี่ ตามหลักแล้วจะถือแนวทางว่าให้ใช้เงินที่ผมหามาได้ = ความสามารถและผลงานในฐานะนักผจญภัย ซื้อเก็บเอาเองตามฐานปัญญาที่มี ดาบสั้นที่ผมพกติดตัวอยู่ในตอนนี้ก็เลยยังเป็นของที่ขอยืมมาจากกิลด์อยู่เลยเนี่ย

ถ้าทำพังก็จะถูกคิดเป็นหนี้ทั้งๆอย่างนั้นเลย ฉะนั้นต่อให้ไม่คำนึงถึงเรื่องคุณเอลิเซีย ผมก็ยังจำเป็นต้องหาเงินซักก้อนมาให้ได้อย่างเร่งด่วนอยู่ดี ถึงจะเป็นของที่กิลด์แจกจ่ายมาให้ แต่ราคามันก็แรงเอาเรื่องเลยเหมือนกันนี่นะ……..

 

“ หื~ม หรือก็คือแกกำลังกลุ้มเรื่องเงินอยู่จริงๆว่างั้นเหอะ ”

 

จิเซลที่รับฟังเรื่องของผมพลันเบือนหน้าไปยังทิศทางอื่นด้วยท่าทางที่ดูเหมือนยุกยิกอยู่ไม่สุขชอบกล

 

“ ……….ถ้างั้นก็มีข้อเสนอดีๆจะให้ แกน่ะ มาเข้ารับเควสต์ด้วยกันกับพวกฉันนี่สิ ”

“ ฮึก!? ได้เหรอ!? ”

 

ผมที่ถึงกับแทบกระโดดตัวลอยรีบพุ่งตัวเอาหน้ากระชั้นชิดเข้าไปใกล้จิเซลโดยพลัน

 

“ กะ ใกล้ไปแล้วเว้ยไอ้เบื๊อก! ”

 

เท่านั้นแหละจิเซลรีบถอยผละเว้นระยะห่างออกจากผมระดับที่ดูโอเวอร์เกินเหตุเลย ก่อนจะแผดเสียงลั่นออกมาว่า

 

“ กะ ก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องเขม่นกันอีกต่อไปแล้วนี่นะ! แล้วก็เผอิญไปเห็นว่ามีเควสต์ที่ได้กำไรเหนาะๆถูกแปะอยู่พอดี เลยกะว่าจะชวนเพื่อเป็นการไถ่โทษที่รุมทำร้ายแกเท่านั้นแหละ! ”

 

พอรัวคำพูดออกมาซะเหมือนว่าเป็นข้ออ้างแล้ว จิเซลก็ยันใบคำร้องแผ่นหนึ่งที่ดูเหมือนจะดึงมาจากกระดานข่าวตรงเข้ามาให้

งั้นเหรอ เป็นแบบนั้นเองสินะ

เพราะไม่มีเหตุให้ต้องทะเลาะเบาะแว้งกันแล้ว คราวนี้พวกเราจึงสามารถรวมปาร์ตี้เข้าไปรับเควสต์ด้วยกันได้จริงๆแล้วงั้นสินะ

ผมรู้สึกดีใจอีกครั้งกับความเป็นจริงเรื่องนั้น ก่อนจะไล่สายตาไปยังแผ่นคำร้องที่จิเซลเอามาให้  

 

“ นี่มัน…….งั้นเหรอ จะว่าไปนี่ก็ถึงช่วงจัดการแข่งปราบสไลม์ปุกปุยแล้วนี่เนอะ ”

 

นั่นก็คือเควสต์ปราบปรามสไลม์ปุกปุย อันเป็นมอนสเตอร์ขนาดเล็กที่จะถือกำเนิดขึ้นมาเป็นจำนวนมากมายมหาศาลในช่วงเวลาเดียวกันของทุกปี และจะถาโถมตรงเข้ามายังเมืองซ้ำแล้วซ้ำอีกตลอดช่วงหลายสัปดาห์

ในแง่นึงแล้วก็ถือว่าเป็นเควสต์ที่เหมือนอีเวนต์ประจำฤดูกาลของเมืองนี้เลย พอเข้าช่วงนี้แล้วกิลด์ก็จะทำการเปิดรับสมัครปาร์ตี้นักผจญภัยเป็นจำนวนมากอยู่ทุกๆปีน่ะ

เงินรางวัลนั้นใช้ระบบแปรผันตามผลงานโดยสมบูรณ์ กล่าวคือหากปราบสไลม์ปุกปุยได้หนึ่งตัวก็จะได้เงินเพิ่มในปริมาณที่เท่ากับหนึ่งตัวน่ะนะ

สถานที่ล่าก็ไม่ใช่ในป่าหรืออะไรพวกนั้น แต่จะให้สู้ตีโต้กลับกลางทุ่งหญ้าที่อยู่ค่อนข้างใกล้กับเมืองเลย ฉะนั้นต่อให้ได้รับบาดเจ็บแต่ก็จะสามารถถอยลี้ภัยได้ในทันที นับว่าเป็นเควสต์ที่สบายแถมยังความเสี่ยงต่ำแต่ได้ผลตอบแทนสูงอีกต่างหาก

จริงของเค้า หากเป็นเควสต์นี้ละก็ถ้าปราบทำตัวเลขได้เยอะๆ ก็จะสามารถทำเงินเป็นกอบเป็นกำได้รวดเดียวในเวลาสั้นๆเลย

ผมมุ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับใบคำร้องราวกับจ้องกะจะกินเข้าไปทั้งๆแบบนั้นเลย…….แต่พอมองลงมาถึงช่องรายละเอียดการสมัครปุ๊บ ผมก็พลันเอียงหัวพร้อมกับหลุดออกมาว่า “อ้าว”

เพราะมีเขียนว่า [เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัย จึงขอให้ในปาร์ตี้สิบคน ต้องมีอาชีพระยะประชิดระดับกลางอยู่ด้วยหนึ่งคนขึ้นไป] อยู่ตรงนั้นด้วยตัวอักษรเป้งๆเลยนั่นเอง

 

“ นี่จิเซล ตรงช่องรายละเอียดการสมัครเขียนว่าจำเป็นต้องมีอาชีพระดับกลางด้วยนี่นา……จะไปขอให้พวกรุ่นพี่ของสถานกำพร้าหรือคนที่เค้าเรียนจบไปแล้วมาช่วยเหรอ? ”

 

ผมที่ทำใจเชื่อไม่ลงว่าจิเซลจะพลาดไม่ทันสังเกตอะไรที่เป็นพื้นฐานแบบนี้จริงๆ พลันเอ่ยถามออกมา

เท่านั้นแหละจิเซลก็เกาหัวแกรกๆพร้อมเอ่ย “อ๊า? อ่อ……จะว่าไปก็ยังไม่ได้บอกแกเลยนี่นะ” พร้อมกับ

 

“ พอดีฉันเลเวลอัพในรวดเดียวจากการต่อสู้กับไอ้เจ้าริสก์ 4 ก่อนหน้านี้ไง เพราะโบนัสในตอนนั้นสกิลระดับล่างที่ขึ้นมาเป็น Lv10 มันก็เลยยกระดับกลายเป็นสกิลระดับกลางอะนะ ถือว่าเคลียร์เงื่อนไขคลาสอัพไปด้วยในตัว เอ้าเนี่ยไง ตัวฉันในตอนนี้พ้นจาก <<นักรบทำลายล้าง (ฝึกหัด)>> กลายมาเป็นอาชีพระดับกลาง <<นักรบทำลายล้าง>> เลเวล 20 ละ ”

“ เอ๊ะ!? สะ สุดยอดเลย! ตั้งแต่ที่ได้รับ <<คลาส>> จากพิธีประทานมานี่ยังผ่านไปได้ไม่ถึงสองเดือน แต่ขึ้นมาเป็นอาชีพระดับกลางได้แล้วเหรอ!? ตามปกติแล้วต่อให้อย่างเร็วก็ต้องใช้เวลาราวๆซัก 2 ปีเลยแท้ๆนะ! ”

 

พอได้เห็นสเตตัสเพลทที่ิจิเซลส่งมาให้ ดวงตาก็ถึงกับเบิกโพลง

การพัฒนายกระดับจากอาชีพระดับต่ำไปเป็นอาชีพระดับกลาง

นั่นล่ะคือการเปลี่ยนแปลงที่จะนำพามาซึ่งการเติบโตในระดับที่แค่การเลเวลอัพแบบปกติเทียบชั้นด้วยไม่ได้เลย

ยกประสิทธิภาพการอัพความชำนาญของสกิลระดับต่ำบ้างล่ะ สเตตัสบางจุดจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเลยมั่งล่ะ…….ข้อได้เปรียบดังกล่าวพวกนี้เองที่จะทำให้สำแดงความแข็งแกร่งที่เหนือล้ำมากยิ่งกว่า <<คลาส>> ระดับต่ำไปได้อีกขั้น

คือการยกระดับแบบก้าวกระโดดที่ <<ไร้อาชีพ>> ซึ่งไม่อาจเติบโตขึ้นมาจากเลเวล 0 อย่างผมไม่มีวันจะได้สัมผัส

พอเห็นจิเซลที่ผ่านการพัฒนาแบบนั้นได้ในช่วงเวลาไม่ถึงสองเดือนหลังจากได้รับ <<คลาส>> ผมก็ถึงกับรู้สึกนับถือเค้าจากใจจริงขึ้นมาเลยหรอก แต่ตัวจิเซลเองกลับดูมีท่าทางไม่ค่อยพอใจยังไงชอบกลแฮะ

 

“ ชิ ไม่ได้สุดย่งสุดยอดห่าเหวอะไรหรอกเว้ย ก็ไม่ได้เลเวลอัพด้วยความสามารถตัวเอง แต่เพราะแอบฉกค่าประสบการณ์ที่เหลือมาในตอนที่ <<ไร้อาชีพ>> อย่างแกปราบริสก์ 4 ลงได้นั่นต่างหากนี่นะ ”

 

ถึงจิเซลจะว่าแบบนั้น แต่เราก็รู้กันเป็นสามัญสำนึกอยู่แล้วว่าหากฉกประสบการณ์ของเหลือ ร่างกายจะไม่อาจซึมซับแกนเวทมนตร์ได้เต็มที่ ส่งผลให้ไม่อาจเลเวลอัพได้ดีเท่าไหร่ ฉะนั้นการที่เลเวลพุ่งขึ้นในรวดเดียวเช่นนี้ จึงเป็นหลักฐานที่ชัดเจนแจ่มแจ้งยิ่งกว่าอะไรเลยว่าจิเซลมีส่วนร่วมช่วยเหลือผมในการต่อสู้กับริสก์ 4 อย่างแท้จริง

แต่เอ้อ ต่อให้พูดแบบนั้นกับจิเซลในตอนนี้เค้าก็คงจะไม่ยอมรับอยู่ดีนั่นแหละมั้ง

ฉะนั้นพอผมนิ่งฟังคำกล่าวของจิเซลไปเงียบๆแล้ว จิเซลก็พลันกระแอมไอราวกับจะลากหัวข้อสนทนากลับเข้าประเด็นหลัก

 

“ เอ้อ ก็ตามนั้นแหละเว้ย ฉันน่ะกลายมาเป็นอาชีพระดับกลางแล้ว ฉะนั้นไม่มีปัญหาอะไรในการจะรับเควสต์นี้เลยซักนิดเดียว ฉันเองก็แข็งแกร่งขึ้นมากว่าแต่ก่อนเยอะเลยด้วย ให้คำมั่นสัญญากับแกเลยว่าจะไม่เป็นตัวถ่วงแน่นอน เพราะงั้นแหละ คือว่านะ ”

 

เป็นตรงนี้เองที่จู่ๆจิเซลก็พลันแสดงสีหน้ากังวลใจขึ้นมานิดๆ ก่อนจะกระซิบออกมาด้วยเสียงอันเบา

 

“ แกจะช่วย รับด้วยกันกับพวกเราได้สินะ? เควสต์นี้น่ะ…… ”

“ อือ แน่นอนสิ! ”

 

ถ้าจิเซลกลายมาเป็นอาชีพระดับกลางแล้วก็ไม่มีปัญหาใดๆเลยแม้แต่นิดเดียว

ผมตอบรับต่อข้อเสนออันแสนยอดเยี่ยมในทันทีไม่มีลังเล  

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ยกาลครั้งนึงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไหร่ ได้มีวีรสตรี 3 คนที่ถูกกล่าวขานล่ำลือกันว่าเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในโลกอยู่ครับ ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับเหนือมนุษย์เลยเชียว คนนึงสามารถต่อยขุนเขาให้แหลกกระจุยได้ด้วยหมัดเปล่า คนนึงสามารถเป่าร่างของพลทหารนับหมื่นนายให้ลอยปลิวหายไปได้ด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงพิลึกพิลั่นที่เอาเวทฟื้นฟูกับเวทสนับสนุนมาใช้ฆ่าคนได้ เลยกลายเป็นตัวตนที่ถูกหวาดกลัวไปตามระเบียบ แค่เพียงคนเดียวก็โหดพอจะทำให้ประเทศหนึ่งถึงการล่มสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว ยิ่งถ้าเหล่าวีรสตรี 3 คนนั้นมาสุมหัวรวมตัวไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วนี่คงอาจต้องเรียกว่าเป็นภัยพิบัติเดินได้ การหวนคืนชีพของเทพมาร หรือในบางพื้นที่ก็อาจจะระบุตัวตนของพวกเธอเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันเลยก็เป็นได้…..หากอาศัยใช้งานความแข็งแกร่งนั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อมิอะไรก็คงบันดาลให้เป็นดั่งที่ใจพวกเธอต้องการได้เกือบทั้งหมดเลยกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งที่แม้แต่สามคนนั้นเอง ก็ยังไม่อาจได้มาครอบครองอยู่ครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset