เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย – ตอนที่ 40 การแข่งปราบปราม (4)

“ เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นเราก็มาเริ่มต้นฝึกยกระดับสกิลเวทมนตร์กันทันทีเลยเถอะ ”

 

คุณลูด์มิร่ากล่าวเช่นนั้นพลางปั้นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ท่ามกลางสวนที่คุณลีโอเน่วิ่งแจ้นจากไปแล้ว  

เอลฟ์ซึ่งถูกกล่าวขานกันว่ามีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับอาชีพเวทมนตร์มากที่สุดในหมู่เหล่ามานพ  

และคุณลูด์มิร่าที่นอกจากจะเป็นไฮเอลฟ์ซึ่งถือเป็นเผ่าพันธุ์ระดับสูงของเอลฟ์อีกทีนึงแล้ว ยังขึ้นมาครอบครอง <<คลาส>> ระดับตำนานอย่าง <<อาร์ควิซาร์ด ดิแซสเตอร์>> ด้วยอีกต่างหากคนนั้น ก็พลันบอกกล่าวชี้แจงแนวทางการฝึกออกมาประหนึ่งเป็นคาบเรียน

 

“ ดังที่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้า สกิลเวทมนตร์นั้นหากเน้นฝึกเพียงธาตุใดธาตุหนึ่งเพียงธาตุเดียวแล้วจะเติบโตได้ง่ายกว่า และเธอเองก็มีเวทลมอยู่กับตัวแล้ว ฉะนั้นมาฝึกฝน พัฒนาต่อยอดจากฐานตรงนั้นกันเลยก็แล้วกัน ”

“ ขอฝากตัวด้วยครับ! ”

 

ผมตอบรับกลับไปด้วยเสียงอันดังเพื่อเป็นการปลอบขวัญให้กำลังใจตนเอง

เพราะตอนฝึกใช้เวทลมนั่นโดนจับถอดเปลื้องเสื้อผ้าเอยอะไรเอย คิดแล้วก็รู้สึกอายทุกทีเลยไง จึงมีหวั่นๆใจอยู่นิดหน่อยน่ะนะ

และในจังหวะที่กำลังเฝ้าระวังรอดูอยู่ว่าการฝึกวิชาต่อจากนี้ไปจะมีรูปแบบเป็นยังไงนั่นเอง

 

“ เอาล่ะ พื้นฐานของการฝึกวิชาก็คือการทำในสิ่งเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปเรื่อยๆ ฉะนั้นต่อจากนี้ไปจะให้เธอมุ่งเน้นอยู่กับการยิง <<วินด์ชู๊ต>> อย่างต่อเนื่องภายใต้การชี้นำของฉัน……..แต่ไหนๆแล้ว ถ้ามีเป้าให้ยิงใส่ด้วยแล้วแบบนั้นมันก็น่าจะสนุกมากยิ่งขึ้นกระมัง ”

“ เป้า? ”

 

เห็นคุณลูด์มิร่ากล่าวเช่นนั้นออกมาพลางเอามือเท้าคางแล้ว ความฉงนมันก็พลันก่อตัวขึ้นมาอยู่ในหัวผม

คุณลูด์มิร่าเพียงพยักหน้า “อืม” ให้กับคำถามของผมโดยไม่ยอมชี้แจงบอกรายละเอียดใดๆ กลับกันแล้วเค้าทำการหยิบเอาคทาขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋า แต่แล้วคทาดังกล่าวนั่นก็พลันขยายตัวเปลี่ยนแปลงกลายเป็นคทาที่สูงมากยิ่งกว่าส่วนสูงของของคุณลูด์มิร่าในชั่วอึดใจเดียว…..และร่างกายของผมที่สะดุ้งโหยงตกใจอยู่ก็พลันลอยฟิ้วขึ้นมาจากพื้น

 

“ เอ๊ะ? ”

 

คุณลูด์มิร่าเค้าใช้กำลังระดับที่เชื่อไม่ลงเลยว่าเป็นอาชีพเวทมนตร์ยกตัวผมขึ้นมากอด แล้วจึงจับให้นั่งลงเหนือ คทาที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ

 

“ เหวอ!? นี่มันหรือว่าจะเป็น เวทลอยตัวธาตุลม!? ”

 

พอผมอึ้งตะลึงงันกับสัมผัสอันแปลกประหลาดซะจนลืมว่ากำลังอยู่ในสภาพถูกคุณลูด์มิร่าโอบรอบตัวอยู่โดยสนิทนั่นเอง

 

“ อ๊าาา! ขี้โกงง่าา~! ลูด์มิร่าจัง! ความชำนาญสกิลระดับลูด์มิร่าจัง สามารถปรับแต่งควบคุมการเคลื่อนไหวของสายลมไม่ให้ครอสคุงโดนผลักหล่นลงไปได้สบายๆอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นจะต้องกอดรัดตัวติดแนบชิดขนาดนั้นเลยน้าาา!? ”

 

ที่ไม่รู้ทำไมจู่ๆคุณเทโลเมียร์เค้าก็โมโหปรอทแตก ไต่ขึ้นมาบนคทาที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยลมและลอยอยู่กลางอากาศ

เป็นในพริบตานั้นเลย

 

“ เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นแล้วก็เคลื่อนย้ายไปยังจุดที่มีเป้าอยู่กันเลยเถอะ ”

“ เอ๊ะ เคลื่อนย้ายนี่หรือว่าจะ—–วะ ว๊าาาาากกกกกกกกกก!? ”

“ เดี๋ยวนะ ลูด์มิร่าจัง ฉันยังไต่ขึ้นมาไม่เสร็จเล—— ”

 

เสียงกรีดร้องของผมพลันถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง และคุณเทโลเมียร์ก็เกือบๆจะโดนสลัดร่วงลงไปจากคทาแล้ว

คทาที่อยู่ใต้การควบคุมของคุณลูด์มิร่า มันแล่นทะยานผ่านท้องฟ้ายามเย็นของบัสเคิลเบียร์ด้วยความเร็วระดับนั้นแหละ

 

 

 

เป็นความเร็วที่สูงล้นท่วมท้นสุดๆของแท้เลย

การเหินทะยานความเร็วสูงด้วยเวทลมนี่ เป็นบริการที่ <<จอมขมังเวทสายลมระดับสูง>> เปิดให้กับพวกคนมีเงินใช้งานเป็นช่องทางคมนาคมแบบสะดวกๆอยู่บ่อยเลย ในบัสเคิลเบียร์ก็มีโอกาสเห็นคนเดินทางไปมาด้วยบริการนี้อยู่บ่อยครั้ง

แต่ตลอดจนถึงตอนนี้ ผมไม่เคยเห็นคนที่แล่นไปเหนือท้องฟ้าได้ด้วยความเร็วระดับที่ตาเปล่ามองตามไม่ทันขนาดนี้มาก่อนเลย

ประสบการณ์บินเหนือท้องฟ้าไปด้วยกันนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เป็นครั้งแรกแบบไม่รู้จะแรกยังไงแล้ว

ช่วงแรกๆก็กลัวจนตัวแข็งทื่อไปเลยอยู่หรอก แต่แล้วภาพอันแสนตื่นตาจากมุมสูงกับวิวทิวทัศน์ที่แล่นผ่านไปอย่างรวดเร็วก็ทำให้ผมหลงมนตร์เสน่ห์ความงามในทันใด

เพราะทักษะควบคุมพลังเวทของคุณลูด์มิร่ามีเลเวลสูงละมั้ง จึงเดินทางได้อย่างรื่นรมย์ไม่ถูกสายลมอัดเข้ากลางหน้าเลยแม้ซักนิดเดียว

 

“ สุดยอด…….ถ้าเร็วแบบนี้ต่อให้เป็นที่ไหนก็สามารถไปถึงได้ทันทีเลยสินะครับเนี่ย……..อ๊ะ จะว่าไปแล้วตอนนี้พวกเรา กำลังมุ่งหน้าไปที่ไหนกันเหรอครับ? เห็นบอกว่าเป็นจุดที่มีเป้าสินะฮะ ”

 

เป็นตรงนี้เองที่นึกขึ้นได้ว่ายังไม่รู้ที่หมายปลายทางเลย ผมจึงลองเอ่ยถามออกมาอีกครั้งดู

เท่านั้นแหละคุณลูด์มิร่าพลันบอกที่หมายออกมาอย่างไม่ได้ใส่ใจมากมาย พลางโอบรอบไหล่ของผมเอาไว้ดังเดิม

 

“ อืม <<ผืนป่าเบื้องลึก>> น่ะ ”

“ ……ฮึก!? เอ๊ะ!? ”

 

อย่าบอกนะว่า…….พอตกตะลึงอยู่แบบนั้น

 

“ นั่นยังไงล่ะ เริ่มจะมองเห็นแล้ว ”

 

พอหันมองไปยังทิศทางที่กำลังมุ่งไปตามคำพูด——–ก็พบผืนป่าอันกว้างใหญ่ไพศาลไร้ที่สิ้นสุดแผ่กระจายอยู่ตรงนั้น

กว้างใหญ่แบบไม่มีจุดสิ้นสุดจริงๆเลยล่ะ

แม้จะมองลงมาจากท้องฟ้าที่อยู่สูงเหนือพื้นสุดขั้ว แต่ก็ยังไม่อาจทราบถึงขนาดทั้งหมดทั้งมวลได้ มีผืนป่าดำเนินต่อเนื่องยาวไปจนถึงอีกฝั่งของเส้นขอบฟ้าเลย ไพศาลมากซะจนทำใจเชื่อไม่ลงจริงๆ

นั่นก็คือรังของมอนสเตอร์ที่ครั้งนึงในอดีตกาล เคยเป็นป้อมปราการที่อยู่อาศัยของเทพมาร——-จอมมารสุดแกร่งที่หมายมั่นคิดจะทำลายล้างหมู่เหล่ามานพ

<<ผืนป่าเบื้องลึก>> ซึ่งเป็นแหล่งสั่งสมพลังเวทระดับท็อปของโลกนั่นเอง

พื้นที่อันตรายซึ่งแผ่กระจายตั้งอยู่ทางตอนเหนือของบัสเคิลเบียร์นี้ มีมอนสเตอร์อาศัยอยู่เนืองแน่นมากระดับที่ป่าทิศตะวันตกที่ผมได้ย่างเท้าเข้าไปก่อนหน้านี้เทียบขี้เล็บไม่ติดเลยทีเดียว เพราะแบบนี้แหละทางการจึงไม่ยอมให้นักผจญภัยหน้าใหม่อย่างผมเข้าไปใกล้ได้เลยด้วยซ้ำ ว่าตามตรงแล้วก็เพิ่งจะเคยได้เห็นจริงๆกับตาก็วันนี้แหละครั้งแรก

 

“ นี่น่ะเหรอคือ ป่าที่เทพมารอาศัยอยู่ในอดีตกาล…… ”

 

ความน่าเกรงขามและพลังเวทที่หมุนวนอย่างรุนแรงของพื้นที่อันตรายนั่นทำเอาผมถึงกับผงะ ทว่า

 

“ ฮื่ม……เวลาช่วงนี้ยังมีพวกนักผจญภัยหลงเหลืออยู่มากจริงอย่างที่คาดเลย ลองไปทางตะวันออกอีกซักนิดก็แล้วกัน ”

 

คุณลูด์มิร่ากลับโบยบินอยู่เหนือท้องฟ้าต่อไปได้อย่างเยือกเย็น

หลังจากตรวจจับเค้าลางของผู้คนที่อยู่ภายในป่าด้วยสกิลตรวจจับพลังเวทนอกร่างแล้ว เค้าก็เปลี่ยนเส้นทางพุ่งดิ่งถลำเข้าไปในป่าลึกโดยไม่มีลังเล

 

“ ดีล่ะ ถ้าเป็นแถวนี้ละก็ต้องไม่เกิดเหตุโกลาหลขึ้นแน่ ”

 

พอดิ่งไปอย่างนั้นซักพักก็ลดระดับความสูงลง แล้วคุณลูด์มิร่าก็ผายมือลงไปยังแมกไม้เบื้องล่าง ก่อนจะ

 

“ เวทเปลวเพลิงระดับสูง <<เบิร์นเอาท์>> ”

“ อุหวา!? ”

 

เพลิงร้อนระอุแสนรุนแรงพลันโหมกระหน่ำ

ทว่าในพริบตาถัดมา กลุ่มแมกไม้ที่ปกคลุมอยู่ทั่วผืนดินเบื้องล่างก็แปลงสภาพกลายเป็นขี้เถ้าไปในบัดดล ได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมานของสิ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นมอนสเตอร์ดังกังวานขึ้นชั่วขณะ

ขะ ขนาดไม่ได้เอ่ยคำร่ายก็ยังมีอานุภาพระดับนี้เลย……!?

 

“ เวทน้ำระดับสูง <<ไฮวอเตอร์เจนเนอเรท>> ”

 

คุณลูด์มิร่าทำการปลดปล่อยมวลน้ำปริมาณมหาศาลขนาดที่เกือบจะเข้าใจผิดเป็นแม่น้ำไหลหลาก ออกมาจากฝ่ามือต่อ

ถือเป็นการดับไฟที่ยังลุกไหม้หลงเหลือและพัดพาซากแมกไม้ที่กลายเป็นเถ้ากับศพมอนสเตอร์ให้ลอยห่างออกไปได้ในทีเดียว

และสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีด้วยวิธีการสุดระห่ำเช่นนั้น ก็คือลานโล่งทรงกลมที่น่าจะมีขนาดใหญ่มากยิ่งกว่าลานประลองอันดับหนึ่งของบัสเคิลเบียร์ซะอีก

ผมอึ้งตะลึงงันกับอานุภาพของเวทมนตร์ที่ดูประดุจเป็นภัยพิบัตินั่นไปพลาง อ้าปากค้างหุบไม่ลงด้วยเหตุผลอื่นไปด้วย

 

“ เอ่อ……คุณลูด์มิร่าครับ…….? ผมสงสัยมานานแล้วแหละ นี่คุณลูด์มิร่า……..มีธาตุของเวทมนตร์ที่ใช้ได้อยู่กี่ธาตุเลยครับเนี่ย…….!? ”

 

เวทลมที่ใช้อุ้มพาผมมาจนถึงที่นี่ เวทไฟกับน้ำที่ใช้ไปเมื่อกี้

แล้วเมื่อก่อนหน้านี้ คุณลูด์มิร่าเค้าก็ยิงเวทศิลาระดับสูงอัดใส่คุณลีโอเน่อยู่เลย ตอนเหตุวุ่นวายด้วยฝีมือพ๊อยซั่นสไลม์ฮีโดร่านั่นก็เห็นใช้เวทน้ำแข็งซึ่งถือเป็นธาตุพัฒนาด้วยอีกต่างหาก

หรือก็คือคุณลูด์มิร่าเค้าไต่ขึ้นมาถึงอาชีพสูงสุดแห่งสวรรค์ได้ในสภาพที่อย่างน้อยๆก็มีธาตุเวทมนตร์ที่ใช้งานได้อยู่ถึง 5 ธาตุเลยทีเดียว………แต่อะไรแบบนั้นมันอยู่ในขอบเขตที่มานพสามารถทำได้จริงๆน่ะเหรอ…….?

พอผมหวาดหวั่นขวัญผวากับความผิดมนุษย์มนานั่นปุ๊บ

 

“ หึหึ ฉันใช้ได้กี่ธาตุงั้นหรือ เรื่องนั้นจะค่อยๆบอกให้ทราบทีละนิดในระหว่างดำเนินการฝึกวิชาให้เธอไปเรื่อยๆก็แล้วกัน หากเปิดเผยทั้งหมดของกันและกันให้เป็นที่รับรู้ตั้งแต่แรกเริ่มแบบนั้นมันก็น่าเบื่อออกใช่ไหมล่ะ? ”

 

คุณลูด์มิร่ายิ้มให้พลางหรี่ตา ยกเอานิ้วชี้สีขาวนวลอันเรียวขาวขึ้นมาแตะไว้กับริมฝีปากตน

 

“ ………ขึก ”

 

กิริยาแสนงดงามที่ถูกแสดงให้เห็นในระยะประชิดนั่น ทำให้ผมเผลอเหม่อมองตาค้างด้วยใบหน้าอันแดงก่ำเลย ทว่า

 

“ ยังมีฉันอยู่ด้วยอีกคนน้าา ”

“ ฮึก! ”

 

เบื้องล่าง

พอถูกคุณเทโลเมียร์ที่ห้อยตัวต่องแต่งลงมาจากคทาอย่างต่อเนื่องได้ด้วยแรงแขนอันเป็นปริศนา เอามือดึงๆขาเข้าแล้ว ผมก็ถึงกับสะดุ้งตัวลอยขึ้นมาเลยเชียว

 

“ อะ เอ่อ แล้ว ทำไมถึงได้พาผมมายังที่แบบนี้เหรอครับ? แถมยังถึงกับสร้างลานโล่งขึ้นมากลางป่าเลยอีก……. ”

 

หันมองไปรอบๆเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องที่เผลอมองตาค้าง พลางเอ่ยถามเช่นนั้น

 

“ บอกไปแล้วไม่ใช่หรือ ว่าหากจะฝึกใช้เวทมนตร์ ถ้ามีเป้าด้วยเช่นนั้นมันจะสนุกมากยิ่งขึ้นน่ะ ”

 

แย้มยิ้มแล้ว คุณลูด์มิร่าก็หยิบเอาถุงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะหว่านสิ่งที่อยู่ภายในให้กระจายไปทั่วลานโล่ง

เท่านั้นแหละ มอนสเตอร์ที่มากล้นขนาดนับจำนวนไม่ได้ก็พากันแหวกฝ่าแมกไม้โดยรอบมาสุมหัวรวมตัวกันที่ลานโล่งโดยพลัน

แบล็คกริซลี่ มาดาระสเนค กระต่ายเขาเอ็กตร้า……..เป็นฝูงมอนสเตอร์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณตื้นๆของ <<ผืนป่าเบื้องลึก>> ทั้งนั้น

 

“ เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ มันอะไรกันครับเนี่ย!? ”

 

พอผมแผดเสียงร้องขึ้นหลังจากพบเห็นปรากฎการณ์ที่ต่อให้อยู่ใน <<ผืนป่าเบื้องลึก>> แต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เช่นนั้นปุ๊บ คุณลูด์มิร่าก็พลันยกถุงเมื่อครู่ขึ้นชู ก่อนจะเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ

 

“ นี่คือไอเท็มพิเศษที่จะใช้ล่อพวกมอนสเตอร์ริสก์ต่ำให้เข้ามาใกล้ได้ยังไงล่ะ เป็นของที่จะใช้กันในยามที่ต้องการยกระดับเลเวลในรวดเดียว แต่ก็อย่างที่เห็น หากดัดแปลงวิธีใช้เสียหน่อยก็จะกลายเป็นของที่อันตรายพอดูเลยล่ะนะ วิธีการสร้างจึงถูกเก็บไว้เป็นความลับขั้นสุดยอด กล่าวคือเป็นวัตถุอันตรายแสนหายากที่แค่มีในครอบครองก็จะถูกกิลด์ตั้งค่าหัวไล่ล่าแล้วนั่นเอง ”

“ เอ๊ะ………? ”

 

งั้นทำไมคุณลูด์มิร่าถึงใช้ได้แบบหน้าตาเฉยเลยล่ะนั่น…….? ผมถึงกับเงิบพูดอะไรไม่ออก แต่คุณลูด์มิร่าก็ไม่มีแสดงท่าทางเหมือนใส่ใจเลยซักนิด

 

“ เอาล่ะ เตรียมเป้าได้แล้ว ทีนี้ก็…… ”

“ ฮย้าา!? ”

 

จู่ๆก็พลันเกิดสายลมหมุนวนขึ้นรอบๆตัวผม

และในพริบตาถัดมา ตัวผมซึ่งถูกบีบนวดโดยสายลมอยู่ในสภาวะลอยคว้างกลางอากาศ ก็โดนถอดเปลื้องเสื้อผ้าจนเหลือแค่กางเกงในตัวเดียว

เอ๋!? อะ อีกแล้วเหรอ!?

สายลมลูบไล้ไปตามผิวกายอันอ่อนไหวจนถึงกับดีดดิ้นเพราะสัมผัสอันแสนจั๊กจี้ แต่แล้วสัมผัสอันแสนอบอุ่นก็พลันโอบรอบตัวผมเอาไว้จากข้างหลัง

คุณลูด์มิร่าเค้าโอบกอดรอบตัวผมที่อยู่ในสภาพกึ่งๆโป๊ พร้อมกับเอานิ้วของมือทั้งสองข้างประสานกันไว้ด้วยอีกต่างหาก

 

“ ฮึก!? อ๊าวว!? ”

 

โดนสัมผัสที่ทั้งหอมหวนและอ่อนนุ่มเล่นงานจนถึงกับพูดอะไรไม่ออก แต่ในฉับพลันถัดมาผมก็รับรู้สัมผัสได้ถึงพลังเวทอันร้อนรุ่มที่ถูกปล่อยไหลเวียนเข้ามา

 

“ อาบด้วยสายลมไปทั้งกายพร้อมกับได้ฉันสอนสัมผัสในตอนปลดปล่อยเวทมนตร์เข้าเนื้อโดยตรง จากนั้นจึงทำการยิงเวทมนตร์จากท้องฟ้าเบื้องสูงลงมาใส่เจ้าพวกมอนสเตอร์ฝ่ายเดียว……..หึหึหึ วิธีฝึกเวทมนตร์ที่ได้ประสิทธิภาพดีเช่นนี้ก็ใช่ว่าจะหาอื่นเจอได้ง่ายๆนะ ”

 

คุณลูด์มิร่ากระซิบในระยะห่างที่ราวกับจะประทับริมฝีปากลงเหนือหูของผมที่ดีดดิ้นตัวบิดตัวงอ

 

 

“ เอาล่ะครอส ปลดปล่อยเวทมนตร์ไปยังเจ้าพวกมอนสเตอร์ที่มารวมตัวอยู่นั่นกันเถอะ ก่อนอื่นก็ลองเน้นอานุภาพ เพ่งจิตบีบอัดใส่พลังเวทเข้าไปให้มากๆแล้วลองยิงปล่อยออกไปดูเสีย ไหนๆก็มีเป้าที่เคลื่อนไหวได้อยู่นับไม่ถ้วนเลยนี่นะ ลงมือโดยคิดเสียว่าทำการฝึกเล็งยิงใส่จุดอ่อนของศัตรูที่เคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็วพ่วงไปด้วยก็ได้ ”

 

ว่าแล้วคุณลูด์มิร่าก็ใส่แรงเข้าไปในมือที่โอบกอดรอบตัวผมอยู่ ทำการปล่อยพลังเวทให้ไหลเวียนเข้ามาพลางใช้ริมฝีปากไซ้ไปตามบริเวณหูของผม ส่วนผมก็ทำการปลดปล่อยเวทมนตร์ไปพลางตัวสั่นหงึกๆไปทั้งร่าง หน้านี่คือแดงก่ำหยุดไม่ได้ต้องแผดเสียงที่ประดุจว่ากรีดร้องโหยหวนออกมา

 

“ อะ เอ่อ คุณลูด์มิร่าครับ!? นี่ผมก็สงสัยมานานแล้วเหมือนกัน…….ไฮเอลฟ์เนี่ยเป็นคล้ายๆขุนนางราชวงศ์ของเอลฟ์ใช่มั้ยครับ!? เป็นแบบนั้นแท้ๆ แต่แบบนี้….ถึงจะเพื่อสอนวิชาก็เถอะ แต่ทำอะไรแบบนี้กับเผ่าฮิวแมนอย่างผมนี่มันจะไม่เป็นไรจริงๆน่ะเหรอครับ…….!? ”

 

การนวดตอนค่ำนั่นก็เอาเรื่องเหมือนกันแหละ แต่สภาวะแบบในตอนนี้มันก็คือแบบว่า รู้สึกเหมือนไม่น่าจะสมควรเลยเหมือนกันน่ะนะ

แค่ขุนนางกับสามัญชนเผ่าฮิวแมนมารักชอบกันแค่นั้นก็ย่ำแย่มากพอแล้วแท้ๆ นี่ถ้าถูกรู้ว่าเผ่าพันธุ์ระดับสูงของเอลฟ์ที่แสนเย่อหยิ่งและละทิ้งทางโลกมาทำอะไรแบบนี้กับผมเข้า มันจะไม่บานปลายกลายเป็นปัญหาด้านความสัมพันธ์ (?) อะไรพวกนั้นเหรอ…….เนี่ยเพิ่งจะมากังวลเอาป่านนี้

แต่นอกจากคุณลูด์มิร่าจะไม่ยอมผละตัวออกห่างแล้ว เค้ายังกอดผมให้แน่นมากยิ่งขึ้นอีก พร้อม

 

“ ไม่ใช่ปัญหา ”

“ เอ๊ะ? ”

“ ฉันมีฐานะเป็นคนที่หนีเร่ร่อนออกมาจาก <<ผืนป่าใหญ่แห่งพรจากสวรรค์>> น่ะ และถ้าจะให้ว่าแล้ว คนที่ฉันจะทำการสอนวิชาเช่นนี้ให้ก็มีเพียงเธอซึ่งเป็นศิษย์รักเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นล่ะ ”

 

ปะ ประเด็นของเรื่องมันอยู่ตรงนั้นแน่เหรอครับ…….

แม้ผมจะเอียงหัวอย่างสับสน แต่สัมผัสร้อนรุ่มที่ไหลเวียนเข้ามาก็ทำการกระชากสติกลับทำให้คิดมากไปยิ่งกว่านั้นไม่ได้

แถมพอผมกล่าวคำร่ายยิงเวทมนตร์ออกไปได้ทีนึง คุณลูด์มิร่าเค้าก็จะเอาปากจ่อเข้ามาใกล้ๆหูผมแล้ว

 

 

“ ดีมาก แบบนั้นล่ะ ”

 

“ ไม่ต้องห่วง เธอน่ะสามารถฝึกเท่าไหร่ก็ได้ดังที่ใจต้องการเลย ฉะนั้นยิงต่อไปเรื่อยๆไม่ต้องคอยพะวงให้มากความหรอกนะ เผลอๆแล้วถ้าล้มเหลวสิดีกว่า เพราะแบบนั้นฉันก็จะสามารถชี้แจงถึงจุดที่ต้องปรับปรุงได้ง่ายมากขึ้นด้วยยังไงล่ะ ”

 

“ โอ้ เมื่อครู่นี้ยิงโดนหัวของมอนสเตอร์เข้าอย่างจังเลยนี่นา ยอดเยี่ยมไปเลยไม่ใช่หรือ ”

 

“ เธอมีเซนส์ดีจริงๆนั่นล่ะ ”

 

“ สมกับที่เป็นลูกศิษย์ของฉันจริงๆ ”

 

 

โทนเสียงแสนอ่อนหวานที่ชวนให้รู้สึกเหมือนหัวมันจะละลาย กับลมหายใจที่สั่นพ้องเสียวซ่านใบหู

เจอะเข้ากับการฝึกวิชาที่ไม่อนุมัติยินยอมให้คิดอะไรยากๆได้เลยแม้แต่น้อยนิดเช่นนั้นแล้ว ตัวผมก็จนปัญญาไร้ทางเลือกนอกจากต้องยิงเวทมนตร์กระหน่ำพลางร้อง “อ๊าวอ๊าว” ด้วยใบหน้าแดงก่ำไปเรื่อยๆเท่านั้นเอง

 

“ เดี๋ยวเถอะลูด์มิร่าจัง~!? เล่นทิ้งฉันให้ลอยคว้างอยู่กลางอากาศแล้วไปสนุกสนานหวานแหววกับครอสคุงแบบสองต่อสองเฉยเลยเนี่ยนะ จะสันดานเสียเกินไปแล้วรึเปล่าง่าา? ”

 

เพราะได้รับ <<โอนถ่ายพลังเวท>> เป็นช่วงๆจากคุณเทโลเมียร์ที่เร่งเสียงคัดค้านในสภาพที่ห้อยต่องแต่งลงมาจากคทา การฝึกวิชาที่สุดแสนจะน่าอายนั่นจึงดำเนินต่อเนื่องไปได้จนตะวันลับฟ้าเลยทีเดียว

——–เป็นจริงอย่างที่กลัวในตอนแรกเลยไงล่ะ นั่นปะไรการฝึกวิชากับคุณลูด์มิร่ากลายเป็นอะไรที่น่าอับอายพอสมควรไปจนได้……..แต่ผลลัพธ์ก็ดีเลิศสุดๆเลยเหมือนกัน

ผสานร่วมกับส่วนที่พัฒนาในการต่อสู้กับสไลม์ปุกปุย  ทำให้ผมสามารถยกระดับความชำนาญของสกิลได้อย่างมั่นคงอีกครั้งในวันนี้ทั้งวัน

 

 

<<เสริมกำลัง Lv8  (+64)>>  ——->  <<เสริมกำลัง Lv9  (+70)>>

<<เสริมป้องกัน Lv8 (+66)>>  ——->  <<เสริมป้องกัน Lv9 (+77)>>

<<เสริมความว่องไว Lv8  (+67)>>  ——->  <<เสริมความว่องไว Lv9  (+76)>>

<<เสริมพลังเวทโจมตี Lv5  (+40)>>  ——->  <<เสริมพลังเวทโจมตี Lv7  (+56)>>

<<บัฟสมรรถภาพร่างกาย (เล็ก) Lv6>>  ——->  <<บัฟสมรรถภาพร่างกาย (เล็ก) Lv8>>

<<วินด์ชู๊ต Lv5>>  ——->  <<วินด์ชู๊ต Lv8>>

<<ควบคุมพลังเวทนอกร่าง Lv3>>  ——->  <<ควบคุมพลังเวทนอกร่าง Lv4>>

<<ตรวจจับพลังเวทนอกร่าง Lv3>>  ——->  <<ตรวจจับพลังเวทนอกร่าง Lv4>>

 

 

พอคิดว่าการฝึกวิชาตั้งแต่พรุ่งนี้ไปจะเป็นแบบนี้ตลอดแล้ว แก้มมันก็เหมือนจะลุกเป็นไฟเลย…….แต่ถ้าเพื่อแข็งแกร่งขึ้นแล้วก็ไม่มีทางเลือกล่ะนะ…ได้แต่ต้องทำใจพูดให้ตัวเองยอมรับแบบนั้น    

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ยกาลครั้งนึงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไหร่ ได้มีวีรสตรี 3 คนที่ถูกกล่าวขานล่ำลือกันว่าเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในโลกอยู่ครับ ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับเหนือมนุษย์เลยเชียว คนนึงสามารถต่อยขุนเขาให้แหลกกระจุยได้ด้วยหมัดเปล่า คนนึงสามารถเป่าร่างของพลทหารนับหมื่นนายให้ลอยปลิวหายไปได้ด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงพิลึกพิลั่นที่เอาเวทฟื้นฟูกับเวทสนับสนุนมาใช้ฆ่าคนได้ เลยกลายเป็นตัวตนที่ถูกหวาดกลัวไปตามระเบียบ แค่เพียงคนเดียวก็โหดพอจะทำให้ประเทศหนึ่งถึงการล่มสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว ยิ่งถ้าเหล่าวีรสตรี 3 คนนั้นมาสุมหัวรวมตัวไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วนี่คงอาจต้องเรียกว่าเป็นภัยพิบัติเดินได้ การหวนคืนชีพของเทพมาร หรือในบางพื้นที่ก็อาจจะระบุตัวตนของพวกเธอเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันเลยก็เป็นได้…..หากอาศัยใช้งานความแข็งแกร่งนั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อมิอะไรก็คงบันดาลให้เป็นดั่งที่ใจพวกเธอต้องการได้เกือบทั้งหมดเลยกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งที่แม้แต่สามคนนั้นเอง ก็ยังไม่อาจได้มาครอบครองอยู่ครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset